เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 645 ลืมความกังวลแล้วมาฝึกฝน

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 645 ลืมความกังวลแล้วมาฝึกฝน

ซานเป่าไปถามหวังหยู

“เจ้าอยากเป็นองครักษ์ของข้าหรือไม่? มาอยู่เคียงข้างเพื่อปกป้องข้า”

เคียงข้างเจ้านาย…

ดวงตาของหวังหยูกะพริบเชื่องช้าราวกับว่าเขาถูกความประหลาดใจกระแทกเข้าใส่อย่างจัง ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะตอบสนองได้ เขารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ทำ ข้าทำขอรับ”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องเรื่องเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้นะ การเรียนรู้จะทำให้เหน็ดเหนื่อยมาก ” ซานเป่ากล่าวต่อ

หวังหยูส่ายศีรษะไปมาแรงๆ “ข้าไม่กลัว”

ตราบใดที่เขาสามารถอยู่กับเจ้านายได้เขาจะทำทุกอย่าง

“เอาล่ะ! ข้าจะถามอาจารย์ของข้าว่าเขายินดีจะสอนศิษย์เพิ่มอีกสักคนหรือไม่ ถ้าไม่ ข้าจะหาอาจารย์คนอื่นมาสอนเจ้าแทน” ซานเป่ากล่าว เป็นเรื่องดีหากหวังหยูได้เป็นศิษย์ของอาจารย์นางอีกคนแต่ทั้งนี้นั้นก็ขึ้นอยู่กับตู้เย่เช่นกัน

หลังจากที่ซานเป่าจากไปแล้ว หวังหยูก็กลิ้งไปมาบนเตียงอย่างมีความสุข หลังจากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า เขาถูกเจ้านายเอาใจจนทำให้นิสัยเสียไปแล้ว ตอนนี้เขาดีใจจนคลุ้มคลั่งมากเกินไป หวังหยูรีบลุกขึ้นจัดผ้าห่ม นั่งรอ หวังว่าเจ้านายจะมาหาเขาเร็วๆ นี้

ซานเป่าติดสินบนตู้เย่ด้วยสุราชั้นดีหนึ่งไหเพื่อตกลงให้เขาได้พบกับหวังหยูสักครั้ง จากนั้นหวังหยูจะได้เป็นศิษย์ตู้เย่หรือไม่ ก็สุดแท้แต่อาจารย์ ซานเป่ารีบไปพาเด็กหนุ่มมาที่ลานฝึก

หวังหยูสูงกว่าซานเป่ามาก แต่เขาเดินตามหลังซานเป่าด้วยท่าทีเชื่อฟัง เอียงศีรษะฟังคำพูดของนางอย่างตั้งใจ

“อาจารย์ของข้าเก่งมากเลยนะ เจ้าต้องทำตัวให้ดี เขาจะได้ยอมรับเจ้าเป็นศิษย์”

“ถึงแม้ภายนอกอาจารย์จะดูเย็นชา ทว่าความจริงแล้วเขาเป็นคนดีมาก เจ้าอย่าได้กลัวเขา”

ซานเป่าหยุดเดินก่อนหันไปมองหวังหยูและพูดกระซิบกระซาบ

“จริงๆ แล้ว อาวุธที่ดีที่สุดที่ใช้กับอาจารย์ให้ได้ผลคือการทำตัวเหมือนเด็กน้อย” หวังหยูชะงักกับใบหน้าที่เคลื่อนมาหาเขาอย่างกระทันหัน เขาไม่คุ้นชินทำให้เผลอกลั้นหายใจ ใบหูของเด็กหนุ่มเป็นสีแดงก่ำ พอเจ้านายเดินห่างออกไปไกลเขาจึงจะได้สติกลับมาอีกครั้ง รีบเดินตามนางไปอย่างรวดเร็ว

เจ้านายพูดถึงวิธีการเข้าหาอาจารย์ เพื่อที่เขาจะได้ยอมรับตนเองเป็นลูกศิษย์ หวังหยูจดจำไว้ แต่เขาไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรบ้าง แท้จริงแล้วเขายังมีความหวาดกลัวผู้คนอยู่

