บทที่ 1193 การต่อว่าทั้งหมด
บทที่ 1193 การต่อว่าทั้งหมด
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าพูดอะไรกับเหลียนจือ เจ้าไม่ต้องการให้นางแต่งงานกับกู้หนิงอันใช่หรือไม่ และยังให้เหลียนจืออดอาหารประท้วงเพื่อให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้เห็นด้วยหรือเปล่า พวกเจ้ายังมีหน้ามีตาให้น่านับถืออยู่อีกหรือ คนหนึ่งเป็นเสี้ยนจู่ คนหนึ่งเป็นซิ่วไฉ ไม่ใช่ว่ากำลังดูถูกพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ข้าหรือ ต้องรังแกคนขนาดนี้เชียว เหลียนจือของข้าช่างโง่นัก เชื่อคำพูดของพวกเจ้าและยังอดอาหาร ข้าจะบอกเจ้าให้นะ หากเหลียนจือตายไปแล้วก็ยังเป็นผีของตระกูลกู้พวกเจ้า คนตระกูลกู้อย่างพวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุด” เกาซื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมาก็วิ่งไปข้างหน้า ชี้ไปที่จมูกของกู้เสี่ยวหวานและด่าทออย่างรุนแรง
ปลายนิ้วนั้นเกือบจะถึงปลายจมูกของกู้เสี่ยวหวาน
กู้ฟางสี่เห็นเกาซื่อกำเริบเสิบสานเช่นนี้ก็กลัวว่านางจะทำร้ายกู้เสี่ยวหวาน จึงเบี่ยงตัวไปยืนตรงหน้าแล้วขวางกู้เสี่ยวหวานเอาไว้ และเลียนแบบท่าทางของเกาซื่อ สองมือเท้าข้างเอว “เกาซื่อ เจ้าเป็นบ้าอะไรตั้งแต่เช้า หลานสาวเจ้าอดอาหารแล้วเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวหวานของข้า”
เกาซื่อกลับยิ่งไม่พอใจ และย่อมต้องเอ่ยชี้แนะกู้ฟางสี่ “มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าก็ถามหลานสาวเจ้าดูว่าได้พูดอะไรไว้กับเหลียนจือ ไม่ใช่ว่าบอกให้นางร้องไห้ประท้วงอดอาหารหรอกหรือ บีบบังคับให้พี่ใหญ่พี่สะใภ้ของข้ายินยอม ไม่บังคับนางแต่งงานกับกู้หนิงอัน เพื่อให้พวกเจ้าสมปรารถนาใช่หรือไม่”
ดูเหมือนว่าเกาซื่อจะรู้ทุกอย่างแล้ว
และยังรู้อีกด้วยว่าเกาเหลียนจือประท้วงอดอาหารนั้นเป็นความคิดของกู้เสี่ยวหวาน มีเพียงคนเดียวที่รู้และบอกนาง
กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจเกาซื่อ แต่กลับมองไปที่เกาเหลียนจือ
เกาเหลียนจือนั้นยังนั่งอยู่บนรถ เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมองมาที่ตนก็ตกใจจนตัวสั่นไปทั่วทั้งร่าง หวาดกลัวจนหัวหด
ส่วนคู่สามีภรรยาเกาต้าผิงก็คุกเข่าต่อหน้าเกาเหลียนจือร้องไห้คร่ำครวญ “เหลียนจือ นี่เจ้าต้องการเอาชีวิตของพ่อแม่หรือ ฮือ ๆ”
สวีซื่อนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ตรงเข้าไปด่าทออย่างหยาบคายพลางร้องไห้ไปด้วย และด่ากราดไปด้วย “โอ้สวรรค์ นี่เจ้าต้องการเอาชีวิตข้าหรือ เหลียนจือ เจ้าต้องการเอาชีวิตข้าหรือ”
ร้องตะโกนไปพลางและใช้กำปั้นทุบลงบนร่างกายตัวเองไปพลาง
ท่าทางเช่นนั้นเหมือนกับได้รับการกระทบกระเทือนทางอารมณ์อย่างมากจริง ๆ
เกาต้าผิงเห็นภรรยาตัวเองเป็นเช่นนี้ สายตาก็เบนไปจ้องมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความดุร้ายราวกับต้องการจะจ้องมองจนทะลุผ่านนางไป
“กู้เสี่ยวหวาน อย่าคิดว่าเจ้าเป็นเสี้ยนจู่แล้วเจ้าจะทำอะไรก็ได้ เจ้าอย่าลืมว่าน้องชายเจ้าเป็นฝ่ายผิด ตอนนี้เพื่อที่จะไม่ให้น้องชายของเจ้าแต่งงานกับเหลียนจือของข้า เจ้าคิดแผนการที่ชั่วร้ายมากเช่นนี้ออกมา เจ้านี่ช่างโหดร้ายเสียจริง เหลียนจือของข้าก็ช่างโง่เขลานัก ทำไมถึงได้เชื่อเจ้า นางไม่ต้องการชีวิตนี้แล้วหรือ ตระกูลกู้ของพวกเจ้าก็เหมือนกัน ไม่มีใครถูกกว่าใครทั้งนั้น” เกาต้าผิงชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานและตะโกนเสียงดังลั่นอย่างคลุ้มคลั่ง
หากไม่ใช่เพราะว่าอาโม่ยืนอยู่ข้างกู้เสี่ยวหวานมาตลอด เกรงว่าเกาต้าผิงนั้นจะต้องวิ่งเข้ามาแล้วตบหน้ากู้เสี่ยวหวานสักฉาดไปนานแล้ว
กู้เสี่ยวหวานขบริมฝีปากแน่น ไม่สนใจพวกเขา นางเอาแต่มองเกาเหลียนจืออยู่ตลอด
เมื่อนึกถึงความคิดนี้ เมื่อตอนนั้นยังจำได้ว่ากู้เสี่ยวหวานได้ถามความเห็นของเกาเหลียนจือซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเกาเหลียนจือก็พยักหน้าบอกว่าจะไม่หักหลังนางแน่นอน
