ตอนที่ 320 ผมแค่ดูเท่านั้น (1)
“นั่นเป็นคนที่พวกเขาฆ่า เป็นสินสงครามของพวกเขา เข้าใจกฎบ้างหรือเปล่า?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยตำหนิ
ฟางผิงเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “แค่ดูเท่านั้น ผมยังไม่เคยเห็นสมบัติของยอดฝีมือขั้นเจ็ดเลย…”
“ขั้นเจ็ดมีแต่พวกยาจก”
ตาเฒ่าหลี่เบะปาก “พวกเขาไม่ค่อยใช้อาวุธ เว้นแต่ว่าจะบ่มเพาะมาหลายปี ไม่งั้นมีโอกาสสูงที่จะมามือเปล่า ส่วนยาบำรุง ปกติแทบไม่ได้ใช้ ยาบำรุงของระดับสูงอย่างแท้จริง พวกเขาซื้อไม่ไหวเหมือนกัน”
“ไม่แน่เสมอไปนะครับอาจารย์ ไปเถอะ แค่ไปดูเท่านั้น…”
ตาเฒ่าหลี่ได้ยินคำนี้ยังไงก็ไม่อาจทำใจเชื่อได้ นี่มันหลักการเดียวกับผู้ชายที่บอกผู้หญิงว่าชวนมาดูหนังที่ห้องเท่านั้น
เปลี่ยนความคิดฟางผิงไม่ได้ ตาเฒ่าหลี่จึงพาเขาลอยไปหาคนที่เถียนมู่ประมือก่อนหน้านี้
—
“เป็นเขา!”
ตอนที่เห็นศพที่หน้าอกถูกทะลวงบนพื้น ตาเฒ่าหลี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฟางผิงชำเลืองมอง กระซิบว่า “คุณรู้จัก?”
“เคยเจอสองสามครั้ง ฉันคิดว่าเขาตายไปแล้ว นึกไม่ถึงว่ายังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังทะลวงด่านแล้ว”
ตาเฒ่าหลี่ขมวดคิ้วว่า “รองอธิการบดีคนก่อนของมหาวิทยาลัยเทียนหนาน…”
ฟางผิงตกตะลึงไปเล็กน้อย กดเสียงว่า “งั้นเรื่องถ้ำใต้ดินเทียนหนาน…”
ตาเฒ่าหลี่ปวดหัวอยู่บ้าง เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ไม่แน่ใจเท่าไหร่ ต้องกลับไปตรวจสอบดู คนตายไปแล้วแต่ฐานะถูกเปิดเผย ทางมหาวิทยาลัยเทียนหนานอาจจะมีปัญหานิดหน่อย”
“ผมยังมีเพื่อนเรียนอยู่ทางเทียนหนาน”
“ไม่เป็นไร หากเดาไม่ผิด ตอนนี้แม้คนบางส่วนของมหาวิทยาลัยเทียนหนานจะมีปัญหาก็คงถอนตัวออกไปแล้ว”
เคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้เกรงว่าเบื้องบนของลัทธินอกรีตบางส่วนคงเดาได้ว่านี่เป็นกับดับแล้ว บุคคลที่เกี่ยวข้องกับยอดฝีมือที่เสียชีวิตพวกนี้ หากไม่ถูกถอนตัวออกไปก็ต้องถูกฆ่าปิดปาก
ฟางผิงไม่พูดอะไรอีก ค้อมตัวลงเคาะกระดูกแกนกลางของอีกฝ่าย เกิดเป็นเสียงก้องกังวานตามมา
“เพิ่งจะเข้าสู่ขั้นเจ็ดตอนต้นไม่นาน อาจไม่กลายเป็นร่างทองเสมอไป บาดแผลที่ถึงตายไม่ใช่หน้าอก แต่เพราะพลังจิตใจสูญสลาย”
ระหว่างที่ตาเฒ่าหลี่พูดยังเอ่ยต่อว่า “หากเป็นยอดฝีมือขั้นแปด อันที่จริงร่างทองมีมูลค่าที่สุด ถ้าร่างทองไม่ถูกทำลาย เหลือซากเอาไว้ เธอสามารถย้ายกลับไปเป็นเทพเทวดาให้คนเคารพบูชาได้ บางทีร้อยปีพันปีต่อจากนี้อาจคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง”
ฟางผิงหมดคำจะพูด “อาจารย์ นี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต หากคืนชีพจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะฆ่าผมเป็นคนแรกหรือไง”
ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดฟื้นคืนชีพได้เหรอครับ?”
“สำหรับทฤษฎีมีความเป็นไปได้นี้อยู่” ตาเฒ่าหลี่กดเสียงว่า “ร่างทองขั้นแปด ขอแค่ไม่ถูกศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าสังหารอาจจะเป็นอมตะได้ ร่างทองถูกจัดอยู่ในขอบเขตไม่สูญสลาย ดังนั้น…พวกเราคาดเดาว่าโลกของนิกายสำนักอาจจะซ่อนวิญญาณเก่าแก่ไว้บางส่วน”
ฟางผิงกลืนน้ำลาย พูดเสียงเบาว่า “คนเมื่อร้อยพันปีก่อน?”
“อาจจะ” แต่ไหนแต่ไรตาเฒ่าหลี่ก็ทำเพียงคาดเดา ไม่ได้คิดจะรับผิดชอบคำพูดของตัวเองอยู่แล้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แม้สภาพแวดล้อมในเวลานั้นจะทำให้การสำเร็จขั้นแปดเป็นเรื่องยาก แต่มักจะมีบางคนที่ฝีมือโดดเด่น หากเวลานั้นกลายเป็นร่างทองสำเร็จจริงๆ มีชีวิตจนถึงตอนนี้อาจเป็นไปได้เหมือนกัน แต่หลายปีนี้โลกนิกายสำนักไม่เคยมีคนแบบนี้ปรากฏขึ้น อาจจะตายไปจริงๆ หรือก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนก็ได้”
ฟางผิงไม่คิดมากอีก เอ่ยทั้งคลำศพไปพลาง “อาจารย์ คุณเป็นกึ่งร่างทองเหมือนกัน ไม่ใช่ว่า…”
“ฉันแค่ของปลอม” ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัวว่า “กะโหลกฉันยังไม่ได้หลอม ตายก็คือตายจริงๆ สิบปีหลังจากนั้นร่างทองของฉันอาจจะยังถูกเก็บรักษา แต่สมองจะเน่าเหลือแต่โครงกระดูก เธอคิดว่าโครงกระดูกคืนชีพได้หรือเปล่าล่ะ?”
ฟางผิงกลับไม่พูดอีก กดเสียงด่าว่า “ยาจก!”
เพิ่งด่าออกไป จู่ๆ ฟางผิงก็ตาเป็นประกาย ถอดรองเท้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ใช้แรงดึงเล็กน้อยก่อนจะเผยสีหน้าดีใจ “อาจารย์ ดูสิ นี่ทำมาจากหนังสัตว์ประหลาดระดับสูงหรือเปล่า?”
ตาเฒ่าหลี่หมดคำจะพูด รับมาดู ตรวจสอบอยู่พักหนึ่ง พึมพำว่า “ท่าไม่ค่อยดีแล้ว”
“อะไรเหรอครับ? ไม่ใช่ระดับสูง?”
“หุบปาก!”
ตาเฒ่าหลี่ตำหนิออกมา “สร้างจากหนังสัตว์ประหลาดระดับสูง ประเด็นอยู่ที่ว่าของพวกนี้รัฐบาลควบคุมอย่างเข้มงวด รวมถึงมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ไม่สามารถเก็บรักษาซากของสิ่งมีชีวิตระดับสูงโดยพลการได้เช่นกัน หากไม่ได้รับมาจากรัฐบาล งั้นย่อมหมายความว่ายอดฝีมือนอกรีตสามารถเข้าไปในถ้ำใต้ดินได้! เข้าไปถ้ำใต้ดินที่ไหนล่ะ? ปะปนเข้าไปหรือพวกเขาแอบครอบครองทางเข้าถ้ำใต้ดินเอาไว้? เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเหมือนกัน”
“แอบครอบครองทางเข้าถ้ำใต้ดินได้ด้วยเหรอครับ?”
ฟางผิงตกใจอย่างมาก ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ไม่แน่เสมอไป ปากเข้าถ้ำใต้ดินแห่งใหม่อุบัติขึ้น พวกเราต้องรู้อยู่แล้ว แต่หลายร้อยปีก่อนล่ะ? ใครจะยืนยันได้ว่าทางเข้าของซีซานมีแค่แห่งเดียว? ใครจะรับประกันได้ว่าหลังจากซีซานแล้ว ทางเข้าที่เกิดขึ้นถูกพวกเราค้นพบทั้งหมด? หลายปีมานี้เข่นฆ่ายอดฝีมือของลัทธินอกรีตครั้งแล้วครั้งเล่า ค้นเจอสิ่งพวกนี้ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว แต่เมื่อก่อนฆ่าระดับสูง พวกเราไม่มีคุณสมบัติเพียงพอให้เข้าร่วม บางทีรัฐบาลอาจรู้อะไรบางอย่าง มีโอกาสเหมือนกันที่ลัทธินอกรีตจะควบคุมปากทางเข้าถ้ำใต้ดินไว้แห่งหนึ่ง แน่นอนว่าน่าจะไม่มั่นใจ ไม่งั้นคงทำลายล้างอีกฝ่ายไปนานแล้ว”
ฟางผิงพยักหน้าว่า “นี่ก็ถูก ไม่งั้นลัทธินอกรีตจะมีระดับสูงเยอะขนาดนี้ได้ยังไง นอกเสียจากบริษัทยาบำรุงพวกนั้นจะสมคบคิดกับพวกเขา ไม่งั้นพวกเขาคงไม่มีทรัพยากรมาบ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์หรอก แม้ว่าจะซื้อในบริษัทยาบำรุง แต่แลกเปลี่ยนจำนวนมาก ต้องเหลือร่องรอยไว้อยู่แล้ว เหมือนกับผมที่ขายยาบำรุงไปนิดหน่อย บริษัทยาบำรุงยังจับตามองเลย มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกเบื้องบนมีคนอำนวยความสะดวกให้พวกเขาอยู่ อย่างที่สองพวกเขามีฐานการผลิตเอง ผมว่าอย่างแรกโอกาสไม่สูงมาก มีความเป็นไปได้ที่จะถูกเปิดเผย ดังนั้นอย่างที่สองมีโอกาสมากกว่า ผมนี่มันอัจฉริยะจริงๆ เรื่องนี้ยังถูกผมวิเคราะห์ออกมาได้…”
ฟางผิงไม่ทันพูดจบ ตาเฒ่าหลี่ก็เอ็ดด่าทันที “หุบปาก ถ้าพูดไร้สาระอีก ฉันจะเตะเธอให้ตายในครั้งเดียว!”
แม่งเหอะ เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะวิเคราะห์ ทำไมกลายเป็นนายไปซะได้?
ฟางผิงหุบปากทันที แต่ยังคงถามอย่างรวดเร็ว “อาจารย์ รองเท้านี้มีมูลค่าไหมครับ?”
“มี แต่ไม่ใช่ของเธอ ฉันจะเก็บไว้ก่อน”
ฟางผิงเผยท่าทีผิดหวังอยู่บ้าง เจ้ายาจกนี้ไม่มีอะไรสักอย่าง มีแค่รองเท้าคู่นี้ที่ดีหน่อย ตาเฒ่าหลี่ทำแบบนี้ทำไมล่ะ
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รองเท้าไม่มีส่วนแบ่งของเธออยู่แล้ว แต่ศพสามารถย้ายกลับไปได้”
“ไม่ใช่ยอดฝีมือร่างทองสักหน่อย…”
“ปัญญาอ่อน!”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างหงุดหงิด “ศพของยอดฝีมือขั้นเจ็ด แม้จะนำไปทำวิจัยก็มีมูลค่ามหาศาล ถ้าเธอแบกกลับไปต้องขายได้เงินก้อนใหญ่ รวยจากศพได้แน่”
“น่าขยะแขยงจัง”
ฟางผิงส่ายหัว คลำศพพอทำได้ ให้แบกกลับไป เขาไม่ทำหรอก
ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนฟางผิงจะลูบหาของบนร่างตัวเอง ควักมือถือออกมาไม่สนใจว่าจะกี่โมงแล้วกดโทรออกทันที “รีบจัดทีมมาที่เขตชานเมืองของเจี้ยนอันหน่อย เอาศพกลับไป…น่าจะไม่กี่ร่าง”
“เดี๋ยวฉันจะซ่อนศพไว้ พวกนายมาขุดแค่นั้น”
“อืม ตามนั้นแหละ ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องผิดกฏหมาย”
“…”
วางสายแล้ว ตาเฒ่าหลี่ก็ถามว่า “คนของสมาคม?”
“ไม่ใช่ครับ คนของหยวนฟาง”
ตาเฒ่าหลี่หมดคำจะพูด ไอ้หนูนี่เอาเรื่องจริงๆ
—
ไม่มองต่ออีก ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงด้านหน้าของศพที่สอง
ทางนี้น่าอนาถกว่า ไม่เหมือนเถียนมู่ที่ใช้หมัดทำลายพลังจิตใจของอีกฝ่ายโดยตรง คนๆ นี้ศีรษะถูกบดละเอียดจนตาย
พวกหลิวพั่วหลู่ที่อยู่ขั้นเจ็ดทำได้เพียงเลือกฆ่าเขาด้วยวิธีนี้ ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายยังหลอมร่างทองไม่เสร็จสมบูรณ์ ทำลายกะโหลกถึงจะสามารถสังหารอีกฝ่ายได้
กะโหลกแหลกละเอียดแล้วย่อมมองไม่ออกว่าเป็นใคร
ฟางผิงข่มกลั้นความขยะแขยงลูบคลำอยู่พักใหญ่ แววตาเผยความดีใจวาบผ่านขึ้นมา กลับหยัดกายขึ้นส่ายหัวอย่างเงียบๆ “เป็นยาจกอีกคนแล้ว”
ตาเฒ่าหลี่ชำเลืองมองเขาด้วยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ของของผู้เฒ่าหลิว เธอกล้าคิดสกปรก?”
“ที่ไหนกันล่ะครับ”
“ในแขนเสื้อเธอนั้นคืออะไร?”
“ของผม”
“ของเธอ? ไอ้หนู พูดมาตามตรง ของเธอจริงๆ หรือเปล่า?”
“ของผมร้อยเปอร์เซ็นต์!”
ตาเฒ่าหลี่พูดไม่ออกอย่างถึงที่สุด ไอ้หนูนี่โกหกหน้าตาย
ถลึงตาใส่เขาก่อนตาเฒ่าหลี่จะตะคอกว่า “อย่ามาไร้สาระ เอามาดูคืออะไร!”
ฟางผิงจนใจ ทำได้เพียงควักขวดเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมา ตาเฒ่าหลี่เปิดขวดแก้วมองแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยหน้าเปลี่ยนสีว่า “พวกเขายังมีของแบบนี้ด้วย?”
“อาจารย์ นี่ยาอะไรเหรอครับ? ราคาแพงหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ยา”
“ไม่ใช่ยา?”
ฟางผิงนิ่งไปเล็กน้อย ไม่ใช่ยาแล้วคืออะไร?
“แก่นหัวใจ!”
ตาเฒ่าหลี่ขมวดคิ้วว่า “แก่นหัวใจ เธอสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานจากแกนกลางของหัวใจ ตอนนี้เธอยังไม่ถึงขั้นนั้น สัมผัสไม่ได้ แต่ของสิ่งนี้กลั่นหลอมออกมายาก ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ประหลาดต่างหลอมออกมายากเหมือนกัน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังทำไม่ได้ เธอเข้าใจความหมายฉันสินะ?”
ฟางผิงส่ายหัว เทคโนโลยีของอีกฝ่ายก้าวหน้ามาก?
“หมายความว่าอีกฝ่ายมียอดฝีมือขั้นเก้า”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยสีหน้ามืดหม่น “หลายปีมานี้ไม่มีการค้นพบยอดฝีมือขั้นเก้าของลัทธินอกรีต แน่นอนว่ามีการคาดเดาอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่การคาดเดา ตอนนี้กลับถูกพิสูจน์แล้ว หากพวกเขาบ่มเพาะขึ้นเองยังพอว่า กลัวก็แต่ว่า…”
——————–