ผั๊วะ ผั๊วะ ผั๊วะ!!!
เสียงตบแก้มดังขึ้นอย่างไม่หยุด หวางจงเสวียนตบแก้มตัวเองจนกระทั่งเห็นดาวกระจายปรากฏขึ้นเขาถึงจะหยุดลง
“ประธานหลี่ ผมผิดไปแล้วครับ ตระกูลหวางเราผิดไปแล้วจริงๆ ครับ ประธานหลี่ได้โปรดให้โอกาสเราได้แก้ไขด้วยนะครับ ต่อไปเราจะไม่กล้าทำผิดอีกแล้วครับ”
หวางจงเสวียนพูดอย่างอ่อนน้อม
“ถือว่าทัศนคติเริ่มดีขึ้น กำหนดการเริ่มงานของพวกคุณจะได้รับคำตอบภายในวันสองวันนี้นะ ส่วนเรื่องเงินมัดจำพรุ่งนี้ทางบัญชีของเราจะติดต่อไป จำไว้ว่าต้องใช้โอกาสให้คุ้มค่านะ อย่าให้เกิดปัญหาขึ้นล่ะ แล้วอย่าหาว่าผมใจดำ”
หลี่โม่ไม่ได้คิดจะทำอะไรกับหวางจงเสวียน เมื่อเห็นว่าเขาสำนึกผิดหลี่โม่ก็เตรียมที่จะปล่อยเขาไป ถึงอย่างไรแล้วเขาก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องของกู้หยุนหลันอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องเล่นงานเขาให้มากกว่านี้
หวางจงเสวียนพยักหน้ารัวๆ และพูดอย่างจริงจัง “ท่านประธานหลี่วางใจได้ครับ เราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ”
“เดี๋ยวออกจากห้องนี้ก็ลืมทุกอย่างที่เห็นในออฟฟิศนี้ไปซะ อย่าไปเล่าอะไรให้ใครฟัง”
หลี่โม่มองไปที่หวางจงเสวียนด้วยสายตาเย็นชา
หวางจงเสวียนเงียบไปสักพักจากนั้นชูสามนิ้วแล้วพูดต่อ “ผมขอสาบานครับว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ถ้าผมเปิดเผยตัวตนของท่านผมขอถูกฟ้าผ่าครับ”
หลี่โม่ยิ้มและพยักหน้าแล้วกวักมือไล่หวางจงเสวียน
“ท่านประธานหลี่ครับ แล้วพวกผมต้องรอคุณไหมครับ?”
หวางจงเสวียนพูดเบาๆ
“ไม่ต้องละ” หลี่โม่ตอบ
หวางจงเสวียนไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นค่อยๆ ก้มหน้าเดินถอยหลังไปจนถึงประตูเขาถึงจะกล้ายืดตัวตรง
หลังจากที่เปิดประตูออกไปหวางจงเสวียนก็เหมือนตื่นจากความฝัน ทุกอย่างมันน่าเหลือเชื่อมาก มันไม่คาดคิดเลยจริงๆ
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงก็รีบเข้ามาหาหวางจงเสวียนและถามถึงสถานการณ์อย่างไม่รอช้า
“พี่ใหญ่ครับ เป็นยังไงบ้าง? ได้ข้อสรุปยังไงครับ แล้วไอ้กระจอกหลี่โม่ล่ะ ทำไมไม่ออกมากับพี่ด้วย”
หวางจงเหิงถาม
หวางจงเสวียนจ้องไปที่หวางจงเหิงแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “วันหลังให้เกียรติหลี่โม่ด้วย! อย่าเรียกเขาว่าคนกระจอกอีก เรียกเขาน้องเขย”
“พี่ทำไมถึงกระวนกระวายขนาดนี้ ให้เราเรียกน้องเขยทำไม ผมไม่มีน้องเขยกระจอกแบบนี้หรอก”
หวางจงเหิงพึมพำ
“นายอย่าลากครอบครัวไปเกี่ยวด้วย ถ้านายไม่เคารพหลี่โม่ เดี๋ยวกลับไปพี่จะให้คุณปู่เตะนายออกจากบ้าน!”
หวางจงเสวียนพูดอย่างเหลือทน เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของหลี่โม่ได้ แต่ยังต้องทำให้ครอบครัวให้เกียรติหลี่โม่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยากที่สุดสำหรับเขา
แต่ต่อให้เป็นเรื่องยากแค่ไหนเขาก็ต้องทำ เพราะถ้าทำให้หลี่โม่ไม่พอใจอีก ครอบครัวตระกูลหวางคงต้องพินาศอย่างแน่นอน
“พี่! พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือว่าเป็นโรคฮิสทีเรียกันแน่! คงไม่ได้เป็นเพราะว่าประธานหลี่เศรษฐีผู้ลึกลับคนนั้นเป็นพ่อที่หายสาบสูญไปนานของหลี่โม่นะ ทำไมพี่ต้องกลัวขนาดนี้ด้วย!”
ผั๊วะ ผั๊วะ!!
หวางจงเสวียนตบปากทั้งสองข้างของหวางจงเหิงด้วยความแรง จากนั้นชี้หน้าตัวเองแล้วพูดต่อ “นายเห็นหน้าพี่ยัง? เพื่อชดใช้ความผิดพี่ต้องตบหน้าตัวเองจนบวมช้ำไปหมด นายคิดว่าพี่อยากทำมากเหรอ? ให้ตายสิ ดูแลปากหมาของนายให้ดี กล้านินทาหลี่โม่อีก นายต้องตายเป็นคนแรก”
หวางจงเหิงต้องตกใจกับพี่ชายแท้ๆ ของเขา เขาได้แต่มองไปที่หวางจงเสวียนและคิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวางจงเสวียน
“พี่จงเสวียน พี่ใจเย็นก่อนครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเขามันจะไม่ดี ถ้าเสร็จธุระแล้วเรากลับกันก่อนดีกว่า”
หวางจงเฉิงพูดอย่างใจเย็น
“เหอะ!”
หวางจงเสวียนส่งเสียงเย็นชาแล้วเดินไปที่ลิฟต์ทันที
หวางจงเฉิงก็ลากหวางจงเหิงแล้วตามหวางจงเสวียนไปด้วย
ทั้งสามเดินออกจากอาคารสำนักงานและขึ้นรถไป แต่หวางจงเหิงก็ยังพูดอย่างขุ่นเคือง “พี่ครับ วันนี้พี่ตบผมเพราะหลี่โม่ พี่ต้องมีคำอธิบายให้ผมนะครับ”
“น้ำเข้าสมองนายรึไง! ราชาใต้ดินทั้งสามของเมืองฮ่านก็โผล่มาให้เห็นที่งานเลี้ยงวันเกิดแล้ว เฉียนฝูก็มารับหลี่โม่ถึงบ้านเราแล้วด้วย ถามจริงนายมีตาบอดหรือเปล่า!”
หวางจงเสวียนพูดอย่างดุเดือด
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หวางจงเสวียนก็ถึงกับรู้สึกหนาวเหน็บในใจ เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากแค่ไหน
“เรื่องนั้นมันแค่บังเอิญเท่านั้นนะครับ! ไอ้กระจอกอย่างมันจะมีอิทธิพลต่อคนระดับนั้นได้ไง ถ้ามันทำให้จริงๆ คงไม่ใช่คนไร้ประโยชน์อย่างที่เรียกกันแล้ว”
หวางจงเหิงยังคงเถียงอย่างไม่หยุด
“แต่พวกเขาทุกคนต่างก็ไปเพราะหลี่โม่ ไม่ใช่เหรอ!”
“ก็ใช่อยู่ครับ”
หวางจงเหิงก้มหน้าตอบ เพราะข้อเท็จจริงนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆ
“เฉียนฝูมีสถานะยังไงนายก็รู้อยู่แล้ว ต่อให้นายรู้จักเฉียนฝูแล้วนายสามารถทำให้เฉียนฝูยอมช่วยให้นายได้พบกับผู้บริหารระดับสูงคนนี้ได้เหรอ? นายลองใช้หัวแม่เท้าของนายคิดดูนะ หลี่โม่ทำให้เฉียนฝูยอมช่วยได้ นั่นก็หมายความว่าอย่างน้อยเขาก็มีความสำคัญในใจของเฉียนฝูอยู่แล้ว!”