“อาจารย์” เสียงนุ่มๆ ร้องเรียกดังขึ้น หวังหยูเงยหน้าขึ้นไปมองอาจารย์ของเจ้านาย คนผู้นั้นสวมชุดสีแดงสดใส ท่าทางสง่างาม แต่หวังหยูตระหนักถึงอันตรายในตัวบุรุษผู้นี้จากสัญชาตญาณของตน

เจ้านายคนเก่าของเขา เปรียบเสมือนอสรพิษร้าย ส่วนอาจารย์ของเจ้านายเหมือนกับพยัคฆ์หรือเสือดาว สัตว์ประเภทนั้นจะอ่อนโยนกับบุคคลที่ตนให้ความคุ้มครองเป็นอย่างดี ดั่งเช่นเจ้านายของเขา อาจารย์ลูบผมของเจ้านาย สายตามองมายังเขายังเคร่งขรึม

ร่างกายของหวังหยูแข็งทื่อ ไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร ดีที่ตู้เย่เบือนหน้าไปเสียก่อน หวังหยูจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“เพลงดาบที่ข้าสอนเจ้าเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง?” ตู้เย่ถาม ซานเป่าหยิบดาบขึ้นมา นางสะกิดปลายเท้าของตัวเองทะยานขึ้นไปบนอากาศเข้าสู่ลานฝึก ดาบถูกกระชากออกจากฝัก

ซานเป่าเริ่มร่ายรำเพลงดาบ ดาบเล่มนี้นางได้เป็นของขวัญจากมารดา มันแข็งแรง คมกริบและยืดหยุ่น ทั้งยังเหมาะเจาะกระชับมือมาก เป็นที่ชื่นชอบของซานเป่า นางเหวี่ยงดาบในมือไปมา การเคลื่อนไหวที่เฉียบคมของนางทำให้หวังหยูตกตะลึง

เด็กสาวคนนี้งดงามราวกับเทพธิดาเลย..

เขาไม่เคยเห็นด้านนี้ของเจ้านายมาก่อน หลังจากที่ซานเป่าร่ายรำเพลงดาบจบในหนึ่งกระบวน นางก็หยุดจบท่ากระบวนดาบ ดวงตาของหวังหยูยังคงจับจ้องไปที่ซานเป่า เมื่อซานเป่าเดินกลับมา ตู้เย่โยนผ้าเช็ดหน้าให้นาง ซานเป่าเช็ดเหงื่อตัวเองพลางมองไปที่หวังหยู

“ข้าเก่งหรือไม่?” หวังหยูพยักหน้า “เก่งขอรับ”

“อาจารย์สอนข้า” ซานเป่ากอดแขนตู้เย่แล้วพูด ในดวงตาของตู้เย่จุดประกายรอยยิ้ม ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก ตู้เย่มองหวังหยู

“นี่คือลูกศิษย์คนที่สองที่เจ้าต้องการให้ข้าพบหรือ?”

“ใช่แล้ว อาจารย์..หวังหยูเป็นคนน่าทึ่งมากเลยนะ เขาแข็งแรงแล้วก็ยืดหยุ่นมาก ข้าว่าเขาจะต้องเป็นยอดฝีมือได้แน่หากท่านรับเขาเป็นศิษย์ ท่านจะไม่มีวันเสียใจเลย”

ซานเป่าร่ายข้อดีของหวังหยูต่อหน้า จนใบหน้าของหวังหยูแดงก่ำ เขาก้มหน้าลงอย่างเขินอาย เขาเก่งอย่างที่เจ้านายพูดจริงหรือ?

“เจ้าไปทำท่านั่งม้าสักสองชั่วยาม” ตู้เย่พูด หวังหยูไม่พูดเขาก้าวออกไปทำตามคำสั่งทันที

ตู้เย่จัดแจงปรับขาและช่วงเอวของเขาให้ได้มาตรฐานมากขึ้น

“อาจารย์สองชั่วยามไม่นานไปหรือ? เขายังไม่มีพื้นฐาน..” ซานเป่ากล่าว

“ข้าจะสอนเพลงดาบให้เจ้าอีกสักเพลง” ตู้เย่ไม่สนใจ

เขาสอนเพลงดาบอีกเพลงให้แก่ซานเป่า เขามองซานเป่าลองฝึกตามสองสามครั้ง ชี้แนะให้เห็นถึงจุดบกพร่อง เมื่อเห็นว่านางทำได้แล้ว เขาเดินไปกอดอกพิงต้นไม้

