บทที่ 757 การหารือในร้านอาหาร
ลมหนาวพัดกรรโชกมาอย่างแรงจนทำให้ต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวอยู่ริมถนนไหวโยกไปมา เด็กหนุ่มในชุดขาวรีบวิ่งเข้าไปในร้านหนังสืออย่างรวดเร็ว เขากระทืบเท้าตัวเองไปมาเพื่อสะบัดความหนาวเย็น
“คุณชาย ท่านควรนอนอยู่ที่จวนในวันที่อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ มาร้านแต่เช้าจะไม่ทรมานร่างกายมากไปหรือขอรับ”
“ถ้าข้าไม่รู้คงคิดว่ามีแม่นางน้อยที่ไหนรอท่านอยู่ที่ร้านเป็นแน่” เสมียนของร้านพูดล้อเลียนขึ้นมา
ท่าทีของเว่ยจื่ออี้ซึมลงจนทำให้เสมียนรู้สึกแปลกใจ ก่อนหน้านี้เขาหยอกล้อกับคุณชายทุกวัน อีกฝ่ายก็โต้คารมกลับมา
ดูเหมือนหลังจากงานวันเกิดผ่านไป คุณชายจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เว่ยจื่ออี้มองไปที่หน้าต่าง
สตรีที่รออยู่…
ไม่มีจดหมายที่เขาเฝ้ารอ
หลังจากงานวันเกิดผ่านไป เว่ยจื่ออี้ตื่นแต่เช้า รอคอยว่าเว่ยอวี๋จะเขียนมาบอกเขาว่าเหตุใดนางถึงไม่มางาน แต่หลังจากผ่านไปหลายวันแล้ว เว่ยจื่ออี้ก็ยังไม่ได้รับจดหมายเลย นี่เป็นเรื่องที่ผิดจากความคาดหมายของเขาไปมาก นางไม่คิดจะติดต่อเขาอีกแล้วหรือ?…
เว่ยจื่ออี้หดหู่จนไม่อยากทำอะไร แต่เขาไม่อยากอยู่ที่บ้านจนทำให้บิดามารดาเป็นกังวล ท่านพ่อพูดว่าจะช่วยตามหาเว่ยอวี๋ให้เขา หากนางไม่อยากพบเขา เขาจึงสมควรไปหานางแทน เว่ยฉิงเป็นคนตรงไปตรงมา แม้ว่าเขาจะอวดอ้างว่าตนมีประสบการณ์ในเรื่องของความรักมามากก็ตาม แต่เว่ยจื่ออี้รู้ดีว่าบิดาของเขามีมารดาเพียงคนเดียวเท่านั้น
เว่ยจื่ออี้รู้ดีว่าเว่ยอวี๋แตกต่างจากมารดาของเขามาก เป็นเพราะท่านแม่รักท่านพ่อมาก นางจึงยอมตามใจและทำทุกอย่างให้ท่านพ่อ
เว่ยอวี๋แตกต่างออกไป นางเป็นคนเก็บตัว ในเมื่อนางไม่ชอบเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้นางได้อับอาย ดังนั้นเว่ยจื่ออี้จึงไม่ให้บิดาเข้ามาจัดการเรื่องของเขา ทั้งไม่อยากให้ท่านเป็นกังวล
เด็กหนุ่มจึงมาร้านหนังสือทุกวันเพื่อเลียบาดแผลตนเองตามลำพัง
เขาเดินไปที่กระถางดอกไม้อย่างไร้ความหวัง แต่ทันใดนั้นดวงตาราวกับจิ้งจอกของเขาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นว่าตรงนั้นมีจดหมายวางอยู่ ความสุขของเขาแผ่ซ่านออกมาจากหัวใจ ร่างกายเหมือนลอยละล่อง
เว่ยจื่ออี้หยิบจดหมายขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา เขาเปิดจดหมายออกอ่าน ดวงตาสีเข้มของเขาสว่างสดใสขึ้นมาทันที เว่ยอวี๋ต้องการนัดพบเขาที่อาคารหนิงเฟิ่งในอีกสามวันข้างหน้า!
….
ถังหลี่ที่จับตามองบุตรชายคนรองอยู่ทุกวัน ดังนั้นเมื่อมีอะไรเปลี่ยนไป นางจึงจับสังเกตได้ทันที
ตอนนี้ความหดหู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มมลายหายไปแปรเปลี่ยนเป็นความสุขสมหวังอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อนางถาม เว่ยจื่ออี้จึงบอกเกี่ยวกับนัดหมายของเขา
“ท่านแม่ เว่ยอวี๋อยากเจอข้า บางทีนางอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถมางานวันเกิดของข้าได้ นางอาจจะเขินอายหรือมีเหตุผลอย่างอื่น”
“นางอยากเจอข้า ย่อมเป็นเพราะนางเป็นห่วงความรู้สึกของข้า ถึงแม้จะไม่ได้ชอบพอ อย่างน้อยข้ากับนางก็ยังได้เป็นสหายที่ดีต่อกัน”
“ท่านแม่ ข้าควรพูดอะไรกับนางในครั้งแรกที่ได้เจอกัน?”
