บทที่ 663 พายุกำลังก่อตัว
“ข้าพูดแบบนั้นเพราะข้าหวาดกลัว ข้าไม่ได้ทำร้ายหยูอันเหนียงจริงๆ นะท่านพี่ ท่านต้องเชื่อข้า”
คำอธิบายของนางช่างไร้น้ำหนัก แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาพาตัวหลู่อันออกไป บ่าวรับใช้สองคนเดินเข้ามาหาหลูอัน
“ท่านผิงหยางโหว นายท่านหลูเกอฝากมาบอกว่าอย่าทำให้จวนสกุลหลูต้องอับอาย เขารอท่านอยู่ด้านนอกขอรับ” บ่าวรับใช้พูดเสียงเบา หลูอันเดินออกจากลานพิจารณาคดีไปอย่างงุนงง
“ท่านพี่ อย่าไป ! ”
“ถ้าท่านไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไร!”
“อย่าไปเลยนะ…”
เสียงขององค์หญิงอันเยว่ดังไล่หลังมา นางหวังว่าสามีจะหันกลับมามองตนเอง แต่เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมา ที่ด้านนอกมีรถม้าจอดอยู่ หลูอันขึ้นรถม้าไปเห็นหลูเกอนั่งหลังตรงท่าทีสง่าน่าเกรงขาม หลูอันมองบิดาแล้วถามเขาว่า
“ท่านพ่อรู้หรือไม่ว่าอันเยว่ฆ่าหยูอันเหนียง”
หลูเกอไม่ตอบ แต่ทว่าสายตาของเขาตอบทุกอย่างได้ดี
“เพราะเหตุใด..” หลูอันถาม
“หยูอันเหนียงตายไปแล้ว อันเยว่เป็นองค์หญิง นางย่อมมีประโยชน์ต่อเจ้ามากกว่า” นายท่านหลูเกอพูดด้วยความเย็นชา
“หากข้ารู้ว่าจะมีวันนี้ ข้าจะไม่ให้เจ้าแต่งงานกับอันเยว่”
มีประโยชน์ต่อหน้าที่การงานของเขา…
ท่านพ่อของเขาสนใจแต่ชื่อเสียงของตระกูลหลูเท่านั้น
ในสายตาของบิดา หลูอันเป็นเพียงเครื่องมือของบิดาเท่านั้นเขาล้มเหลวมานานนับสิบปี คนที่เขารักถูกฆ่าตาย แต่หลูอันกลับปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดีในฐานะภรรยาเอกของตน เขาให้ความเคารพและความรักกับนางมาตลอดในสิบกว่าปีที่ผ่านมา บุตรชายคนเดียวถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจจนเสียคนแล้วยังต้องมาตายในคุก เขาจะโทษใครได้นอกจากตัวเอง ที่ทั้งโง่เขลาและขี้ขลาด
หลูอันนั่งลง หัวเราะเบาๆด้วยความหดหู่
“หย่ากับอันเยว่เสีย” หลูเกอกล่าว
หลูอันนั่งอยู่ตรงนั้นเสมือนหนึ่งไร้วิญญาณ
“ฟังพ่อเถอะ”
หลูเกอมองลูกชายพลางขมวดคิ้ว หากทุกอย่างในวันนี้แพร่ออกไป ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงสกุลหลูแน่นอน
สกุลอู่…
นายท่านหลูเกอเคาะนิ้วลงที่หัวเข่า ขึ้นบัญชีสกุลอู่เอาไว้ในใจ
ในลานพิจารณาคดี
องค์หญิงอันเยว่สารภาพผิดทุกอย่าง แต่เนื่องจากนางได้สารภาพถึงคดีอื่นที่ไม่เกี่ยวในชั้นศาลด้วย ทำให้นางต้องถูกสอบสวนอีกครั้ง การพิจารณาคดีในครั้งนี้จึงยังไม่เสร็จสิ้น องค์หญิงอันเยว่ถูกส่งเข้าคุกอีกครั้ง
เมื่อนางถูกพาตัวไป สภาพขององค์หญิงอันเยว่ดูไร้เรี่ยวแรงต่างจากก่อนหน้านี้ นางไม่เหลือร่องรอยของความเย่อหยิ่งอีกเลย มีแต่ความสิ้นหวังและเสียใจเท่านั้น