ซานเป่าฝึกเพลงดาบของตัวเองในลานฝึก ในขณะที่หวังหยูยังคงทำท่าม้านั่งอยู่ข้างสนาม ดวงตายังคงจับจ้องที่ซานเป่า หวังหยูมีความแข็งแรงมาก แม้การฝึกท่านั่งม้าจะลำบาก แต่เมื่อเทียบกับที่ผ่านมาแล้วจะนับเป็นอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้เห็นเจ้านายของตนอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาสนใจการฝึกมากขึ้น

เมื่อตู้เย่ลืมตาขึ้นก็ผ่านไปสองชั่วยามแล้ว หวังหยูยังคงทำท่านั่งม้าอยู่แม้ใบหน้าจะแดง เหงื่อไหลออกมามากมาย เขายังคงยืนหยัดต่อไป การเคลื่อนไหวของเขาถูกต้องตามหลักจนตู้เย่อดสงสัยไม่ได้ว่านี่เป็นการฝึกครั้งแรกของเขาจริงหรือ? สามารถทำได้นานขนาดนี้ได้ ย่อมเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ

“อาจารย์ สองชั่วยามแล้ว” ซานเป่าเอ่ยปาก ตู้เย่พยักหน้าก่อนจะออกคำสั่ง

“ลุกขึ้น!”

หวังหยูลุกขึ้นยืนตอนนี้เขาไม่รู้สึกว่าขาเป็นของเขาอีกต่อไป เด็กหนุ่มล้มลงไปกับพื้นทันที ซานเป่ายื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขา

“เช็ดหน้าสิ”

หวังหยูรับผ้าเช็ดหน้ามาแต่ไม่ยอมใช้มัน เขากำไว้แน่น

ผ้าเช็ดหน้าเป็นของเจ้านาย..เขาสกปรก..

“เช็ดเร็วๆ สิ หรือเจ้าอยากให้ข้าเช็ดให้?”

เจ้านายจะมาเช็ดเหงื่อให้เขาได้อย่างไร?

หวังหยูผงะก่อนจะรีบเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า

“เหตุใดเจ้าถึงอยากเรียนศิลปะการต่อสู้” ตู้เย่ถาม

“ข้าอยากเป็นองครักษ์ปกป้องเจ้านายขอรับ” หวังหยูพูด

“หวังหยู คิดใหม่สิเจ้าอยากเรียนเพียงเพราะอยากเป็นองครักษ์ข้าหรือ?” ซานเป่ารีบขยิบตาให้หวังหยูอย่างรวดเร็ว

แม้จะเป็นเรื่องจริงที่หวังอยู่นั้นเรียนศิลปะการต่อสู้เพื่อหวังปกป้องซานเป่า แต่หากมีอาจารย์ที่เป็นยอดฝีมือถามเช่นนี้ เขาควรตอบว่าอยากจะเป็นยอดฝีมือที่สืบทอดเจตนารมณ์ของอาจารย์มากกว่า หากนางรู้นางคงจะเตี๊ยมคำตอบกับหวังหยูไว้ก่อน

“จำสิ่งที่เจ้าพูดเอาไว้ให้ดี ข้าจะไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ แต่เจ้าสามารถมาเรียนรู้กับข้าได้” ตู้เย่ให้คำตอบ

ซานเป่าชะงัก อาจารย์พอใจกับคำตอบของหวังหยู่หรือ?

หากถังหลี่อยู่ที่นี่นางจะรู้ว่าเหตุใดตู้เย่จึงพอใจกับคำตอบของหวังหยู

เพราะคำพูดของหวังหยูเป็นคำตอบที่ดีและตรงใจเขามาก แม้ตู้เย่จะเก่งจนไม่มีผู้ใดเทียบได้ แต่สิ่งที่เขาห่วงใยมากคือซานเป่า การสอนให้ซานเป่าเป็นยอดฝีมือเป็นเรื่องรอง หากมีคนที่อยากปกป้องซานเป่าเขาจึงเต็มใจที่จะสอน เพราะความปลอดภัยของซานเป่าเป็นเรื่องสำคัญมาก

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท