ยาเม็ดตามจิตวิญญาณคือยาพิษในตำนาน ถ้ากินมันเข้าไปแล้วจะต้องกินยาแก้พิษทุกครึ่งเดือน หากไม่มียาแก้พิษ คนที่กินยาเม็ดตามจิตวิญญาณจะมีเลือดออกจนตาย และก่อนตายจะเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก
ว่ากันว่าวิธีการกลั่นยาเม็ดตามจิตวิญญาณและสูตรยาแก้พิษได้สูญหายไปหมดแล้ว ตอนนี้ยานี้มีจำนวนไม่มากเก็บอยู่ในสำนักหลงเหมิน
ท่านแปดไม่คาดคิดว่าเฉียนฝูจะช่วยหลี่โม่นำยาตัวนี้ออกมาจากสำนัก และยิ่งไม่คาดคิดว่าหลี่โม่จะให้ตนเองกินยาเม็ดตามจิตวิญญาณ
เมื่อรู้สึกถึงความร้อนที่ไหลเข้าสู่ช่องท้อง ทำให้ท่านแปดรู้สึกแย่ และนับจากนี้ไปชีวิตของตนเองก็ถูกหลี่โม่ควบคุมแล้ว ความรู้สึกนี้ทำให้ท่านแปดรู้สึกว่าชีวิตเหมือนพังทลายลงอย่างสมบูรณ์
“คุณจะทำอะไร มีอะไรพูดกันดี ๆ ไม่ได้หรือ! ทำไมจะต้องให้ผมกินยาแบบนี้ด้วย!”
“เพราะคุณนั่นแหละที่พูดไม่ดี ต้องให้คุณกินยานี้ไปเท่านั้น ถึงจะทำให้คุณพูดจากันดี ๆได้”
หลี่โม่ตบไปที่หน้าของท่านแปดเบา ๆ ท่านแปดกัดฟันและจ้องไปที่หลี่โม่ จากนั้นร่างกายของเขาก็ค่อย ๆโค้งลง
“นายน้อย ที่จริงผม ที่จริงผมอยู่ข้างคุณมาตลอด ผมแค่แสร้งแสดงความนอบน้อมและคล้อยตามราชินีของสำนักหลงเหมินเท่านั้น”
ท่านแปดกล่าวอย่างไม่จริงใจ ดวงตาของเขากลอกไปมา ครุ่นคิดว่าจะหลอกยาแก้พิษมาได้อย่างไร
ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันสามารถแก้พิษของยาเม็ดตามจิตวิญญาณได้หรือไม่ ถ้าทำได้จะเรื่องมันก็ง่ายขึ้น
ท่านแปดครุ่นคิดสารพัดวิธีอยู่ในใจ แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ
“อย่าพูดเรื่องไร้ประโยชน์ นึกว่าผมไม่รู้ความคิดของคุณหรือ? คุณไม่ต้องคิดวิธีพวกนั้น ราชินีของสำนักหลงเหมินจะมาถึงเมื่อไหร่ และมาเมืองฮ่านคราวนี้มีจุดประสงค์อะไร”
หลี่โม่ถามอย่างตรงไปตรงมา
“ราชินีของสำนักหลงเหมินจะมาที่นี่ในสัปดาห์หน้า จุดประสงค์ของการมาเมืองฮ่านนั้นคือเพื่อจะทำให้นายน้อยลำบากใจ และต้องการพบภรรยาของคุณด้วย บางทีราชินีของสำนักหลงเหมินอาจต้องการทำให้พวกคุณสองสามีภรรยาอับอายต่อหน้าที่สาธารณชน”
ท่านแปดก้มศีรษะลง และกล่าวอย่างเชื่อฟัง
“ทำให้พวกเราอับอาย? ฮึ่ม!”
หลี่โม่สูดลมหายใจอย่างเย็นชา เกิดความคิดที่จะสังหารราชินีของสำนักหลงเหมินอยู่ในใจ
ในที่สุดก็ต้องต่อสู้กับราชินีของสำนักหลงเหมิน เพื่อตัดสินชัยชนะ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา หลี่โม่จึงทำได้เพียงอดทนต่อไป
“นายน้อย โปรดอย่าโกรธเลย มีผมอยู่ ผมจะช่วยพูดไกล่เกลี่ยอยู่ตรงกลาง แต่เวลาที่นายน้อยพบราชินีของสำนักหลงเหมิน ได้โปรดอย่าเย่อหยิ่งมาก และควรจะให้เกียรติราชินีของสำนักหลงเหมินสักนิด”
ท่านแปดพูดไกล่เกลี่ย
ถ้าหลี่โม่และราชินีของสำนักหลงเหมินต่อสู้กัน หากสุดท้ายแล้วหลี่โม่ตาย ท่านแปดจะไม่มีที่เอายาแก้พิษ
เพื่อชีวิตของเขาเอง ท่านแปดเริ่มครุ่นคิดวางแผนถึงงานของราชินีของสำนักหลงเหมินแล้ว
“คุณคิดว่าตนเองมีเกียรติมากหรือ? สามารถไกล่เกลี่ยต่อหน้าราชินีของสำนักหลงเหมินได้ ผมเกรงว่าเธอจะไม่มองหน้าคุณตรง ๆด้วยซ้ำ”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
สีหนาท่านแปดดูอึดอัด และกล่าวอย่างไม่มีทางเลือกว่า “เรื่องนี่ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
“คุณไม่จำเป็นต้องทำดีที่สุด แค่ทำตามคำสั่งของผมก็พอ”
“นายน้อย คุณจะให้ผมทำอะไร?”
ท่านแปดถามอย่างกังวล
แม้ว่าการติดต่อกับหลี่โม่จะเป็นระยะเวลาที่สั้น แต่ท่านแปดก็รู้ว่าหลี่โม่เป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ดังนั้นตนเองจึงควรทำให้หลี่โม่ขุ่นเคือง
“เมื่อถึงเวลาคุณก็จะรู้เอง ตอนนี้ยังไม่บอกคุณ ถ้าคุณอยากมีชีวิตรอดก็ให้ความร่วมมือดี ๆ คุณไสหัวออกไปได้แล้ว”
ในใจของท่านแปดเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เขาไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย เขาโค้งคำนับ ยิ้มและกล่าวว่า “ครับ เจ้าแปดจะไสหัวไปตอนนี้”
ท่านแปดถอยออกจากประตูโรงงานด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเสียใจที่ตัดสินใจมาพบหลี่โม่ในคราวนี้ คราวนี้ทำให้เขาต้องสูญเสียอะไรมากมาย และทำให้แม้แต่ชีวิตตนเองก็ตกอยู่อันตรายไปด้วย
“ท่านแปด”
ฉิงจี้เย่เห็นท่านแปดเดินออกมา รีบโค้งคำนับเพื่อทักทาย ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ท่านแปดพาบอดี้การ์ดเข้าไปด้วยสองคน แต่เดินออกมาคนเดียว โดยมีอาการบาดเจ็บที่ขา สิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นไม่ต้องพูดก็สามารถเข้าใจได้
“คุณ ช่วยไปบอกคุณหลี่ว่า เจ้าแปดจะเชื่อฟังคำสั่ง และขอให้คุณหลี่ปล่อยลูกน้องของผมด้วย”
ฉิงจี้เย่ตกตะลึงทันที ท่านแปดคนที่อยู่เหนือคนอื่น เรียกตัวเองว่าเจ้าแปด!
ก่อนหน้านั้นที่หลี่โม่เรียกท่านแปดว่าเรียกว่าเหล่าปา ฉิงจี้เย่คิดว่าหลี่โม่หยิ่งผยองบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเลย แต่หลี่โม่มีสถานะเพียงพอจริง
“ตะลึงอะไร รีบไปสิ”
ท่านแปดกล่าวอย่างหงุดหงิด
จู่รื่อกับฮั่นซานจะอยู่หรือตายก็ช่าง แต่สำหรับเหลียงยู่นั้นสำคัญกับท่านแปดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะยังไงก็จะนำตัวเหลียงยู่ออกมาให้ได้
ฉิงจี้เย่เดินเข้าไปในโรงงานด้วยความสงสัย วิ่งไปหาหลี่โม่ โค้งคำนับและกล่าวว่า “คุณหลี่ ท่านแปดฝากผมมาบอกว่าเจ้าแปดจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณ และขอให้คุณหลี่ปล่อยลูกน้องของเขาด้วย”
“อ้อ คุณเรียกคนมาลากสามคนนี้ออกไป”
หลี่โม่กล่าว
“สาม สามคน?”
