ตอนที่ 444 – พบหลิงอวิ๋นเฮ่ออีก
ในเวลาไม่กี่วัน ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ของเกาะอีเยี่ยยิ่งมายิ่งมา เมืองที่แต่ก่อนพบเห็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนสองคนเป็นครั้งคราว มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เดินอาด ๆ ผ่านไปอยู่บ่อยครั้ง ในนี้ที่ระดับการฝึกตนขั้นกลางขึ้นไปก็เห็นไม่น้อย
นี่ทำให้โม่เทียนเกอเพิ่มความสนุกสนาน
นางร้องขอห้องติดถนนกับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ไม่มีธุระก็หมอบอยู่ข้างหน้าต่างนับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่ผ่านไป พูดคุยกับฝูเหยาจื่ออย่างตื่นเต้นคึกคักถึงระดับการฝึกตนและสำนักของคนเหล่านี้ รวมไปถึงว่าฝึกวิชาเวทอะไรอย่างคร่าว ๆ
จิตใจไร้เดียงสาอันหาได้ยากนี้กระตุ้นความสนใจของฝูเหยาจื่อขึ้นมา พูดคุยกับนางอย่างกระตือรือร้นมากทุก ๆ วัน แรกสุด โม่เทียนเกอยังนึกว่าซือฟุของตนเองท่านนี้ติดอยู่ในกระบี่ฝูเซิงนานเกินไป ดังนั้นรู้สึกสนใจทุกสิ่งบนโลกมนุษย์มาก ภายหลังจึงค่อย ๆ ตระหนักว่า ซือฟุกำลังตั้งใจบ่มเพาะสายตาของนาง
เมื่อค้นพบจุดนี้ นางแอบตื้นตันในใจ
ถึงแม้ว่าจะเรียกขานฝูเหยาจื่อว่าซือฟุ แต่ในส่วนลึกของจิตใจนาง ซือฟุที่ใกล้ชิดที่สุดคือประมุขเต๋าจิ้งเหอเสมอมา เวลาไม่กี่ปีอย่างไรเสียก็เทียบไม่ได้กับหลายสิบปี แต่การทุ่มเทจิตใจสั่งสอนโดยไม่เก็บงำสักนิดเยี่ยงนี้ของฝูเหยาจื่อค่อย ๆ ทำให้นางรู้สึกไม่อยากแยกจาก ทุกครั้งที่คิดถึงว่าซือฟุท่านนี้มีความเป็นไปได้มากว่าจิตหยั่งรู้จะสลายไปหลังจากนี้ไม่นาน ลาจากตนเองไปตลอดกาล จะรู้สึกเศร้าอยู่ในใจ
แน่นอนว่า ความเศร้านี้ถูกนางสะกดไว้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่แรกก็รู้ว่าจะมีวันนั้น นางมีการเตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว
ณ ขณะนี้ นางเริ่มฝึกศาสตร์เวทยับยั้งผู้ฝึกมารชุดนั้น ศาสตร์เวทชุดนี้เป็นสิ่งที่ฝูเหยาจื่อได้มาจากในถ้ำพำนักผู้ฝึกตนโบราณ เหมาะสมให้คนที่ฝึกศาสตร์แห่งต้นกำเนิดฝึกฝนถึงสิบส่วน นางยังมีฝูเหยาจื่อชี้แนะด้วยตนเอง หลีกเลี่ยงการเดินอ้อม ฝึกฝนคืบหน้ารวดเร็ว มีผลลัพธ์ในเวลาไม่นาน ส่วนสิ่งของเหล่านั้นที่ซื้อที่เมืองอวิ๋นอี้ก็ล้วนถูกใช้ไปทีละอย่าง หรือว่าชำระอาวุธเวท หรือว่าหลอมโอสถ หรือผลิตม่านพลัง
ในกระบวนการนี้ ฝูเหยาจื่อแสดงความรังเกียจถึงสิบส่วนต่อระดับการหลอมอุปกรณ์ที่ไม่ได้เรื่องของนาง น่าเสียดายที่โม่เทียนเกอไม่รู้สึกหน้าแดงสักนิด นางมิใช่อัจฉริยะที่เก่งกาจไปเสียทุกอย่างแบบโม่เหยาชิง พรสวรรค์ในวิชาเบ็ดเตล็ดมีสูงมีต่ำ ปกติมาก ถึงการหลอมอุปกรณ์จะแย่หน่อย แต่ความสำเร็จด้านการหลอมโอสถและม่านพลังของนางก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถไปถึง
สิ่งที่ทำให้โม่เทียนเกอรู้สึกว่าน่าสนใจนอกจากนี้คือ พร้อมกับที่ผู้ฝึกตนระดับสูงของเกาะอีเยี่ยยิ่งมายิ่งมาก สายตาในเมืองก็ยิ่งมายิ่งมาก สายตาเหล่านี้กว่าครึ่งจับอยู่ที่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่เพิ่งเข้าเกาะ ถึงจะไม่ได้ล่วงเกิน แต่เฝ้ามองตลอดเวลา
มีฝูเหยาจื่ออยู่ข้างกาย โม่เทียนเกอมีไพ่ลับอยู่กับตัว สำหรับสายตาเหล่านี้ เพียงแกล้งเป็นไม่เห็น ใช้ชีวิตอันผ่อนคลายสบายใจของตัวเองต่อไป
ทว่าตอนที่นางกำลังผ่านวันเวลาอย่างผ่อนคลายสบายใจ เกาะอีเยี่ยในที่สุดได้ต้อนรับบุคคลไม่กี่คนที่สำคัญที่สุดแล้ว
กลางเกาะอีเยี่ย มียอดเขาเตี้ยแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่พลังวิญญาณหนาแน่นที่สุดของเกาะนี้ ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณเล็กน้อยนี้เทียบกับสำนักใหญ่ต่าง ๆ แล้วจะไม่มีค่าให้เอ่ยถึง แต่ยังคงถูกกลุ่มอำนาจใหญ่ต่าง ๆ จับแบ่ง ตั้งเป็นสาขา ยอดเขาเตี้ยนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางของเมือง ในยามปกติถึงจะมียามคุ้มกัน แต่ก็มีคนไป ๆ มา ๆ แต่ไม่กี่วันนี้กลับมีกำแพงอาคมเป็นชั้น ๆ ผู้ไม่มีกิจห้ามเข้า
แต่ว่า เหล่าผู้ฝึกตนของเกาะอีเยี่ยรวมถึงศิษย์ของสำนักใหญ่ต่าง ๆ ล้วนไม่กล้าแสดงความเห็นแย้ง เพราะพวกเขาทราบว่า สาขาในขณะนี้ชุมนุมด้วยผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ชั้นนำของอวิ๋นจง
“ยินดีต้อนรับซือจู่ (ซือป๋อ) ทุกท่านสู่เกาะอีเยี่ย” ท่ามกลางเสียงร้องของศิษย์สำนักจิ่วเยี่ยน ผู้ฝึกตนหลายคนเดินเข้าสาขาของสำนักจิ่วเยี่ยนช้า ๆ
“ไม่ต้องมากพิธี ล้วนลุกขึ้นเถอะ” อาจารย์เต๋าหยวนมู่ที่เดินอยู่หน้าสุดโบกมือตามสบาย
“ขอบพระคุณซือป๋อมากขอรับ” ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานสำนักจิ่วเยี่ยนนำโดยหัวหน้าสาขาลุกขึ้นมา กำลังจะขึ้นหน้าไปรายงานสักรอบ พอดีจะได้ทิ้งความประทับใจที่ดีไว้ในใจซือป๋อทั้งหลาย เพื่อแย่งชิงความก้าวหน้าให้ตนเองสักเล็กน้อย
“ซือเกอท่านนี้ ซือป๋อทั้งหลายล้วนเหนื่อยแล้ว พวกท่านก็ไม่ต้องวุ่นวาย ก่อนหน้านี้เตรียมการอย่างไรก็รับรองอย่างนั้นเถอะ หากมีคำถาม ข้าจะส่งคนไปแจ้ง” ผู้ฝึกตนหนุ่มที่ติดตามอยู่ข้างหลังผู้อาวุโสไท่ซ่างจิตวิญญาณใหม่ทั้งหลายหยุดเขาแล้วกล่าวเสียงอบอุ่น
