บทที่ 405 ทุกคนต้องการสอบ
บทที่ 405 ทุกคนต้องการสอบ
ถังซวงและคนอื่น ๆ ออกไปที่ร้านอาหารพร้อมกับซูเหนียนอวิ๋น เกอชิงเหม่ย และหลี่จงอี้ เดิมทีซูเหนียนอวิ๋นอยากให้เขาไปที่ร้านอาหารก่อน แต่ชายชราไม่ยินดีและต้องการอยู่กับซูเหนียนอวิ๋นตลอดเวลา
เมื่อทั้งหมดมาถึงร้านอาหาร พวกเขาเห็นว่าจิงเจ้อหรงและโม่ถิงฮวากำลังช่วยต้อนรับแขก
จากนั้นพวกเขารีบรุดมาต้อนรับก่อนจะพูดว่า “เจ้อหรง ถิงฮวา ขอบคุณที่ช่วยนะ”
จิงเจ้อหรงและโม่ถิงฮวารีบโบกมือทันที “ลุงหลี่ครับไม่ต้องคิดมากหรอก ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่พวกเราควรทำอยู่แล้วครับ” เวลานั้นพวกเขาจึงหันมองซูเหนียนอวิ๋นและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
วันนี้ซูเหนียนอวิ๋นแต่งตัวได้แปลกตาไปมาก อีกทั้งยังสง่างามในทุกท่วงท่า ไม่ว่าใครที่มองมาก็จะทราบว่าเธอคือหญิงชราที่สวยมากเลยทีเดียว
“คุณป้าครับ ยินดีด้วยนะครับ”
ซูเหนียนอวิ๋นยกยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ขอบคุณค่ะ”
จิงเจ้อหรงรีบกล่าวขึ้นว่า “อาจารย์ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ในฐานะศิษย์เขย ผมต้องจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว คุณกับลุงหลี่รีบเข้าไปด้านในเถอะครับ เดี๋ยวผมกับถิงฮวาจะคอยรับแขกด้านนอกเอง”
“จ้ะ ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะจ๊ะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยเดินเข้ามาก่อนจะพูดว่า “พ่อคะ ลุงโม่ เข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ” เวลานี้ทั้งหมดเดินตามหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นเข้าไปในร้านอาหาร
ความจริงแล้วมีคนมาร่วมงานเลี้ยงไม่มากนัก มีตระกูลจิงและตระกูลโม่ รวมถึงสหายเก่าคนสนิทของหลี่จงอี้ เช่นเหล่าหลิว และเหล่าอู๋ ส่วนผู้เฒ่าฉินไม่ได้มาร่วมงาน เขาเก็บตัวตั้งแต่เกิดเรื่อง และไม่ได้มาร่วมแสดงความยินดีหรือมอบของขวัญแต่อย่างใด
เวลานี้หลี่จงอี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหลังทราบว่าผู้เฒ่าฉินไม่มา “ตาเฒ่าฉินเก็บตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง…”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้เฒ่าโม่พยักหน้า “อืม ตาเฒ่าฉินไม่ยอมออกจากบ้านเลย เฮ้อ… แก่ขนาดนั้นแต่ถูกหลานสาวหลอกเอาได้ มันน่าจริง ๆ สิ…” ผู้เฒ่าโม่คาดเดาไม่ผิด
ขณะนี้เพื่อนเก่าบางคนของหลี่จงอี้และผู้เฒ่าโม่ก็เริ่มเข้ามาเรื่อย ๆ แม้แต่ตู้จ้งเหว่ยก็ยังมาถึงตรงเวลา
“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานเลี้ยงวันนี้นะครับ สหายซูกับผมอายุมากแล้วจึงทำได้เพียงการจัดงานเลี้ยงเรียบง่ายเช่นนี้ ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก ผมต้องการแค่ให้ทุกคนกินดื่มอย่างสนุกสนาน และขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ”
“เฮ้…”
ผู้เฒ่าโม่เป็นผู้ริเริ่มปรบมือขึ้นก่อน ส่วนเหล่าหลิว เหล่าอู๋ และคนอื่น ๆ ก็ปรบมือตามอย่างตื่นเต้นเช่นกัน
