บทที่ 424 กลับมาทำไม
บทที่ 424 กลับมาทำไม
หลังจากที่เฟิงเอ้อร์กลับออกไป เฟิงเยี่ยหานจึงได้พักผ่อน
ในวันรุ่งขึ้น ถังเซวี่ยตื่นแต่เช้าและไปฝึกกังฟูกับถังซวง แต่ถังซวงเห็นว่าถังเซวี่ยเพิ่งหายดีจึงพูดขึ้น “ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่หรือเปล่า? วันนี้เธอพักแล้วกลับไปนอนต่อดีกว่านะ”
โม่เจ๋อหยวนเองก็ตื่นแต่เช้าพร้อมถังซวง เขากล่าวเสริม “ใช่ เสี่ยวเซวี่ย เธอน่าจะพักผ่อนอีกสักหน่อยไม่ต้องรีบร้อนออกแรงหรอก”
แต่ถังเซวี่ยยกยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “พี่คะ ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะค่ะ ฉันหายแล้ว เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” ตอนแรกเธอรู้สึกอึดอัดหลังจากดื่มยา แต่เมื่อเห็นสมาชิกในครอบครัวมารวมตัวกันอย่างนี้ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแทน
ถังซวงเห็นว่าถังเซวี่ยอยากออกแรงจึงไม่พูดอะไรต่อ
ไม่นานจากนั้นถังชุนหยานก็มาถึง และทั้งหมดเริ่มฝึกกังฟูด้วยกัน
เฟิงเยี่ยหานเดินเข้ามาและเห็นถังเซวี่ยกำลังฝึกกังฟู หญิงสาวหอบหนักพร้อมกับวิ่งตามถังซวงอย่างไม่ลดละ แต่ไม่ว่าเธอจะเหนื่อยแค่ไหนเธอก็ไม่หยุดวิ่ง
เห็นถังเซวี่ยกำลังเหนื่อยอย่างนี้ เฟิงเยี่ยหานรู้สึกทุกข์ใจ แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรเพียงยืนดูถังเซวี่ยอย่างงั้น และวิ่งไปกับเธอ ในเมื่อถังเซวี่ยจะวิ่ง เขาทำได้เพียงสนับสนุนเธอ
เห็นเฟิงเยี่ยหานเข้ามาร่วมวงด้วย โม่เจ๋อหยวนยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “สหายเฟิง ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ”
“ผมตื่นเช้าจนชินน่ะ แต่ถ้ารู้ว่าพวกคุณจะมาฝึกกังฟูแบบนี้ ผมตื่นเช้ากว่านี้แน่”
หลังจากพูดคุยกัน ทั้งสองวิ่งต่อไป
แต่สุดท้าย ถังซวงยังเป็นห่วงสภาพร่างกายของถังเซวี่ย หลังจากวิ่งเสร็จแล้วเธอไม่ได้ฝึกการต่อสู้เพิ่ม แต่พูดกับเสี่ยวเซวี่ยว่า “ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไปกินข้าวพร้อมกัน”
“ค่ะพี่”
ถังเซวี่ยไม่ถามอะไรก่อนจะกลับห้องไปอาบน้ำ
ถังชุนหยานเองก็กลับไปเช่นกัน
ส่วนเฟิงเยี่ยหานหาโอกาสที่จะพูดคุยกับเกี่ยวเรื่องของจางหย่งชางกับถังซวงและโม่เจ๋อหยวน
“คุณบอกว่า… มีผู้ชายชื่อจางหย่งชางที่ดูมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับโหยวอี้หงงั้นหรือ?” ถังซวงไม่คิดมาก่อนว่าเฟิงเยี่ยหานจะสืบรู้เรื่องนี้เร็วขนาดนี้
แม้แต่โม่เจ๋อหยวนเองก็ประหลาดใจ
“รวดเร็วจริง ๆ”
“เพราะเฟิงเอ้อร์น่ะ โชคดีตอนที่เขาไปที่บ้านตระกูลตู้เพื่อตรวจสอบ เขาเห็นโหยวอี้หงกำลังคลอเคลียกับผู้ชายคนนั้นอยู่ และเขาชื่อว่าจางหย่งชาง พฤติกรรมของทั้งสองคนในตอนนั้นค่อนข้างใกล้ชิด ผมเลยขอให้เฟิงเอ้อร์จับตาดูหล่อนเอาไว้และให้คนติดตามจางหย่งชางด้วย ตอนนี้เราพบบางอย่างแล้วแต่ว่ามันยังไม่ชัดเจน”
ได้ยินคำพูดของเฟิงเยี่ยหาน ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ตอนนี้ศีรษะของตู้หรงหมิงคงจะกลายเป็นทุ่งสีเขียว[1]*ไปแล้ว”
“ทุ่งสีเขียว?”
โม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานไม่เข้าใจว่าถังซวงหมายถึงอะไร แต่หลังจากครุ่นคิดไปสักครู่จึงนึกขึ้นได้
ทันใดนั้นโม่เจ๋อหยวนหัวเราะลั่น “ซวงเอ๋อร์ ทำไมคำพูดของเธอแปลกดีจัง แต่ฉันหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าเราได้ให้หลักฐานนี้กับตู้หรงหมิง อยากจะรู้จริง ๆ ว่าเขาจะทำหน้ายังไงเมื่อถึงเวลานั้น”
“จะเป็นอะไรไปได้ล่ะคะ ก็ต้องตกใจ โกรธ และไม่ยินดีแน่นอน เขาคงเกลียดโหยวอี้หงจนทอดทิ้งเธอเลยล่ะมั้ง”
ถังซวงยกยิ้มก่อนจะหันมองเฟิงเยี่ยหาน “ฉันคงต้องรบกวนสหายเฟิงให้ช่วยหาหลักฐานต่อให้แล้ว”
“ไม่ต้องห่วง ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปครับ”
โม่เจ๋อหยวนรู้สึกว่าเขาเองก็ต้องเร่งมือบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไล่ตามเฟิงเยี่ยหานไม่ทัน หลังจากทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ โม่เจ๋อหยวนรีบออกไปทันที
และก่อนที่จิงเจ้อหรงจะออกไป เฟิงเยี่ยหานก็บอกเขาถึงเรื่องจางหย่งชางเช่นกัน
“ทำได้ดี สืบต่อไปล่ะ แล้วฉันจะลงมือด้วยตัวเอง”
ได้ยินจิงเจ้อหรงกล่าวชื่นชมตน เฟิงเยี่ยหานก็ยกยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นออกมา “ขอบคุณครับลุงจิง ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้”
“อื้ม งั้นฉันไปทำงานก่อนนะ”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าก่อนจะจากไป
เห็นว่าจิงเจ้อหรงและโม่เจ๋อหยวนออกไปแล้ว ถังเซวี่ยเองก็จะไปโรงเรียนเช่นกัน แต่เฟิงเยี่ยหานก้าวมาขวางก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย เดี๋ยวผมไปส่งนะ”
“เฟิงอีก็อยู่ไม่ใช่หรือ คุณไม่ต้องไปหรอกค่ะ”
“เฟิงอีต้องหลบซ่อน แต่ถ้าผมไปส่งคุณด้วยตัวเอง เราก็ยังคุยกันระหว่างทางได้ไง”
ถังเซวี่ยไม่รู้จะพูดอะไรต่อเมื่อได้ยินที่เฟิงเยี่ยหานพูด
แต่ถังซวงที่ยืนอยู่ใกล้เคียงพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเซวี่ย ให้เขาไปส่งเถอะ” ไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอเห็นความจริงใจของเฟิงเยี่ยหานแล้ว และมุมมองของเธอที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน และไม่คิดจะต่อต้านคนตรงหน้าอีกต่อไป
เฟิงเยี่ยหานหันมองถังเซวี่ยก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย พี่สาวคุณอนุญาตแล้ว ให้ผมไปส่งคุณที่โรงเรียนเถอะ นี่ก็สายมากแล้วด้วย ไปกันเถอะครับ”
ถังเซวี่ยจึงจำยอมไปโรงเรียนพร้อมกับเฟิงเยี่ยหาน
และในตอนเที่ยง เฟิงเยี่ยหานก็ไปรอถังเซวี่ยที่โรงเรียนและพาเธอกลับบ้านเพื่อไปทานมื้อเที่ยง
โม่เจ๋อหยวนเองก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน อีกทั้งเขากลับมาพร้อมกับข่าวหลังจากไปตรวจสอบบางอย่างมา และเล่าให้ถังซวงกับเฟิงเยี่ยหานฟัง
“การเลื่อนตำแหน่งของตู้หรงหมิงคนนี้ค่อนข้างมีเงื่อนงำ เขาเข้ารับตำแหน่งปัจจุบันได้เพราะจ่ายเงินไปมาก และยังติดสินบนมากมายทำให้ตัวเองได้เลื่อนระดับ คน ๆ นี้เก่งเรื่องหาเงินพอสมควรเลยนี่”
ถังซวงถามต่ออย่างอดไม่ได้ว่า “มีประวัติว่าเขาเคยติดสินบนใครไหมคะ?”
“มี แต่ก็ไม่ค่อยละเอียดนักหรอก แต่มันก็พิสูจน์ได้ว่าตู้หรงหมิงติดสินบนจริง ๆ”
โม่เจ๋อหยวนมองเฟิงเยี่ยหานแล้วถามว่า “แล้วฝั่งคุณเป็นยังไงบ้าง?”
เฟิงเยี่ยหานส่ายศีรษะ “ยังไม่มีอะไรคืบหน้า”
“เรื่องพวกนี้รีบร้อนไม่ได้หรอก อย่าเครียดเลยค่ะ” ถังซวงเห็นว่าเฟิงเยี่ยหานและโม่เจ๋อหยวนกำลังเคร่งเครียดจึงรีบกล่าวปลอบโยน
“อื้ม พวกเรารู้”
โม่เจ๋อหยวนตอบกลับ เฟิงเยี่ยหานก็เช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง วันนี้ตู้จ้งเหว่ยไม่ได้ไปโรงเรียน แต่กำลังมองบ้านที่กำลังลุกเป็นไฟด้วยรอยยิ้ม “แล้วใครบอกให้ตู้จ้งเหลียนทำแบบนี้ล่ะ? ตอนนี้เป็นยังไง พวกเราทุกคนได้รับผลกระทบเพราะเขาคนเดียว”
ตู้จ้งเหลียนถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย
“ทั้งหมดเป็นความผิดของผมคนเดียวหรือ?”
“ถ้าไม่ใช่ความผิดของแก แล้วเป็นความผิดใครล่ะ ฉันหรือ?!”
ตู้จ้งเหว่ยมองตู้จ้งเหลียนอย่างขุ่นเคือง “ลืมไปซะ ฉันมีเรื่องต้องทำและฉันจะไม่เสียเวลากับแก” พูดจบ เขาเข้าไปในห้องของตัวเอง แต่ก่อนที่ตู้จ้งเหว่ยจะกลับเข้าไป ตู้หรงหมิงก็เดินเข้ามา
ทุกคนประหลาดใจเมื่อเห็นตู้หรงหมิงกลับมาที่บ้าน
“พ่อไม่ได้ไปทำงานหรือครับ? กลับมาทำไมล่ะ?”
ตู้หรงหมิงมีสีหน้าไม่สู้ดี เขากำหมัดแน่นก่อนจะพูดเน้นย้ำทีละคำ “ที่หน่วยงานบอกให้ฉันพักผ่อนสักสองวัน”
[1] มาจากสำนวนสวมหมวกเขียว มีความหมายว่า ภรรยามีการคบชู้ หรือภรรยานอกใจ ที่ถังซวงบอกว่าเป็นทุ่งสีเขียวอาจจะหมายถึงโดนนอกใจหลายครั้ง