ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1180 ดื่มชาที่ดี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1180 ดื่มชาที่ดี

บทที่ 1180 ดื่มชาที่ดี

บ้านเก่าของตระกูลกู้ยังคงเป็นบ้านเก่าเช่นเดิม แต่การเปลี่ยนแปลงในนั้นทำให้เกาซื่อตกตะลึง

กู้เสี่ยวหวานตกแต่งบ้านเก่าของตระกูลกู้ใหม่ และเพิ่มหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามา หลังจากตกแต่งใหม่ บ้านเก่าของตระกูลกู้ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

กลายเป็นมีความงดงามมากขึ้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าหรูหรามากในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้

อย่างไรก็ตาม เกาซื่อยังคงเป็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน และครอบครัวของนางมีพื้นฐานที่ดีอยู่บ้าง หลังจากที่เข้ามาก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพปัจจุบันของบ้านหลังเก่าตระกูลกู้ นางเดาะลิ้น ไม่ต้องพูดถึงเกาต้าผิงและสวีซื่อ

เก้าอี้ที่พวกเขานั่งล้วนทำจากไม้หวงฮวาลี พรมที่เหยียบอยู่ใต้เท้ามีเพียงตระกูลร่ำรวยเท่านั้นที่จะใช้มัน มันมีสีแดงสดและสีดำ ทำให้ทั้งห้องอบอุ่นและหรูหรายิ่งขึ้น

เกาต้าผิงยังดี เขายังเคยได้เห็นโลกบ้างเล็กน้อย จึงนั่งลงอย่างนิ่งสงบ

เกาซื่อมองไปที่มันสองสามครั้งแล้วหยุดมองทันที

แต่สวี่ซื่อไม่เคยเห็นบ้านที่ดีเช่นนี้มาก่อน เมื่อนั่งลงก็กวาดสายตามองซ้ายขวา ด้วยความตื่นตาตื่นใจอย่างปิดไม่มิด

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เกาต้าผิงก็กระแอมไอสองครั้ง แต่ก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจของสวีซื่อได้

เนื่องจากที่นั่งของเกาต้าผิงและสวีซื่ออยู่ห่างกัน มันจึงไม่ง่ายหากเขาจะไปเตือนสวีซื่อ

และทำได้เพียงแต่มองความตื่นเต้นของสวีซื่อเท่านั้น

ชาของป้าจางถูกชงและยกมาให้เกาต้าผิงและเกาซื่อ เนื่องจากกู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ทางซ้ายของสวีซื่อ นางจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และนำชามาให้สวีซื่อด้วยตนเอง

จากนั้น สวีซื่อก็ตอบสนองและรู้สึกปลื้มใจเล็กน้อย “เสี้ยนจู่”

เมื่อได้ยินนางเรียกตัวเองว่าเสี้ยนจู่ กู้เสี่ยวหวานก็คลี่ยิ้มเบา ๆ “ท่านป้ารู้จักข้า”

ทันทีที่สวีซื่อได้ยิน นางก็เปิดการสนทนาทันที “ใครจะไม่รู้จักตระกูลกู้ในหมู่บ้านอู๋ซีบ้าง แม้ว่าหมู่บ้านของเราจะอยู่ไกลกัน แต่เราเคยได้ยินเรื่องนี้”

กู้เสี่ยวหวานปิดปากและยิ้มจาง ๆ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะมีชื่อเสียงขนาดนี้”

สวีซื่อเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “จะไม่เป็นแบบนั้นได้อย่างไร เจ้าเป็นเสี้ยนจู่และน้องชายของเจ้าก็เป็นบัณฑิต ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่มองเจ้าด้วยสายตาอิจฉา”

กู้เสี่ยวหวานพูด “โอ้ ใช่แล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าพวกเขากำลังมองอะไร”

สวีซื่อกำลังจะตอบกลับ ทันใดนั้น เกาต้าผิงก็กระแอมไอสองครั้ง สวีซื่อเหลือบมองเขา และกลับมารู้ตัวว่าตนเองกำลังจะโดนกู้เสี่ยวหวานหลอก นางจึงรีบหัวเราะและพูดว่า

“เจ้าเป็นเด็ก มันไม่ง่ายเลยที่จะพาทั้งครอบครัวไปด้วย แต่ด้วยเกียรติที่เจ้ามีตอนนี้ มันวิเศษและน่าทึ่งมาก”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินคำพูดของสวีซื่อเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะเตรียมพร้อมมาอย่างดี

สวีซื่อกล่าวคำเยินยอแก่กู้เสี่ยวหวาน แต่เกาต้าผิงและเกาซื่อที่นั่งอยู่หัวโต๊ะสุดพลันถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

เมื่อคิดถึงเมื่อครู่ที่สวีซื่อกำลังพูดเรื่องไร้สาระ เรื่องนี้ก็เกือบจะถูกเปิดโปง

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานนำชามาให้สวีซื่อ นางก็กลับไปนั่งที่ตรงข้ามกับสวีซื่อ

