ตอนที่ 649 สุดเหี้ยมชั่วโฉด อวี้เจินจื่อ
การตายของเฉวียนกวนชิงอนาถกว่าไป๋ซื่อจิ้งหรือคังหมิ่นเสียอีก
แต่สำหรับการตายของเขา เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้รู้สึกว่าน่าเสียดายอะไร อย่างน้อยก็แย่กว่าไป๋ซื่อจิ้งตั้งเยอะ
ใครใช้ให้เขาเลเวลต่ำล่ะ
“เฮ้อ…ฝุ่นกลับคืนสู่ฝุ่น ดินกลับคืนสู่ดิน ในเมื่อคนตายแล้ว บาปกรรมที่เคยก่อไว้ตอนยังมีชีวิตก็ควรจะจบลงเช่นกัน” ขณะมองเฉวียนกวนชิงถูกกลุ่มลูกศิษย์พรรคกระยาจกโบยตีด้วยค่ายกลตีสุนัข ตอนนี้ทุกอย่างก็จบลงแล้ว บนพื้นเหลือเพียงศพของไป๋ซื่อจิ้งกับเฉวียนกวนชิง โลงไม้หนานมู่กับโลงไม้หวงฮวาปรากฏบนฝ่ามือข้างซ้ายและข้างขวาของเยี่ยเว่ยหมิง
ขณะที่เดินถือโลงศพไปข้างหน้า เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวไว้อาลัยอย่างน่าเศร้า “ให้ข้าเก็บศพให้พวกเขาเถอะ จะได้ถือโอกาสโปรดวิญญาณพวกเขาสักครั้ง ให้พวกเขาไปเกิดใหม่ไวๆ หวังว่าชาติหน้าพวกเขาจะเป็นคนดี…หรือไม่ก็เป็นสัตว์ที่น้ำใจงาม”
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชามือคว้าจับ’ ×1!
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชากำลังภายใน’ ×1!
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาไม้เท้า’ ×1!
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชากำลังภายใน’ ×1!
……
คนของพรรคกระยาจกไม่เกิดความอาลัยอาวรณ์ใดๆ ต่อศพของไป๋ซื่อจิ้งและเฉวียนกวนชิง อย่างไรเสียหากให้พวกเขาจัดการเรื่องพวกนี้ก็ถือเป็นความยุ่งยากอยู่ดี
ไม่สู้ให้บุคคลเฉพาะทางจัดการเรื่องนี้ดีกว่า ประหยัดทั้งแรงทั้งความคิด
เพียงแต่สำหรับเรื่องที่เยี่ยเว่ยหมิงเต็มใจรับผิดชอบเรื่องเก็บศพของสองคนนี้ แม้คนของพรรคกระยาจกรู้สึกพึงพอใจมาก แต่กลับยังไม่รู้จักพอ
ผู้อาวุโสสวีที่มีความอาวุโสที่สุดและขายความแก่ได้ก้าวขึ้นมาข้างหน้า พูดกับเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ใต้เท้าเยี่ยมีความเมตตากรุณา ตาแก่ผู้นี้รู้สึกชื่นชมอย่างสุดซึ้ง ในเมื่อใต้เท้าเยี่ยยินดีจะโปรดวิญญาณคนชั่วเหล่านี้ ไม่สู้ส่งหม่าฮูหยินไปด้วยกันเสียเลยสิ”
สำหรับเรื่องนี้ เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อครู่ตัวเองเพิ่งพูดไปว่า ‘ฝุ่นกลับคืนสู่ฝุ่น ดินกลับคืนสู่ดิน’ ไม่อาจย้อนกลับมาตบหน้าตนเองเร็วขนาดนี้หรอกกระมัง
ภายใต้ความจนใจ เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงหยิบเสื่ออันล้ำค่าที่มีมูลค่าไม่กี่เหรียญทองออกมา แล้วเริ่มม้วนศพของคังหมิ่น
ได้รับ ‘สูตรยาหลอนประสาทสิบกลิ่น’ ×1!
……
หืม! นึกไม่ถึงว่าจะมีไอเทมดรอปด้วย
ถือว่าไม่ขาดทุน!
‘ยาหลอนประสาทสิบกลิ่น’ เป็นสูตรยาพิษ ไม่ต้องใช้ค่าตบะหรือค่าประสบการณ์ใดๆ จะผสมยาสำเร็จหรือไม่ คุณภาพหลังจากผสมเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเลเวล ‘วิชาพิษ’
สำหรับของประเภทนี้ เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะอ่านศึกษาให้ละเอียด จึงใช้มือตบเพื่อใช้งานมันเสียเลย จากนั้นก็เก็บศพคังหมิ่นเข้ากระเป๋า เตรียมจะไปหาสถานที่สักแห่งเพื่อโปรดวิญญาณ
เมื่อเห็นว่าภารกิจที่ควรทำให้สำเร็จได้เสร็จสิ้นแล้ว พวกเยี่ยเว่ยหมิงก็เตรียมจะบอกลาพรรคกระยาจก แล้วกลับไปรายงานผลปฏิบัติงานกับสำนักมือปราบเทพ
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าในเวลานี้ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าอันเร่งรีบจากไกลมาใกล้ห้อตะบึงมาทางนี้
เมื่อได้ยินเสียงกีบเท้าม้าเหล่านี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตกใจทันที พร้อมบอกในช่องแชททีมว่า [สมควรตาย! ก่อนหน้านี้สนใจแต่ทำภารกิจให้สำเร็จ เกือบจะลืมอี้ผิ่นถังแล้ว]
ระหว่างที่พูดก็หยิบขวดยาใบหนึ่งออกมา มันคือยาถอนพิษสายลมโศกานั่นเอง เขาส่งให้ซานเย่ว์ [ข้าต้านพิษได้สูงอยู่แล้ว ไม่กลัว ‘สายลมโศกา’ อะไรนั่นหรอก พวกเจ้าสองคนใช้สิ่งนี้ป้องกันตัว อีกประเดี๋ยวถ้าถูกพิษก็ดมหนึ่งครั้ง จากนั้นช่วยอาจูกับอาปี้ก่อน คนอื่นๆ เดี๋ยวค่อยว่ากัน]
พูดจบสายตาก็มองไปรอบๆ แต่กลับพบว่าในป่าเหลือลูกศิษย์พรรคกระยาจกอยู่เพียงบางส่วนเท่านั้น
พวกเชิญร่ำสุรา ฉางซิงอวี่ที่ก่อนหน้านี้ยังดูพวกเขาแสดงฝีมือ ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ตอนนี้เสียงกีบเท้าม้าเข้ามาใกล้แล้ว เสียงแตรสัญญาณดังขึ้นสามครั้ง ม้าแปดตัวแบ่งวิ่งเป็นสองสายพุ่งเข้ามาในป่า
คนที่นั่งอยู่บนม้าแปดตัวถือหอกยาว บนหัวหอกพันธงเล็กๆ เอาไว้ หัวหอกกะพริบแสงวิบวับ เห็นด้านซ้ายธงเล็กปักตัวอักษรสีขาวว่า ‘ซีเซี่ย’ ด้านขวาปักคำว่า ‘เฮ่อเหลียน’ บนธงมีคำว่าซีเซี่ยแยกอีกต่างหาก
จากนั้นม้าแปดตัวก็แบ่งเป็นสองแถววิ่งเข้าป่าไป
คนบนหลังม้าสี่คนเป่าแตรสัญญาณ อีกสี่คนตีกลอง
ดูจากกระบวนทัพแล้ว เป็นการเดินทัพเพื่อต่อสู้แน่นอน แต่ที่นี่กลับเป็นการพบหน้ากันของวีรบุรุษในยุทธภพ?
