ตอนที่ 426 – กลับไปอย่างไร
โม่เทียนเกอยืนบนอากาศในมหาสมุทร ทอดมองผืนน้ำเบื้องล่างอย่างเงียบงันไร้วาจา
ที่นี่คือที่ตั้งเดิมของเกาะหนานจี๋ แต่ว่าตอนนี้หาร่องรอยของเกาะเล็ก ๆ อันใดไม่เจอเลย แม้แต่หินปะการังสักก้อนก็ยังไม่มี
ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่มีเรื่องมหัศจรรย์มากมาย เกาะหายไปทั้งเกาะธรรมดาอย่างยิ่ง เกาะบางแห่งหายไปในชั่วข้ามคืน เกาะบางเกาะกลับปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน อย่างเช่นเกาะหนานจี๋นี้ ปรากฏขึ้นมาเนื่องจากภูเขาไฟหลายปีก่อน แล้วก็สาบสูญไปเพราะภูเขาไฟอีก นับไม่มิใช่เรื่องประหลาดเลย
แต่ว่า เกาะอื่น ๆ เป็นอย่างไรไม่ได้เกี่ยวข้องกับโม่เทียนเกอสักครึ่งส่วน เกาะหนานจี๋แห่งนี้กลับเป็นทางเชื่อมระหว่างเทียนจี๋และอวิ๋นจง!
เกาะหนานจี๋หายไปแล้ว เส้นทางไม่อยู่แล้ว จะกลับเทียนจี๋อย่างไร
โม่เทียนเกอไม่ทราบ ตั้งแต่ที่ได้ยินข่าวนี้ นางก็มึนงงมาหลายวันแล้ว
จะต้องกลับเทียนจี๋ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัย นางมิใช่เนี่ยอู๋ชาง นางอยู่ที่เทียนจี๋มีอาจารย์มีญาติมีคนรัก จะสามารถสลัดทิ้งเหมือนไม่มีอะไรได้อย่างไร
แต่ว่า จะกลับเทียนจี๋ได้อย่างไรเล่า เกาะหนานจี๋หายไปแล้ว เส้นทางไม่คงอยู่แล้ว หรือว่าต้องเอาอย่างเนี่ยอู๋ชาง ไปข้ามทะเลใต้ แต่ว่า ถึงจะเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ยังไม่สามารถรับรองว่าจะข้ามทะเลใต้อย่างปลอดภัย จะให้นางหวังว่าตนเองมีโชคอย่างเนี่ยอู๋ชางหรือ
เรื่องของโชคก็คือโชค เป็นเพราะว่ามันไม่แน่ว่าจะมาเยือน ถ้าหากเห็นเนี่ยอู๋ชางข้ามทะเลใต้มาอย่างปลอดภัยแล้วนางก็ไปลองอย่างหุนหันพลันแล่น เช่นนั้นก็เสี่ยงอันตรายเกินไปแล้ว! นางอยากกลับเทียนจี๋ แต่จะไม่ละเลยชีวิตอย่างนี้เป็นอันขาด
คิดอยู่พักหนึ่ง โม่เทียนเกอถอนหายใจ เปิดกระเป๋าอสูรวิญญาณตรงเอว
“เจ้านาย” ร่างสีเขียวของเสี่ยวฝานมุดออกมาจากกระเป๋าอสูรวิญญาณ มันเป็นอสูรทะเล พอออกจากกระเป๋าอสูรวิญญาณก็ได้กลิ่นของผืนสมุทรอย่างเฉียบคม ดีใจไม่รู้แล้ว “เจ้านาย นี่คือที่ไหนขอรับ”
โม่เทียนเกอลูบหัวของมันเบา ๆ พูดว่า “เสี่ยวฝาน ที่นี่คือที่ที่พวกเรามา จำได้ไหม”
“เอ๊ะ?” เสี่ยวฝานกะพริบตา ไม่เข้าใจ ถามว่า “ที่ที่มาอะไรขอรับ”
โม่เทียนเกอเอ่ยว่า “ก็คือจุดที่พวกเราผ่านทางน้ำใต้ดินมาถึงอวิ๋นจง”
ได้ยินนางพูดอย่างนี้ เสี่ยวฝานเข้าใจอย่างรวดเร็ว ประหลาดใจไม่รู้แล้ว “เจ้านาย ท่านจะบอกว่า —” มันหันหัวสังเกตโดยรอบ แต่สิ่งที่เห็นเป็นเพียงมหาสมุทรอันไพศาล และเกาะเป่ยจี๋ที่อยู่ไม่ไกล “น้ำพุร้อนนั่นล่ะขอรับ เกาะนั่นหายไปแล้วหรือขอรับ”
โม่เทียนเกอพยักหน้า เสี่ยวฝานใช้ชีวิตอยู่ในทะเลชั่วนาตาปี การหายไปของเกาะ สำหรับมันแล้วเข้าใจได้ง่ายมาก
“เช่นนั้นทำอย่างไร” เสี่ยวฝานสะบัดหางวนรอบตัวนาง “พวกเราจะกลับไปไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ หลังจากนี้ข้าจะไม่ได้ไปทะเลตะวันออกแล้วหรือขอรับ จะไม่ได้เจอท่านปู่อีกแล้วหรือขอรับ ไม่ได้ไม่ได้ ข้าไม่เอา ข้า……เจ้านาย ทำอย่างไรล่ะขอรับ”
เห็นเสี่ยวฝานที่กระวนกระวายไร้ที่เปรียบ โม่เทียนเกอยิ้มขื่น นางจะรู้ว่าทำอย่างไรได้อย่างไร เรื่องประเภทนี้มันอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์นะ!
“เจ้าลงไปดูหน่อยเถอะ” ผ่านไปพักใหญ่ นางพูดขึ้นมา “ไม่รู้ว่าเกาะนี้จมลงใต้ทะเลรึเปล่า เจ้าลงไปหาดูว่าเส้นทางนั้นยังอยู่หรือไม่”
“ใช่!” ได้ยินนางพูดอย่างนี้ เสี่ยวฝานดีใจมาก “ข้าลืมไปได้อย่างไร เกาะจมลง ไม่แน่ว่าเป็นแค่ทางช่วงนี้ที่ขาดไป ไม่แน่ว่ายังสามารถผ่านไปได้ เจ้านาย ข้าไปนะ!”
พูดจบ เสี่ยวฝานรีบดำลงมหาสมุทรเสียงดัง “โครม” หางสีเขียวโบกสะบัด ดำลงไปอย่างว่องไวไร้ที่เปรียบ
เหลือโม่เทียนเกอ ยืนอยู่กลางลมทะเล ยังคงเงียบงันไร้วาจา
ถึงจะให้เสี่ยวฝานไปเสาะหาเส้นทาง แต่อันที่จริงในใจนางไม่ได้เกาะกุมความหวังอะไรเอาไว้ เรื่องที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรอันไพศาล มนุษย์จะควบคุมได้เยี่ยงใด เส้นทางนี้เดินอยู่ก้นทะเล ภูเขาไฟพอปะทุขึ้นจะทำลายแค่เกาะอย่างเดียวได้อย่างไร เกรงแต่ว่าลาวาพวกนั้นจะอุดเส้นทางไปหมดแล้วตอนที่ปะทุ
สมมติว่านี่เป็นบนแผ่นดินก็ช่างเถอะ อย่างมากก็เปิดภูเขาทลายหินเสาะหาไปช้า ๆ แต่ที่นี่กลับเป็นมหาสมุทร แม้ว่านางจะเป็นผู้ฝึกตนระดับสูงแล้ว สามารถดำลงไปในทะเลชั่วครู่ชั่วยาม แต่ไม่อาจจะลงไปเปิดเส้นทางที่ก้นทะเลหรอกนะ!
สาเหตุที่ให้เสี่ยวฝานลงไปเสาะหาก็แค่เพราะว่านางไม่ยินยอมพร้อมใจเท่านั้น สมมติว่าโชคดี เส้นทางนั้นแค่ต้องทำความสะอาดเล็กน้อยก็สามารถใช้การได้แล้วเล่า โม่เทียนเกอเกาะกุมความหวังลม ๆ แล้ง ๆ อย่างนี้เอาไว้แล้วรอคอยเงียบ ๆ
หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม……หนึ่งวัน สองวัน……
เสี่ยวฝานไม่เคยขึ้นมาตั้งแต่ต้นจนจบ โม่เทียนเกอไม่กังวลว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุอะไร ระหว่างพวกนางมีสัญญาอสูรวิญญาณ ถ้าหากเสี่ยวฝานเกิดอุบัติเหตุ นางจะมากจะน้อยก็สัมผัสได้นิดหน่อย อีกอย่าง เสี่ยวฝานเป็นชางหลง ท้องทะเลผืนนี้อยู่ใกล้เกาะเป่ยจี๋ขนาดนี้ ไม่มีอสูรทะเลขั้นสูง อสูรทะเลขั้นต่ำพวกนั้นจะเป็นคู่มือของชางหลงได้อย่างไร คิดว่าเสี่ยวฝานไม่อยากยอมแพ้ ดังนั้นเสาะหาไปเรื่อย ๆ กระมัง?
ถึงวันที่สาม ผิวทะเลเกิดคลื่นขึ้นมาในที่สุด เสี่ยวฝานผุดขึ้นจากทะเลพร้อมเสียง “โครม”
“เจ้านาย……” พอเห็นโม่เทียนเกอ เสี่ยวฝานเข้ามาใกล้นางอย่างเสียใจ เอาหัวถูแขนของนาง
เมื่อเห็นท่าทางหดหู่ของเสี่ยวฝาน โม่เทียนเกอก็เดาผลลัพธ์ได้แล้ว โชคดีที่นางเตรียมใจไว้แล้ว เพียงถอนหายใจคำหนึ่ง ลูบหัวของมัน “พวกเราหาหนทางอื่นเถอะ”
“อืม” ติดตามโม่เทียนเกอมาเป็นสิบปีแล้ว ตอนเริ่มแรก เสี่ยวฝานเพียงไว้ใจนางเพราะสัญญาอสูรวิญญาณ แต่ตั้งหลายปีขนาดนี้ กินโอสถของนางไปเยอะขนาดนี้ แล้วอย่างต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ความไว้วางใจนี้กลายเป็นความเชื่อมั่นแล้ว มันเชื่อว่าเจ้านายจะต้องมีหนทางที่สามารถแก้ไขสถานการณ์
โม่เทียนเกอนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศอย่างไม่มีความคิดจะจากไป เสี่ยวฝานก็ติดตามอยู่ข้างกายนางโดยไม่ขยับ
คิดอยู่พักหนึ่ง โม่เทียนเกอเปิดกระเป๋าอสูรวิญญาณอีก ครั้งนี้ตัวที่มุดออกมาคือเฟยเฟย
“อืม? นี่เป็นที่ไหน” พอออกจากกระเป๋าอสูรวิญญาณก็มีลมทะเลพัดใส่ร่าง เฟยเฟยตัวสั่น ลูบขนของตัวเอง “อา มหาสมุทร!”
