ตอนที่ 829 ทำเกี๊ยวกลางดึก
วันรุ่งขึ้น หลินม่ายพาน้าถูและเสิ่นอวิ้นกลับเมืองหลวง
เมื่ออยู่บนเครื่องบิน เสิ่นอวิ้นก็ถามหลินม่ายว่าในอนาคตเธอจะเข้าสู่วงการบันเทิงหรือไม่
หลินม่ายส่ายศีรษะ “ฉันแค่เล่น ๆ ไม่ได้จะเข้าวงการบันเทิงจริงจัง แล้วเธอล่ะ”
“ฉันด้วย ฉันจะเข้าสู่แวดวงบันเทิงในฐานะเด็กมหาวิทยาลัยได้อย่างไร พรสวรรค์ช่างไร้ประโยชน์!”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม
เสิ่นอวิ้นรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านของหลินม่ายตอนเที่ยง จากนั้นจึงขึ้นรถไฟกลับบ้านเกิดของหล่อน
ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนจะเปิดเรียน และหล่อนก็ต้องการกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง
ในตอนบ่าย ฟางจั๋วหรานกลับถึงบ้านหลังจากเลิกงาน ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาเห็นหลินม่ายอุ้มโต้วโต้วไว้ในอ้อมแขน พูดคุยพลางหัวเราะกับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง
เขายิ้มทันทีพร้อมพูดอย่างมีความสุขโดยไม่ได้แสดงสีหน้ามากนัก “คุณกลับมาแล้วทำไมคุณไม่โทรหาผมล่วงหน้า? ผมจะได้ไปรับคุณที่สนามบิน!”
หลินม่ายมองเขาด้วยรอยยิ้มพร้อมตอบกลับ “ฉันแค่ไม่อยากรบกวนคุณกับปู่ย่าให้มารับที่สนามบินน่ะค่ะ ฉันเลยไม่ได้โทรหาคุณ”
ฟางจั๋วหรานกลัวว่าการที่หลินม่ายอุ้มโต้วโต้วจะส่งผลต่อทารกในครรภ์ของเธอ
ดังนั้นเขาจึงเดินไปอุ้มโต้วโต้ว และนั่งลงข้างหลินม่าย
เขาบอกหล่อนว่าอยู่ในอ้อมอกแม่นาน ๆ ไม่ได้ ทารกในครรภ์ของแม่ก็จะทนไม่ได้
โต้วโต้วไม่ได้เจอหลินม่ายมาเกือบเดือนแล้ว และหล่อนคิดถึงแม่มาก
ทันทีที่หลินม่ายกลับมา หล่อนก็เอาแต่อยู่กับแม่
ฟางจั๋วหรานกอดหล่อนห่างจากแขนของหลินม่าย เด็กหญิงพยายามตะเกียกตะกายเพื่อปีนป่ายไปหาแม่ของเธอ
หลินม่ายหยุดหล่อนพลางกล่าว “ ไม่ได้ยินที่พ่อบอกเหรอ? แม่อุ้มหนูนานจนเกินไป น้อง ๆ ในท้องของแม่จะรู้สึกอึดอัด ลูกรักน้อง ๆ ที่อยู่ในท้องแม่ใช่ไหม?
โต้วโต้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “รักค่ะ”
หลินม่ายจูบหล่อนที่หน้าผาก “ในเมื่อลูกรักน้อง ๆ ในท้องของแม่ แน่นอนว่าลูกก็คงไม่อยากให้น้องอึดอัด”
โต้วโต้วส่ายหัวและพูดว่า “ หนูไม่อยากให้น้องอึดอัด”
คุณย่าฟางกล่าว “โต้วโต้วของพวกเรามีเหตุผลมาก ถ้าไม่อยากให้น้องรู้สึกอึดอัด ก็ไม่ต้องอ้อนวอนให้แม่อุ้มอยู่บ่อย ๆ ตกลงไหม?”
