สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 878 ทำเช่นนี้อีกสองสามครั้ง ท้องพระคลังก็ไม่ว่างเปล่าแล้ว

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 878 ทำเช่นนี้อีกสองสามครั้ง ท้องพระคลังก็ไม่ว่างเปล่าแล้ว

บทที่ 878 ทำเช่นนี้อีกสองสามครั้ง ท้องพระคลังก็ไม่ว่างเปล่าแล้ว

เสนาบดีกรมพระคลังถูกยึดทรัพย์ ภายในราชสำนักเกิดความไม่พอใจมากมาย

ในตอนนี้เอง พวกเขารู้สึกประหนึ่งขาดริมฝีปากขึ้นมา*[1]

“ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม หากให้แม่นางน้อยผู้หนึ่งยื่นมือมาแทรกแซงเรื่องในราชสำนัก นั่นจะไม่ไร้สาระเกินไปหน่อยหรือ?”

“ไม่ผิด ถึงแม้ใต้เท้าวังจะทำผิดพลาดมากเพียงใดก็ไม่ถึงขั้นต้องยึดทรัพย์กระมัง?”

ขุนนางพลเรือนและขุนนางทหารล้วนกล่าวประท้วงระหว่างประชุมเช้า คิดจะให้ขุนนางที่ปรึกษาหลายคนแสดงความคิดเห็นต่อฮองเฮา พวกเขาไม่อาจปล่อยให้คุณหนูรองลู่นำองครักษ์เพ่นพ่านไปทั่ว สร้างความวุ่นวายให้ราชสำนักเช่นนี้

“ใต้เท้าทุกท่านสามารถไปเข้าเฝ้าพระนางฮองเฮาด้วยตนเองได้” ใต้เท้าหยางแสร้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ “ระยะนี้มีเรื่องมากมาย พวกข้าไม่อาจปลีกตัวได้จริง ๆ”

“ฮองเฮาอยู่ในวังหลัง ปกติมีเพียงขุนนางที่ปรึกษาไม่กี่คนที่เข้าเฝ้าพระนางได้ พวกเราขุนนางตำแหน่งเล็ก ๆ จะมีคุณสมบัติเข้าเฝ้าพระนางได้อย่างไร?”

“ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป” เซี่ยชิงโจวแย้มยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “นับตั้งแต่โบราณกาล ขุนนางทักท้วงผู้ปกครองไม่ใช่ข้อห้าม หากใต้เท้าทุกท่านไม่พอใจจริง ๆ สามารถเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อทัดทานได้ ปกติฮองเฮารักษาหน้าตาเป็นที่สุด ย่อมจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังแน่นอน”

ขุนนางที่พูดขึ้นมา “…”

ผู้ใดจะเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อทัดทานกัน?

อยู่ดี ๆ เหตุใดต้องหาเรื่องตายเล่า?

“ทุกท่าน ฮองเฮาเพิ่งให้กำเนิดองค์รัชทายาท เวลานี้เป็นเวลาพักฟื้นร่างกาย ตอนนี้พระนางไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะจัดการราชกิจ หากปล่อยให้ครอบครัวพระนางวุ่นวายเช่นนี้ นั่นไม่เท่ากับขุนนางพลเรือนและขุนนางทหารของอาณาจักรเฟิ่งหลินเราไร้ความสามารถหรือ?”

“นั่นสิ นั่นสิ”

เซี่ยชิงโจวหัวเราะออกมาเบา ๆ “ข้าให้พวกท่านเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อทัดทานก็ปฏิเสธ กลับกัน เจ้ายืนกรานที่จะปลุกเร้าความไม่พอใจของทุกคน ข้าขอบอกพวกท่านไว้เลยว่า ฝ่าบาทมอบตราราชลัญจกรหยกให้ฮองเฮาต่อหน้าพวกเรา หากพวกท่านมีข้อโต้แย้งใด ๆ เช่นนั้นก็สามารถไปที่ชายแดนเพื่อให้ฝ่าบาทนำตราราชลัญจกรหยกกลับคืนมาได้”

“ใต้เท้าเซี่ย ท่านปกป้องฮองเฮาเพียงนี้ มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่?”

“ใต้เท้าเซี่ยก่อนหน้านี้ก็เป็นคนอาณาจักรฮุ่ย แน่นอนว่าย่อมเข้าข้างคนอาณาจักรฮุ่ยด้วยกัน”

“ข้าเชื่อฟังพระบัญชาของฝ่าบาท ช่วยเหลือฮองเฮาอย่างเต็มที่ นี่มีปัญหาตรงไหน? หรือพวกท่านไม่ต้องการเชื่อฟังฝ่าบาท?” เซี่ยชิงโจวถาม

“พอได้แล้ว ไม่ต้องโต้เถียงกันแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ตลาดขายผัก เอะอะวุ่นวายเหมาะสมที่ใดกัน?” ใต้เท้าเฉินเสนาบดีที่ปรึกษาผู้หนึ่งกล่าว

เมื่อเซี่ยชิงโจวเดินจากมา เขายังได้ยินขุนนางเหล่านั้นกล่าวว่าการปล่อยให้สตรีเข้ามาจัดการบ้านเมืองนั้นไร้เหตุผล

สุนัขจิ้งจอกเฒ่าเหล่านี้ฉลาดจะตาย จะเป็นผู้ที่ก้าวออกมาแย้งโดยตรงได้อย่างไร?

