”แน่นอนว่าข้ารู้ เกมนี้จะจบลงทันทีที่ความสนใจของเราหมดลง นั่นคือสิ่งที่ท่านเคยพูดไว้” หงส์เพลิงจ้องมองเขา ตาคู่สวยของนางเป็นราวกับสายน้ำวน แต่พวกมันก็ยังสงบนิ่งราวกับผืนน้ำไร้คลื่น
ตี้จวินยิ้มหยันด้วยใบหน้าดำทะมึนและเต็มไปด้วยความโกรธ นิ้วของเขาเกาะกุมร่างของนางแน่น ”เกมหรือ หมดความสนใจหรือ เช่นนั้นเจ้าสนใจอะไรอยู่ ต้นโพธิ์ที่อยู่นอกประตูนั่นหรือ เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร เจ้าคิดว่าข้าจะอนุญาตให้เจ้าไปไหนมาไหนตามใจตัวเองหรือ”
”ท่านบอกเลิกข้าก่อนได้เสมอ ถ้าท่านรู้สึกไม่พอใจที่ข้าเป็นฝ่ายพูดก่อน” หงส์เพลิงยิ้ม ริมฝีปากที่โค้งขึ้นของนางดูซีดเซียว
นิ้วของชายหนุ่มยึดร่างของนางแน่นยิ่งขึ้นราวกับพยายามที่จะบดขยี้ไหล่ของนาง แต่สิ่งเดียวที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนั้นก็คือรอยยิ้มอันหล่อเหลาของเขา ”เจ้าอยากเลิกกับข้าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
”มันก็ถึงเวลาแล้วมิใช่หรือ” น้ำเสียงของหงส์เพลิงสงบ ”ท่านผ่านสงครามมามาก ท่านน่าจะเข้าใจว่าทุกสิ่งย่อมน่าเบื่อไปตามกาล”
ตี้จวินกระตุกริมฝีปากขึ้น น้ำเสียงทุ้มลึกของเขาเป็นราวกับความสงบก่อนพายุมาเยือน ”ข้าไม่รู้ว่ากาลเวลาทำให้ทุกสิ่งน่าเบื่อสำหรับเจ้า แต่ไหนๆ เราก็จะเลิกกันแล้ว เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องยั้งมืออีกต่อไป”
แคว่ก!
เสื้อของหงส์เพลิงขาดเป็นชิ้นๆ
ชายหนุ่มผลักหงส์เพลิงเข้ากับประตูไม้พร้อมกับจูบนางอย่างรุนแรง
เมื่อปราศจากซึ่งความอ่อนโยน เขาก็เป็นเหมือนกับสัตว์ร้าย
ริมฝีปากนุ่มของนางถูกกัดจนเลือดออก ลิ้นของนางเริ่มชาเพราะถูกดูด หงส์เพลิงไม่ได้หันหน้าหนีหรือบ่ายเบี่ยงเขา นางเพียงจ้องเขาอย่างเย็นชา
การกัดนั้นเคลื่อนลงมาตามลำคอของนางและทิ้งร่องรอยไม่น่ามองไว้บนร่างของนาง
ทุกสิ่งในอารามแตกกระจาย
เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าร้องทำให้เซียนที่ยืนอยู่ข้างนอกรู้สึกเป็นห่วง
”ตี้จวิน เป็นอะไรไหมขอรับ เกิดอะไรขึ้นหรือ” เขาเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าทั้งสองจะเริ่มต่อสู้กัน
”ไสหัวไป!”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเย็นชา ท่าทางของเขาดูชั่วร้ายอย่างมากจนเซียนคนนั้นเผลอก้าวถอยหลังไปหลายฉื่อ แม้กระทั่งแผ่นอกของเขาก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบ
เขาไม่เคยเห็นตี้จวินหัวเสียถึงเพียงนี้มาก่อน
ตี้จวินมักมีท่าทางสง่างามและสุภาพอยู่เสมอ แม้แต่ตอนที่เขาลงมือฆ่าคน บนใบหน้าของเขาก็ยังมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ด้วยซ้ำ
แต่เวลานี้ แม้กระทั่งอากาศก็ยังดูเปลี่ยนไป!