โต้วโต้วตอบตกลงและยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปสัมผัสท้องของหลินม่ายอย่างระมัดระวัง “น้อง ๆ พี่ทำให้พวกเราเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ถ้าพี่เผลอทำให้เจ็บ พี่ต้องขอโทษด้วยนะ พี่จะไม่ทำให้พวกเรารู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว”
ทุกคนยิ้มและชมว่าหล่อนมีเหตุผล
น้าถูขยันมาก หล่อนดูแลงานบ้านทันทีที่กลับมา
เมื่ออาหารพร้อม หล่อนก็ยกมาที่โต๊ะ
ฟางจั๋วหรานหยิบเงินสามร้อยหยวนออกมาและมอบให้หล่อน “คุณน้าทำงานหนักมากเพื่อดูแลม่ายจื่อ นี่เป็นรางวัลพิเศษสำหรับคุณน้าครับ”
น้าถูรับเอาเงินนั้นไปทันที
หล่อนมีความสุขมาก เมื่อลองคำนวณดูแล้ว เงินเดือนของหล่อนในเดือนนี้ก็คือห้าร้อยหยวน
ได้รับเงินตอบแทนอีกสามร้อยหยวน กล่าวคือหล่อนได้รับแปดร้อยหยวนต่อเดือน
หากเป็นแบบนี้ไปอีกสองสามเดือนก็คงจะดีไม่น้อย
อาหารมื้อค่ำนั้นอุดมสมบูรณ์มาก และหลินม่ายกินสี่ชามในคราวเดียว
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางมีความสุขมากที่เห็นว่าเธอกินได้มากแค่ไหน แต่ฟางจั๋วหรานมองเธอสองครั้งและไม่พูดอะไร
หลินม่ายสุขภาพดี แม้ว่าเธอจะตั้งครรภ์มานาน แต่ก็ยังไม่รู้สึกเหนื่อย
หลังมื้ออาหารเย็น เธอนั่งดูข่าวที่ออกอากาศผ่านทีวีร่วมกับคนอื่น ๆ เพราะเธอต้องการสนทนากับคุณปู่และคุณย่าฟาง
แต่คุณปู่และคุณย่าฟางคิดว่าเธอเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาตลอดทั้งวัน สุดท้ายหลินม่ายก็ถูกพวกเขาบังคับให้เข้าไปนอนหลับพักผ่อน
ฟางจั๋วหรานกลับไปที่ห้องกับเธอ และสิ่งแรกที่เขาทำคือ ให้หลินม่ายยืนอยู่ข้างหน้าเขาและมองเธออย่างระมัดระวัง
ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป
หลินม่ายรอให้เขาสังเกตการณ์เสร็จ เธอนั่งลงบนเตียงแล้วลูบท้องอย่างแผ่วเบา “ฉันท้องได้สี่เดือนกว่าแล้ว ทำไมท้องยังไม่โตเลย?”
ฟางจั๋วหรานนั่งลงข้างเธอ เอื้อมมือไปสัมผัสท้องของเธออย่างระมัดระวัง “ส่วนใหญ่การตั้งครรภ์สี่เดือนนั้นท้องจะยังไม่โตอย่างไม่ชัดเจน และมักจะไม่ชัดเจนจนกว่าจะถึงห้าหรือหกเดือน”
หลินม่ายมองเขาด้วยสายตาที่ประหลาดใจ “คุณไม่ใช่สูตินรีแพทย์ คุณรู้ได้ยังไง?”
แม้ฟางจั๋วหรานจะถูกถามเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่โกรธ เขาค่อย ๆ ปรนนิบัติเธออย่างอ่อนโยน และนอนหลับโดยโอบกอดเธอในตอนกลางคืน
ในคืนที่มืดมิด ฟางจั๋วหรานซึ่งหลับสนิทพลันรู้สึกถึงความว่างเปล่าในอ้อมแขนของเขา
เขาพยายามเอื้อมมือคว้าเพื่อค้นหาหลินม่าย แต่ก็ไม่พบ จนกนะทั่งได้ยินเสียงเคี้ยวอาหารดังขึ้น
เขาลืมตาขึ้น แต่ไฟในห้องยังคงมืดสนิท
แสงจันทร์ที่สว่างไสวนอกหน้าต่างส่องเข้ามาทางผ้าม่านชีฟองผืนเล็ก
หลินม่ายนั่งอยู่ริมหน้าต่าง กำลังกินนมและบิสกิตอย่างเอร็ดอร่อย
ฟางจั๋วหรานลุกขึ้นจากเตียงและเปิดโคมไฟข้างเตียง “ที่รัก คุณตื่นมากินดึกขนาดนี้ คุณหิวเหรอ? ทำไมไม่เรียกผม ผมจะได้จัดเตรียมอาหารให้ ดูสิ คุณไม่เปิดไฟเลยด้วยซ้ำ หากเป็นอะไรมาจะทำยังไง? คุณกำลังท้องอยู่นะ”
หลินม่ายยัดบิสกิตเข้าปาก “ฉันแค่ดื่มนมกับบิสกิตเอง ไม่เห็นต้องเปิดไฟ อีกอย่างฉันกวนว่าแสงไฟจะรบกวนคุณที่กำลังหลับไหล ไม่ต้องห่วงฉัน ตั้งแต่ท้อง ฉันระวังตัวมาก จะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คุณไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน”