“เพราะฉะนั้นพวกของฉู่จงเทียนตั้งใจมาเข้าหาหลี่โม่นั้นเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยหลี่โม่ก็ช่วยให้พวกเขาเข้าหาเฉียนฝูได้! แล้วที่หลี่โม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนไร้ประโยชน์มาตลอด บางทีเขาอาจจะแค่แกล้งก็ได้ นายจะตัดสินจากสิ่งที่เห็นเท่านั้นไม่ได้ ลองใช้หัวแม่เท้านายคิดดูละกัน”
หวางจงเหิงถึงกับเงียบสนิทไป เมื่อฟังคำพูดที่สมเหตุสมผลของหวางจงเสวียน และหลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วหวางจงเหิงก็รู้สึกประหม่าในใจ
“พี่จงเสวียนครับ แล้วผู้บริหารหยุนจงหลันกรุ๊ปว่ายังไงครับ”
หวางจงเฉิงคิดว่าบรรยากาศเริ่มอึดอัดจึงตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“หลี่โม่ช่วยเราพูดแล้ว อีกอย่างใช้เส้นสายของประธานเฉียนด้วย ตอนนี้ทางผู้บริหารหยุนจงหลันกรุ๊ปให้คำตอบกับเราแล้ว เราจะได้กำหนดการวันเริ่มงานเร็วๆ นี้ และพรุ่งนี้ทางบัญชีของเขาจะโอนเงินมัดจำมาให้เราแล้ว”
เมื่อได้ยินเรื่องที่หวางจงเสวียนสร้างขึ้นหวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงถึงกับตกตะลึงและเข้าใจทันทีว่าทำไมทัศนคติของหวางจงเสวียนที่มีต่อหลี่โม่มันเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้
หวางจงเสวียนเกรงว่าน้องชายทั้งสองจะยังไม่เข้าใจ เขาจึงพูดต่อ “พวกนายคิดว่าโครงการนี้เป็นของขวัญที่ประธานลงมาให้พี่จากฟากฟ้าเหรอ? พี่ก็เพิ่งรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน”
“พี่ คงไม่ได้เป็นเพราะได้มาจากไอ้หลี่โม่กระจอก……เอ่อ ไอ้หมอนั่นใช่ไหมครับ”
หวางจงเหิงพูดอย่างติดๆ ขัดๆ
“ใช่ เป็นของขวัญชิ้นหนึ่งที่หลี่โม่ให้กับคุณปู่ในงานวันเกิด เพียงแต่ผ่านมือพี่ก็เท่านั้น มันเป็นเรื่องตลกจริงๆ ที่พี่คิดว่าพี่โชคดีที่ได้โอกาสนี้ มารู้ภายหลังมันทำให้พี่ดูเป็นคนโง่เขลาไปเลย”
หวางจงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“ให้ตายสิ มันจะเก่งเกินไปแล้ว สรุปว่าหลี่โม่เป็นคนยังไงกันแน่?”
หวางจงเฉิงถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้เหมือนกัน เรากลับไปเตรียมงานกันดีกว่า แต่จำไว้ว่าวันหลังต้องให้ความเคารพกับหลี่โม่บ้าง อย่าไปหาเรื่องเขาอีก ถ้าทำให้หลี่โม่โกรธเคือง ครอบครัวตระกูลหวางของเราจบไม่สวยแน่”
หวางจงเสวียนย้ำเตือนน้องชายทั้งสองอีกครั้ง จากนั้นหวางจงเฉิงก็ออกสตาร์ทรถและตรงไปที่บ้านตระกูลหวาง
หลี่โม่ที่นั่งต่อในออฟฟิศสักพักก็ได้รับสายโทรเข้าจากกู้หยุนหลัน
“ที่รัก ว่าไงครับ คิดถึงผมเหรอ?”
หลี่โม่ยิ้มพูด
“คิดถึงอะไรกัน คุณครัฟฟ์ที่ว่าคนนั้นมาอีกแล้ว เขาอยากคุยรายละเอียดของความร่วมมือด้วย คุณลุงเขา……พวกเขาอยากให้โรงงานสร้างตรงที่ดินที่จินไห่ให้คุณ ฉันว่าคุณต้องมาร่วมประชุมด้วยแล้วล่ะ”
สำหรับเรื่องที่ดินแล้วกู้หยุนหลันไม่กล้าตัดสินใจเอง
หลี่โม่หรี่ตาแล้วตอบ “ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”