บทที่ 339 ตั้งใจเรียน
บทที่ 339 ตั้งใจเรียน
ตู้จ้งเหว่ยเห็นถังซวงมาถึงแล้ว จึงหยุดอ่านหนังสือ และเงยหน้าขึ้นมองถังซวงพลางเอ่ยถาม “สหายถังซวง ถ้าฉันมีอะไรไม่เข้าใจ ฉันถามเธอได้ไหม”
ได้ยินแบบนั้น ถังซวงก็เหลือบมองตู้จ้งเหว่ยครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ได้”
“ขอบคุณมาก”
จู้เจินเจินกับเมิ่งซือเซี่ยที่อยู่โต๊ะหน้าก็ได้ยินบทสนทนานี้เช่นกัน จู้เจินเจินหันไปถามตู้จ้งเหว่ยด้วยความประหลาดใจ “ตู้จ้งเหว่ย ในที่สุดนายก็ตั้งใจเรียนแล้วหรือ หากมีอะไรไม่เข้าใจ นายสามารถถามฉันได้เลยนะ ฉันจะบอกทันทีเลย”
เมิ่งซือเซี่ยเหลือบมองตู้จ้งเหว่ยอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนมาตั้งใจเรียน ไม่สมกับเป็นตู้จ้งเหว่ยเลย
ทว่าตู้จ้งเหว่ยกลับชำเลืองมองจู้เจินเจินอย่างเฉยเมย “คะแนนของเธอดีกว่าถังซวงเหรอ ในเมื่อฉันถามถังซวงได้ ฉันจะถามเธอทำไม”
“นาย….”
จู้เจินเจินไม่คิดเลยว่าตู้จ้งเหว่ยจะพูดแบบนั้น จึงรู้สึกอายและขุ่นเคืองทันที คะแนนของถังซวง ใครจะไปเทียบได้ นี่ตู้จ้งเหว่ยกำลังดูถูกเธออยู่หรือไง?
แต่เมิ่งซือเซี่ยที่ได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย เธอเอ่ยด้วยความโกรธ “ตู้จ้งเหว่ย เจินเจินแค่อยากจะช่วยนาย ทำไมนายถึงพูดแบบนี้ แม้คะแนนเธอจะไม่ดีเท่าของถังซวง แต่คะแนนของเธอก็ยังดีกว่านายมาก มากเกินพอจะช่วยนายด้วยซ้ำ”
“โอ้ว… งั้นให้เธอช่วยแก้โจทย์เลขข้อนี้ให้ฉันดูหน่อยสิ”
ขณะกล่าว ตู้จ้งเหว่ยหยิบกระดาษคำถามชุดหนึ่งออกมา และวงข้อไว้ ก่อนส่งให้จู้เจินเจิน
จู้เจินเจินไม่คาดคิดว่าตู้จ้งเหว่ยจะถามคำถามเร็วขนาดนี้ แต่เธอไม่สนใจมากนัก และคิดว่าคำถามที่ตู้จ้งเหว่ยทำไม่ได้นั้นคงง่ายมากสำหรับเธอ ถึงอย่างไรตั้งแต่ที่เขาเข้าเรียนมัธยม เขาก็ไม่ค่อยตั้งใจเรียน แต่เมื่อจู้เจินเจินอ่านหัวข้อคำถามจบ สีหน้าเธอก็เคร่งเครียดเล็กน้อย
เธอ… ทำไม่ได้ โจทย์ข้อนี้ทำเธอเสียแรงทำความเข้าใจไปมากทีเดียว
เห็นจู้เจินเจินมีสีหน้าประหลาดใจ และนิ่งไปนาน ตู้จ้งเหว่ยจึงถามขึ้นมา “เธอทำเป็นไหม?”