หงส์เพลิงไม่รู้ว่ากิจกรรมนี้จะเจ็บปวดอย่างมากเมื่อไม่มีการเล้าโลม
การกระทำอันรุนแรงดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน ตี้จวินดูเหมือนกำลังระบายความโกรธด้วยการใช้วิธีการสารพัดเพื่อทรมานนาง
หงส์เพลิงไม่พูดอะไร นางเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยระหว่างที่พวกเขากำลังทำกิจกรรมนั้น
นางคิดกับตัวเองว่าเป็นเช่นนี้ก็ดี
อย่างน้อยนางก็ยังมีสติครบถ้วน
ถ้าเขาอ่อนโยนเกินไป นางอาจจะยั้งตัวเองไว้ไม่ไหวแล้วเผลอเรียกชื่อเขาออกไปก็ได้
หากเป็นเช่นนั้น นางคงดูไร้ค่าและน่าหัวเราะยิ่งกว่าเดิมเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
นางคิดมาตลอดว่าการมีอยู่ของนางเพียงพอสำหรับชายหนุ่ม นางทุ่มเททั้งหัวใจเพื่อรักเขา และเขาก็ควรที่จะปฏิบัติต่อนางในรูปแบบเดียวกัน
แต่ นางลืมความจริงไปข้อหนึ่ง
ความจริงที่ว่าชายคนนี้เป็นคนที่ยากจะควบคุม
ไม่มีใครบนโลกใบนี้จะสามารถควบคุมเขาได้
แม้กระทั่งภพสวรรค์และพระพุทธศาสนาก็ยังไม่สามารถควบคุมเขาได้ แล้วนับประสาอะไรกับความรัก
การสนองความต้องการทางร่างกายของตัวเองเป็นหลักการของเขาเสมอมา และความสนใจเดียวที่เขามีก็คือการเอาชนะผู้อื่น
เขาจะหมดความสนใจบางสิ่งบางอย่างทันทีที่เขาสามารถเอาชนะมันได้อย่างง่ายดายเกินไป
เขาอาจจะเบื่อนางแล้วก็ได้
เพราะเขาสามารถจัดการนางได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าเขาต้องหันไปหาคนอื่นเพื่อเติมเต็มความอยากอาหารของตัวเอง และการได้ท้าทายคนอื่นก็คงจะน่าตื่นเต้นมากกว่า
ดังนั้น สำหรับเขาแล้ว เป้าหมายจะเป็นใครก็ไม่สำคัญ
หงส์เพลิงเข้าใจทุกอย่างดี
เมื่อลองคิดดูให้ดี ผู้ชายคนนี้ไม่เคยบอกรักนาง ไม่แม้แต่จะพูดจาหวานๆ กับนางด้วยซ้ำ
เขาพูดเพียงแค่ว่าเขาอยากอยู่กับนางเท่านั้น
คนที่เข้าใจกติกาเกมนี้ไม่ชัดเจนก็คือนาง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถโทษใครได้
แต่ความหยิ่งผยองของนางก็ไม่ยอมให้นางได้แบ่งปันความรักกับใคร
ถ้าไม่มีความรักที่ทุ่มเทให้กัน เช่นนั้นนางก็ขอแยกทางไปเสียดีกว่า
นี่เป็นความผิดของใคร
นางคิดมาตลอดว่าเขาชอบนาง ดังนั้นนางจึงอยากให้เขาทุ่มเทความรักให้กับนาง
ถ้าหากนางไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้มากเกินไป นางก็คงไม่ผิดหวังถึงเพียงนี้
อย่างไรมันก็เป็นแค่เกม
หงส์เพลิงเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า เมื่อความอ่อนโยนที่นางใช้หลอกตัวเองถูกฉีกกระชากออก นางจะต้องเจ็บปวดอย่างมหาศาล
ในที่สุด ชายหนุ่มก็หยุดเคลื่อนไหว แต่เขายังปฏิเสธที่จะถอนตัวออกจากนาง
เขากอดนางไว้ในอ้อมแขน เขากอดนางไว้แน่นจนนางรู้สึกราวกับว่ากระดูกจะถูกบดขยี้
เกิดความเงียบขึ้นอย่างยาวนาน ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คนเดียว
มันเงียบเสียจนทำให้หายใจไม่ออก
หงส์เพลิงเหนื่อยจนไม่สามารถพูดอะไรได้แม้แต่คำเดียว แต่สีหน้าของนางสื่อออกมาได้เพียงอย่างเดียวว่า
พวกเราจบกันแล้ว…
นางพยายามฝืนลุกขึ้นยืน แต่เขากลับอุ้มนางขึ้นไปบนก้อนเมฆเสียก่อน
