บทที่ 891 พลาดโอกาสที่ดีที่สุด
บทที่ 891 พลาดโอกาสที่ดีที่สุด
“ทุกท่านมาหาผู้ใดหรือ?” ยามเฝ้าประตูขวางประตูเอาไว้ ไม่มีทีท่าว่าจะเชิญพวกเขาเข้าไป
“ข้าน้อยคือเถ้าแก่หวังจากร้านหวัง มาแสดงความยินดีกับหัวหน้ามู่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้ากลุ่มการค้า” เถ้าแก่หวังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่ชาย โปรดถ่ายทอดข้อความให้ด้วยเถิด”
“หัวหน้าของเรายุ่งมากไม่มีเวลาพบคนนอก” ยามเฝ้าประตูเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ทุกท่านโปรดกลับไปเถอะ! มีอะไรเอาไว้ว่ากันวันหลัง”
“วันนี้เป็นวันดีที่หัวหน้ามู่เข้ารับตำแหน่ง พวกเรานำของขวัญมาแสดงความยินดี ผู้อื่นไม่พบ พวกเราเป็นถึงเถ้าแก่ที่มีชื่อเสียงยี่สิบอันดับแรกในเมืองหลวง หัวหน้ามู่จะก่อตั้งกลุ่มการค้า คงไม่อาจไม่มีสมาชิกกลุ่มการค้าสักคนได้กระมัง?” เถ้าแก่หลี่กล่าว
“นั่นสิ หัวหน้ามู่ต้องการสมาชิกเพื่อจัดตั้งกลุ่มการค้า พวกเราก็เสนอตัวมาช่วยเหลือถึงหน้าประตูแล้ว”
ในเวลานี้เองก็มีเสียงดังมาจากข้างใน
ยามเฝ้าประตูเปิดประตูใหญ่ออก ส่งคนข้างในออกไปด้วยความนอบน้อม
เมื่อคนข้างในออกมา เถ้าแก่หวัง เถ้าแก่หลี่ เถ้าแก่เจิ้ง และคนอื่น ๆ ที่ยิ้มแหยเมื่อครู่นี้พลันหน้าตึง แต่ละคนมองคนเบื้องหน้าด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ในอดีต บัณฑิต ชาวนา กรรมกร พ่อค้าวาณิชเหล่านี้ บัณฑิตได้รับการยกย่องที่สุด พ่อค้าอยู่อันดับต่ำสุด หลายปีมานี้สถานะของพ่อค้าค่อย ๆ สูงขึ้น ทว่าในหมู่พ่อค้าก็ยังมีระดับชั้นที่ต่างกัน อย่างเช่นเถ้าแก่หวังจากร้านหวังเป็นพ่อค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง พ่อค้าที่เพิ่งผ่านชั้นสองมา ปกติล้วนต้องการรวมกลุ่มกับพ่อค้าชั้นหนึ่ง โดยพ่อค้าชั้นหนึ่งมักจะถูกดูถูกเหยียดหยามอยู่เสมอ พวกเขาจะให้ความร่วมมือหรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์
“ไม่ได้บอกว่าไม่พบคนนอกหรือ? เช่นนั้น พวกเขาเข้าไปได้อย่างไร?” เถ้าแก่เจิ้งเดิมทีเป็นคนอารมณ์ร้าย หากไม่เห็นม้าที่สนามม้าวิ่งหนีจนรู้ว่าตนล่วงเกินผิดคนเข้าแล้ว เขาคงไม่อดทนจนถึงบัดนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นพ่อค้าชั้นสองที่ตนมักจะดูถูกเข้าไปในที่ทำการของกลุ่มการค้าเมืองหลวงได้ ขณะที่พวกเขาซึ่งเป็นพ่อค้าชั้นหนึ่งถูกขวางทางไว้ก็อารมณ์เสียขึ้นมาและเริ่มก่อความวุ่นวาย
“พวกเขาเป็นสมาชิกของกลุ่มการค้า แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเข้าไปได้ตามต้องการ”
“เช่นนั้นพวกเราเล่า?”
“หัวหน้ากำชับไว้แล้ว ทุกท่านมีสถานะสูงส่ง คงรังเกียจหัวหน้าของกลุ่มการค้าเล็ก ๆ ผู้หนึ่ง กลุ่มการค้าแห่งเมืองหลวงจึงไม่ต้องให้พวกท่านเข้าร่วมแล้ว” ยามเฝ้าประตูเอ่ย “ทุกท่านกลับไปเถิด”
พ่อค้าชั้นสองที่ออกมาเห็นว่าพ่อค้ารายใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ทำตัวสูงส่งเป็นอย่างยิ่งต้องอับอาย แต่ละคนล้วนหน้าชื่นตาบานจิตใจผ่องใสขึ้นมา
เป็นไปดังคาด การติดตามเจ้านายถูกคนเป็นสิ่งสำคัญ!