คนคนนี้อยู่ระดับก่อเกิดตานขั้นปลาย ใบหน้าอ่อนเยาว์ ท่าทีเป็นมิตร แต่ทว่าในคำพูดมีความเด็ดขาดที่ไม่อนุญาตให้กังขาชนิดหนึ่ง หัวหน้าสาขาจดจำได้ทันที ท่านนี้คือเจ้าสำนักของสำนักจิ่วเยี่ยน นายน้อยสกุลหลิงหลิงอวิ๋นเฮ่อ จึงไม่ถามมากความอีก กุมมือตอบรับว่า “ขอรับ เจ้าสำนัก” สีหน้ากลับผิดหวังอยู่บ้าง
หลิงอวิ๋นเฮ่อยิ้มบาง ๆ เอ่ยว่า “ซือเกอวางใจเถิด ทำธุระให้ดี เหล่าซือป๋อล้วนมีการคิดคำนวณอยู่ในใจ”
เดิมทีหัวหน้าสาขาของสาขาต่าง ๆ ล้วนมีเพียงระดับสร้างฐานพลัง แต่เกาะอีเยี่ยมีสถานการณ์พิเศษ ที่ใช้เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ถึงจะพูดว่าเป็นหัวหน้าสาขาที่เกาะอีเยี่ย แต่ทั้งไม่มีผู้ฝึกตนระดับสูงกดอยู่บนศีรษะแล้วยังสามารถได้รับผลประโยชน์ใกล้เคียง นับว่าไม่ลำบาก แต่สำหรับผู้ฝึกตนก่อเกิดตานแล้ว เส้นเลือดวิญญาณของเกาะอีเยี่ยนี้แย่อยู่บ้างจริง ๆ ทั้งไม่สามารถจดจ่อกับการฝึกตนอย่างตอนที่อยู่ในสำนัก พูดได้ว่าได้ไม่คุ้มเสีย ดังนั้น หัวหน้าสาขาของเกาะอีเยี่ยมักจะเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมีอายุและไม่มีผู้หนุนหลังอะไร พบเจองานใหญ่เช่นนี้อย่างไม่ง่ายดาย แค้นที่ไม่อาจโผล่หน้าไปอยู่เบื้องหน้าผู้อาวุโสไท่ซ่างจิตวิญญาณใหม่ทั้งหลาย สร้างความรู้สึกที่ดีสักเล็กน้อย จะได้ย้ายกลับสำนักหรือได้รับผลประโยชน์ก็ยังดี
หัวหน้าสาขาคนนี้ก็คิดอย่างนี้ น่าเสียดายที่ถูกหลิงอวิ๋นเฮ่อขัด ในใจกำลังรู้สึกไม่มีความสุข ได้ฟังประโยคนี้ของหลิงอวิ๋นเฮ่อ คิดถึงว่าอีกฝ่ายมีตำแหน่งเจ้าสำนักกลับปลอบใจตนเองเช่นนี้ รู้สึกสบายใจขึ้นมากมาย ตอบรับอย่างสุภาพ ไปทำธุระ
รอจนคนไม่เกี่ยวข้องออกไปจนหมดสิ้น อาจารย์เต๋าหยวนมู่ถามว่า “เด็กน้อย คนที่เจ้าจัดแจงไว้เล่า?” ไม่ได้เจาะจงชื่อแซ่ แต่ทุกคนล้วนทราบว่านี่คือคำเรียกขานที่บรรพจารย์จิตวิญญาณใหม่ทั้งหลายใช้กับหลิงอวิ๋นเฮ่อ
หลิงอวิ๋นเฮ่อขึ้นหน้าไปเอ่ยว่า “หยวนมู่ซือป๋อรอสักครู่ ซือจื๋อแจ้งให้เขามาแล้ว”
“อืม” อาจารย์เต๋าหยวนมู่พยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก หันหน้าไปคุยกับซือตี้ทั้งหลาย
ไม่นานนัก ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม “ศิษย์หลิงอี๋ชุ่นกราบพบซือจู่ทั้งหลาย”
เมื่อเห็นคนคนนี้ อาจารย์เต๋าหยวนมู่ประหลาดใจอยู่บ้าง คาดไม่ถึงว่าผู้ที่หลิงอวิ๋นเฮ่อส่งมาทำธุระที่สำคัญขนาดนี้ถึงกับเป็นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังคนหนึ่ง แต่ว่า เด็กน้อยสกุลหลิงจัดการเรื่องราวเหมาะสมมาตลอด เขาก็ไม่คิดมาก ยกมือขึ้น “ไม่ต้องมากพิธี”
รอจนหลิงอี๋ชุ่นยืนขึ้น หลิงอวิ๋นเฮ่อถามว่า “เสี่ยวชุ่น จัดการธุระเป็นอย่างไรแล้ว?”