เฟยเฟยถึงจะไม่ใช่อสูรทะเล แต่มันก็มีชีวิตอยู่บนเกาะของทะเลตะวันออก เห็นมหาสมุทรก็ร่าเริงอย่างยิ่ง “เจ้านาย นี่เป็นที่ไหน”
ตั้งแต่ที่รู้สำนึกก็ไม่เคยเห็นเฟยเฟยมีท่าทางร่าเริงไร้เดียงสาขนาดนี้เลย ถึงในใจจะหงุดหงิดยิ่ง โม่เทียนเกอก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปาก เผยรอยยิ้มนิด ๆ
นางแตะเส้นขนอันเรียบลื่นของเฟยเฟย พูดว่า “เฟยเฟย พวกเรากลับไปไม่ได้แล้ว”
“เอ๊ะ?” เฟยเฟยกำลังเพลิดเพลิน จู่ ๆ ได้ยินประโยคนี้ กะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ
โม่เทียนเกอจึงเอ่ยว่า “เส้นทางอันนั้นที่พวกเรามาจากเทียนจี๋พังแล้ว ไม่อาจจะกลับไปทางเดิม”
“อ้อ” ฟังวาจานี้จบ เฟยเฟยกลับแค่ตอบรับคำเดียว พูดอย่างไม่แยแสว่า “ไม่กลับก็ไม่กลับสิ ที่นี่ก็ดีออก” มันไม่ใช่เสี่ยวฝานที่มีผู้อาวุโสมีญาติไม่ต่างจากคน มันพอเกิดมาก็ถูกคนจับไปเป็นอสูรวิญญาณ ไม่มีแนวคิดเรื่องบ้านเกิดอะไรทั้งนั้น ต่อเทียนจี๋ยิ่งไม่ได้ทิ้งความประทับใจที่ดีอะไร ขอแค่โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนยังอยู่ กลับหรือไม่กลับสำหรับมันแล้วไม่สำคัญสักนิดเดียว
ได้ยินน้ำเสียงนี้ของเฟยเฟย ถ้าหากว่าไม่ใช่ว่าตอนนี้ไม่มีแรงจะโมโห โม่เทียนเกอก็อยากจับมันโยนออกไปจากตรงนี้จริง ๆ เจ้านี่ ตั้งแต่ที่รู้สำนึกก็มีแต่ยั่วโมโห!
“ไม่กลับ? เจ้าพูดเสียง่าย ไม่พูดถึงเรื่องอื่น ห้วงมหรรณพแห่งความรู้ของข้าเคยถูกผู้ฝึกตนชั้นยอดคนหนึ่งฝังรอยประทับเอาไว้ ถ้าภายในสองร้อยปีไม่ทำเรื่องที่เขามอบหมายแล้วให้เขาช่วยลบรอยประทับให้ข้า ข้าก็มีชีวิตได้แค่สองร้อยปี!” โม่เทียนเกอขมวดคิ้ว “ปัจจุบันนับดูแล้วเหลือแค่ประมาณหนึ่งร้อยยิ่สิบปี”
“เอ๊ะ?” เฟยเฟยกะพริบตา เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะผูกสัญญาอสูรวิญญาณ มั่นย่อมไม่รู้
“เจ้าอย่าพูดนะว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า” โม่เทียนเกอมองมันอย่างเย็นชา “ถ้าข้าตายไป โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนก็จะกลายเป็นวัตถุไร้เจ้าของ พวกเจ้าต้องฝึกตนอยู่ข้างในตลอดจนกว่าจะไปถึงขอบเขตทลายนภา ไม่ก็ต้องรอให้เจ้านายคนถัดไปมายอมรับเป็นนาย แต่ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่า พวกเจ้าอสูรเทพโบราณกาลถึงจะมีความแข็งแกร่งที่แกร่งมาก แต่กับทักษะประเภททลายนภานี่กลับไม่รู้เท่าไหร่ นอกจากนี้นะ ขอบอกเจ้าเสียด้วยเลยว่าที่ข้าสามารถรับเป็นนายโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนเป็นเพราะว่าข้าครอบครองรากวิญญาณต้นกำเนิด เจ้าคิดเอาเองนะว่ารอให้รากวิญญาณต้นกำเนิดคนถัดไปปรากฏแล้วบังเอิญมาค้นพบโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนแล้วยังยอมรับเป็นนาย จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่”
“……” เฟยเฟยไร้วาจาไปครู่หนึ่ง พลิกสีหน้าทันควันแล้วสะบัดหางเอาใจ “เอาล่ะ ๆ ข้ารู้แล้ว ในหนึ่งร้อยยี่สิบปีนี้จะต้องหาหนทางกลับไปใช่รึเปล่า”