ฟางจั๋วหรานสวมใส่เสื้อผ้า “การกินบิสกิตไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ผมจะทำเกี๊ยวตามแบบทางเหนือให้คุณหนึ่งชาม”
หลินม่ายพยักหน้า “น่ากินจัง”
เธอไม่ชอบเกี๊ยวมากนัก แต่ชื่นชอบเกี๊ยวตามแบบทางเหนือ
เช่นเดียวกับพ่อชราที่รักลูกสาว ฟางจั๋วหรานบีบใบหน้าเล็ก ๆ ของเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หลินม่ายเดินตามหลังเขาทันที
ทั้งสองไปที่ห้องอาหาร
ฟางจั๋วหรานเปิดตู้เย็น วัตถุดิบทุกอย่างมีครบถ้วน ยกเว้นเนื้อหมู
หลินม่ายพูดอย่างผิดหวัง “ดูเหมือนว่าคืนนี้ฉันจะไม่ได้กินเกี๊ยวที่คุณปรุงแล้วสิ”
เธอเอื้อมมือหยิบพวงองุ่นออกมาจากตู้เย็นขณะกล่าว
“ใครบอก?” ฟางจั๋วหรานหยิบซี่โครงหมูและขึ้นฉ่ายขึ้นมาหนึ่งกำมือ “ใช้ซี่โครงแทนก็ได้”
หลินม่ายสงสัยมากว่าเขาจะใช้ซี่โครงทำเกี๊ยวได้อย่างไร เธอไม่เคยได้ยินการใช้เนื้อซี่โครงทำเกี๊ยวมาก่อน
ฟางจั๋วหรานนำซี่โครงไปยังห้องครัว และด้วยทักษะการผ่าตัดที่ยอดเยี่ยมของเขา เขาใช้มีดทำครัวตัดเนื้อบางส่วนออกจากซี่โครง
หลินม่ายล้างองุ่นใต้ก๊อกน้ำในครัว และในขณะที่รับประทาน เธอมองไปยังซี่โครงสองซี่ที่ฟางจั๋วหรานชำแหละ
ไม่มีร่องรอยของเนื้อ และมันก็เกลี้ยงเกลาอย่างยิ่ง ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ฟางจั๋วหรานเก็บเนื้อซี่โครงทั้งสองซี่ที่ตัดแต่งแล้ว และนำส่วนที่เหลือไปแช่ในตู้เย็นในห้องรับประทานอาหาร
จากนั้นเขาก็เลือกผัก ล้างผัก รีดแป้งเกี๊ยว ปรุงไส้ และเริ่มห่อเกี๊ยว
นอกจากนี้เขายังสับซี่โครงสองซี่เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใส่ลงในหม้อเพื่อทำซุปกระดูก
กว่าครึ่งชั่วโมงต่อมา เกี๊ยวนึ่งชามหนึ่งก็ถูกส่งมาให้หลินม่าย
หลินม่ายกินเกี๊ยวอย่างมีความสุข ในขณะที่ฟางจั๋วหรานนั่งข้าง ๆ และเป่าให้เธอ
ในความเป็นจริงสามารถใช้พัดลมเป่าได้ แต่ฟางจั๋วหรานกังวลว่าหลินม่ายจะโดนลมจากพัดลมไฟฟ้า จะทำให้เกี๊ยวเย็นและทำให้ท้องเสีย ดังนั้นเขาจึงเป่าด้วยตนเอง
หลังจากกินเกี๊ยวแล้ว หลินม่ายก็ยังรู้สึกไม่อิ่มหนำ
เธอแปรงฟันและกลับไปที่ห้องนอนก่อนจะกล่าวต่อฟางจั๋วหราน “คงจะดีถ้าฉันได้กินเกี๊ยวอีกสองสามชิ้น ฉันยังไม่อิ่มเลย”
ฟางจั๋วหรานมองเธอด้วยความประหลาดใจ
ภรรยาของเขายังคงไม่รู้สึกอิ่ม ทั้งที่วันนี่เธอกินอาหารไปมากแล้ว
ก่อนกินเกี๊ยว เธอกินบิสกิตหนึ่งถุง องุ่นหนึ่งพวง และดื่มนมหนึ่งแก้ว แต่เธอกลับบอกว่าไม่อิ่ม!
แต่รูปทรงของเธอยังคงเป็นไปตามสรีรวิทยาในระหว่างตั้งครรภ์
เขาเอ่ยถาม “ในกองถ่ายคุณกินไปเยอะไหม?”
“ไม่” หลินม่ายล้มตัวลงนอนบนเตียง “ฉันจำไม่ได้ว่ากินข้าวตอนทำงานไปมากน้อยแค่ไหน แต่ตอนเย็นฉันกินไปเยอะมาก ตกดึกก็ยังกินบิสกิตกับนมอีก ฉันรู้สึกหิวตลอดเวลาเลย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด ฟางจั๋วหรานก็รู้สึกโล่งใจ
ตราบใดที่มันไม่เกิดผลกระทบต่อสรีรวิทยาในระหว่างตั้งครรภ์ก็จะไม่เป็นไร
แต่หากเธอกินและดื่มมากเกินไป เด็กในท้องจะโตเกินเกณฑ์ และภรรยาของเขาจะไม่อาจแบกรับความเสี่ยงที่ตามมาได้
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ความอยากอาหารของม่ายจื่อตอนนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ไหหม่า(海馬)