ในพระตำหนัก ลู่จื่ออวิ๋นฟังลู่จื่อชิงอธิบายแล้วกล่าวว่า “ทำได้ดีมาก”

“พี่หญิง ท่านอย่าตำหนิข้าเลยนะเจ้าคะ”

“ไยข้าต้องตำหนิเจ้า? กรมพระคลังฉวยโอกาสยามฝ่าบาทไม่อยู่ อีกทั้งข้ายังเพิ่งคลอดลูก ไม่อาจออกไปว่าราชกิจได้ เขาคิดว่าสามารถซุกซ่อนเรื่องที่ก่อได้ ทั้งยังรังแกราษฎรเช่นนี้ เขาบอกว่าทหารชายแดนกำลังขาดแคลนไม่ใช่หรือ? ทำเช่นนี้อีกสองสามครั้ง ท้องพระคลังของเราก็จะมั่งคั่งขึ้นแล้ว”

“พี่หญิง ท่านกับข้าคิดไปในทางเดียวกัน อาณาจักรเฟิ่งหลินไม่นับว่าร่ำรวย แต่ข้าเห็นว่าขุนนางบางคนในราชสำนักกินดีอยู่ดี จับจ่ายใช้สอยง่ายยิ่งกว่าขุนนางอาณาจักรฮุ่ยเสียอีก คนเหล่านี้ควรได้รับการปรับปรุง”

ขุนนางระดับสูงอย่างเสนาบดีกรมพระคลัง ครั้นจะโดนตรวจค้นก็ถูกตรวจค้นทันที ขุนนางในราชสำนักย่อมรับรู้ได้ถึงวิกฤต อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกเขาจะเอ็ดอึงในราชสำนักอย่างหน้าชื่นตาบาน ทว่าก็ไม่มีผู้ใดกล้าสร้างปัญหาต่อหน้าฮองเฮา

มีเสนาบดีกรมพระคลังผู้นี้เป็นตัวอย่าง หมู่นี้จึงไม่มีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ เกิดขึ้นอีก แน่นอนว่าขุนนางกรมพระคลังถูกถอดถอนจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ย่อมต้องมีคนเข้ามารับตำแหน่งนี้ ลู่จื่ออวิ๋นจึงให้เซี่ยชิงโจวเสนอชื่อมาตามตรง

ลู่จื่ออวิ๋นออกจากการอยู่เดือนแล้ว

หลังจากนั้น นางจึงจัดงานเลี้ยงครบเดือนเล็ก ๆ ขึ้นในวัง ไม่มีพิธีใหญ่โตอะไร ไม่ได้เชิญขุนนางพลเรือนและขุนนางทหารในราชสำนักเข้าร่วม นอกจากสมาชิกในครอบครัวก็มีเซี่ยชิงโจวพ่อบุญธรรมผู้นี้

ไม่ผิด! ทันทีที่คลอดองค์รัชทายาทออกมา สถานะพ่อบุญธรรมของเซี่ยชิงโจวก็ได้รับการยืนยัน

“จากรายงานการรบที่ส่งมาจากชายแดน อาณาจักรเหลียงอาจต้านต่อไปไม่ไหว ดูจากสถานการณ์ยามนี้ ภายในครึ่งปีจะต้องมีผลลัพธ์ออกมาอย่างแน่นอน” เซี่ยชิงโจวยื่นรายงานการรบให้ลู่จื่ออวิ๋น

มู่ซืออวี่อุ้มเด็กเอาไว้ ขณะที่ลู่จื่อชิงและลู่ฉาวจิ่งกำลังเล่นกับเด็กน้อยเซี่ยเฉิงอี๋

“เกรงว่าไม่เร็วถึงเพียงนั้น” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ฟ่านเหยี่ยนวางแผนมากมายเพียงนี้ ย่อมไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”

“เขามีกำลังเพียงเท่านั้น ต่อให้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ก็ไม่อาจทำอะไรได้” มู่ซืออวี่เอ่ย “ศึกนี้เราสู้ต่อไปได้ ทว่าจากอำนาจของอาณาจักรเหลียง ถึงแม้จะมีฟ่านเหยี่ยน ลูกเขยที่เข้ามารับตำแหน่งฮ่องเต้องค์ใหม่ รากฐานในอาณาจักรเหลียงไม่มั่นคง มีคนในราชสำนักไม่มากที่เชื่อในตัวเขา หากเขายังคงต่อสู้เช่นนี้ต่อไป ย่อมมีบางคนในอาณาจักรเหลียงไม่พอใจ ฟานเหยี่ยนย่อมต้านไม่ได้”

“ท่านแม่ก็คิดว่าศึกนี้จะยืดเยื้อเพียงครึ่งปีหรือเจ้าคะ?”

“รอดูต่อไปเถิด”

เพียงพริบตาเดียว มู่ซืออวี่และลูก ๆ สกุลลู่ก็อยู่ที่อาณาจักรเฟิ่งหลินกว่าสองเดือนแล้ว

ตอนนี้ผู้คนแทบทั้งเมืองหลวงรู้จักแม่นางลู่รองกันหมด

ลู่จื่อชิงควบขี่ม้าขาว ด้านหลังมีเด็กหนุ่มสองคนตามติดตลอดเวลา ผู้หนึ่งคือซ่งหานจือ อีกผู้หนึ่งคือฉินโม่ถง

“ลู่รอง วันนี้พวกเราจะไปล่าสัตว์ที่ใดหรือ?” ทายาทรุ่นสองหลายคนขี่ม้ามาจากฝั่งตรงข้าม

ลู่จื่อชิงเอ่ยตอบ “วันนี้ไม่ล่าสัตว์ ข้าได้ยินว่ามีคนต่างแดนมา พวกเขาถึงกับกล้ากลั่นแกล้งแม่นางในเมืองหลวงเรา วันนี้พวกเราไปจับพวกเขาถอดเสื้อแขวนไว้บนกำแพงเมืองกันเถอะ!”

“น่าสนุก” ซูหลินอดีตทายาทรุ่นสองเอ่ย “พวกเราเดิมพันกันเป็นอย่างไร ผู้ใดจับคนแล้วแก้ผ้าเอาไปแขวนบนกำแพงเมืองได้ก่อน ผู้นั้นเป็นลูกพี่”

“เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีกหรือ? คราก่อนเจ้าแพ้ก็ยังไม่ยอมเรียกข้าว่าลูกพี่ ข้าอยู่อาณาจักรฮุ่ย ไม่ได้ไร้ยางอายเหมือนเจ้า” ลู่จื่อชิงมองอีกฝ่ายด้วยความรังเกียจ

“ครั้งนี้หากเจ้ายังชนะ ข้าจะเรียกเจ้าว่าลูกพี่!” ซูหลินกล่าว “ข้าเคยได้ยินเรื่องคนต่างแดนพวกนั้น พวกเขาคุ้นเคยกับการปลอมตัว ทั้งยังพูดภาษาถิ่นได้อย่างคล่องปาก คนส่วนใหญ่จับพิรุธพวกเขาไม่ได้เลย”

“ได้ เช่นนั้นมาเริ่มกันเถอะ!”

ลู่จื่อชิงและซูหลินแยกย้ายกันปฏิบัติการ

ซ่งหานจือเอ่ยว่า “พวกเราไม่เคยพบคนต่างแดนเลย แม้กระทั่งอายุหรือรูปร่างหน้าตาก็ไม่รู้จัก เจ้าคิดจะหาจากที่ใด?”

ฉินโม่ถงควบม้าไปเคียงข้างลู่จื่อชิงแล้วชี้ไปยังโรงพนันที่อยู่ไม่ไกล

“โรงพนันหรือ? ใช่แล้ว โรงพนันแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ว่ากันว่ามีวิธีเล่นรูปแบบใหม่ ๆ มากมาย เป็นสถานที่ที่ผู้มาเยือนต้องไปเยี่ยมชม” ลู่จื่อชิงเอ่ย “พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ”

ซ่งหานจือตามลู่จื่อชิงไปอย่างรวดเร็ว

สถานที่อย่างโรงพนันนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึม แม้นิสัยของลู่จื่อชิงจะดูโลดโผน ทว่านางไม่เคยไปสถานที่เช่นนี้มาก่อน ที่นี่มีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป มากคนมากความ เขาจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ทันทีที่ทั้งสามเข้าไป ดวงตาแต่ละคู่ต่างก็มองมา

“แม้กระทั่งขนก็ยังไม่ขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะกล้ามาที่นี่” นักพนันผู้หนึ่งกล่าววาจาหยาบคายออกมา

“คนเหล่านี้ดูคุ้นหน้าเล็กน้อยหรือไม่?”

คนในโรงพนันส่งสัญญาณให้กัน เด็กรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งเข้าไปข้างใน เอ่ยกับเจ้าของที่อยู่ข้างในไม่กี่คำ

“สกุลลู่แล้วอย่างไร? พวกเขาอยากมาเล่น พวกเราเปิดประตูทำกิจการ ไม่มีเหตุผลให้ผลักไสพวกเขาออกไป สกุลลู่มีเงิน ขอเพียงพวกเขาไม่โกง อยากเล่นอะไรก็เล่นได้”

“หากโกงเล่า?”

“โกงหรือ? โรงพนันของข้าไม่ใช่ที่ที่เข้าออกได้ตามต้องการ หากมีคนคนหนึ่งหายไปจากที่นี่ เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้า”

[1] ขาดริมฝีปากฟันเหน็บหนาว หมายถึง มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ขาดกันไม่ได้

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท