บทที่ 306 นักเรียนใหม่ค่อนข้างโหดเหี้ยม
บทที่ 306 นักเรียนใหม่ค่อนข้างโหดเหี้ยม
ตู้จ้งเหว่ยมองตรงไปที่หัวหน้าของคนกลุ่มนั้นและพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก “เฮ้… ฉีเคอ แกนี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ สู้ฉันไม่ได้ก็ไปตามพวกมาเนี่ยนะ ทำไม วันนี้อยากจะเอาอีกสักตั้งหรือไง แต่ถึงชนะฉันแล้วยังไงก็ไม่ได้ชนะเพราะฝีมือตัวเองอยู่ดี”
แขนข้างหนึ่งของฉีเคอยังคงไม่หายจากอาการบาดเจ็บจากการมีเรื่องครั้งก่อนกับตู้จ้งเหว่ย ในขณะนี้เขามองไปที่ตู้จ้งเหว่ยด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวและพูดว่า “อย่าคิดว่ามายั่วโมโหแบบนี้แล้วฉันจะตกหลุมพราง ถึงวันนี้ฉันจะยกพวกมา แต่วันนั้นแกหักแขนฉันข้างหนึ่ง แล้ววันนี้ฉันจะเอาคืนด้วยแขนของแกนั่นแหละ”
ฉีเคอก็กวักมือเรียกและตะโกน “เข้ามา วันนี้ต้องจับมันให้ได้ แล้วฉันจะหักมือมันเอง”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา กลุ่มคนที่มาพร้อมกับฉีเคอรีบพุ่งไปหาตู้จ้งเหว่ย
เมื่อเห็นผู้คนมากมายมาห้อมล้อม ตู้จ้งเหว่ยก็รู้ว่าวันนี้เขาไม่สามารถใจอ่อนได้อีกต่อไป เขาโยนกระเป๋าทิ้งไปและรีบพุ่งไปหาคนเหล่านั้นทันที
“ตุ้บ…โอ๊ย…”
ตู้จ้งเหว่ยมีฝีมืออยู่พอตัว หลายคนถูกเขาจัดการ แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายมีมากเกินไป ตู้จ้งเหว่ยจึงค่อย ๆ หมดแรงเพราะเริ่มรับมือกับคนจำนวนมากขนาดนี้ไม่ไหว
“สวย พวกแกล้อมมันไว้ อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้”
เมื่อมองไปที่ฉีเคอซึ่งยืนเป็นผู้บัญชาการอยู่ด้านหลังสุด ดวงตาของตู้จ้งเหว่ยกลับเด็ดเดี่ยวและวางแผนที่จะฝ่าวงล้อมออกไปจับฉีเคอ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองสูงเกินไป ชายหนุ่มไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้และถูกเตะลงกับพื้นอย่างสะบักสะบอม
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ตู้จ้งเหว่ย แกก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ แกเก่งนักไม่ใช่หรือ แกต่อสู้เก่งที่สุดไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงจะวิ่งหนีล่ะ ลุกขึ้นมาสิ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยถูกจับได้ ฉีเคอก็เดินเข้าไปอย่างสะใจ
“พวกแกรีบมัดมันเร็วเข้า”
เขาต้องการที่จะมัดตู้จ้งเหว่ยไว้เพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนี
เมื่อได้ยินอย่างนั้น กลุ่มคนก็คุ้ยหาเชือกที่พวกเขาเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าและมัดตู้จ้งเหว่ยเอาไว้
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ตู้จ้งเหว่ย วันนี้ต่อให้แกมีปีกแกก็หนีไปไหนไม่ได้”
ฉีเคอมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยที่ถูกมัดอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขและความปีติยินดี เขาเดินไปข้างหน้าและเมื่อไปถึงตู้จ้งเหว่ย เขาก็เหยียบหัวของตู้จ้งเหว่ยและบดขยี้อย่างแรง “หึ… ใครใช้ให้แกอวดดีกัน วันนี้แกต้องชดใช้ในการกระทำของแกเอง”
ในตอนท้าย ฉีเคอยกเท้าขึ้นโดยตั้งใจจะเหยียบแขนของตู้จ้งเหว่ย
ตู้จ้งเหว่ยมองไปที่เท้าที่ยกขึ้นของฉีเคอ และในที่สุดก็มีร่องรอยของความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา วันนั้นเขาเพิ่งหักแขนของฉีเคอ เขาคิดว่าแค่รักษามันก็จะหาย แต่เมื่อเห็นท่าทางของฉีเคอในวันนี้ หมอนี่กลับมีความคิดที่จะหักแขนของตัวเองคืนจริง ๆ “หยุดนะ…”
อย่างไรก็ตาม ฉีเคอไม่ฟังคำพูดของตู้จ้งเหว่ยและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลยสักนิด
เมื่อฉีเคอกำลังจะเหยียบแขนตู้จ้งเหว่ย เสียงที่ฟังดูเกียจคร้านก็ดังขึ้น “เฮ้ … ทำอะไรกันอยู่น่ะ ทำไมดูสนุกกันจัง” ตามมาด้วยร่างที่งดงาม
“หือ…”
วันนี้ฉีเคอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ล้มเลิกความคิดที่จะหักแขนของตู้จ้งเหว่ย แต่เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงไพเราะของผู้หญิงในเวลานี้ เขามองกลับไปอย่างสงสัยและเห็นผู้หญิงที่งดงามมากกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา
คนคนนั้นคือถังซวง เธอมองลงไปที่ตู้จ้งเหว่ยที่อยู่บนพื้นและหัวเราะออกมา
“หึ… น่าสงสารจริง ๆ”
ตู้จ้งเหว่ยจำเสียงของถังซวงในตอนแรกไม่ได้ แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขาพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะเงยหน้าขึ้นมองและรู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาที่จะเป็นจะตายยังไงก็ไม่ยอมเปลี่ยนที่นั่ง เมื่อเห็นว่ายัยผู้หญิงอ่อนแอมาที่นี่และถูกรายล้อมไปด้วยผู้ชายกลุ่มใหญ่ เขาจึงพูดขึ้นมาอย่างยากลำบากว่า “ยัยเด็กใหม่ นี่เธอโง่หรือยังไง เห็นสถานการณ์นี้แล้วยังเดินเข้ามาอีก ทำไมไม่รีบหนีไป”
เมื่อพูดถึงตอนท้ายเสียงของตู้จ้งเหว่ยก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะเหมือนเสียงคำราม
เมื่อถังซวงได้ยินสิ่งนี้ เธอมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยอย่างประหลาดใจ จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอจะไม่ใช่คนใจร้ายอะไรสินะ
ฉีเคอมองไปที่ตู้จ้งเหว่ย จากนั้นมองไปที่ถังซวง จากนั้นหัวเราะออกมาและพูดว่า “พวกแกรู้จักกันนี่เอง นี่คนสวย เธอวางแผนมาช่วยเขาใช่ไหม?” ขณะพูดเขาก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… คนสวย ตู้จ้งเหว่ยมันเป็นอันธพาล เธอจะไปสนใจมันทำไม ทำไมไม่… มาสนใจฉันแทนล่ะ”
ในขณะที่พูด ฉีเคอก็มองไปที่ถังซวงอย่างลามก ความโรคจิตและวิปริตในแววตาของเขาทำให้คนที่มองอยากจะอาเจียน
เมื่อตู้จ้งเหว่ยเห็นการแสดงออกของฉีเคอ เขาจึงตะโกนว่า “ฉีเคอ นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับแก แกจะดึงผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำไม?” จากนั้นเขาก็ตะโกนใส่ถังซวงว่า “ยังไม่รีบหนีไปอีก”
“เห… หนีไปอะไรกัน วันนี้จะไม่มีใครได้ออกไปแม้แต่คนเดียว”
ฉีเคอไม่เคยเห็นใครที่สวยเท่าถังซวงมาก่อน ไม่เพียงแค่สวย แต่นิสัยของเธอยังน่าหลงใหลยิ่งกว่า วันนี้เป็นวันที่เขาโชคดีจริง ๆ
ในเวลานี้ ถังซวงก้าวเท้าเดินไปหาฉีเคออีกครั้ง
กลุ่มคนที่ติดตามฉีเคอหัวเราะลั่น และบางคนก็ถึงกับมองไปที่ถังซวงด้วยใบหน้าที่ชั่วร้ายและจินตนาการไปถึงเรื่องระหว่างพวกเขากับถังซวงต่อจากนี้
“หึหึ… ฉันไม่อยากลงมือเลยจริง ๆ แต่สายตาของพวกแกทำให้ฉันสะอิดสะเอียนมาก”
เมื่อเธอก้าวออกไปอีก สีหน้าของถังซวงนั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็งและการเคลื่อนไหวของเธอก็รวดเร็วมาก ก่อนที่ทุกคนจะมองเห็น ฉีเคอก็กลิ้งลงไปกับพื้นแล้ว
“โอ๊ย…”
เมื่อคนที่มากับฉีเคอเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาต่างผงะ เมื่อรู้ตัวอีกทีพวกเขาก็ลงไปนอนบนพื้นและดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแล้ว “โอ๊ย… แก… แกเป็นใครกันแน่?”
ถังซวงเดินไปที่ด้านข้างของตู้จ้งเหว่ยอย่างช้า ๆ คุกเข่าลงและแก้มัดเขาพลางตอบอย่างสบาย ๆ
“เห… ให้ฉันแนะนำตัวหรือ ฉันก็เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของตู้จ้งเหว่ยไง ตอนแรกฉันไม่อยากยุ่งเรื่องของคนอื่นหรอก แต่ในฐานะเด็กใหม่ ฉันไม่สามารถทนดูเพื่อนร่วมชั้นถูกทำร้ายได้ พวกแกก็คิดเหมือนกันใช่ไหม?”
หลังจากที่ถังซวงแก้มัดให้ตู้จ้งเหว่ยแล้ว เธอเหลือบมองเขาและพูดว่า “คราวหน้าฉลาดกว่านี้หน่อยสิ เห็นคนมากขนาดนี้แล้วทำไมไม่หนี” หลังจากพูดจบ เธอก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
“นี่… เด็กใหม่ เดี๋ยวก่อน…”
แต่ถังซวงไม่สนใจเลยและตรงกลับบ้าน
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของถังซวงที่เดินจากไป ตู้จ้งเหว่ยก็รู้สึกว่าเมื่อครู่นี้ทุกอย่างราวกับอยู่ในความฝัน แต่เมื่อเขาเห็นฉีเคอและคนอื่น ๆ นอนอยู่บนพื้น เขาก็ตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าเพื่อนร่วมชั้นใหม่คนนี้เก่งและค่อนข้างโหดเหี้ยม
แต่ถังซวงไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย หลังจากที่เธอรับถังเซวี่ยแล้ว ทั้งสองก็ตรงกลับบ้านทันที
แต่เมื่อพวกเธอกลับถึงบ้านก็พบว่าโม่เจ๋อหยวนเพิ่งมาถึงบ้านตระกูลจิง
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พวกเธอกลับมาแล้วหรือ ตอนแรกฉันตั้งใจจะไปรับพวกเธอ แต่ดูเวลาแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเธอน่าจะใกล้ถึงบ้าน ฉันเลยมาที่นี่แทนน่ะ”