ตอนที่ 1218 ยอมถอย
เมื่อส่งหมอทหารจากไปเว่ยจงจึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ
“ฝ่าบาท เมื่อแม่ทัพต้าเยี่ยนกลับเข้ามาในเมืองเขาอยากมาพบท่านอ๋องเก้า ทว่า ถูกเยว่สือห้ามไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ แต่เยว่สือคงห้ามไม่ได้ทุกครั้ง เราควรย้ายท่านอ๋องเก้าไปยังเรือนติดกันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้อย่าเพิ่งย้าย รอเขาฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยว่ากัน”
ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงข้างเตียงพลางกุมมือเซียวหรงเหยี่ยนไว้หลวมๆ
“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงรับคำ
เซียวหรงเหยี่ยนลืมตาตื่นขึ้นในช่วงบ่ายของวันนั้น
ความเจ็บปวดที่บาดแผลทำให้ชายหนุ่มต้องสูดหายใจลึก เขานึกถึงเมืองเจียงจือขึ้นมาได้จึงผุดลุกขึ้นนั่งทันที เขาเปิดมุ้งที่เตียงออกอย่างแรง
ผ้าม่านหนาถูกม้วนไปเกี่ยวบนตะขอทองแดงทั้งสองด้านแล้ว เซียวหรงเหยี่ยนมองเห็นร่างของไป๋ชิงเหยียนกำลังเอ่ยสั่งงานองครักษ์อยู่ด้านนอกฉากกั้น ไป๋ชิงเหยียนเหมือนจะรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนตื่นแล้วจึงมองมาทางฉากกั้นแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับองครักษ์
“ไปได้”
“ขอรับ”
องครักษ์ไป๋รับคำแล้วจากไปทันที
“เว่ยจงนำยาเข้ามาได้” ไป๋ชิงเหยียนเดินอ้อมฉากกั้นเข้าไปด้านใน
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเซียวหรงเหยี่ยนนั่งตัวงอกุมบาดแผลอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดเผือด
ไป๋ชิงเหยียนหยุดยืนอยู่ตรงฉากกั้น ในสมองเต็มไปด้วยคำถามที่เซียวหรงเหยี่ยนถามนางก่อนหน้านี้ หญิงสาวจับชายกระโปรงของตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัว นางส่งยิ้มฝืดให้ชายหนุ่ม จากนั้นเดินตรงเข้าไปหา
“ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่”
เซียวหรงเหยี่ยนเห็นไป๋ชิงเหยียนปลอดภัยดีจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขานึกขึ้นมาได้ว่าสั่งให้เยว่สือไล่ตามกองทัพซีเหลียงไป
“พอไหว” เสียงของเซียวหรงเหยี่ยนแหบพร่า เขาขยับเสื้อที่เปิดออกให้เข้าที่พลางผูกเสื้อให้เรียบร้อย จากนั้นเอื้อมหยิบเสื้อตัวนอกสีขาวหิมะลายเมฆมงคนลซึ่งวางอยู่บนเก้าอี้กลมข้างเตียงมาสวมด้วยตัวเอง
ไป๋ชิงเหยียนยืนมองเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง แม้เขาจะไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ทว่า นางรู้ดีว่าเซียวหรงเหยี่ยนกำลังโมโห
เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวขึ้นโดยไม่สนใจบาดแผลของตัวเองแม้แต่น้อย
“เยว่สือกลับมาแล้วหรือไม่ เขากำจัดกองทัพหลักของซีเหลียงได้หมดหรือไม่”
“จับเชลยซีเหลียงกลับมาได้ส่วนหนึ่ง ทว่า จับแม่ทัพชราชุยไม่ได้ แม่ทัพชราชุยคงกำลังคิดหาวิธีต่อสู้กับกองทัพหลักของต้าโจวและต้าเยี่ยนอยู่”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเซียวหรงเหยี่ยนผูกเชือกเครื่องแต่งกายด้วยมือข้างเดียว จากนั้นเตรียมเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากไป๋ชิงเหยียนจึงรีบเข้าไปหยิบมาให้