“ยังต้องเร็วกว่านั้นอีก” โม่เทียนเกอก้มหน้าพึมพำ ครึ่งค่อนวันให้หลังจึงถอนหายใจออกมา “นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายเลย”
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะมอบหายให้ฉินซีไปแล้ว เชื่อว่าเขาจะต้องคิดหนทางหาเงื่อนงำออกมา แต่การเสาะหาเถ้ากระดูกของผู้ฝึกตนที่สิ้นไปเมื่อห้าพันปีก่อนมันเป็นเรื่องง่ายหรือ ยิ่งไปกว่านั้นนิสัยของนักเดินทางจื่อเวยคนนั้นก็ค่อนข้างพิสดาร……
คิดอยู่ครึ่งค่อนวัน ยังคงคิดหนทางดี ๆ ไม่ออก โม่เทียนเกอนวดหัวคิ้ว พึมพำกับตัวเองว่า “หาทางไปเทียนจี๋? นี่ต้องหาจากตรงไหน……”
เฟยเฟยกะพริบตาพูดว่า “หรือว่าผู้ฝึกตนของอวิ๋นจงไม่เคยมีใครไปเทียนจี๋เลย”
“ย่อมมี” โม่เทียนเกอพูด “แต่ว่า เท่าที่ข้ารู้มา ผู้ฝึกตนอวิ๋นจงที่เคยไปเทียนจี๋ล้วนเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่……”
ตัวอย่างเช่นจงมู่หลิงและหยวนเป่า พวกเขาในเมื่อสามารถเลื่อนขึ้นแปลงเทพ ตอนนั้นย่อมเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่ร้ายกาจยิ่ง นอกจากนั้นก็มีที่เจิ้นหยางซือป๋อเคยพูดว่าในอดีตเขาเคยพบกับผู้ฝึกตนอวิ๋นจงที่ข้ามทะเลใต้คนหนึ่ง ระดับการฝึกตนคือจิตวิญญาณใหม่ขั้นต้น แต่ตัวเขาเองมีทักษะการเคลื่อนที่อันน่าอัศจรรย์……
นอกจากเส้นทางนี้ สรุปว่ามีทางลัดจากอวิ๋นจงไปเทียนจี๋หรือไม่ โม่เทียนเกอไม่กล้ายืนยัน ถึงจะมีก็เกรงว่าจะเป็นความลับเป็นพิเศษ ยังมีทางที่ชัดเจนอยู่อย่างหนึ่ง: ข้ามทะเลใต้
อันตรายของการข้ามทะเลใต้ไม่ต้องพูดมาก แต่ถ้าหาหาทางอื่นไม่เจอก็มีแค่ทางนี้ที่สามารถเลือกได้
“ล้วนเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ เช่นนั้นเจ้านายท่านก็ฝึกไปถึงจิตวิญญาณใหม่ก็ได้แล้ว เวลาหนึ่งร้อยยี่สิบปี สำหรับท่านแล้วง่ายมากเลยกระมัง?” เฟยเฟยพูดอย่างง่ายดายปลอดโปร่ง
ครั้งนี้โม่เทียนเกอไม่ได้ถลึงตาใส่มัน นางพึมพำว่า “มิผิด อยากข้ามทะเลใต้จะต้องฝึกไปถึงจิตวิญญาณใหม่ สรุปว่าจะสามารถหาทางอื่นเจอหรือไม่ ไม่สามารถรับประกันได้เลย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องเตรียมข้ามทะเลใต้!”
คิดถึงตรงนี้ ในดวงตานางเผยประกายแน่วแน่ เวลาหนึ่งร้อยยี่สิบปี เพียงพอให้นางเลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่จริง ๆ ถึงขนาดที่เลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลาง ในระยะเวลานี้ ด้านหนึ่งนางจะต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองสุดความสามารถเพื่อเตรียมตัวข้ามทะเลใต้ อีกด้านหนึ่งก็ต้องคิดหนทางไต่ถามว่ามีทางลัดไปเทียนจี๋หรือไม่
ในใจมีการตกลงใจแล้ว โม่เทียนเกอเรียกอสูรวิญญาณทั้งสอง “เข้ากระเป๋าอสูรวิญญาณ พวกเราไป”
“เอ๊ะ?” เฟยเฟยส่ายหาง แสดงความไม่เข้าใจ “จะไปไหน”
“ย่อมไปกักตน” โม่เทียนเกอพูด “ถึงจะหาทางอื่นไม่เจอ ขอเพียงเลื่อนขึ้นจิตวิญญาณใหม่ การข้ามทะเลใต้ก็มีหวัง”
………………..
ตอนที่ 427 – กลับเมืองกุ่ยฟาง