ฉิงจี้เย่กล่าวด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงหันศีรษะและมองคนที่นอนอยู่บนพื้นอย่างละเอียด ปรากฏว่ามีคนสามคนนอนอยู่บนพื้น
“เมื่อสักครู่ท่านแปดพาคนเข้ามาแค่สองคน ทำไมมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งได้อย่างไร” ฉิงจี้เย่ถามด้วยความสงสัย
ฉิงจี้เย่ไม่ได้คำตอบแต่อย่างไร มีเพียงดวงตาที่เย็นชาของหลี่โม่
ฉิงจี้เย่ตื่นตระหนก และวิ่งออกจากโรงงานอย่างรวดเร็ว หาคนไปลากเหลียงยู่ทั้งสามคนออกมา แล้วส่งให้ท่านแปด
เมื่อเห็นขบวนรถของท่านแปดขับออกไปแล้ว ฉิงจี้เย่ยังคงสับสนมึนงงอยู่
ท่านแปดเรียกตนเองว่าเจ้าแปด แล้วตัวเองล่ะ? ตนเองให้ลูกน้องลักพาตัวลูกของหลี่โม่!
ฉิงจี้เย่ยกมือตบหน้าตัวเองอย่างแรง เขาเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดไป เขารีบโทรไปบอกให้ลูกน้องส่งซีซีกลับ จะต้องปรนนิบัติซีซีให้ดีที่สุด ต้องให้ซีซีมีความสุข
หลังจากวางสายฉิงจี้เย่ก็ตั้งสติ รู้สึกว่าเขาต้องรับสารภาพจึงจะสามารถผ่อนปรนได้ มิเช่นนั้นถ้าหลี่โม่รู้เอง ชีวิตของตนเองจะต้องพบกับความหายนะแน่นอน
ฉิงจี้เย่เดินเข้าไปในโรงงานอีกครั้ง และได้ยินเสียงกังวลของหลี่โม่จากระยะไกล
หลี่โม่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ได้ยินแพทย์ที่ดูแลบอกว่าซีซีหายไปหลายชั่วโมงแล้ว ทำให้สีหน้าท่าทางของเขาดุดันขึ้นมาทันที
“ขอบคุณ คุณหมอมาก ผมจะรีบไปที่โรงพยาบาลทันที ทางพวกคุณก็ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดก่อนเพื่อดูว่ามีเบาะแสอะไรหรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ ทำให้ศีรษะของฉิงจี้เย่แทบจะระเบิด เขาวิ่งไปคุกเข่าลงต่อหน้าหลี่โม่ทันที
“คุณหลี่ คุณไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เป็นผมที่ทำไม่ถูกต้อง ผมมันไอ้สารเลว ผมเป็นขยะ ผมให้คนส่งซีซีกลับไปแล้ว ขอให้คุณโปรดระงับความโกรธด้วย”
ขณะที่ฉิงจี้เย่พูด มือของเขาก็ตบไปที่ใบหน้าของตนเองด้วย ไม่ช้าใบหน้าของเขาก็บวมขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น? คุณให้ลูกน้องลงมือกับซีซีหรือ?”
เสียงที่เย็นชาของหลี่โม่ ดูเหมือนว่าจะทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดลงหลายองศา
ฉิงจี้เย่สั่นไปทั้งตัว และกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “ผม เมื่อสักครู่ผมแค่กลัวว่าคุณจะฆ่าผม ดังนั้นจึงให้ลูกน้องลักพาตัวลูกสาวของคุณ เพื่อใช้เป็นไผ่ตายในช่วงเวลาวิกฤติ”
“แต่ผมไม่ให้พวกเขาทำร้ายซีซี ผมให้ลูกน้องปรนนิบัติต่อซีซีอย่างดีที่สุด ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายเธออย่างแน่นอน”