เมิ่งซือเซี่ยที่ไม่เห็นความอับอายของจู้เจินเจิน ได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย ก็เหลือบมองเขาแล้วเอ่ย “เจินเจิน ทำได้อยู่แล้ว นายรอให้เธออธิบายให้ฟังได้เลย”
“อ๋อ… ได้ งั้นฉันจะรอ”
ตู้จ้งเหว่ยเลิกคิ้ว ริมฝีปากวาดโค้งขึ้นเล็กน้อย พลางมองจู้เจินเจินแล้วแสร้งทำเป็นยิ้ม
และจู้เจินเจินรู้สึกเพียงว่าทุกคนรอบ ๆ กำลังมองมาที่เธอ เธออ่านโจทย์ตรงหน้าไปหลายรอบ แต่ก็ยังทำไม่ได้เหมือนเดิม และไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ด้วยเหตุนี้จึงมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาที่หน้าผากเพราะความเครียด
เมื่อเมิ่งซือเซี่ยเห็นจู้เจินเจินไม่พูดนานแล้ว ถึงค่อย ๆ รู้สึกตัวขึ้นมา และเอ่ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เจินเจิน หรือเธอจะทำไม่เป็น ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ” เมื่อเอ่ยมาถึงตอนนี้ เธอก็มอง ๆ ๆ มองจนเหงื่อออกหน้าผาก ทำไมคำถามข้อนี้ถึงได้ยากขนาดนี้ ตู้จ้งเหว่ยแกล้งเธอหรือเปล่า
“ดูเหมือนพวกเธอจะทำไม่ได้สินะ เห็นทีครั้งหน้าฉันคงต้องถามสหายถังซวงแล้ว”
เมื่อถังซวงได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย เธออดชำเลืองมองเขาไม่ได้ เจ้าเด็กนี่คงไม่ได้ตั้งใจทำหรอกใช่ไหม เขาเตรียมหัวข้อนี้มานานแล้ว หรือเพิ่งหาแบบมั่ว ๆ เมื่อกี้ และประจวบเหมาะที่จู้เจินเจินกับเมิ่งซือเซี่ยทำไม่เป็นพอดี ตู้จ้งเหว่ยเลยมอบกระดาษให้อีกฝ่าย พอถังซวงเหลือบดูแล้ว จึงพบว่าข้อนี้มันยากจริง ๆ
แต่ระดับความยากนี้มีไว้สำหรับคนส่วนใหญ่เท่านั้น สำหรับเธอแล้วมันง่ายมาก
ถังซวงหยิบปากกาขึ้นมาเขียนแบบสบาย ๆ ไม่นานก็ส่งกระดาษคืนให้ตู้จ้งเหว่ย “เสร็จแล้ว นายดูขั้นตอนการแก้โจทย์ให้ละเอียดล่ะ หากมีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามฉันได้เลย”
ตู้จ้งเหว่ยมองขั้นตอนแก้ปัญหาที่ชัดเจนแจ่มแจ้งตรงหน้า และพบว่ามันเข้าใจง่ายมาก เขาจึงรีบขอบคุณถังซวง “ขอบคุณสหายถังซวงมาก ฉันเข้าใจแล้วล่ะ”
จู้เจินเจินกับเมิ่งซือเซี่ยต่างก็จ้องไปที่ถังซวง ราวกับว่าเห็นดอกไม้ผุดมาจากใบหน้าอีกฝ่าย เป็นอย่างนั้นอยู่สักพัก โจทย์นั้นไม่ว่ายังไงเธอก็ทำไม่ได้ แต่ถังซวงแค่ดูแป๊บเดียว ก็เขียนวิธีออกมาได้อย่างง่ายดาย ทำไมช่องว่างระหว่างเราถึงได้มากขนาดนี้
ทว่าถังซวงไม่ได้สนใจจู้เจินเจินกับเมิ่งซือเซี่ยเลยสักนิด แต่กลับมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยอย่างประหลาดใจ
ดูเหมือนผลการเรียนของเพื่อนร่วมโต๊ะคนนี้ไม่น่าจะแย่อย่างที่เธอคิด แม้ว่าคนส่วนใหญ่สามารถเข้าใจขั้นตอนการแก้ปัญหาได้ แต่ตู้จ้งเหว่ยที่ไม่เคยตั้งใจฟังอาจารย์ในชั้นเรียนเลย และไม่เคยจดบันทึกลงในหนังสือ แต่เขาก็ยังเข้าใจอะไร ๆ อย่างง่ายดาย แสดงว่าหัวของเขาก็ดีไม่น้อย
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ถังซวงกลับคิดว่าการที่ตู้จ้งเหว่ยจะได้คะแนนดีกว่าเดิมไม่ใช่เรื่องยากแล้ว