ดูคนที่ตาอยู่สูงกว่าหัวเหล่านี้แต่ละคนสิ พวกเขาคิดจริง ๆ หรือว่าหากหาเงินน้อยนิดนั่นได้แล้วจะไม่ต้องแยกเหนือ ใต้ ออก ตก จำต้องรู้ว่าอีกฝ่ายคือเถ้าแก่เนี้ยมู่ ผู้ทำการค้า สตรีอันดับหนึ่งของใต้หล้า หากนางคิดจะเชือดใครสักคน นั่นก็เพียงแค่เอ่ยประโยคเดียวเท่านั้น
“พวกเราอยากพบเถ้าแก่เนี้ยมู่” เถ้าแก่หวังค่อนข้างสงบทีเดียว ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าเขาจางลงเล็กน้อย แววตาฉายชัดถึงความโกรธ “พวกเราเพียงมีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่าง หวังว่าเถ้าแก่เนี้ยมู่จะให้โอกาสเราได้อธิบาย”
คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากข้างในแล้วกล่าวกับพ่อค้า “หัวหน้าบอกว่า อาหารที่เรือนหมิงเซียงนั้นทุกท่านยังไม่ได้ทาน รีบกลับไปทานเสียเถอะ อย่าได้ปล่อยให้เสียเปล่า ทางนี้ไม่รับรองทุกท่านแล้ว”
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนฉับพลัน
งานเลี้ยงที่พวกเขาจัดขึ้นที่เรือนหมิงเซียงเป็นความลับ นึกไม่ถึงว่าจะยังถูกตรวจสอบออกมาได้ นี่แสดงให้เห็นว่าทุกความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ภายใต้สายตาของเถ้าแก่เนี้ยมู่
“จะทำอย่างไรดี?”
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะทำให้หัวหน้ามู่ขัดเคืองแล้ว”
“ไม่เข้าร่วมก็ดี เข้าร่วมแล้วมีอะไรดีเล่า? เช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในนอกไม่ใช่คนแล้ว*[1]”
“ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องเข้าร่วม เมื่อก่อนไม่มีกลุ่มการค้า พวกเรายังทำได้ดี กิจการดีวันดีคืน เข้าร่วมกลุ่มการค้าตอนนี้มีประโยชน์อะไรต่อพวกเรา? ไปกันเถอะ กลับกันได้แล้ว”
พ่อค้าชั้นหนึ่งจากไปแล้ว เหลือเพียงเหล่าพ่อค้าชั้นสองเท่านั้น
“สหายเจี่ย พวกเรามาถูกทางแล้วจริง ๆ หรือ? จำต้องรู้ว่าพวกเราคิดจะทำกิจการ หลายเรื่องยังต้องพึ่งพาพวกเถ้าแก่หลี่ วันนี้พวกเราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเขา หากภายหน้าจะร่วมมือกับพวกเขาเกรงว่าจะลำบากแล้ว”
“สหายซู ท่านต้องจดจำไว้ข้อหนึ่ง หากเราอยากเป็นที่หนึ่งในโลกการค้า พวกเราต้องคว้าโอกาสและริเริ่มลงมือทำ หากไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของเถ้าแก่เนี้ยมู่ ก็ต้องเชื่อในอำนาจของฮองเฮา”
หลายปีที่ผ่านมาชื่อเสียงมู่ซืออวี่โด่งดังเป็นอย่างมาก ทว่าหลังจากรับหลี่กู่หยวนเป็นลูกศิษย์ นางก็ค่อย ๆ ถอยออกมาอยู่เบื้องหลัง ทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างให้กับลูกน้องจัดการ เกือบจะอยู่ในสภาพกึ่งเกษียณแล้ว
ถึงแม้ว่า…
ตอนนี้นางจะอายุเพียงสามสิบกว่าเท่านั้น
ในวัยนี้ถงซื่อได้คลอดบุตรชายคนเล็กจูเฉินออกมาแล้ว
มู่ซืออวี่หวนคืนสู่โลกการค้าอย่างยิ่งใหญ่ในต่างแคว้น จากนี้ย่อมมีทั้งคนสุขและมีคนทุกข์ เพราะนางสนับสนุนผู้ทำการค้าชั้นสองอย่างแข็งขัน ทั้งยังส่งมอบกิจการมากมายในอาณาจักรฮุ่ยและอาณาจักรเหลียงไว้ในกำมือของพวกเขา
นอกจากนี้ มู่ซืออวี่ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้ทำการค้าหลายคน ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์การค้าในปัจจุบันที่พวกเขาต้องเผชิญ
“เถ้าแก่ พวกเราขายสินค้าไม่ออกเลยขอรับ!”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?”