หลิงอี๋ชุ่นก้มศีรษะอย่างนอบน้อม ล้วงแผ่นหยกหนึ่งชิ้นออกจากในอกเสื้อ ตอบว่า “ตอบซือจู่, ซือจู่ทั้งหลาย รายชื่อผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่มายังเกาะอีเยี่ยเร็ว ๆ นี้อยู่ที่นี่ ศิษย์สั่งคนไปตรวจสอบแล้ว”
หลิงอวิ๋นเฮ่อรับแผ่นหยกมา เสนอให้กับผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ทุกท่านก่อน ผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่ทั้งหลายอ่านดูทีละคนแล้วจึงส่งคืนเขา
หลิงอวิ๋นเฮ่ออ่านจบแล้วถามว่า “คนเหล่านี้เจ้าไปดูด้วยตาตนเองหมดแล้วหรือ?”
“ตอบซือซูเจ้าสำนัก ศิษย์ดูหมดแล้ว” ความเคลื่อนไหวของคนที่น่าสงสัยทั้งหมดล้วนอยู่ในการควบคุม สามารถไปเชิญคนได้ทุกเมื่อ”
หลิงอวิ๋นเฮ่อพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หมุนตัวไปรายงานต่อผู้อาวุโสทั้งหลายว่าบนที่นั่งผู้ทรงเกียรติว่า “ซือป๋อทั้งหลาย จะไปเชิญมาทันทีเลยหรือไม่ขอรับ”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่ไม่ได้ตอบ ทว่ามองซือตี้ทุกคนแวบหนึ่ง
หลิงซื่ออวี่ยิ้มบาง ๆ กล่าวว่า “ควรเร็วไม่ควรช้า”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่พยักหน้า มองหลิงอวิ๋นเฮ่อแวบหนึ่ง
หลิงอวิ๋นเฮ่อเข้าใจ พาหลิงอี๋ชุ่นออกจากสาขา
วันนี้ฝึกตนเสร็จแล้ว โม่เทียนเกอออกไปเดินเล่น นางแลกศิลาวิญญาณจำนวนมากกลับมาจากเมืองอวิ๋นอี้ ส่วนเกาะอีเยี่ยก็เป็นตลาดระดับสูงที่สุดของอวิ๋นจง กลุ่มเป้าหมายคือผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน จะละทิ้งโอกาสนี้ไปได้อย่างไร? พอว่างก็ออกไปเดิน ๆ ซื้อของล้ำค่าสักหน่อย ไม่แน่ว่าวันหลังจะสามารถเอาไปใช้ ถึงตัวเองไม่ได้ใช้ เอากลับเทียนจี๋ก็ดีเหมือนกัน
เยี่ยมชมตลาดเสร็จ กลับโรงเตี๊ยม ยังไม่ทันเข้าห้อง กระบี่ฝูเซิงบนหลังจู่ ๆ ร้องหึ่งหนึ่งคำ เสียงของฝูเหยาจื่อดังขึ้นในสมองนางว่า “มีคน”