ถังหลี่เดินออกไปที่ประตู การใช้มนต์สะกดจิตสองครั้งติดกันแบบนี้ทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้า ทุกครั้งที่นางใช้มนตร์คาถา จะกัดกินพลังของนางเป็นอย่างมาก ทำให้นางไม่ค่อยอยากใช้นัก แต่ครั้งนี้นางต้องทำเพื่อให้คนที่จ้องจะทำร้ายถังเป่าและมู่เป่าสารภาพผิดให้สิ้น
มือข้างหนึ่งของใครบางคนเลื่อนมาโอบรอบเอวของนางแล้วรั้งเข้าไปในอ้อมกอด
เว่ยฉิงมีตำแหน่งเป็นเจ้ากรมอาญาอีกทั้งยังเป็นฝ่ายที่เกี่ยวข้องในคดี ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหา ชายหนุ่มจึงไม่ปรากฏตัวในลานพิจารณาคดีแต่รออยู่ที่ด้านนอกแทน เขารู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นว่าภรรยาเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ถังหลี่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเว่ยฉิง ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้ม
“องค์หญิงอันเยว่สารภาพความผิดของนางแล้ว”
“ข้ารู้แล้ว ขอบคุณเจ้าที่พยายามอย่างหนัก” เว่ยฉิงพยักหน้า เขาจูบที่หน้าผากของนาง
“สามี ข้าอยากจะหลับตาสักครู่ ”
นางหาที่สบายในอ้อมแขนของเว่ยฉิงก่อนจะหลับไป กลิ่นกายที่คุ้นเคยของสามีทำให้ถังหลี่รู้สึกปลอดภัย
หญิงสาวตื่นมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นแล้วเห็นว่าสว่างมากแล้ว หลังจากที่อาบน้ำและกินข้าว นางก็ไปหาลูกทั้งสองคน มู่เป่ากับถังเป่านั่งเรียงกันโดยมีฟู่เหนียงกำลังป้อนข้าว เมื่อเห็นมารดาของตัวเอง มู่เป่าตาเป็นประกาย เขาเรียกนางออกมาอย่างน่ารัก “ท่านแม่”
ส่วนถังเป่านั้นเหลือบตาดูมารดา นางใช้มือน้อยๆ ตบที่ว่างข้างตัวเอง หญิงสาวเดินไปนั่งข้างถังเป่า เด็กน้อยพิงมารดาแบบคนเกียจคร้าน
“ฮูหยิน หยูเหนียงรู้สึกเสียใจมากหลังจากเหตุการณ์นี้ นางเองก็ตกใจกลัว จึงอยากดูแลโกวตันอยู่กับบ้าน น้องสาวข้าอยากจะลาออกจากจวนอู่เจ้าค่ะ” ฟู่เหนียงว่า หญิงสาวพยักหน้ารับ หยูเหนียงไม่ได้ทำอะไรผิดอีกทั้งถังหลี่ก็ไม่ได้ตำหนินาง แต่บุคลิกของหยูเหนียงไม่เหมาะที่จะดูแลมู่เป่าและถังเป่าจริงๆ เด็กทั้งสองคนนี้คือสมบัติล้ำค่าของนาง ถังหลี่จึงอยากให้คนที่ดูแลเด็กทั้งสองอย่างใกล้ชิดมีความซื่อสัตย์ ฉลาด และตัดสินใจเด็ดขาด
ครั้งนี้ถังหลี่จึงพอใจกับการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของฟู่เหนียงมาก
“ฟู่เหนียง เจ้าไปหาแม่บ้านแล้วเบิกเงินหนึ่งร้อยตำลึงไปให้หยูเหนียง ให้นางอยู่ดูแลโกวตันที่บ้าน” ถังหลี่ว่า
“บ่าวขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ ขอบคุณแทนน้องสาวของบ่าวด้วย” ฟู่เหนียงพูดอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินเป็นเจ้านายที่ดีจริงๆ นางจะหาเจ้านายที่ดีแบบนี้ได้อีกที่ไหน
“ข้าบอกแม่บ้านไปแล้วว่าเงินเดือนของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอีกห้าตำลึงทุกเดือน ทั้งข้าและเจ้าคงต้องเหน็ดเหนื่อยกับการดูแลเด็กสองคนนี้ด้วยกัน” ถังหลี่ว่า
