บทที่ 302 ทำไมคุณถึงบาดเจ็บอีกแล้วล่ะ
บทที่ 302 ทำไมคุณถึงบาดเจ็บอีกแล้วล่ะ
ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าโม่แล้ว ถังซวงรีบตอบกลับ “ขอบคุณค่ะคุณปู่”
ผู้เฒ่าโม่โบกมือให้ถังซวงก่อนจะรีบเชิญให้เธอนั่งลง “ซวงเอ๋อร์ หลังจากนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องสุภาพนักหรอก” เขามองโม่เจ๋อหยวนขณะพูด และในแววตาเต็มไปด้วยความจริงจัง
เวลานั้นโม่เจ๋อหยวนเข้าใจสิ่งที่ผู้เฒ่าโม่จะสื่อทันที เขานั่งลงพร้อมกับถังซวงก่อนจะส่งจานผลไม้ตรงหน้าให้ แล้วยังไม่ลืมที่จะรินชาให้เธอด้วย
เมื่อเห็นว่าหลานชายของเขาปฏิบัติตัวอย่างดี ผู้เฒ่าโม่ยกยิ้มอย่างพอใจ
ส่วนหลินเหม่ยเจินดึงถังซวงมาพูดคุยใกล้ ๆ ก่อนจะถามเรื่องโรงเรียน
“ไม่ต้องห่วงค่ะป้าหลิน ที่โรงเรียนไม่มีอะไรน่ากังวล ทั้งอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นดีมากเลยค่ะ”
ได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้นแล้ว หลินเหม่ยเจินโล่งใจทันที “จ้ะ ดีแล้ว”
เมื่อเห็นพี่ใหญ่กับครอบครัวของพี่สะใภ้ดีกับถังซวงมาก เจิ้งหงเม้มริมฝีปากเบา ๆ แต่เธอไม่ได้แสดงออกชัดเจนนัก ถังซวงวันนี้ไม่ใช่ถังซวงในอดีตอีกต่อไป เธอกลายเป็นหลานสาวตระกูลจิงแล้ว อีกทั้งเธอยังได้ยินว่าผู้อาวุโสตระกูลจิงชอบสองสาวมาก สามแม่ลูกนั่นไม่ใช่คนต่ำต้อยอีกต่อไปแล้ว
หลังเห็นว่าเจิ้งหง ภรรยาของเขาเงียบไป โม่ถิงซวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วก่อนจะขยิบตาเพื่อให้เธอพูดอะไรบางอย่าง
เจิ้งหงสังเกตเห็น จึงพูดขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ แม่ของเธอจะทำอะไรต่อหลังจากแต่งงานแล้วล่ะ? ออกไปทำงานหรืออยู่บ้านดูแลครอบครัวจ๊ะ?”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงหันมองเจิ้งหงด้วยรอยยิ้มแล้วตอบกลับว่า “แม่พักผ่อนอยู่ที่บ้านเพื่อเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่อยากทำในอนาคตน่ะค่ะ” ส่วนจะทำอะไร เธอไม่ได้พูดมันออกไป
เจิ้งหงได้ยินอย่างนั้นแล้ว เธอคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างที่ถังซวงพูด
เฮ่อหลานแต่งงานกับจิงเจ้อหรงแล้ว และยังไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหน เธอจึงสามารถพัฒนาฝีมือของตัวเองอยู่ที่บ้าน รู้อย่างนี้เจิ้งหงทำได้เพียงยกยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ
แต่โม่ถิงซวนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเมื่อเห็นว่าการกระทำของภรรยา
ความจริงแล้ว เขาก็เพิ่งได้รับข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้เช่นกันว่าถังซวงไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา ๆ ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถมากกว่าที่คิด และยังได้รับความสนใจจากบุคคลระดับสูงอีกด้วย แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดีหากว่าเธอจะเป็นคนรักของหลานชายคนโต น่าเสียดายที่ภรรยาของเขามีตาหามีแววไม่ แค่พูดคุยกับถังซวงดี ๆ ยังทำไม่ได้เลย
หลังจากนั้นหลินเหม่ยเจินกับโม่เจ๋อหยวนพูดคุยกับถังซวง ส่วนผู้เฒ่าโม่ก็พูดแทรกมาเป็นระยะด้วยเช่นกัน ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน และเวลานี้อาหารก็พร้อมแล้ว
“ซวงเอ๋อร์ ไปที่ห้องทานอาหารเถอะจ้ะ”
“ค่ะคุณปู่โม่”
หลังจากทั้งหมดนั่งลง พวกเขาเริ่มทานอาหาร
อีกด้านหนึ่ง ถังเซวี่ยเองก็กำลังกินข้าวด้วยเช่นกัน หลังจากเธอกินเสร็จแล้วจึงหันไปบอกกล่าวกับเฮ่อหลานว่า “แม่คะ หนูจะออกไปซื้อของนะคะ”
ได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานรีบหันมองลูกสาวคนเล็กอย่างประหลาดใจ “ลูกเพิ่งไปซื้อของมาไม่ใช่หรือ ทำไมถึงจะไปอีกล่ะ?”
“แม่คะ วันนี้หนูนัดกับเสี่ยวชุ่ยว่าจะไปซื้อขนมด้วยกันน่ะ”
หลังจากไปเรียนได้หนึ่งสัปดาห์ ถังเซวี่ยและหม่าเสี่ยวชุ่ยกลายเป็นเพื่อนสนิท พวกเธอจึงนัดกันไปซื้อของอีกครั้งในสัปดาห์นี้
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินอย่างนั้น เธอยิ้มก่อนจะตอบว่า “จ้ะ อย่างนั้นก็ไปเถอะ เพราะเสี่ยวชุ่ยเป็นเพื่อนที่ดี ครั้งต่อไปก็ชวนเธอมาทานข้าวที่บ้านเราด้วยนะจ๊ะ”
ถังเซวี่ยนึกคิดก่อนจะพยักหน้ารับอย่างรีบร้อน “ค่า เดี๋ยววันนี้หนูไปแล้วจะชวนให้เธอมากินข้าวที่บ้านเราสัปดาห์หน้านะ”
“จ้ะ รีบไปได้แล้ว”
ถังเซวี่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะออกไปยังสถานที่นัดพบหม่าเสี่ยวชุ่ย และเธอเห็นว่าหม่าเสี่ยวชุ่ยยืนรออยู่เช่นเคย “เสี่ยวชุ่ย เธอมานานหรือยัง?”
“ไม่นานหรอก ป่ะ เสี่ยวเซวี่ย ไปซื้อของกันเถอะ”
หม่าเสี่ยวชุ่ยมีความสุขมาก เธอมีความสุขทุกครั้งที่มาโรงเรียน เพราะในที่สุดเธอก็มีเพื่อนที่ดี เพื่อนที่จะไม่เหยียดหยามหรือดูถูกเธอ เธอก้าวไปด้านหน้าพร้อมกับจับมือถังเซวี่ยแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ไปกัน”
“อื้ม”
ถังเซวี่ยเองก็มีความสุข ทั้งสองตรงไปยังร้านที่หม่าเสี่ยวชุ่ยแนะนำ ซื้อขนมมากมายจนเต็มมือ
“เสี่ยวเซวี่ย ขนมปังที่ซื้อมาอร่อยมาก ถ้าเธอกินหมดแล้ว คราวหน้าเรามาซื้อกันอีกนะ”
“ได้เลย”
ถังเซวี่ยพยักหน้าก่อนที่จะโบกมือลากันตรงสี่แยก
“เสี่ยวเซวี่ย วันจันทร์นี้เจอกันนะ”
“จ้ะ”
ถังเซวี่ยบอกลาหม่าเสี่ยวชุ่ยก่อนจะเดินกลับบ้านพร้อมขนมถุงใหญ่ แต่พอเธอมาถึงสี่แยก เธอพบใบหน้าคุ้นเคยกำลังนั่งนิ่งอยู่ที่มุมถนน “นั่น… เฟิงเยี่ยหาน?”
เมื่อถังเซวี่ยเดินเข้าไปใกล้เฟิงเยี่ยหาน อีกฝ่ายลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว ถังเซวี่ยตกใจก่อนตบหน้าอกของเขาเบา ๆ แล้วถามว่า “สหายเฟิง ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ? แล้วมานั่งทำอะไรบนพื้น?”
เฟิงเยี่ยหานหันมองหญิงสาวที่ปรากฏตัวต่อหน้าอย่างตกใจ และคิดว่าตนกำลังฝันอยู่หรือเปล่า แต่หลังจากหญิงสาวทุบหน้าอกของเขา เวลานี้เขาจึงมั่นใจแล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน และนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองก่อนจะผลักถังเซวี่ยออกไปแล้วพูดว่า “ไป… ออกไปให้พ้นจากที่นี่ นี่มันอันตรายมาก”
ได้ยินน้ำเสียงอ่อนแอของเฟิงเยี่ยหาน ถังเซวี่ยรู้สึกได้ว่าเขากำลังบาดเจ็บ
“สหายเฟิง ทำไมถึงบาดเจ็บอีกล่ะ?”
ถังเซวี่ยถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะหยิบยาออกมาแล้วมอบให้เขา
เฟิงเยี่ยหานมองถังเซวี่ยด้วยแววตาคาดเดายาก และรับมันมากินโดยไม่ลังเล แต่ยังคงบอกให้ถังเซวี่ยออกไป “อันตราย มีคนกำลังไล่ตามผม คุณรีบหนีไป”
ถังเซวี่ยช่วยพยุงเฟิงเยี่ยหานด้วยร่างเล็ก ๆ นั่น แล้วพูดว่า “ฮึบ ฉันจะพาคุณออกไปจากที่นี่”
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะทันได้ขยับตัว มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากใกล้ ๆ
“อะไรน่ะ?”
หลังจากถังเซวี่ยได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ใบหน้าของเธอเผยความกังวลก่อนจะดึงเฟิงเยี่ยหานวิ่งไปด้านหน้า “สหายเฟิง คุณยังวิ่งไหวไหม?”
หลังจากกินยาที่ถังเซวี่ยให้ เฟิงเยี่ยหานรู้สึกมีแรงขึ้นมา “ได้ ผมวิ่งได้”
“ดี งั้นเราไปกัน”
ทั้งสองวิ่งไปมาอยู่ในตรอก และพยายามสลัดคนด้านหลังทิ้ง แต่คนที่ไล่ตามมาตื๊อมาก และยังคงไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง
ถังเซวี่ยนั้นสบายดี แต่เธอรู้สึกว่าเฟิงเยี่ยหานกำลังจะถึงขีดจำกัดแล้ว เขาเหมือนอย่างอ่อนแรง ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อ จู่ ๆ เธอหยุดฝีเท้าก่อนจะดึงเฟิงเยี่ยหานไปด้านข้างของประตูบานเล็ก เธอเปิดมันแล้วยัดร่างตัวเองเข้าไปด้านใน
ถังเซวี่ยสับสนเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็กลับมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้าและประตูเล็ก ๆ นี่อีกครั้ง เธอลากเฟิงเยี่ยหานเข้ามาในบ้านหลังหนึ่ง “สหายเฟิง เราซ่อนตัวที่นี่ก่อนสักพักแล้วกัน”