บทที่ 389 วันเกิดหนานกงฉีโม่
บทที่ 389 วันเกิดหนานกงฉีโม่
เสี่ยวเป่าที่ถูกบังคับให้ฟังท่านอาเจ็ดบ่น “…”
นางเพียงต้องการนอนกลางวันบนตั่งใต้ต้นไม้
“เสี่ยวเป่า เจ้าว่าเสด็จพี่ทำเกินไปใช่หรือไม่ ตอนนี้ข้าเป็นอ๋อง เป็นหงหลูซื่อชิง และยังให้นั่งตำแหน่งเจ้ากรมคลังเป็นการชั่วคราวอีก เพียงแค่นี้ก็มากเกินไปแล้ว
หรือว่าเสด็จพี่จะไม่พอใจอันใดข้าจึงคิดลงโทษกัน เจ้าไม่รู้หรอกว่าคนพวกนั้นมองข้าด้วยสายตาน่ากลัวเพียงใดเมื่อเสด็จพี่บอกให้ข้าเป็นรักษาการเจ้ากรมคลัง…”
หนานกงหลีเปิดปากบ่นออกมาไม่จบไม่สิ้น
เสี่ยวเป่าจะปิดหูไปก็ไม่มีประโยชน์
“ลำบากท่านอาเจ็ดแล้ว”
นางจะทำสิ่งใดได้กัน สามารถเพียงแค่เอ่ยปลอบใจเท่านั้น
“เพื่อตอบแทนท่าน ข้ามีของขวัญให้ท่านด้วย”
เสี่ยวเป่านอนลงบนตั่งใต้ร่มไม้ประหนึ่งปลาเค็มแล้วโบกมือ “ชุนสี่ ไปเอาดาบในห้องข้ามาหน่อย”
ดาบยาวชุดที่สองถูกผลิตออกมาแล้ว เสี่ยวเป่ามอบให้เหล่าพี่ชายทั้งหมดคนละเล่ม ส่วนตนเองก็เหลืออยู่หนึ่งเล่ม
ดาบยาวดีก็จริง ทว่าจำเป็นต้องใช้เหล็กจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง
แผนการของหนานกงสือเยวียนคือการสร้างกลุ่มทหารชั้นยอด ดาบยาวที่เหลือล้วนซ่อนเอาไว้ในกรมโยธา
“ไหนให้ข้าดูเสียว่าสิ่งใดเป็นของตอบแทน”
หนานกงหลีเอนตัวลงบนเก้าอี้ด้วยความเกียจคร้าน ทว่าเมื่อชุนสี่นำดาบออกมาเขาพลันนั่งตัวตรงขึ้นทันที
เพียงแค่ดูปลอกดาบให้ความรู้สึกดุดันสง่าเสียแล้ว
เขาชักมันออกมาดู ทันใดนั้นดวงตาพลันเปล่งประกายขึ้น
“งดงามยิ่งนัก!”
เขาถือดาบเอาไว้ในมือ พลันรู้สึกชอบดาบเล่มนี้มากยิ่งขึ้น
“ยอดเยี่ยม เสี่ยวเป่า เจ้าไปนำมาจากที่ใดกัน ดาบเล่มนี้ให้ข้าจริงหรือ”
เสี่ยวเป่าหยักหน้า “อืม เสี่ยวเป่าให้ท่านอาเจ็ด”
นางยังเล็กนัก ดาบใหญ่เล่มนี้สูงยิ่งกว่าตัวนางเสียอีก ดังนั้นนางจึงไม่อาจใช้ได้ ให้ท่านอาเจ็ดก็นับเป็นเรื่องเหมาะแล้ว
หนานกงหลีชื่นชอบเป็นอย่างมาก เขาทนรอไม่ไหวที่จะได้นำไปอวด
สมบัติล้ำค่าถึงเพียงนี้แทนที่จะซ่อนมันเอาไว้อย่างมิดชิด สู้เอาไปอวดโฉมไม่ดีกว่าหรือ
เขาถูกแต่งตั้งให้ไปยังกรมคลัง ดังนั้นวันนี้จะต้องออกไปเที่ยวเล่นให้เต็มที่!
“เสี่ยวเป่า ท่านอาเจ็ดกำลังจะไปแล้ว อย่าลืมคิดถึงกันด้วย”
หนานกงหลีกอดดาบเอาไว้แล้วจากไปอย่างเริงร่า
เสี่ยวเป่าพลิกตัว ดึงผ้าห่มผืนเล็กที่อยู่ระหว่างขาสั้น ๆ ขึ้นมา พลางหลับตาลงอ้าปากหาว ในที่สุดท่านอาเจ็ดก็ไปแล้ว ได้เวลานอนเสียที
หนานกงหลีห้อยดาบเอาไว้ข้างเอวพร้อมเดินออกไปอย่างวางมาด
เขาแต่งกายด้วยชุดขุนนางสีเลือดหมู ดาบยาวสีดำเหน็บข้างเอว เดินเชิดหน้าหลังตรง
หากไม่ใช่เพราะท่าทางเกียจคร้านเจ้าสำราญ ตอนนี้ท่าทางของเขาคงนับได้ว่าสง่างามจริง ๆ
หลังจากกลับถึงจวนเขาก็สั่งให้คนใช้เตรียมตัวสำหรับออกไปทันที
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว เขาก็นำม้าสีน้ำตาลแดงงดงามออกมา ก่อนจะพาร่างที่สวมชุดหล่อเหลาสง่างามกระโดดขึ้นหลังม้าขี่ออกไป
เหล่าผู้รากมากดีอย่างพวกเขาเองก็มีสนามขี่ม้าประจำ หลังจากรวมตัวกันแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นดาบข้างเอวของหนานกงหลี
“เซียวเหยาอ๋องนำสิ่งใดดี ๆ มาอีกหรือ”
“ศัสตราวุธ? นี่คือกระบี่หรือ”
หนานกงหลีเชิดหน้าหลังตรง สีหน้าแสดงความภาคภูมิใจออกมา “ไม่ นี่คือดาบ”
“ดาบคือสิ่งใด ไม่เหมือนกับเหล่าศัสตราที่พวกเราเคยพบเห็นมาก่อน”
“เซียวเหยาอ๋อง ท่านช่วยนำออกมาแสดงให้พวกเราดูได้หรือไม่”
“ท่านอ๋องอย่าได้หลอกพวกเราเลย เป็นอาวุธใหม่ของกรมโยธาหรือ”
หนานกงหลีดึงดาบออกมา
“ดาบดี!”
“ดาบเล่มนี้ดูดุดัน ทั้งยังงดงาม!”
“ท่านอ๋องให้พวกข้าดูหน่อยเถิด”
แม้พวกเขาจะชื่นชอบการเที่ยวเล่น แต่ก็ยังมีไม่น้อยที่ชมชอบในเหล่าศัสตราวุธด้วย
คนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบมาทดลองใช้ดาบยาวทีละคน ถึงขนาดกับทำให้ต้นไม้ถูกตัดโค่นลง
ดาบนี้นับว่าคมมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังเหมาะมือใช้งานง่าย ชั่วพริบตานั้นทั้งหมดพลันรู้สึกอิจฉาขึ้นมา เกิดต้องการได้มันด้วยเช่นกัน
หลังจากหนานกงหลีโอ้อวดดาบเสร็จ เขาก็เริ่มโอ้อวดหลานสาวตัวน้อยของตน
“ดาบเล่มนี้เป็นหลานสาวตัวน้อยของข้าที่มอบให้ หลานสาวตัวน้อยของข้าช่างฉลาดเฉลียวรู้ความ สิ่งใดดีล้วนคิดถึงข้า หลานสาวตัวน้อยของข้า…”
แม้โดนกรอกหูด้วยคำพูดมากมาย แต่สิ่งที่อยู่ในหัวของพวกเขามีเพียงคำพูดไม่กี่คำ ‘หลานสาวตัวน้อยของข้า…’
ทุกคนแทบจะกลอกตาแล้ว ทว่าไม่พูดก็ไม่ได้ การถูกองค์หญิงเป็นห่วงใส่ใจถึงเพียงนี้ เป็นเรื่องที่ชวนให้อิจฉาอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกันหนานกงฉีโม่เองก็โดนอิจฉาไม่ต่างกัน
สิ่งของที่ถูกส่งไปยังเมืองชายแดนได้ไปถึงแล้ว หนานกงฉีโม่ไม่คาดคิดเลยว่าเสี่ยวเป่าจะยังจำวันเกิดของเขาได้ ทั้งยังได้มอบของขวัญให้ รวมทั้งยังมีของขวัญจากพี่ใหญ่และเหล่าน้องชายด้วย
ตัวเขาเองยังลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตน
หนานกงฉีโม่เพิ่งอ่านจดหมายเสร็จ ยังไม่ทันจะได้มีเวลาเปิดดูสิ่งของ เซี่ยสุยอันก็พาบิดาและแม่ทัพอีกหลายคนมาด้วย
“องค์ชายรอง เซี่ยสุยอันบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของท่าน รังเกียจหรือไม่หากพวกข้ามารบกวนท่าน”
สำหรับองค์ชายรองแล้ว ตอนนี้พวกเขาต่างยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจ
สามารถทนต่อความลำบากไม่ปริปากบ่น อีกทั้งยังดูแลเรื่องราวทั้งหมดในเมืองหน้าด่านอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
การเก็บเกี่ยวที่ดีขึ้นมากในปีนี้ก็เป็นเพราะเมล็ดพันธุ์และปุ๋ยที่องค์ชายรองนำกลับมา
นอกจากข้าวสารและข้าวสาลีที่เก็บเกี่ยวไปแล้ว ยังมีมันเทศจำนวนหนึ่งที่รอการเก็บเกี่ยวด้วย
ยังมีม้าของพวกเขาที่ปีนี้สามารถกินอาหารได้จนร่างกายอุดมสมบูรณ์ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะองค์ชายรองล้อมทำทุ่งเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่เอาไว้ ทั้งยังนำหญ้าที่งอกงามได้ดีจนพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเข้าไปปลูก เหล่าวัว แกะ และม้าล้วนชื่นชอบการกินมันเป็นพิเศษ
ม้าศึกของพวกเขา ทุกครั้งที่ปล่อยออกไปเดินเล่นก็ชอบแอบไปยังทุ่งเลี้ยงสัตว์ ยื่นคอผ่านเข้าไปในรั้วเพื่อกินหญ้า
ไม่เพียงแต่ม้าที่พวกเขาเลี้ยงเอาไว้เท่านั้น กระทั่งม้าป่าสองฝูงยังถูกดึงดูดเข้ามา ทำให้คนที่เห็นต่างอดดีใจไม่ได้ พลันจับม้าเหล่านั้นมาเลี้ยงดูทันที
กินหญ้าพวกเขาแล้วก็อย่าได้จากไปเลย
อย่างไรก็ตามปีนี้จะต้องนับได้ว่าอุดมสมบูรณ์ทั้งปีอย่างแน่นอน
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดขององค์ชายรอง พวกเขาจึงคิดจะมาดื่มสุราเฉลิมฉลอง
หนานกงฉีโม่มองพวกเขาแล้วหัวเราะออกมา “พอดีเชียว น้องหญิงเพิ่งจะส่งสุราใหม่มาให้ข้าพอดี”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนพลันหูกระดิกขึ้นมาทันที นี่จะต้องเป็นสุราชั้นเลิศอย่างแน่นอน
“ข้ายังจำเหล้าองุ่นได้ นี่คือเหล้าองุ่นที่องค์หญิงบ่มใหม่หรือ”
เหล้าองุ่นของปีก่อนหมดไปนานแล้ว แม้พวกเขาอยากดื่มเพียงใดก็ไม่มีให้ดื่ม
“อาจไม่ใช่”
หนานกงฉีโม่ก้าวออกไปโดยมีสุราอยู่ในมือ หลังจากเปิดฝาออกมากลิ่นหอมสุรารสแรงก็พลันโชยออกมา ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น กระทั่งคนอื่น ๆ ยังตกตะลึง
“สุรานี่…”
คนแรกที่ไม่อาจทนนั่งต่อได้คือแม่ทัพเซี่ย เขาสูดดมแล้วโน้มตัวเข้าใกล้ “…กลิ่นสุรารุนแรงเป็นอย่างยิ่ง แรงยิ่งกว่าสุรานมแพะที่ข้าเคยได้กลิ่นมาก”
“เร็วเข้า เร็วเข้า แบ่งให้พวกเราหน่อยเถิด”
ทุกคนแทบอดทนรอไม่ไหว
เซี่ยสุยอันยังอดบีบจอกสุราในมือของตนแน่นขึ้นไม่ได้
หลังจากเทสุราออกมาแล้ว ดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้างขึ้น
“เหมือนกับน้ำ ทว่ากลิ่นสุราแรงเป็นอย่างยิ่ง”
พวกเขากระดกสุราเข้าปากทันทีที่ได้รับมา หลังจากนั้นก็พากันเบิกตากว้าง
“สุราดี!”
“ยอดเยี่ยมนัก!”
“นี่สิสุราที่บุรุษแท้จริงควรดื่ม ถึงอกถึงใจยิ่ง ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว ฮ่า ๆ ๆ…”