โม่เทียนเกอยิ้ม ๆ ไม่ได้ใส่ใจ ในตลาด ถึงแม้ทุกคนล้วนไม่ใช้จิตหยั่งรู้ตามใจชอบ แต่นางยังไม่ถึงขนาดที่ว่าในห้องตนเองมีคนยังไม่รับรู้ เพียงแต่เรื่องนี้อยู่ในการคาดการณ์เท่านั้นเอง
“ตั้งหลายวันขนาดนี้ถึงเสาะหามาถึงประตู ความเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ช้าเกินไปนะ”
ฟังวาจานี้แล้ว ฝูเหยาจื่อยิ้มยื่นเอ่ยว่า “เจ้าไม่พูดล่ะว่าทักษะปลอมรูปของเจ้าสูงเยี่ยมเกินไป? ถึงจะเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ก็ต้องขั้นกลางขึ้นไปจึงจะสามารถค้นพบความผิดปกติ จิตหยั่งรู้อ่อนสักหน่อยก็ไม่ได้แล้ว”
อันที่จริง ทักษะปลอมรูปของเนี่ยอู๋ชางถึงจะสูงเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้สูงเยี่ยมถึงระดับนี้ สาเหตุที่โม่เทียนเกอใช้แล้วมีประสิทธิภาพแกร่งขนาดนี้เป็นเพราะว่าบนตัวนางมีป้ายซ่อนวิญญาณ เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธเวทอันพิสดารบนตัวนาง ฝูเหยาจื่อก็ได้แต่อุทานชื่นชม
“แต่ระดับการฝึกตนของผู้มาคล้ายจะไม่สูง……” โม่เทียนเกอพึมพำพลาง ผลักประตูเปิดพลาง
ในห้องมีเพียงผู้ฝึกตนสองคน หนึ่งนั่งหนึ่งยืน หนึ่งก่อเกิดตานหนึ่งสร้างฐานพลัง — ถึงกับเป็นคนรู้จักด้วย
เมื่อเห็นนางเข้ามา สายตาของทั้งสองคนล้วนจับอยู่บนร่างนาง
โม่เทียนเกอเหลือบตามอง เห็นอาวุธเวทประเภทจานหยกในมือของหนึ่งในนั้นทันที ที่แท้อาศัยอาวุธเวท ดังนั้นมองทะลุมายาของนาง
“สหายเต๋าฉิน ไม่พบกันนาน” หลิงอวิ๋นเฮ่อลุกขึ้นกุมมือคำนับนางอย่างสุภาพ
โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ ถอนทักษะปลอมรูป เผยรูปลักษณ์ดั้งเดิมของตนเองออกมา “นานมากแล้วจริง ๆ ทุกครั้งที่จ้ายเซี่ยคิดจะไปเสาะหาสหายเต๋าหลิงจะถูกเรื่องราวทางโลกพัวพันไว้เสมอ พริบตาเดียวก็ไม่ได้เจอกันห้าสิบกว่าปีแล้ว สหายเต๋าหลิงจากมาสบายดีกระมัง?”