หลังจากเสียงกลองและเสียงแตรสัญญาณดังขึ้น นักรบซีเซี่ยแปดคนก็เข้ามา
ดูจากขมับที่นูนขึ้นมาของแปดคนนี้ก็รู้แล้วว่าพวกเขามีทักษะยุทธ์ระดับสูง
ทั้งรบทั้งแปดแบ่งยืนทางซ้ายและขวา ม้าตัวหนึ่งเดินเข้ามาในป่าบ๊วยช้าๆ ผู้ที่นั่งอยู่บนม้าสวมชุดผ้าไหมสีแดง อายุประมาณสามสิบสี่สามสิบห้าปี จมูกโด่งเหมือนตะขอ ไว้หนวดสั้น ข้างหลังเขาเป็นชายร่างสูงใหญ่จมูกโด่ง พอเดินเข้ามาก็ตะโกนทันที “เฮ่อเหลียนเถี่ยซู่ แม่ทัพใหญ่แห่งซีเซี่ยมาแล้ว ประมุขพรรคกระยาจกออกมาแสดงความเคารพสิ” น้ำเสียงฟังดูแปลกๆ ฟังดูหาเรื่องสุดๆ
เมื่อได้ยินเขาพูดจาไร้มารยาทเช่นนี้ กลุ่มคนของพรรคกระยาจกก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ตอนนี้จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเยี่ยเว่ยหมิงบอกว่า “ซีเซี่ยอี้ผิ่นถังคือกลุ่มที่ตั้งขึ้นโดยทางการของซีเซี่ย ไม่ใช่พวกรากหญ้าในยุทธภพ บุ่มบ่ามเข้ามาในเขตภาคกลางของข้า เกรงว่าคงไม่ใช่แค่ปัญหาในยุทธภพแล้วกระมัง”
เฮ่อเหลียนเถี่ยซู่ได้ยินแล้วหันไปมองเยี่ยเว่ยหมิงทันที พอเห็นสามคนที่ใส่เครื่องแบบขุนนางภาคกลาง เขาก็อดตกใจไม่ได้ แต่กลับบอกทันทีว่า “พวกเราได้รับคำสั่งให้มาที่ภาคกลาง ย่อมมาส่งพระราชสาสน์ให้ฮ่องเต้ภาคกลางอยู่แล้ว หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว พวกเราถึงเข้ามาเคลื่อนไหวในเขตภาคกลางได้ วันนี้มาที่นี่ก็เพื่อปฏิบัติตามสัญญาระหว่างชาวยุทธ์เท่านั้น กรุณาอย่าตีความเกินไปตามอำเภอใจ”
“เช่นนี้ก็ดี” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า สื่อว่าให้พวกเขาทำต่อไป
เฮ่อเหลียนเถี่ยซู่อึดอัดมากเมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยเว่ยหมิง เขาหันมาพูดกับพวกพรรคกระยาจกว่า “ข้าได้ยินว่าพรรคกระยาจกที่ภาคกลางมีสองสุดยอดทักษะ ไม้เท้าตีแมวกับสิบแปดฝ่ามือพิชิตงู วันนี้มาที่นี่เพราะอยากเปิดหูเปิดตาสักหน่อย”
เมื่อพวกขอทานได้ฟังก็เดือดดาลทันที คนผู้นี้จงใจพูดให้วิชาไม้เท้าตีสุนัขกลายเป็นไม้เท้าตีแมว พูดให้สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรเป็นสิบแปดฝ่ามือพิชิตงู เห็นได้ชัดว่าตั้งใจเหยียดหยาม การพบกันวันนี้ คงเลี่ยงศึกเดือดที่ตัดสินกันด้วยความเป็นความตายได้ยากแล้ว
แต่หากพูดถึงการปะทะฝีปาก เฮ่อเหลียนเถี่ยซู่ที่มีชาติกำเนิดเป็นชนชั้นสูงของซีเซี่ยมีหรือที่จะสู้พวกขอทานพรรคกระยาจกได้ เห็นผู้อาวุโสสวีก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วยิ้มบางๆ “หากพวกเจ้าอยากเห็นไม้เท้าตีแมวกับสิบแปดฝ่ามือพิชิตงูของพรรคข้า เช่นนั้นก็ไม่ยากเลยสักนิด ขอเพียงให้แมวเฝ้าหน้าเตากับงูหนังขี้กลากออกมา ขอทานผู้นี้ย่อมมีวิธีรับมือ เจ้าจะเป็นแมวหรือเป็นงูดีล่ะ”