แม้ว่ามู่เป่าและถังเป่าจะอายุเพียงหนึ่งขวบเท่านั้นแต่ทั้งสองโตกว่าอายุมาก ถังหลี่จึงไม่ได้วางแผนที่จะหาพี่เลี้ยงเพิ่ม มีเพียงฟู่เหนียงกับสาวใช้ที่นางเลือกไว้ก็เพียงพอแล้ว
“เจ้าค่ะฮูหยิน ข้าจะทำให้ดีที่สุด” ฟู่เหนียงพูดอย่างรวดเร็ว นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ตอนนี้นางได้เพิ่มอีกห้าตำลึงต่อเดือน เท่ากับมีรายได้ปีละห้าสิบตำลึง มากกว่าที่จะไปทำงานอย่างอื่นมากนัก
……
คดีในอดีตขององค์หญิงอันเยว่เองก็ถูกสอบสวนเช่นกัน และมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว ใต้เท้าที่รับผิดชอบคดีนี้พบโครงกระดูกของหญิงสาวในบ่อน้ำ เมื่อพิจารณาจากรูปลักษณ์แล้วก็พบว่า คือหยูอันเหนียงที่หายตัวไปจริงๆ ประกอบกับคำสารภาพในชั้นศาล ทำให้มั่นใจได้ว่าองค์หญิงอันเย่วเป็นคนลงมือสังหารหยูอันเหนียงจริง
หลายคดีถูกตัดสินโทษในเวลาเดียวกัน สุดท้ายแล้วองค์หญิงอันเยว่ก็ถูกตัดสินจำคุก โบยแปดสิบไม้และเนรเทศไปที่กันดารถึงสองพันลี้
องค์หญิงอันเยว่ที่ถูกโบยแปดสิบไม้มีเลือดท่วมร่างกาย นางเหมือนคนใกล้จะตายอยู่รอมร่อ ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด นางมองไปที่ประตูคุกด้วยความหวังว่าสามีจะมาหานาง
หยูอันเหนียงเสียชีวิตมาสิบแปดปีแล้วในขณะที่นางกับหลูอันแต่งงานกันมาสิบแปดปี ไม่ว่ามองอย่างไรนางก็สำคัญกว่า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใจร้ายไม่ไยดีกับนางถึงเพียงนี้
องค์หญิงอันเยว่เฝ้ารอวันแล้ววันเล่า จนกระทั่งวันที่นางกำลังจะถูกเนรเทศ หลูอันก็ไม่แม้แต่จะมาหานางเลย ผู้คุมนักโทษกำลังจะนำตัวองค์หญิงอันเยว่เดินทางออกจากเมือง แต่แล้วนางก็เห็นม้าตัวหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล นางเฝ้ามองอย่างไม่กะพริบตา
หลูอัน..
“ท่านพี่” นางมองเขาอย่างโหยหา เมื่อหลูอันเดินเข้ามาใกล้น้ำตาของนางไหลออกมา
“ท่านพี่ ข้ารู้ว่าท่านจะไม่ทิ้งข้า ท่านมาหาข้าแล้ว”
องค์หญิงอันเยว่รีบวิ่งไปหาหลูอันแต่เขาถอยหลังไปสองก้าว หลบเลี่ยงนางด้วยใบหน้าที่ไม่แยแส
“ท่านพี่”
เขายื่นกระดาษให้องค์หญิงอันเยว่ เมื่อนางเห็นชัดจึงพบว่ามันคือจดหมายหย่า!
“เราแต่งงานกันมาสิบแปดปี ทุกอย่างเหมือนความฝัน ทั้งหมดล้วนเป็นความหลอกลวงทั้งหมดของเจ้าและเป็นความขี้ขลาดของตัวข้าเอง หยูอันเหนียงถูกฆ่าอยู่ในบ่อน้ำที่แห้งแล้งมานานถึงสิบแปดปีไร้ซึ่งแสงสว่าง ข้าจะไม่มีวันให้อภัยกับเจ้าและตัวข้าเอง ความสัมพันธ์ของพวกเราสมควรจบสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้”
หลูอันพูดอย่างเฉยเมยก่อนจะหันหลังจากไป องค์หญิงอันเยว่ยืนนิ่ง ความหวังในดวงตาของนางหายไปทีละน้อยสุดท้ายก็ว่างเปล่า นางเสียใจเหลือเกิน นางไม่ควรไปล่วงเกินสกุลอู่เลย อย่างน้อยนางก็จะไม่สูญเสียสามีจนไม่เหลืออะไรแบบนี้
….