คนอื่น ๆ ยินดีกับหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋น และอวยพรทั้งสองอย่างกระตือรือร้น
ซูเหนียนอวิ๋นรับฟังคำอวยพรจากทุกคนก่อนจะกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้ามีความสุข
เฮ่อหลานและเกอชิงเหม่ยยืนเคียงข้างกับซูเหนียนอวิ๋น ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น
เดิมทีหลี่จงอี้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่มาก แต่วันนี้เขากลับดื่มมากเป็นพิเศษ
ซึ่งซูเหนียนอวิ๋นรู้สึกกังวล แต่เมื่อเห็นหลี่จงอี้ยังคงยืนตรงและไม่ได้เมามายอะไร ก็โล่งใจลง
มื้ออาหารเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไร้ซึ่งพิธีการใด ๆ ให้ซับซ้อน ทุกคนมาร่วมงานกันอย่างมีความสุข
หลังทานอาหารแล้ว จิงเจ้อหรงและโม่ถิงฮวายังคงช่วยเหลือแขก และยังคอยส่งสหายเก่าของหลี่จงอี้กลับด้วย ส่วนจิงไค่หรงและจิงซิวหรงไม่จำเป็นต้องไปส่งกลับ ครอบครัวของโม่ถิงฮวาด้วยเช่นกัน เพราะทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก
“คุณปู่ คุณย่าซู ฉันไปส่งนะคะ”
ได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว หลี่จงอี้ยกยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ต้องรบกวนพวกเธอแล้วล่ะ”
เมื่อถังซวงและคนอื่น ๆ ส่งแขกทั้งหมดกลับแล้ว จิงเจ้อหรงพาทุกคนกลับออกไป
หลังจากถังซวงและคนอื่นส่งหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นที่บ้าน พวกเขาเพียงพักผ่อนสักครู่ก่อนจะกลับออกมา
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็มาถึงวันที่ข่าวการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ประกาศอย่างเป็นทางการ มันลงข่าวในหนังสือพิมพ์ สร้างความตื่นเต้นให้กับคนทั้งประเทศ และในชั้นเรียนของถังซวง ทุกคนได้ทราบว่าถังซวงกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในคราวนี้ด้วยเช่นกัน
“อาจารย์เหมา จริงหรือคะ? ถังซวงในชั้นเรียนเดียวกับเรากำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ว่า… เธอยังเรียนไม่จบมัธยมปลายเลยนะคะ?”
“ใช่ แล้วเธอจะเข้ามหาวิทยาลัยได้จริงหรือ? แล้วพวกเราล่ะ ถ้าพวกเราอยากจะสอบบ้าง จะทำได้ไหม?”
นักเรียนทั้งชั้นกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย เวลานี้เหมาจื้อหลางโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาเงียบ
“ก่อนอื่น ฉันจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมถังซวงถึงสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”
ขณะที่เหมาจื้อหลางกำลังจะพูดต่อ เสียงจอแจดังขึ้นอีกครั้ง
“โห เป็นความจริงสินะที่ถังซวงกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าในเมื่อเธอสามารถเข้าร่วมการสอบได้ ทำไมพวกเราจะเข้าไม่ได้ล่ะ?”
“ใช่ พวกเราจะสอบด้วย”
จู้เจินเจินเห็นว่านักเรียนทั้งหมดตื่นเต้นออกนอกหน้า เธอเม้มปากก่อนจะหันมาถามเมิ่งซือเซี่ยด้านข้างอย่างแผ่วเบา “ซือเซี่ย เธออยากสอบไหม?”
เมิ่งซือเซี่ยส่ายศีรษะทันที “ฉันไม่สอบ ฉันรู้สึกว่าฉันยังไม่เก่งพอที่จะสอบผ่านได้ ควรจะเรียนให้หนักขึ้นกว่าเดิมดีกว่า”
ได้ยินคำพูดของเมิ่งซือเซี่ย จู้เจินเจินอดไม่ได้ที่จะลอบเหยียดหยาม เธอเสียดายที่ยุยงไม่สำเร็จ อีกทั้งเธอไม่เข้าใจว่าเมิ่งซือเซี่ยกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไงกัน ทั้งที่ก่อนหน้าก็คล้ายว่าเราจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันแท้ ๆ
“ซือเซี่ย เธอไม่คิดเรื่องนี้จริง ๆ หรือ? ความจริงถ้าพวกเราพยายามอย่างหนัก ก็สามารถเข้าร่วมได้นะ ต่อให้สอบไม่ผ่าน ก็แค่กลับมาเรียนไม่ใช่หรือ?”
ได้ยินอย่างนั้น เมิ่งซือเซี่ยชะงักไป
“อ้อ ใช่ ถึงสอบไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร สุดท้ายก็แค่กลับมาเรียน”
“ใช่ใช่”
จู้เจินเจินรีบให้กำลังใจอีกฝ่าย “เราไม่ควรต้องกังวลหรอก เราสามารถเข้าร่วมการสอบได้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรเสียหาย”
เมิ่งซือเซี่ยหันมองจู้เจินเจินก่อนจะถามย้ำ “เจินเจิน เธออยากสอบหรือ?”
“แน่นอนสิ ก็ถังซวงยังเข้าสอบได้ พวกเราก็ต้องเข้าสอบได้เหมือนกัน”
ยกเว้นเพียงจู้เจินเจิน ทุกคนในชั้นเรียนคิดเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงหันมองเหมาจื้อหลางก่อนจะโห่ร้องว่าต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย
ทันทีที่เห็นความวุ่นวายตรงหน้า เหมาจื้อหลางกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ไร้สาระ พวกเธอยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำแต่กลับกล้าคิดเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าสอบไม่ผ่าน คนที่ต้องเสียใจและผิดหวังจะเป็นพวกเธอเองนะ”
“อาจารย์คะ พวกเรายังเรียนไม่จบก็จริง แต่ถังซวงเรียนจบแล้วหรือคะ? ถ้าเธอเข้าร่วมได้ ทำไมพวกเราจะทำไม่ได้ล่ะคะ?”
“ใช่ ทำไมพวกเราจะทำไม่ได้”
ทันทีที่เห็นคนจำนวนมากเริ่มโห่ร้องสร้างความวุ่นวาย ตู้จ้งเหว่ยอดไม่ได้ที่จะหันมองถังซวงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมพวกเขาถึงอยากจะแข่งกับเธอ”
ถังซวงเลิกคิ้วก่อนจะตอบกลับว่า “ฉันก็ไม่รู้”
จู้เจินเจินได้ยินเสียงเหนื่อยหน่ายของถังซวง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่ เวลานี้เธอรู้สึกว่าถังซวงมีวิธีจัดการทุกสิ่งอย่างอยู่เสมอ และเธอไม่ชอบมันเอาเสียเลย
แต่ทันใดนั้นเหมาจื้อหลางทุบโต๊ะเสียงดัง “ที่ถังซวงสามารถเข้าสอบคราวนี้ได้ เพราะเธอผ่านการทดสอบแล้ว ถ้าพวกเธออยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย งั้นเราก็มาทดสอบกัน!”
“ครับ/ค่า”
แต่เมื่อทุกคนได้รับข้อสอบ ทุกคนถึงกับนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูก
“นี่… นี่มันคือข้อสอบของมัธยมปลายจริงหรือ? ทำไมบางข้อฉันรู้สึกว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ…”