ผู้อาวุโสอู๋ที่อยู่ข้างๆ หัวเราะลั่นแล้วลงดาบซ้ำ “อีกฝ่ายต้องเป็นมังกร พวกเราถึงจะพิชิตมังกร ถ้าอีกฝ่ายเป็นงู ขอทานผู้นี้ก็ถนัดจับงูที่สุด”
เฮ่อเหลียนเถี่ยซู่เถียงแพ้ ขณะกำลังคิดว่าจะพูดอะไร คนที่อยู่ข้างหลังเขาก็กล่าวอย่างหยาบคายว่า “ตีแมวก็ดี พิชิตงูก็ได้ มาสิ ใครจะมาสู้กับข้าก่อนสักยก” ขณะที่พูดก็เบียดตัวออกมาจากกลุ่มคน มายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าพวกเขา เทพจระเข้ทะเลใต้ น้องสามในสี่คนโฉด เย่ว์เหล่าซาน
เมื่อเห็นเย่ว์เหล่าซานโผล่มา ต้วนอวี้ก็ถามเสียงดัง “นี่ เจ้าลูกศิษย์ เจ้าก็มาเหมือนกันหรือ เห็นอาจารย์แล้วยังไม่คำนับอีก”
พอเย่ว์เหล่าซานเห็นต้วนอวี้ก็อุทานตกใจทันที สีหน้ากระอักกระอ่วนที่สุด แม้จะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่ก็ยังก้าวขึ้นมาข้างหน้าอย่างว่าง่าย คุกเข่าและโขกศีรษะกับพื้นต่อหน้าต้วนอวี้ เป็นเหตุการณ์ที่น่าขำมาก
หลังจากโขกศีรษะเสร็จแล้วก็ยืนขึ้น เย่ว์เหล่าซานไม่อยากอยู่ที่นี่นานเลยจึงเตรียมจะวิ่งหนี แต่จู่ๆ กลับได้ยินเสียงสตรีที่คุณเคยดังมาจากข้างหลัง “เย่ว์เหล่าซาน เจออาจารย์อีกคนของเจ้าแล้ว ทำไมยังไม่ก้าวขึ้นมาคำนับอีก”
ไม่ต้องบอกเลย คนที่มีฐานะนี้ได้ ย่อมเป็นซานเย่ว์ที่รอฉวยโอกาสซ้ำเติมอยู่แล้ว
เย่ว์เหล่าซานหันไปมองซานเย่ว์ แล้วมองเยี่ยเว่ยหมิงที่มีความคิดชั่วร้ายในใจ ก่อนโขกศีรษะคำนับอย่างหดหู่ทันที จากนั้นก็กระโดดยืนขึ้นเตรียมวิ่ง คำรามเกรี้ยวกราดอยู่ในลำคอไม่หยุด ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าจะวิ่งไปที่ไหนดี
เย่ว์เหล่าซานเพิ่งปรากฏตัวก็ถูกต้วนอวี้กับซานเย่ว์รังแกแล้ว ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าเฮ่อเหลียนเถี่ยซู่แรงๆ อีกครั้ง
สำหรับคนที่อยู่ไปวันๆ อย่างเย่ว์เหล่าซาน นอกจากต้วนเหยียนชิ่งแล้ว แม้แต่เฮ่อเหลียนเถี่ยซู่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน ได้แต่ปล่อยไปอย่างนั้น
ตอนนี้เอง จู่ๆ ทุกคนก็เห็นเงาร่างสีแดงแวบผ่านตรงหน้า เห็นเยี่ยเอ้อร์เหนียงกระโดดขึ้นต้นบ๊วย แล้วมองพวกขอทานเบื้องล่างด้วยเจตนาไม่ซื่อ
จากนั้นทุกคนก็เห็นเงาร่างสีทองที่ว่องไวกว่าก้าวเหยียยบเข้ามา เงานั้นลอยไปอยู่ตรงกลางระหว่างกำลังพลของสองฝ่าย พร้อมกล่าวเนิบๆ ว่า “จะเป็นแมวก็ดี จะเป็นงูก็ได้ ชี้แนะกระบวนท่าอันสูงส่งของวีรบุรุษพรรคกระยาจกให้อาตมาสักหน่อยก็พอแล้ว”
ทุกคนหันไปมองตามเสียง กลับเห็นคนผู้นี้มีรูปร่างผอมสูง ชุดนักบวชบนตัวเป็นผ้าทอจากใยต้นเก๋อ หรูหราเปล่งประกาย บนรัดเกล้าเลี่ยมด้วยหยกขาว สะท้อนแสงแวววาว ข้างหลังสะพายกระบี่ยาว ตอนที่ร่างลอยให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่มนุษย์ อายุประมาณสี่สิบห้าสิบ ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องไปทั้งตัว เห็นได้ชัดว่าเป็นนักพรตเต๋าผู้มีคุณธรรมสูงส่ง
ขณะเดียวกัน เสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นข้างหูผู้เล่นทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
[ติ๊ง! พบภารกิจชั่วคราว ‘ท้าสู้กับกลุ่มอี้ผิ่นถัง’]
[ท้าสู้กับกลุ่มอี้ผิ่นถัง]
พี่น้องยุทธภพภาคกลาง หนึ่งฝ่ายตกทุกข์ แปดฝ่ายช่วยเหลือ รับศึกกับยอดฝีมือของกลุ่มอี้ผิ่นถัง
ระดับภารกิจ: 6 ดาว
รางวัลภารกิจ: ดูจากระดับความสำเร็จของภารกิจ ค่าประสบการณ์และแต้มค่าตบะ
บทลงโทษภารกิจ: ไม่มี
หมายเหตุ: เนื่องจากศัตรูเก่งมาก แนะนำให้ตั้งทีมเพื่อท้าสู้ จำนวนสมาชิกทีมไม่เกินห้าคน
จะรับภารกิจหรือไม่
รับ/ปฏิเสธ
……
ยังมีภารกิจชั่วคราวด้วย?
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงได้ยินเสียงแจ้งเตือน เขาก็ไม่ได้เลือกทันที แต่มองไปยังนักพรตเต๋าที่เพิ่งปรากฏตัว
เมื่อมีภารกิจปรากฏขึ้น เหนือศีรษะของนักพรตคนนี้ก็มีค่าสเตตัส BOSS ปรากฏขึ้นแล้วเช่นกัน
[อวี้เจินจื่อ]
สมาชิกใหม่ของสี่คนโฉด เดิมเป็นยอดฝีมือสำนักกระบี่เหล็ก ลามกบ้ากาม สุดเหี้ยมชั่วโฉด
เลเวล: 114
พลังชีวิต: 2100000/2100000
กำลังภายใน: 660000/660000
……
นึกไม่ถึงว่าหลังจากอวิ๋นจงเฮ่อตายแล้ว ต้วนเหยียนชิ่งจะรับสมาชิกใหม่เข้ามาอีก
พอมองไปที่อื่น ก็พบว่าคนที่อยู่ตรงนั้นมีเพียงเยี่ยเอ้อร์เหนียงกับอวี้เจินจื่อ นอกจากเย่ว์เหล่าซานที่เพิ่งหนีไป กลับไม่เห็นคนที่ทำให้เขารู้สึกกลัวจริงๆ อย่างต้วนเหยียนชิ่ง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วยังจะลังเลอะไรอีก
แม้จะรู้ชัดว่าหลังจากนี้เนื้อเรื่องจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง การเจอภารกิจที่ทำได้แล้วไม่รับถือเป็นความผิดมหันต์!
หลังจากคุยกับเฟยอวี๋และซานเย่ว์สองสามประโยค เยี่ยเว่ยหมิงที่เป็นหัวหน้าทีมก็เลือกรับภารกิจ
ทว่าครั้งนี้ หลังจากรับภารกิจแล้ว กลับไม่ได้เข้าสู่สถานะต่อสู้ทันที มีแจ้งเตือนระบบโผล่มาอีกครั้ง
[ติ๊ง! กรุณาเลือกเป้าหมายการท้าสู้ของคุณ]
1. ท้าสู้อวี้เจินจื่อ
2. ท้าสู้เยี่ยเอ้อร์เหนียง
ไม่ต้องลังเลแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงเลือกข้อ 1 ทันที
ครู่ต่อมา นอกจากพวกเขาสามคน ผู้เล่นทั้งหมดก็หายไปแล้ว
ทั้งสามรู้ว่าตอนนี้ตัวเองได้เข้ามาอยู่ในฉากของดันเจี้ยนท้าสู้ BOSS แล้ว!