บทที่ 749 การสืบสวนของฮั่วจีว์ 7
ใบหน้าของปีศาจถลกหนังบิดเบี้ยวมากขึ้น เขามองมาเป่ยเหยียนราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อ
นางคิดว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของตน คนของทางการจะถูกนางหลอกจนจับไม่ได้ คนพวกนั้นมันโง่เอง!
ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นเหยื่อ ตกหลุมพรางเสียเองเช่นนี้
หัวหน้าหน่วยคนนี้เก่งมาก เขาแกล้งเป็นหญิงคณิกาโดยไม่มีใครจับได้เลย
“เหล่าเป่ยช่างกล้าหาญจริงๆ” ปีศาจถลกหนังเยาะเย้ย น้ำเสียงของเขาดูแปลกมาก นางปรากฏตัวมาสักพักใหญ่แล้ว แต่เป่ยเหยียนยังคงสงบเงียบ หลังจากที่ขอทานเฒ่าพาเขามาที่นี่เขาจึงเปิดเผยตัวตนให้รู้ ถ้าเขาเปิดเผยตัวตนตั้งแรกในจือฮวาโหลว นางคงหลบหนีไปได้
“หากข้าไม่เข้าถ้ำเสือไยจะได้ลูกเสือเล่า ? ความจริงข้ายังถามไม่จบ เหตุใดเจ้าจึงได้ฆ่าหญิงคณิกาพวกนี้? เป็นเพราะพวกนางแย่งคนรักเจ้าหรือ?”
ปีศาจถลกหนังไม่ชอบหัวข้อสนทนานี้ นางขัดจังหวะเขาขึ้นมา
“เหล่าเป่ย อย่าหยิ่งผยองเกินไปนักเลย เจ้าจับข้าไม่ได้หรอก” ปีศาจถลกหนังพูดด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยว รอยยิ้มวิกลจริต ทันใดนั้นนางใช้มีดฟันไปทีเป่ยเหยียน เขาหลบคมมีด หยิบดาบที่แขวนตรงผนังแทงไปที่ปีศาจถลกหนัง
ปีศาจถลกหนังว่องไวมาก นางพลิกตัวไปที่ด้านหลังของเป่ยเหยียน ฟันเข้าที่ด้านหลังของเขา ทว่าเป่ยเหยียนกลับหลังหันไปอย่างรวดเร็ว ดาบยาวในมือของเขาประทะกับมีดสั้นในมือของปีศาจถลกหนังจนเกิดดังขึ้น
พวกเขาประมือกันหลายกระบวนท่า ความเหนือกว่าของทักษะการต่อสู้เริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น ดาบในมือของเป่ยเหยียนทิ้งบาดแผลขนาดใหญ่ไว้บนแขนของปีศาจถลกหนัง เห็นได้ชัดว่าทักษะของเป่ยเหยียนดีกว่ามากนัก
นางคิดได้ว่าตนเองคงเอาชนะเป่ยเหยียนไม่ได้ จึงหันหลังกลับเตะประตูให้เปิดออกแล้ววิ่งหนีไป เป่ยเหยียนรีบไล่ตามเขา ทันทีที่พวกเขาออกไปพ้นประตู เป่ยเหยียนพบว่าพวกเขาอยู่บนเรือ ไม่น่าแปลกที่ตอนเขาตื่นขึ้นมารู้สึกว่าทุกอย่างโคลงเคลง จนตนเองเวียนหัว
เป่ยเหยียนมองผืนน้ำ อาการวิงเวียนศีรษะเกิดขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแข็งทื่ออยู่ชั่วครู่ก่อนจะเลือนหายไป เขาแทงดาบเข้าไปที่ปีศาจถลกหนัง นางหลบวิถีของดาบได้ แต่ก่อนที่ดาบจะแทงเข้ามาอีกครั้ง ปีศาจถลกหนังตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำ
เป่ยเหยียนเอื้อมมือออกไปคว้าแต่สายเกินไป เขาเอื้อมไม่ถึงมุมเสื้อของนางเลยด้วยซ้ำ
เขายืนอยู่บนเรือมองปีศาจถลกหนังหายไปใต้ผืนน้ำ ระลอกคลื่นกระจายเป็นวงกว้าง เขาเกือบจับนางได้แล้ว