“ถ้ามีคำถามอะไรอีกก็ถามฉันได้ ตอนนี้ฉันก็อ่านหนังสืออยู่เหมือนกัน”
“อืม”
ตู้จ้งเหว่ยพยักหน้าอย่างรีบร้อน จากนั้นก็อ่านหนังสือต่อ
เมื่อเห็นท่าทางตั้งใจอ่านหนังสือของถังซวงกับตู้จ้งเหว่ย ความหม่นหมองก็แวบผ่านดวงตาของจู้เจินเจิน เธอมองพวกเขาอย่างสงสัย สุดท้ายก็หันกลับไปนั่งตัวตรง หยิบหนังสือเรียนออกมาเตรียมตัวเข้าเรียน
พอเริ่มเข้าเรียน พวกอาจารย์ที่มาสอนต่างพบว่าตู้จ้งเหว่ยไม่นอนในระหว่างเรียนเหมือนก่อนหน้านี้ กลับกัน เขากลับมองกระดานดำอย่างตั้งใจ ฟังอาจารย์วิชาต่าง ๆ อธิบาย ในตอนแรกอาจารย์บางคนคิดว่าตู้จ้งเหว่ยกระตือรือร้นแค่สามนาที แต่หลังจากเห็นเขาตั้งใจฟังจนจบคาบเรียน พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า นักเรียนคนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
“อาจารย์เหมา วันนี้ตู้จ้งเหว่ยตั้งใจเรียนมาก คุณเรียกเขามาคุยดี ๆ หน่อยนะครับ ดูว่าเขาอยากตั้งใจเรียนจริงหรือเปล่า หากนักเรียนมีใจ พวกเราก็ต้องสอนพวกเขาให้ดี ไม่ปล่อยนักเรียนไปแม้แต่คนเดียว”
เมื่อได้ยินอาจารย์สอนการเมืองเอ่ย เหมาจี้อหลางรีบพยักหน้า “ได้ครับ อีกเดี๋ยวผมจะไปคุยกับตู้จ้งเหว่ย วันนี้ในคาบเรียนผม เขาก็ตั้งใจมากเหมือนกัน ผมอยากรู้ว่าเขาตั้งใจเรียนแล้วจริง ๆ หรือเปล่า”
หลังเลิกเรียนแล้ว เหมาจื้อหลางก็พบว่าตู้จ้งเหว่ยตั้งใจตามที่คาดไว้จริง ๆ
“ตู้จ้งเหว่ย อาจารย์อยากพูดอะไรกับเธอสักหน่อย เธอยังไม่รีบกลับบ้านตอนนี้ใช่ไหม”
“อาจารย์เหมา ผมมีเวลา ไม่รีบครับ”
ตู้จ้งเหว่ยตามเหมาจื้อหลางไปที่ห้องพักครู และทั้งสองก็นั่งลงพูดคุยกัน เมื่อเหมาจื้อหลางได้ยินจากปากตู้จ้งเหว่ยว่าเขาจะตั้งใจเรียน สีหน้าก็เต็มไปด้วยความยินดี “เยี่ยม เธอคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว นักเรียนควรจะต้องตั้งใจเรียน ตู้จ้งเหว่ย ต่อไปพยายามเข้านะ”
“ขอบคุณครับอาจารย์เหมา ผมจะทำให้ได้”
เมื่อเห็นตู้จ้งเหว่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง เหมาจื้อหลางก็มีความสุขมาก
เดิมทีตู้จ้งเหว่ยมีความสุขมาก แต่เมื่อเขากลับถึงบ้าน ได้ยินพ่อถามตัวเองว่าได้เชิญเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านหรือเปล่า สีหน้าของเขาก็เย็นชาลง แต่ไม่นาน เขาก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เชิญแล้วครับ วันเสาร์นี้ พวกเขาจะมาที่บ้านเรา”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ตู้หรงหมิงก็มีความสุขมาก
“ดีแล้ว ๆ เชิญเพื่อนร่วมชั้นของลูกมาเยอะ ๆ จะชายจะหญิง แต่ทุกคนได้อยู่ห้องเดียวกันล้วนเป็นโชคชะตา คบหากันได้ดีก็ดีแล้ว”
ทว่าเมื่อถึงวันเสาร์ ตู้หรงหมิงเห็นเพื่อนร่วมชั้นกับเพื่อนที่ลูกชายคนโตเชิญมาบ้าน ก็มีสีหน้าเครียดลงทันที เพราะเมื่อเห็นคนหนุ่มสาวจำนวนมากยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แค่มองลูกชายคนโตอย่างไม่พอใจ พลางกล่าว “จ้งเหว่ย งั้นลูกก็ดูแลพวกเพื่อน ๆ ลูกไปนะ”