วังหลวง
หวังกุ้ยเฟยหมุนดอกไม้ในพระหัตถ์ นางรู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินรายงานของคนสนิท
“ตอนแรกข้าคิดว่าพวกเขาจะต่อสู้กันจนต้องบาดเจ็บกันไปทั้งสองฝ่าย แต่สุดท้ายฝ่ายหนึ่งก็ปราชัยไปสินะ”
แท้จริงแล้วการตายของหลูเสวี่ยนเป็นฝีมือของหวังกุ้ยเฟย นางทำเช่นนี้เพราะหวังให้อันเยว่ต่อสู้กับถังหลี่ นางจะได้นั่งบนภูดูเสือกัดกัน แต่ไม่คิดเลยว่าองค์หญิงอันเยว่ที่ดูแข็งแกร่ง แท้จริงแล้วจะเป็นเพียงเสือกระดาษที่ใช้นิ้วจิ้มเพียงครั้งเดียวก็ขาดแล้ว ในขณะที่ถังหลี่ไม่ได้รับความเสียหายเลย
แต่นั่นก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก กลับกลายเป็นว่าถังหลี่ไปเหยียบหางจิ้งจอกเฒ่าแบบหลูเกอเข้าอย่างจัง เขาไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายเหมือนองค์หญิงอันเยว่ หวังกุ้ยเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่อจากนี้
….
เมื่อมีข่าวว่าองค์หญิงอันเยว่สิ้นพระชนม์ หลูอันขังตัวเองในห้องเงียบๆ สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
“นางฆ่าตัวตาย แต่เพราะนางเป็นองค์หญิงแห่งต้าโจว ข้าจะให้คนไปรับศพของนาง” หลูเกอกล่าว
สำหรับฮ่องเต้แล้วองค์หญิงอันเยว่เป็นคนที่นำมาซึ่งความอับอายแก่ราชวงศ์ แต่นางเป็นพระขนิษฐาของฮ่องเต้ สกุลหลูทำเช่นนี้เพื่อเป็นรักษาเกียรติและหน้าตาขององค์ฮ่องเต้เอาไว้
หลูเกอมองบุตรชายที่ทำหน้าตาหมดอาลัยตายอยากแล้วขมวดคิ้ว
“เจ้าจะหดหู่เศร้าเสียใจอีกนานเพียงใด? เจ้าไม่สนใจงานของตนเองเลยด้วยซ้ำ!”
หลูอันเป็นแม่ทัพ แต่เพราะอาการบาดเจ็บสาหัสทำให้เขาต้องปลดระวางมาเป็นขุนนางในเมืองหลวงแทน เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้ากรมกลาโหมซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก เพราะเจ้ากรมมีอายุมากแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปอย่างไรเสียตำแหน่งนี้ย่อมตกเป็นของหลูอัน
“ท่านพ่อ ข้ายื่นจดหมายลาออกแล้ว” หลูอันกล่าว
“อย่าไร้สาระ ข้าระงับจดหมายลาออกของเจ้าแล้ว ทำตัวให้เรียบร้อยแล้วไปทำงานเสีย” หลูเกอพูดด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม
“เพราะเรื่องผู้หญิง เจ้าถึงเป็นเช่นนี้หรือ? เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนสกุลหลู ” หลูเกอกล่าว หลูอันมองไปที่โต๊ะ ที่นั่นมีป้ายหินจารึกให้หยูอันเหนียงและบุตรที่ไม่ได้เกิดมาของเขา
“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ”
นายท่านหลูเกอโกรธมาก เขาเดินออกไปทันที หากสกุลหลูได้เป็นเจ้ากรมกลาโหม ย่อมเสมือนเสือติดปีก เดิมทีเขาหวังไว้กับบุตรชายคนนี้มาก แต่ตอนนี้ทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเพราะตนสกุลอู่! เขาเขียนฎีการ้องเรียนขึ้นมาเพื่อตรวจสอบสกุลอู่ เขาจะโค่นพวกมันเอง!