“ร้านเริ่นเปิดตัวอาหารชุดออกมา ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าราคาถูก เพราะอาหารยังได้เสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ได้ยินว่าวัตถุดิบที่พวกเขาใช้จัดส่งมาจากอาณาจักรฮุ่ย กลุ่มการค้ามอบสิทธิ์นี้แก่เขาแต่เพียงผู้เดียว”
การสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในเรือนของพ่อค้าชั้นหนึ่งหลายหลัง
กลุ่มการค้าสนับสนุนผู้ทำการค้าชั้นสองอย่างแข็งขัน ผู้ทำการค้าชั้นหนึ่งย่อมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ อีกฝ่ายใช้คุณภาพเอาชนะอย่างเปิดเผยและซื่อสัตย์ ไม่ได้ใช้เล่ห์เพทุบายใด ๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นอีก ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นเป็นเพียงการแสดงอำนาจ ประหนึ่งประกาศสงครามกับพวกเขา ซึ่งหมายความว่าพวกเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม ภายหน้ากลุ่มการค้าจะใช้กำลังทั้งหมดเข้ากดดันกันอย่างแน่นอน
“เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้การ”
ในเรือนหมิงเซียง ผู้ทำการค้าชั้นหนึ่งมารวมตัวกันอีกครั้ง
ต่างจากคราวที่แล้วที่มาด้วยความทะนงตน ครานี้แต่ละคนล้วนมีสีหน้าอมทุกข์ราวกับถูกทุบเข้าอย่างจัง
“จะทำอย่างไรดี? หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป กิจการของพวกเรา…”
“ท่านติดต่อใต้เท้าท่านนั้นได้หรือไม่?”
“จะติดต่อได้อย่างไร? แต่ไหนแต่ไรล้วนเป็นเขาที่ติดต่อเรามา พวกเราพบเขาได้หรือ? กระทั่งบัดนี้ พวกเรายังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาด้วยซ้ำ รู้เพียงว่าเขามีอำนาจใหญ่โต”
“ยอมแพ้เถอะ!”
“จะยอมแพ้อะไร?”
“ทางข้ายื้อต่อไปไม่ไหวแล้ว สกุลเริ่นนับวันยิ่งโอหังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อวานนี้เจอข้ายังหัวเราะเยาะข้าที่ไร้สมอง หากเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเราจะถูกพวกผู้ทำการค้าชั้นสองเหยียบย่ำจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้แล้ว”
“ทางข้าก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน”
“จะยอมแพ้อย่างไร?”
“เราพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการยอมจำนนแล้ว ทั้งหมดที่เราทำได้ตอนนี้คือรอให้หัวหน้ามู่สงบลง หยุดพุ่งเป้ามาที่เรา ส่วนเราจะยอมแพ้อย่างไร นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่านางต้องการสิ่งใดแล้ว”
ทางมู่ซืออวี่เกิดสงครามการค้า ทางลู่จื่ออวิ๋นก็เกิดการฟาดฟันในราชสำนักไม่ว่างเว้นเช่นกัน
ทุกที่ล้วนเกิดเหตุการณ์มากมาย ลู่จื่ออวิ๋นสนับสนุนผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาใหม่อย่างแข็งขัน อีกทั้งยังอนุญาตให้คนมาใหม่เหล่านี้มีอำนาจกำกับดูแล
ส่วนผู้มาใหม่เหล่านี้มาจากฝั่ง ‘ศัตรู’ กี่มากน้อยนั้น จำต้องรอให้พวกเขาเผยลวดลายออกมา มีเพียงจับโจรได้ในพันวัน ไม่มีมีผู้ใดป้องกันโจรได้พันวัน ดังนั้นก็เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เป็นโจรเถอะ!
[1] กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในนอกไม่ใช่คน หมายถึง ไม่อาจทำให้ฝ่ายใดพึงพอใจได้
——————————————