เวลานั้นหงส์เพลิงไม่ได้ขัดขืนเขา เพราะนางเหนื่อยล้าเกินไป
พลังธรรมะของนางอ่อนแอมากเสียจนนางสงสัยว่าตัวเองคือหงส์เพลิง นกอมตะในตำนานจริงหรือไม่
บางที นี่อาจเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมนางถึงไม่สามารถตายได้
เพราะพวกเขาคิดว่านางเจ็บไม่เป็น ดังนั้นพวกเขาถึงมอบหมายภารกิจกวาดล้างสิ่งชั่วร้ายให้นางเสมอ
เพราะเขาคิดว่านางเป็นคนพยศยโสโอหัง ดังนั้นเขาถึงได้ใช้คำว่ารักมาเล่นเกมกับนาง
แต่นางเหนื่อยแล้วจริงๆ
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาตอนที่นางเอาจริงเอาจังกับคู่มือฉบับนั้น ตอนที่นางขีดกฎที่อยู่บนกระดาษทีละข้อขึ้นมา นางก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เสียจริง
แต่โชคยังดี
นางเลิกทำเช่นนั้นทันทีที่นางค้นพบนิสัยที่แท้จริงของเขา
นางไม่สนใจว่าชายหนุ่มยังอยู่ข้างนางหรือไม่ หงส์เพลิงหลับตาลงพักผ่อนเอาแรง
มีฝนตกปรอยๆ อยู่ด้านนอกสวรรค์ชั้นเก้า อากาศภายในห้องจึงติดจะหนาว
หงส์เพลิงยังตื่นไม่เต็มที่ นางได้ยินเสียงอันแหบพร่าของชายหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อของนาง และถามนางว่า ”ทำไมกัน”
น้ำเสียงลุ่มลึกนั้นฟังดูเหมือนเสียงสัตว์ร้ายร้องครวญครางเพราะอาการบาดเจ็บ
หงส์เพลิงไม่เข้าใจ คนที่เจ็บคือนางต่างหาก ทำไมเขาถึงทำเสียงราวกับว่าคนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือเขาล่ะ
เมื่อนางลืมตาขึ้น นางก็ตระหนักได้ว่านางคิดมากเกินไป
ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ข้างกายนางอีกต่อไป สมกับเป็นเขาจริงๆ
ทันทีที่เขาได้ครอบครองบางอย่างโดยสมบูรณ์แล้ว เขาจะไม่หันหล้ากลับมาอีก
หงส์เพลิงเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากของนางซีดเผือดจนน่ากลัว
นี่เป็นตอนจบที่ดีที่สุด เพราะพวกนางไม่มีทางให้ไปต่อ
นางน่าจะเข้าใจให้เร็วกว่านี้
แต่ตอนนี้สมองของนางปลอดโปร่งดีแล้ว…
สายฝนยังคงโปรยปรายอยู่นอกห้อง
เม็ดฝนตกลงมาบนร่มคันหนึ่ง
ชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ใต้ต้นโพธิ์ในดินแดนพระพุทธศาสนา ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เซียนที่เดินติดตามอยู่ข้างหลังชายหนุ่มตัวสั่น ”ตี้จวินขอรับ หลังจากนี้เราจะไปที่อาราม หรือจะกลับไปสวดมนต์ต่อดีขอรับ” สำหรับเขา ตี้จวินควรไปสวดมนต์ต่อ เพราะอารมณ์ปัจจุบันของตี้จวินทำให้ปีศาจที่อยู่ใต้อาณัติของเขาก่อลมกรรโชกและสายฝนกระหน่ำ เมฆสีดำก่อตัวไปทั่วทุกพื้นที่
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาไม่มีปฏิกิริยาด้วยซ้ำแม้ไหล่ของเขาจะเปียกฝนไปกว่าครึ่ง
เซียนคนนั้นถึงกับสงสัยว่าตี้จวินคงไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขารู้สึกสับสนว่าทำไมตี้จวินถึงมายืนอยู่ที่นี่โดยไม่คิดจะไปไหน
ขณะที่เซียนคนนั้นกำลังคิดว่าตี้จวินที่เงียบมาตลอดกำลังจะกลายเป็นหิน จู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า ”เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้นนอกจากงานเลี้ยงของภพสวรรค์”