“ขอบคุณ” เซียวหรงเหยี่ยนรับหน้ากากพลางกล่าวขอบคุณไป๋ชิงเหยียน
“ครั้งนี้กองทัพซีเหลียงเสียหายค่อนข้างมาก แม่ทัพชราชุยคงต้องใช้เวลาจัดทัพใหม่เพื่อมุ่งหน้าไปปกป้องเมืองอวิ๋นจิง เมืองเจียงจือคงปลอดภัยแล้ว”
ดวงตาล้ำลึกของเซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง เขาจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองพลางกล่าวขึ้น “ชาวบ้านเร่ร่อนของซีเหลียงรู้ว่าต้าโจวจะรับพวกเขาเป็นชาวเมือง พวกเขาต้องทยอยกันมาหาต้าโจวแน่นอน ตอนนี้ต้าโจวมีวิธีรับมือกับชาวบ้านอพยพแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าคือจักรพรรดินีแห่งต้าโจว เจ้าควรรีบเดินทางกลับเมืองหลวงจะดีกว่า”
กล่าวจบเซียวหรงเหยี่ยนเตรียมสวมหน้ากากบนใบหน้า
ไป๋ชิงเหยียนกุมมือข้างที่ถือหน้ากากของเซียวหรงเหยี่ยนไว้หลวมๆ รั้งไม่ให้เขาสวมหน้ากาก จากนั้นเอ่ยถามเสียงเบา “ท่านจะไปที่ใด”
“กู่เฟิง…” เซียวหรงเหยี่ยนจ้องตาไป๋ชิงเหยียนนิ่ง
“ก่อนหน้านี้ตกลงแผนการโจมตีเมืองอวิ๋นจิงกับต้าโจวไว้แล้ว ตอนนี้กองทัพต้าโจวโจมตีอีกสองสามเมืองก็คงถึงอวิ๋นจิงแล้ว ข้าต้องรีบนำทัพไปที่นั่น บางทีอาจบุกไปถึงอวิ๋นจิงเร็วกว่า…”
“ท่านได้รับบาดเจ็บหนัก ไข้ก็เพิ่งลด ท่านเร่งเดินทางไกลตอนนี้ไม่ห่วงร่างกายของตัวเองบ้างหรือ!”
ไป๋ชิงเหยียนจับข้อมือของเซียวหรงเหยี่ยนแน่นกว่าเดิม
เซียวหรงเหยี่ยนได้ยินประโยคนี้จึงจ้องเข้าไปในดวงตาของไป๋ชิงเหยียนนิ่งราวกับต้องการมองทะลุใจหญิงสาว
สองสายตาประสานกันนิ่ง ไป๋ชิงเหยียนกระชับมือแน่นอย่างทำตัวไม่ถูก
เสียงทุ้มของเซียวหรงเหยี่ยนหัวเราะออกมาราวกับกำลังเย้ยหยันตัวเอง ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียนจนบังร่างของหญิงสาวเอาไว้มิด เขาเอื้อมมือประคองใบหน้าของไป๋ชิงเหยียน แนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงนุ่มกล่าวออกมาเบาๆ
“กล่าวราวกับว่าเจ้าเป็นห่วงข้ามาก”
น้ำเสียงอ่อนโยนของเซียวหรงเหยี่ยนทำให้ใจของไป๋ชิงเหยียนสั่นสะท้านเล็กน้อย
นางกำมือของเซียวหรงเหยี่ยนแน่น ทว่า ไม่ได้รีบร้อนเอ่ยแก้ต่าง ทำเพียงกล่าว
“อาเหยี่ยน ข้าเป็นห่วงท่าน”
เซียวหรงเหยี่ยนรับคำอย่างลวกๆ ชายหนุ่มก้มหน้าประทับจูบลงบนริมฝีปากของไป๋ชิงเหยียนเบาๆ แล้วผละออก จากนั้นไล้นิ้วโป้งไปตามริมฝีปากของหญิงสาว มองหญิงสาวนิ่งอีกครั้งแล้วประทับจูบลงอีกรอบ
ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นขนตายาวเป็นแพของเซียวหรงเหยี่ยนชัดเจน ครั้งนี้นางไม่ได้ใจสั่นเหมือนทุกครั้ง ทว่า รู้สึกเจ็บแน่นที่หน้าอกแทน
เว่ยจงที่เดินถือยาเข้ามาด้านในมองเห็นร่างที่อยู่แนบชิดกันของคนทั้งสองผ่านฉากกั้นจึงรีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว จากนั้นสั่งให้คนนำยาของเซียวหรงเหยี่ยนกลับไปอุ่นที่โรงครัวตามเดิมก่อน
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ารับจูบของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างเต็มใจ ปล่อยมือที่กุมอยู่ที่ข้อมือของชายหนุ่มออก นางอยากเอื้อมมือไปโอบกอดเซียวหรงเหยี่ยน ทว่า กลัวโดนแผลของชายหนุ่มจึงได้แต่จับบ่าทั้งสองข้างของเขาไว้แน่นพลางเขย่งปลายเท้ารับจุมพิตของเซียวหรงเหยี่ยน
การตอบรับของไป๋ชิงเหยียนทำให้จุมพิตของเซียวหรงเหยี่ยนยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฟันของหญิงสาวถูกดันออก ชายหนุ่มจุมพิตอย่างดูดดื่มราวกับจะกลืนกินหญิงสาวเข้าไปทั้งร่างจนนางเซถอยหลังไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว
นางให้ความสำคัญกับเซียวหรงเหยี่ยนมาก หากเขาไม่สำคัญ…นางจะยอมกลายเป็นภรรยาของเขาได้อย่างไร
ไป๋ชิงเหยียนต้องการพิสูจน์ให้เซียวหรงเหยี่ยนเห็นด้วยจุมพิตครั้งนี้
ฝีเท้าของคนทั้งสองเซเล็กน้อย เท้าของไป๋ชิงเหยียนสะดุดที่วางเท้าจนร่างของนางเซไปทางด้านหลัง ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนรีบโอวเอวหญิงสาวไว้ มืออีกข้างจับเสาข้างเตียงเพื่อทรงตัว มิเช่นนั้นทั้งสองคนต้องล้มลงบนเตียงอย่างแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้สติ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเซียวหรงเหยี่ยนกำลังจ้องมาทางนาง
เมื่อยืนทรงตัวได้จึงเตรียมเอ่ยถามว่าบาดแผลของเซียวหรงเหยี่ยนเป็นเช่นไรบ้าง ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนกลับจับใบหน้าของนางเข้าไปใกล้และประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มไล้นิ้วโป้งไปตามใบหน้าของหญิงสาว จากนั้นกล่าวเสียงแผ่วเบา
“ข้าจะไปแล้ว เจ้ารีบเดินทางกลับเมืองหลวงเถิด”
“อาเหยี่ยน ท่านกำลังโกรธ…”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียนน้อยๆ อย่างปลอบโยน ริมฝีปากซีดเผือดคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ข้าเข้าใจ เจ้าไม่ต้องอธิบายสิ่งใดกับข้าหรอก พวกเราทำสัญญากันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หากข้าโกรธเจ้าข้าจะกลายเป็นคนไร้เหตุผลขึ้นมาทันที! เจ้าเป็นคนมีปณิธานยิ่งใหญ่ เจ้ามีทั้งสติปัญญาและความสามารถ เจ้าเข้มแข็งและโหดร้ายบ้างในบางครั้ง ทว่า เจ้าเป็นห่วงชาวบ้านและตระกูลไป๋ของเจ้ามาก เจ้าสามารถเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อน้องๆ ของเจ้าได้ ข้าเข้าใจสิ่งเหล่านี้ดีตั้งแต่เริ่มตกหลุมรักเจ้าแล้ว”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเซียวหรงเหยี่ยนคิดว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกับไป๋ชิงเหยียนมาโดยตลอด
จนเมื่อเขาได้รับรายงานว่ากองทัพซีเหลียงบุกล้อมเมืองเจียงจือ เมื่อเขานำทัพบุกมาช่วยเหลือหญิงสาวและได้รับรายงานว่านางไม่เคยจุดควันส่งสัญญาณเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงตระหนักได้ว่าเขาไม่ใช่คนประเภทเดียวกับไป๋ชิงเหยียน
หากไป๋ชิงเหยียนมีเป้าหมาย นางจะทำทุกอย่างเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น นางมีความมุ่งมั่นและยืนหยัด นางไม่มีทางยอมถอยเพียงเพราะเขาหรือลูกในท้องของพวกเขาแม้แต่ก้าวเดียว