กู้หนิงอันและคนอื่น ๆ ก็ยืนอยู่ข้างหลังกู้เสี่ยวหวาน คราวนี้การนั่งเปลี่ยนไปและดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นการเจรจาสามฝ่าย

เกาต้าผิงได้ยินว่าชานี้เป็นชาที่ดีที่สุดในตระกูลกู้ และเมื่อชาถูกนำมาบริการ เขาก็ดื่มมันทันที

เนื่องจากน้ำที่ใช้ในการชงชานั้นร้อนจัด และเกาต้าชิงก็รีบกลืนลงไป ทำให้น้ำชาที่ยังคงร้อนจัดก็ลวกลิ้นของเขา เกาต้าผิงก็พ่นมันออกมา โบกมือและสาปแช่งว่า “ทำไมชาถึงร้อนแบบนี้? มันลวกข้าแล้วเนี่ย!”

“โดยธรรมชาติ ชานี้ต้องชงด้วยน้ำเดือดเพื่อให้กระตุ้นกลิ่นหอมของใบชาออกมา” ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง กู้เสี่ยวหวานหยิบถ้วยชาตรงหน้านาง ยกฝาถ้วยขึ้น ปัดออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงจิบเล็กน้อย

ท่าทางที่สง่างามซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับมองภาพวาด

เมื่อครู่ เกาต้าผิงมีสภาพน่าตลก และตอนนี้เขาก็ลอกเลียนแบบท่าทางการดื่มชาให้เหมือนกู้เสี่ยวหวาน

คนในหมู่บ้านนี้ดื่มชาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน คนที่รวยกว่ายังซื้อชาที่ถูกที่สุดมาต้มในน้ำเดือดหม้อใหญ่ ทิ้งให้เย็น แล้วดื่มสักวัน

มีผู้ใดบ้างที่ทำเหมือนกู้เสี่ยวหวาน มีใบชาเจ็ดหรือแปดใบในถ้วยชาที่สวยงาม เมื่อใบชาถูกต้มด้วยน้ำเดือด ใบชาทั้งหมดดูเหมือนจะได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง ใบสีเขียวจนดูเหมือนว่าเพิ่งถูกเด็ดออกจากกิ่ง

เมื่อเปิดฝาออก กลิ่นของใบชาก็โชยมาเตะที่ปลายจมูก ทำให้อดไม่ได้ที่จะไล่ตามกลิ่นหอมของใบชา

เกาต้าผิงไม่เคยดื่มชาที่ดีเช่นนี้มาก่อน เมื่อเขาเห็นว่าชาในมือของเขามีกลิ่นก่อนที่จะดื่ม เขาจึงไม่พูดสิ่งใดและดื่มชาก่อนเป็นอันดับแรก

เกาซื่อมีท่าทางที่ดีกว่า

นางถือเป็นบุคคลที่น่านับถือในหมู่บ้าน และมักจะดื่มชากับหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงในวันธรรมดา ดังนั้นนางย่อมรู้วิธีดื่มชาโดยธรรมชาติ

เมื่อเห็นเกาต้าผิงกลืนชาอึกใหญ่ในคราวเดียว และดูน่าอับอายเมื่อถูกชาลวกปาก เกาซื่อก็รู้สึกดูถูกในใจ

คนที่ไม่เคยเห็นของดีก็คือคนที่ไม่เคยเห็นของดี

อย่างไรก็ตาม หากได้เกี่ยวดองกับกู้เสี่ยวหวานจริง ๆ เกรงว่าในอนาคตจะไม่ได้ดื่มสิ่งนั้นได้อย่างไร?

เกาซื่อภูมิใจกับมัน ดังนั้นนางจึงดื่มมันด้วย

ถึงจะไม่รู้จักชานี้ แต่ชานี้รสชาติหอมหวาน และมีกลิ่นหอมดีกว่าชาที่บ้านหลายพันเท่า

เกาซื่อรู้สึกเสียใจเล็กน้อย นางเป็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านมาตลอดชีวิต และนี่เป็นครั้งแรกที่นางดื่มชาแสนอร่อยเช่นนี้ ป้าจางที่เมื่อก่อนเทียบนางไม่ได้ กลับสามารถดื่มชานี้ได้ทุกวัน

นางรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยวางไปในไม่ช้า

ถ้าเกาเหลียนจือแต่งงานกับกู้หนิงอัน ตระกูลเหลียงของนางก็จะสามารถดื่มชาดี ๆ แบบนี้ได้ทุกวัน ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

และคิดในใจว่านางต้องให้คนในตระกูลกู้ให้คำอธิบายที่น่าพอใจแก่เหลียนจือ

หลังจากที่เกาซื่อจิบชาแล้ว นางก็วางถ้วยชาลงและมองไปที่เกาต้าผิง

เกาต้าผิงดื่มชาถ้วยนั้นอย่างตะกละตะกลาม แม้แต่ฟองชายังติดอยู่บนริมฝีปากของเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจ “ดื่มชาในถ้วยเล็ก ๆ แบบนี้ แค่สองจิบก็หมดแล้ว ข้ายังไม่ได้เพลิดเพลินกับมันเลย”

———————————————–

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท