หม่าเจียเฉิงถูกบอดี้การ์ดยกขึ้นจากพื้น เขามองไปที่หลี่โม่ด้วยความเคียดแค้น “แม่งฉิบหายแกช่างหยิ่งผยองนัก! อย่าคิดว่ามีคนต่างชาติคอยปกป้องคุ้มครองแกอยู่ แกก็จะสามารถมาเบ่งอำนาจได้ ที่นี่ไม่ใช่เขตอิทธิพลของคนต่างชาติ!”
บอดี้การ์ดพาหม่าเจียเฉิงออกไป หม่าเจียเฉิงมองไปที่เพื่อนเศรษฐีพวกนั้น “แม่ง เกิดเรื่องคอขาดบาดตายแล้ว! รีบโทรเรียกคนมา ความแค้นในวันนี้ยังไงก็ต้องชำระ แกรีบปล่อยฉัน มิเช่นนั้นฉันจะไม่เกรงใจแก!”
พวกคุณชายร่ำรวยจึงได้สติขึ้นมา พวกเขาเดินไปล้อมบอดี้การ์ดที่กดหม่าเจียเฉิงไว้ พยายามช่วยหม่าเจียเฉิงออกมา มีคนอีกหลายคนเดินออกไปไปด้านข้างและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรไม่หยุด
บอดี้การ์ดของครัฟฟ์ต้านไม่ไหว สถานการณ์นี้ก็เกินความสามารถของเขา
ถ้าจัดการแค่คนเดียว บอดี้การ์ดกล้าจัดการอย่างสง่างามได้ แต่ถ้าให้จัดการกับแขกรับเชิญเป็นกลุ่ม บอดี้การ์ดยังไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนั้น
กู้หยุนหลันดึงแขนของหลี่โม่ กระซิบว่า “พวกเรากลับก่อนดีไหม เรื่องวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว”
หลี่โม่ส่ายศีรษะช้า ๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวล ถึงจะเกิดเรื่องก็มีครัฟฟ์คุ้มครองอยู่”
กู้หยุนหลันพูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่โม่ถึงได้มีความเชื่อมั่นในตัวครัฟฟ์มากขนาดนั้น ทั้ง ๆที่ก่อนหน้านั้นยังบอกว่าครัฟฟ์นั้นมีเจตนาไม่ดี
พวกคุณชายร่ำรวยผลักดันเป็นระยะ ในที่สุดก็สามารถช่วยหม่าเจียเฉิงออกมาจากบอดี้การ์ดได้
เสื้อของบอดี้การ์ดยุ่งเหยิงไปหมด แขนเสื้อข้างหนึ่งถูกฉีกจนขาด และมีรอยข่วนบนใบหน้าเล็กน้อย เขามองดูกลุ่มคุณชายร่ำรวยอย่างโกรธจัด แต่เขาไม่กล้าพูดอะไร
หม่าเจียเฉิงจัดเสื้อผ้าของตนเอง และมองหลี่โม่ด้วยสายตาดุร้าย “แม่งฉิบหาย วันนี้ถือว่าแกได้ล่วงเกินฉันแล้ว แกรอความตายมาเยือนเถอะ”
คุณชายร่ำรวยหลายคนที่คุยโทรศัพท์เสร็จ จากนั้นก็เอนตัวเข้าใกล้หูของหม่าเจียเฉิง กระซิบรายงานสถานการณ์
“ได้ติดต่อกลุ่มโจรเรียบร้อยแล้ว พวกเขาอยู่ระหว่างการเดินทาง และอีกสักครู่พวกเขาจะบุกเข้าไปในปราสาท”
“แจ้งผู้คนที่นี่ในเมืองฮ่านแล้ว จะไม่มีใครเข้าใกล้ปราสาทภายในหนึ่งชั่วโมง พวกเราสามารถลงมือทำอย่างมั่นใจได้”
“เฮียฉินพาคนออกมาจากเมืองเอกแล้ว พวกเขาทั้งหมดเป็นคนที่เก่งมาก จะไม่ปล่อยให้ไอ้ยาจกหยิ่งผยองอยู่สุขสบายได้อย่างแน่นอน”
มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหม่าเจียเฉิง เขาพอใจกับความรวดเร็วในการเตรียมการของลูกน้อง
“สถานการณ์ของพวกกลุ่มโจรเป็นอย่างไรบ้าง อธิบายให้ฉันฟังคร่าวๆ ”
หม่าเจียเฉิงถามอย่างภูมิใจ
“พวกเขาเป็นกลุ่มโจรที่มีชื่อเสียงมาหลายปีแล้ว พวกเขามักจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ต่างประเทศ เคยอยู่ในแวดวงใหญ่ ๆ เป็นนักฆ่าที่โหดร้ายมาก ไม่กี่ปีที่ผ่านมาพวกเขาได้ก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่มากมายในฮ่องกง เจ้าหน้าที่หน่วยยุทธวิธีพิเศษตำรวจฮ่องกงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หัวหน้าชื่อจางเฉียง”
หม่าเจียเฉิงเหลือบมองหลี่โม่ อดไม่ได้จึงหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆ ๆ ดี ดีมาก”
จางเฉียงไม่ใช่คนธรรมดา เขาก่ออาชญากรรมในต่างประเทศแต่ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ เขายังคงอยู่รอดปลอดภัย คนที่ตายไปด้วยน้ำมือเขานับไม่ถ้วน สมกับเป็นเทพแห่งนักฆ่า
สามารถจ้างคนเช่นนี้มาได้ หม่าเจียเฉิงรู้สึกว่ากำลังจะเห็นจุดจบของหลี่โม่แล้ว คือเขาต้องตายอย่างแน่นอน
ขณะที่หม่าเจียเฉิงภูมิใจ ครัฟฟ์กำลังเฝ้าดูเขาผ่านมอนิเตอร์จากกล้องวงจรปิด ดวงตาของเขาฉายแววความตื่นเต้น
“ดีมาก กระโดดออกมาเป็นตัวร้ายโดยสมัครใจ ไม่เสียแรงที่ฉันเชิญแกมางานนี้”
ครัฟฟ์ยืนขึ้นและส่งสัญญาณมือให้ลูกน้อง จากนั้นลูกน้องก็ล้อมรอบเขาเดินออกไปจากห้อง
วางแผนไว้เป็นเวลานานแล้ว ก็เพื่อที่จะรอมีคนมาขัดแข้งกับหลี่โม่ ขอแค่มีเรื่องขัดแย้งกันครัฟฟ์ก็สามารถทำตามแผนเดิม ช่วยหลี่โม่เหมือนกับเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าหญิงเอาไว้ หลังจากนั้นก็จะได้รับความไว้วางใจจากหลี่โม่สองสามีภรรยา
ครัฟฟ์รู้สึกว่าแผนของตนเองสมบูรณ์แบบมาก ไม่มีช่องโหว่แน่นอน
ขณะที่หม่าเจียเฉิงเหมือนตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ เขาพาลูกน้องที่เป็นคุณชายร่ำรวยล้อมหลี่โม่ไว้ กำลังเตรียมตัวจะลงมือทำร้ายหลี่โม่กับกู้หยุนหลัน ครัฟฟ์ก็ปรากฏตัวพร้อมกับลูกน้อง
“หยุด! พวกแกกำลังจะทำอะไร!”
ครัฟฟ์ตะโกนเสียงดัง
หลังจากสิ้นเสียงของครัฟฟ์ กลุ่มบอดี้การ์ดดุร้ายเหมือนสุนัข โบกสะบัดกระบองไฟฟ้าแล้วพุ่งเข้าหาหม่าเจียเฉิงและคนอื่นๆ
“แม่งฉิบหายแกไม่ต้องเข้ามายุ่ง เรื่องของพวกเราจะจัดการด้วยตนเอง แกแค่นั่งดูก็พอ”
“อย่าคิดว่าแกเป็นคนต่างชาติแล้วเก่ง ถ้าแกกล้าไม่เคารพพวกเรา อีกสักครู่จะจัดการฆ่าพวกแก!”
คุณชายร่ำรวยต่างตะโกนใส่พวกบอดี้การ์ด มีกลุ่มโจรเป็นไพ่ตาย ทำให้พวกคุณชายร่ำรวยมีความมั่นใจมาก
หม่าเจียเฉิงมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาเยาะเย้ย “คนไร้ประโยชน์อย่างแกก็แน่นี่ คิดว่าตนเองรู้จักคนต่างชาติแล้ว แม่งจะอยู่สูงกว่าคนอื่นหรือ? กูจะบอกว่าไม่มีทาง แม่งวันนี้แกต้องคุกเข่าเลียรองเท้ากู”
โดยไม่ต้องรอคำตอบจากหลี่โม่ หม่าเจียเฉิงพาพวกคุณชายร่ำรวยพุ่งเข้าไปหาครัฟฟ์
ครัฟฟ์และบอดี้การ์ดเรียงกันเป็นแถว จ้องมองไปที่หม่าเจียเฉิงและคนอื่นๆ
หวงจื่อเซวียนพาคุณชายร่ำรวยมาอยู่ที่ด้านข้าง ปะปนอยู่กับกลุ่มเซเลบริตี้หนุ่มสาว
ยิ่งอยู่สถานการณ์ยิ่งใหญ่ขึ้น ทำให้หวงจื่อเซวียนรู้สึกว่าเขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้อีกต่อไป ถ้าเข้าไปยุ่งมันอาจจะทำให้ล่วงเกินทั้งสองฝ่ายได้
“เฮียเซวียน แม่งฉิบหายหลี่โม่มันเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงทำให้คนต่างชาติสนับสนุนมันได้ขนาดนี้ นี่คือการต่อสู้เพื่อหลี่โม่เลยน่ะ”
“แม่งฉันจะไปรู้ได้อย่างไร ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ฉันจะไม่มาที่นี่อย่างแน่นอน”
หวงจื่อเซวียนกล่าวด้วยความเสียใจ
พวกกลุ่มเซเลบริตี้หนุ่มสาวถอยห่างออกไป และเว้นระยะห่างจากการทั้งสองฝ่าย ถึงจะอยากสอดรู้สอดเห็นแต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง
หลี่โม่ดึงกู้หยุนหลันนั่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน ด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับดูละคร
“ทำไมคุณถึงได้ใจกล้าเช่นนี้ คุณไม่กังวลแม้แต่สักนิดเลยหรือ?”
กู้หยุนหลันถามอย่างไม่เข้าใจ ขณะนี้กู้หยุนหลันรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
หลี่โม่จับมือกู้หยุนหลันเบา ๆ และกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ปูสื่อรอดูการแสดงละคร มีอะไรต้องกังวล”
ครัฟฟ์มองหลี่โม่ด้วยสีหน้าจริงจัง และถามเสียงดังว่า “คุณหลี่ คุณกู้ แขกผู้มีเกียรติที่สุดของผม พวกคุณคงไม่ตกใจใช่ไหม? มันคือความผิดของผมทั้งหมด โปรดให้เวลาผมสองสามนาทีในการแก้ปัญหา”
หลี่โม่พยักหน้าอย่างช้า ๆ “พวกเราไม่รีบ คุณแก้ปัญญาอย่างช้า ๆเถอะ”
“ได้ครับ ผมจะขับไล่คนป่าเถื่อนเหล่านี้ออกไป”
ครัฟฟ์กล่าวด้วยความนอบน้อม
หวงจื่อเซวียนและกลุ่มเซเลบริตี้หนุ่มสาวต่างตกตะลึง รู้สึกว่าท่าทางของครัฟฟ์ในขณะนี้อ่อนน้อมถ่อมตนมาก ราวกับว่าเขากำลังประจบหลี่โม่
“แม่งฉิบหายนี่เกิดอะไรขึ้น ครัฟฟ์น่าจะทั้งเย่อหยิ่งและก้าวร้าวถึงจะถูก ทำไมเขาถึงประจบหลี่โม่ได้”
หวงจื่อเซวียนพึมพำด้วยความสงสัย
พวกเซเลบริตี้หนุ่มสาวต่างงงมาก พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อของหลี่โม่ แต่การแสดงออกของครัฟฟ์ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าหลี่โม่ไม่ใช่คนธรรมดา
“เมืองฮ่านมีชายหนุ่มลึกลับที่ทรงพลังเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บุคคลระดับนานาชาติเช่นครัฟฟ์ ทำไมถึงได้สนับสนุนเขาเช่นนี้”