แต่ทว่าเพียงแค่ไม่กี่วัน อีกฝ่ายก็หักหลังตัวเองเสียแล้ว และยังนำเรื่องที่ตนเองพูดกับนางไปบอกให้พ่อแม่ของนางฟังทั้งหมด
ในใจพลันเกิดความหวั่นเกรงขึ้นมา
นางอ้าปากอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทางพ่อแม่ตนเอง นางก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด
สุดท้ายทำได้เพียงแค่ก้มหน้า และไม่เอ่ยอะไรสักคำ
ในใจกู้เสี่ยวหวานกลับเย็นเยียบ และรอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นที่มุมปาก
เกาเหลียนจือหนอเกาเหลียนจือ มีแต่เจ้าที่พยายามอย่างมากที่ไม่ยอมแต่งงานกับกู้หนิงอัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเจ้า แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่เลือกเส้นทางนี้ ตรงกันข้ามกลับยังผลักความผิดทั้งหมดนั้นมาที่นี่
กู้เสี่ยวหวานมองเกาเหลียนจือที่ก้มหัวไม่พูดไม่จา เกาต้าผิงกับสวีซื่อด่าทอกันอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลกู้ เกาซื่อชี้คนตระกูลกู้ทุกคน และด่าทอด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง
ส่วนคนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ เมื่อเห็นท่าทีคนตระกูลเกาตอบโต้กับตระกูลกู้ก็ค่อย ๆ รู้ว่าตระกูลกู้ได้ทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้จริง ๆ
“ตระกูลกู้นี้ไร้คุณธรรมเสียจริง ไม่อยากแต่งงานก็พูดกับคนอื่นเขาให้ชัดเจน คิดไม่ถึงว่าจะให้คนอื่นอดอาหาร จุ๊ ๆ เรื่องเช่นนี้ก็ทำออกมาได้อย่างไร”
“ตนเองมีอะไรบ้างที่ทำไม่ได้เล่า เจ้าไม่เห็นหรือว่าตอนนี้ฐานะเขาเป็นอย่างไร คนหนึ่งนั้นเป็นซิ่วไฉ และอีกคนนั้นเป็นเสี้ยนจู่ระดับห้าที่ฮ่องเต้ทรงออกราชโองการแต่งตั้งด้วยตนเอง ถือว่าได้ว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตา ทำไมตนเองจะต้องแต่งงานกับหญิงสาวบ้านนอกเล่า”
“ก็ถูกนะ ตอนนี้สายตาคนตระกูลกู้เอาแต่มองขึ้นไปข้างบน พวกเขาจะมามองครอบครัวที่ยากจนอย่างพวกเราที่ไหนกันเล่า”
กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ที่นั่นอย่างเหมาะสม มือทั้งสองประสานไว้ข้างหน้าอย่างนุ่มนวลด้วยสีหน้าท่าทางที่เมินเฉย เพียงแต่ลูกตาสีดำขลับคู่นั้นราวกับจะแช่คนให้กลายเป็นน้ำแข็ง หลังจากที่กวาดสายตามองอย่างไม่สนใจแล้ว ผู้คนรอบด้านก็รู้สึกว่าอากาศหายใจทั่วทั้งร่างราวกับถูกแช่แข็งในทันที ไหนเลยจะยังกล้าพูดต่ออีก ทุกคนล้วนถูกสายตานั่นทำให้หวาดกลัวแล้ว ทุก ๆ คนหดคอ ใครจะยังกล้าพูดอะไรอีก
ส่วนอีกด้านนั้นฉินเย่จือกับกู้หนิงผิงที่รีบร้อนมา ที่แท้หลังจากที่อาจั่วรู้ว่าเกาเหลียนจือเอาเรื่องทั้งหมดบอกพ่อแม่นางโดยไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว สามีภรรยาเกาต้าผิงจะต้องมาคิดบัญชีที่กู้เสี่ยวหวาน อาจั่วจึงออกจากบ้านตระกูลเหลียงอย่างเงียบ ๆ ไปสถานที่ที่ฉินเย่จือสอนกังฟูให้แก่กู้หนิงอัน เพื่อเล่าเรื่องราวให้พวกเขาฟัง
เมื่อพวกเขาไปถึงก็เห็นกลุ่มคนล้อมประตูไว้ เหมือนชาวบ้านกลัวว่าแผ่นดินนี้จะวุ่นวายไม่พอ แต่ละคนพากันเขย่งแข้งเขย่งขาชะเง้อคอเพื่อมองเข้าไป
ข้างในยังคงได้ยินเสียงสวีซื่อร้องไห้และตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อนึกถึงเรื่องที่อาจั่วพูดเมื่อครู่นี้ว่าเกาเหลียนจือบอกเรื่องทั้งหมดให้เกาต้าผิงแล้ว ฉินเย่จือก็ขมวดคิ้ว
เรื่องนี้ตอนนั้นฉินเย่จือเองก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม แต่ว่านี่กลับเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้เกาต้าผิงยอมแพ้ได้ และมีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นถึงจะไม่ทำร้ายใคร
โดยเฉพาะเกาเหลียนจือ กู้เสี่ยวหวานได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างนางกับถังซ่านจู่นานแล้ว ไม่ว่าคนของตระกูลเกาแท้จริงแล้วมีแผนการสกปรกอะไร เพียงแค่บอกว่าเกาเหลียนจือมีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว จะแต่งงานกับกู้หนิงอันได้อย่างไร