“ขอบคุณสหายเต๋าฉินมากที่ห่วงใย ผู้แซ่หลิงสบายดีมาก” สายตาของหลิงอวิ๋นเฮ่อไหววูบ มองนาง อดกล่าวมิได้ว่า “ไม่ได้พบกันนานปี สหายเต๋าฉินระดับการฝึกตนรุดหน้าเร็วเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้แซ่หลิงชื่นชมโดยแท้”
“สหายเต๋าหลิงก็ไม่ได้แย่ เรื่องราวทางโลกพัวพัน แล้วยังข้องเกี่ยวกับข้อพิพาท ยังคงมีความก้าวหน้าเช่นนี้ หายากจริง ๆ”
หลิงอวิ๋นเฮ่อฝืนยิ้ม ไม่ได้พูดจาอีก
บรรยากาศประหลาดอยู่บ้าง ในอดีตทั้งสองคนถึงแม้จะมิตรภาพไม่ได้ล้ำลึก แต่ระหว่างกันพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ ทว่าวันนี้กลับไม่เจ็บไม่คัน หนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม
โม่เทียนเกอไม่โทษหลิงอวิ๋นเฮ่อเลย นางเข้าใจสถานการณ์ในขณะนี้มาก ไม่ว่านางกับหลิงอวิ๋นเฮ่อแต่ก่อนจะมีมิตรภาพอย่างไร เขาก็เป็นเจ้าสำนักของสำนักจิ่วเยี่ยน เมื่อยืนอยู่บนตำแหน่งของเขา จำเป็นจะต้องใคร่ครวญถึงประโยชน์ของสำนัก ถึงแม้นางจะมีบุญคุณช่วยชีวิตเขามาก่อนก็เป็นเช่นกัน ถ้าจะบอกว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อก่อนหน้านี้เป็นคนร่วมรุ่นที่สามารถสนทนากัน อย่างนั้นหลิงอวิ๋นเฮ่อของวันนี้ก็คือเป้าหมายที่นางจะต้องขับเคี่ยว
“เสี่ยวชุ่น เจ้าก็มาเกาะอีเยี่ยแล้ว ไม่เจอกันหลายปี ตอนนี้สบายดีหรือ”
เมื่อได้ยินคำทักทายของนาง หลิงอี๋ชุ่นรีบโค้งคำนับ “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ห่วงใย เสี่ยวชุ่นสบายดีมากขอรับ”
โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ ไม่พูดอีก
ทั้งสามคนเงียบงันกันไปครู่หนึ่ง หลิงอวิ๋นเฮ่อเอ่ยปากในที่สุดว่า “สหายเต๋าฉิน เรื่องหุบเขาไร้กังวลปีนั้น ยังต้องขอบคุณที่ท่านยื่นมือช่วยเหลือมาก”
โม่เทียนเกอโบกมือ ยิ้มเอ่ยว่า “สหายเต๋าเคยขอบคุณมาแต่แรกแล้ว จะต้องขอบคุณอันใดอีกเล่า?”
หลิงอวิ๋นเฮ่อกลับล้วงกระเป๋าเอกภพหนึ่งใบออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้อย่างจริงจังมาก “ของตอบแทนที่รับปากสหายเต๋าฉินในปีนั้น ล่าช้ามานานไม่อาจทำตามที่รับปาก ผู้แซ่หลิงละอายใจนัก สิ่งของเหล่านี้ ผู้แซ่หลิงพกไว้กับตัวมานานมากแล้ว วันนี้ขอส่งคืนให้สหายเต๋าเถอะ”
“……” โม่เทียนเกอถอนหายใจ รับกระเป๋าเอกภพมา กล่าวว่า “สหายเต๋าหลิง ท่านไม่ต้องรู้สึกผิด เราท่านจุดยืนไม่เหมือนกัน ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
เมื่อได้ยินวาจานี้ของนาง หลิงอวิ๋นเฮ่อสีหน้าสดใสขึ้นเล็กน้อย เขาจะไม่เข้าใจเหตุผลนี้ได้อย่างไร? ถ้าหากเป็นคนอื่น ขณะนี้เขาจะไม่รู้สึกอันใดเลย แต่ว่า……
“สหายเต๋าฉิน……” เขาถอนหายใจเรียกคำหนึ่ง ราวกับคิดจะพูดอะไร สุดท้ายยังกลืนกลับลงไป จากนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป สวมรอยยิ้มน้อย ๆ ที่อ่อนโยนสง่างามดุจหน้ากาก กล่าวว่า “ขอเพียงท่านส่งมอบกระบี่ฝูเซิงออกมา ข้าสามารถรับประกันว่าภายหลังจะไม่มีคนตอแยท่าน”
……………….
เผื่อคนลืม ซือจู่เป็นอาจารย์ปู่ ซือป๋อเป็นอาจารย์ลุง ซือจื๋อคือหลานศิษย์ (หลานแบบรุ่นหลานลุง)
คือ จะเอาของของเขาไม่พูดถึงการขอซื้อ แต่ปล้นกันซึ่งหน้า คนดีย์แบบไหน
ตอนที่ 445 – ต่อรองราคา