เว่ยจื่ออี้โอดครวญ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลใจ ถังหลี่อดคิดถึงยามที่เขาเป็นเด็กน้อยไม่ได้ เอ้อร์เป่าเป็นเด็กช่างพูด ร่าเริง สดใส วันนี้เขาเติบโตจนมีเด็กสาวที่ชื่นชอบแล้ว นางมองบุตรชาย อวยพรให้ทุกอย่างที่เขาปรารถนาให้สมหวังดังที่เขาต้องการ
ไม่ช้าก็ถึงวันนัดหมาย
วันนี้เว่ยจื่ออี้ตื่นแต่เช้า เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าหลายต่อหลายชุด สีขาวก็ดูดี สีน้ำเงินดูสง่า สีดำทำให้ดูสุขุม กระนั้นเว่ยจื่ออี้ยังคิดว่าบางอย่างได้ขาดหายไปเขายังไม่พอใจ
สุดท้ายแล้วเขาเลือกชุดสีขาวขลิบดำ ผ้าคาดเอวสีดำและรวบผมด้วยกวานหยก เป็นชุดที่ดูสดชื่น
เด็กหนุ่มยืนคลี่ยิ้มเขินอายตอนอยู่ต่อหน้าถังหลี่
“ท่านแม่ ชุดนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?” เว่ยจื่ออี้ถาม
ถังหลี่มองบุตรชาย ผ้าคาดเอวทำให้ช่วงเอวของเว่ยจื่ออี้ดูเพรียว ไหล่กว้างทำให้ดูเป็นเด็กหนุ่มที่มีความสง่างาม และใบหน้าที่หล่อเหลาทำให้จื่ออี้เป็นคุณชายที่ดูสมบูรณ์แบบที่สุด
“รูปงามมาก จื่ออี้ของแม่เป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในเมืองหลวงแล้ว” ถังหลี่ไม่ลังเลที่จะชมเขา ทำให้เด็กหนุ่มอารมณ์ดี แต่ทว่าจื่ออี้ก็ยังคำนึงถึงความจริง
“แต่พี่ใหญ่และพี่สวี่เจวี๋ยรูปงามกว่าข้า”
“ในสายตาของแม่นางเว่ยอวี๋ จื่ออี้ย่อมรูปงามที่สุด” ถังหลี่กล่าว
ใบหน้าของเว่ยจื่ออี้เปลี่ยนเป็นสีแดง
“ท่านแม่ ข้าไปก่อนนะขอรับ” เว่ยจื่ออี้พูดปนเขินอาย ใบหน้าที่ขาวผ่องของเขาแดงก่ำ หญิงสาวพยักหน้ารับ
“ไปสิ เจ้าเตรียมของขวัญหรือยัง?”
“ขอรับ” เขาว่า
พูดจบ เว่ยจื่ออี้หันหลังเดินออกจากจวน แล้วขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังหอหนิงเฟิ่ง
เมื่อถึงที่หอชิงเฟิงปรากฏว่าเว่ยจื่ออี้มาก่อนเวลานัดไปครึ่งชั่วยาม เขานั่งหลังตรงอยู่ในห้องรับรอง สำหรับเว่ยจื่ออี้แล้วครึ่งชั่วยามนี้ช่างเนิ่นนานมาก เขาตั้งตารอทุกวินาทีระหว่างที่รอให้เว่ยอวี๋มาถึงหอชิงเฟิง เวลาที่ผ่านไปไม่ได้ทำให้เขาคลายความคาดหวังและกังวลได้เลย
เมื่อถึงเวลานัด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เว่ยจื่ออี้รออยู่แล้ว เขายืดตัวให้ตรงจัดแจงเสื้อผ้า
เมื่อประตูถูกเปิดออก เด็กหนุ่มในชุดขาวและเด็กสาวในชุดสีเขียวยืนมองหน้ากัน
เว่ยจื่ออี้มองเด็กสาวหน้าตาสดใสตรงหน้า
นางคือเว่ยอวี๋หรือ?
ในขณะที่เขากำลังตกตะลึง เด็กสาวในชุดเขียวก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“เจ้ามีนามว่าเว่ยจื่ออี้หรือ?” นางถาม
“ข้าเอง..เจ้าคือเว่ยอวี๋หรือ?” ใบหน้าของเขาแดง พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่าย
“ข้าคือตู้เยี่ยน” เด็กสาวกล่าว
ตู้เยี่ยน?…ชื่อจริงของเว่ยอวี๋?
ในขณะที่เขากำลังงุนงง ตู้เยี่ยนเดินไปนั่งที่เก้าอี้ นางเชิดปลายคางขึ้นมองดูเด็กหนุ่มที่มีท่าทีสับสน เขาหล่อเหลา แต่..ดูมีบางอย่างคล้ายน้องสาวของนาง เสี่ยวเว่ย
“เจ้ายืนโง่เขลาอยู่ทำไม? รีบมานั่งสิ”
สติของเว่ยจื่ออี้กลับมาอีกครั้ง เขานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของตู้เยี่ยน เด็กหนุ่มก้มมองโต๊ะไม่กล้ามองใบหน้าของเด็กสาว รู้สึกได้ว่านางเท้าคาง มองจ้องมาที่เขาด้วยสายตาลุกวาว
“เหตุใดจึงนั่งไกลเช่นนั้น กลัวว่าข้าจะจับเจ้ากินหรือ?” ตู้เยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ ข้าแค่กังวลว่าจะทำให้แม่นางขุ่นเคือง” เว่ยจื่ออี้อธิบายอย่างรวดเร็ว แต่เขายังคงไม่กล้าสบตานางอยู่ดี
ในตอนแรกเว่ยจื่ออี้ดูเขินอาย แต่เมื่อพูดถึงหนังสือ เด็กหนุ่มก็มีชีวิตชีวามากขึ้น ตู้เยี่ยนไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่เว่ยจื่ออี้จะเป็นจะเป็นฝ่ายพูด เด็กสาวนั่งฟังเขา ถามสองสามคำถึงตอนจบของตัวละครในนิทานที่มีคนทะเลาะกัน
ตู้เยี่ยนคิดว่าจะดีกว่านี้ หากเรื่องนี้จบลงอย่างมีความสุข แต่เว่ยจื่ออี้กลับคิดว่าอุปนิสัยของตัวละครทำให้เรื่องนี้สมควรจบลงอย่างโศกนาฏกรรมมากกว่า
“ข้าคิดว่าตู้ซีเหนียงจะทิ้งความเกลียดชังของนางแล้วอยู่กับหลันเซิง จนแก่เฒ่าไปด้วยกัน” ตู้เยี่ยนกล่าว
“ตู้ซีเหนียงเป็นคนกล้าหาญ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเลือกมีชีวิตอย่างต่ำต้อย นางเลือกที่จะตายโดยมีดาบอยู่ในอ้อมแขนเท่านั้น” เว่ยจื่ออี้กล่าว
“การอ่านนิยายก็เพื่อความรื่นรมย์ ขอให้ตอนจบสุขสมหวัง คนเขียนก็มีความสุข คนอ่านก็มีความสุข เหตุใดต้องทำให้เป็นเรื่องยากด้วยเล่า?” ตู้เยี่ยนว่า
“ตัวละครทุกตัวล้วนมีชีวิต และผู้เขียนไม่สามารถตัดสินชะตากรรมของพวกเขาได้” เว่ยจื่ออี้พูดอย่างจริงจัง
ตู้เยี่ยนมองดูเขาด้วยสายตาไร้ความรู้สึกครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ยิ้ม
“ท่าทีของเจ้าทำให้ข้านึกถึงใครบางคน” เว่ยจื่ออี้รู้สึกเขินอายทันที
“ข้าขออภัย…ข้าคิดว่าเจ้าจะเข้าใจ..” ความคิดของเขาและเว่ยอวี๋สอดคล้องกันมาตลอด พวกเขาทั้งสองคนไม่เคยขัดแย้งอะไรกันเลยทำให้เขารู้สึกประหลาดใจที่ได้โต้เถียงเรื่องนี้กับนาง เด็กหนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไปเมื่อเปรียบเทียบกับการที่เขาและนางติดต่อกันทางจดหมาย
“เว่ยจื่ออี้ เจ้าชอบเว่ยอวี๋หรือ?” ตู้เยี่ยนเปลี่ยนหัวข้อทันที เว่ยจื่ออี้ไม่คิดว่านางจะตรงไปตรงมาแบบนั้น ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่ใช่เว่ยอวี๋หรอกหรือ? เหตุใดท่าทีของนางถึงได้เหมือนกับพูดถึงคนอื่นแบบนั้น
“หากเว่ยอวี๋สุขภาพไม่ดีเจ้าจะยังชอบนางอยู่หรือไม่?”
ตู้เยี่ยนถามต่อ ใบหน้าของนางเริ่มจริงจังขึ้น