เป่ยเหยียนยังคงมองผืนน้ำสีดำตรงหน้าใบหน้าของเขามีร่องรอยความหวาดกลัว ภาพความทรงจำแว่บขึ้นมาในหัว เมื่อเขายังเป็นเด็กเขาเคยจมน้ำ ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนเพียงใด กระแสน้ำก็ยังไหลบ่าเข้าจมูกเข้าปากจนเป่ยเหยียนหายใจไม่ออก กระทั่งเติบใหญ่ เขาจะพยายามดำลงไปในน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อเอาชนะความหวาดกลัว แต่ก็ไม่สามารถทำได้
จิตใจของเขาสั่นคลอน ปีศาจถลกหนังหลบหนีเก่งมาก หากพลาดจากตอนนี้คงไม่ง่ายที่จะจับนางได้อีก เป่ยเหยียนกัดฟันตัดสินใจกระโดดลงไปในน้ำ
เขาดำน้ำพร้อมกับถือมีดสั้นไว้ในมือ พุ่งตัวไปทางปีศาจถลกหนัง นางคิดว่าตนเองคงจะหนีรอดไปได้ แต่จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างจับเท้าของนางไว้ นางหันมาฟันเป่ยเหยียนด้วยมีด ทั้งสองต่อสู้กันในน้ำ แม้การเคลื่อนไหวจะช้าลง แต่เลือดที่ไหลออกมาทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
สุดท้ายเป่ยเหยียนก็พ่ายแพ้ สติของเขาค่อยๆ พร่าเลือน น้ำไหลเข้ามาเต็มจมูกของตัวเอง ความรู้สึกอึดอัดกลับมาอีกครั้ง
เขากำลังจะตายหรือ? เมื่อความหวาดกลัวพุ่งขึ้นขีดสุด ในสติที่เลือนลางก็มีคนเข้ามาอุ้มเขาไว้ก่อนที่เป่ยเหยียนจะหมดสติไป
….
ฮั่วจีว์กอดร่างของคนผู้นั้นไว้ในอ้อมแขนเขาว่ายเข้าไปที่ฝั่ง หลังจากที่รู้ว่าปีศาจถลกหนังจับชิงลั่วไป เขาแจ้งทุกคนในหน่วยลาดตะเวนทันที พวกเขาเริ่มค้นหาจากทุกที่ ในที่สุดเขาก็เจอเรือลำนี้ ฮั่วจีว์อุ้มชิงลั่วขึ้นฝั่งเมื่อเขาเห็นว่านางไม่หายใจก็ตื่นตระหนกมาก
“แม่นางชิงลั่ว!” คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไม่ตอบสนองเลยสักนิด ดวงตาของฮั่วจีว์เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความวิตก เขาวางนางลงราบกับพื้นแลวกดที่หน้าอกของนาง หลังจากผ่านไปหลายสิบครั้งในที่สุด นางก็สำลักน้ำออกมาจากปาก
ฮั่วจีว์ถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ลมหายใจจะแผ่วเบาแต่นางยังไม่ตาย เขาทรุดตัวนั่งลงที่พื้น ความหนักอึ้งในหัวใจของเขาถูกยกออกไป
หลังจากเรียกสติคืนมาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองเฮือก ฮั่วจีว์เรียกคนที่ยังนอนสลบไสลอยู่กับพื้น
“แม่นางชิงลั่ว” เขาเรียกอยู่ถึงสองครั้งสองครา นางก็ยังไม่ตอบสนอง คิ้วของนางขมวดแน่น ร่างกายสั่นเทา ฮั่วจีว์รู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถที่ไม่อาจดูแลนางได้ เขากอดนางไว้ในอ้อมแขน นางกำลังฝันถึงบางอย่างที่น่ากลัว อาจจะเป็นปีศาจถลกหนังก็เป็นได้
คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาซีดเซียว ขนตายาวเปียกลู่ ริมฝีปากเม้มแน่นดูเปราะบาง น้ำเสียงของฮั่วจีว์อ่อนโยนปลอบประโลม
“ไม่ต้องกลัวนะ เจ้าปลอดภัยแล้ว ข้าอยู่นี่” ฮั่วจีว์ไม่รู้ว่าควรปลอบอย่างไร เขาจึงพูดประโยคเดิมซ้ำไปมา คนในอ้อมแขนของเขาคลายปมที่หัวคิ้วออก
“ข้างหน้ามีวัดร้าง เราไปพักที่นั่นกันก่อนเถิด” เขาพูดพลางข้อนตัวนางอุ้มขึ้น แต่น้ำหนักของชิงลั่วหนักกว่าหญิงทั่วไปมาก ฮัวจีว์อุ้มนางมายังวัดร้าง มองหาที่เหมาะๆ วางตัวนางลง ทั้งคู่ตัวเปียกโชก เขากลัวว่านางจะหนาวจึงออกไปหาฟืนมาก่อ โชคดีที่เขาได้ยิงพลุสัญญาณออกไปก่อนหน้า แจ้งให้คนที่หน่วยลาดตระเวนได้รับรู้ว่าปีศาจถลกหนังอยู่แถวนี้ เชารวบรวมฟืนได้มากพอจึงเดินกลับไปที่วัดร้าง ชิงลั่วตื่นขึ้นแล้ว นางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาเหลือบมองนางแต่ด้วยความเขินอายแล้วไม่กล้าที่จะมองต่อไปอีก
“ตื่นแล้วหรือ ?หนาวหรือไม่? ข้าจะจุดไฟให้นะ” ฮั่วจีว์จุดไฟด้วยฟืนแห้ง ความอบอุ่นแผ่กระจายออกมา
“เจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ขอข้าดูหน่อย” ฮั่วจีว์ทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าจะมองตรงไหนดี เขายื่นมือตั้งใจจะจับมือนาง
“ไม่จำเป็น” นางหลีกเลี่ยงเขา ฮั่วจีว์รู้สึกถึงน้ำเสียงที่แหบห้าวคลายบุรุษเพศของแม่นางชิงลั่ว อาจจะเป็นเพราะนางเพิ่งสำลักน้ำมาก็เป็นได้
“เจ้าช่วยข้าเอาไว้หรือ?”
ฮั่วจีว์เกาหัวของตนเองอย่างขัดเขิน
“ใช่แล้ว ข้ารีบร้อนไปหน่อยได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” เขาตอบรับใบหน้าของเขาแดงขึ้น
“หากแม่นางอยากให้ข้ารับผิดชอบ ข้ายินดี” ตอนนี้ใบหน้าของฮั่วจีว์แดงก่ำมากขึ้น เขาเสมองไปทางอื่นอย่างเก้อเขิน จึงไม่เห็นแววตาของนาง
“ปีศาจถลกหนังอยู่ไหน?”
“ปีศาจถลกหนังหรือ? ข้าไม่เห็นเขา แม่นางรู้จักเขาหรือ ?เขาพูดหรือทำอะไรให้เจ้ากลัวหรือไม่? ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าจะเป็นคนดูแลเจ้าเอง” ฮั่วจีว์ตบหน้าอกตนเอง
“แจ้งหน่วยลาดตะเวนหรือยัง?”
“แจ้งแล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เร็วๆ นี้ เจ้ารู้เรื่องหน่วยลาดตะเวนได้อย่างไร?” ฮั่วจีว์รู้สึกตกใจ
“เจ้าจำไม่ได้ข้าไม่ได้หรือ?” น้ำเสียงของชิงลั่วแหบห้าวมากขึ้น
“เจ้าคือแม่นางชิงลั่ว..” ฮั่วจีว์พูดขึ้น เขารู้สึกถึงคำพูดแปร่งผิดหูของนาง
ในตอนนั้นเองมีคนหลายคนจากข้างนอกเดินเข้ามา คนจากหน่วยลาดตะเวนมองตรงมายังฮั่วจีว์อย่างใจจดจ่อ
“มีอะไรผิดปกติ มีข่าวเกี่ยวกับปีศาจถลกหนังหรือไม่?”
“ใช่” คนที่อยู่ถัดจากฮั่วจีว์ตอบ คนในหน่วยลาดตะเวนจำเป่ยเหยียนไม่ได้จนกระทั่งเขายกหน้ากากขึ้นมา พวกเขารีบคุกเข่าลงทันที
“หัวหน้าเป่ย”
“ปีศาจถลกหนังได้รับบาดเจ็บสาหัส รีบค้นหาคนที่ได้รับบาดเจ็บตามริมแม่น้ำหรือบริเวณชายฝั่ง” เป่ยเหยียนสั่ง
“ขอรับ” พวกเขารับคำก่อนจะรีบร้อนออกไป
ฮั่วจีว์รู้สึกราวกับฟ้าผ่า เขาตกตะลึง แม่นางชิงลั่วของเขาคือหัวหน้าเป่ยไปได้อย่างไร?
————————————————