บรรดาแขกที่อยู่ในงานไม่เข้าใจว่าทำไมหงส์เพลิงถึงได้ตอบรับคำเชิญมาร่วมงานเลี้ยงของภพสวรรค์ทั้งที่นางไม่ได้ก้าวเท้าออกมานอกประตูอารามเป็นเวลามากกว่าสิบวัน
เหล่าทวยเทพเริ่มตั้งสติกลับมาได้ในไม่ช้า
นางมาที่นี่เพื่อขอคืนดีกับตี้จวินหรือ
เทพธิดาหลายนางเงยหน้าขึ้นพลางตั้งตารอชมละครที่กำลังจะเกิดขึ้น
ตี้จวินมาถึงอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยแม่มดสาว เขาสวมชุดสีม่วงสลับขาวและนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดเหมือนอย่างเคย ดวงตาดอกท้อคู่นั้นงดงามอย่างยิ่ง แต่พวกมันกลับไม่มองไปทางหงส์เพลิงเลยสักครั้งเดียว
บรรดาเทพธิดาต่างดีใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ตี้จวินเบื่อหงส์เพลิงแล้ว หลังจากนี้ไปหงส์เพลิงย่อมไม่สามารถทำตัวอวดดีได้อีกหากนางปรากฏตัวขึ้นในภพสวรรค์อีกครั้ง
หงส์เพลิงไม่ได้เป็นคนของภพสวรรค์ แต่นางก็มีฐานะเหนือกว่าพวกนางมาโดยตลอดเพราะฐานะทางพระพุทธศาสนาของนาง ที่นั่งของนางก็อยู่ใกล้กับตี้จวินมากกว่าพวกนาง
ถึงแม้ว่าที่นั่งของทั้งสองจะไม่ได้ห่างไกลกันนัก แต่ระหว่างพวกเขาก็ราวกับมีภูเขาและแม่น้ำเป็นพันๆ กั้นขวางเอาไว้
พวกนางจะไม่ดีใจกับเรื่องนี้ได้อย่างไร
แม้พวกนางจะไม่เคยมีความสัมพันธ์อันใดกับตี้จวิน แต่พวกนางก็รู้สึกพอใจที่ได้เห็นหงส์เพลิงพ่ายแพ้
ไท่จื่อเป็นเจ้าของงานเลี้ยงของภพสวรรค์ในครั้งนี้ แต่เขายังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะการได้เห็นหงส์เพลิงเสียหน้านั้นน่าสนใจกว่ามากนัก
บรรดาเทพธิดาที่ไม่เคยกล้าเสียมารยาทต่อหงส์เพลิงต่างสบตากัน จากนั้นจึงเคลื่อนสายตาไปมองทางเก้าอี้ที่อยู่สูงขึ้นไป พวกนางเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า ”ตี้จวิน อรหันต์หงส์เพลิงอุตส่าห์ลดตัวลงมาขอคืนดีกับท่าน ทำไมท่านถึงยังเย็นชาอยู่ได้ล่ะเจ้าคะ”
”ใช่เจ้าค่ะ” คนที่อยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจากใจจริงรีบพูดต่อ ”คู่รักทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ ตี้จวิน อรหันต์หงส์เพลิงอุตส่าห์มาถึงที่นี่ นางคงอยากขอโทษท่านจากใจจริง”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น นิ้วของชายหนุ่มที่ถือจอกเหล้าก็นิ่งไป เขามองไปที่หงส์เพลิง แล้วกระตุกยิ้มขึ้น ”นางมาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงของภพสวรรค์ต่างหาก พวกเจ้าอย่าได้คิดมากกันไปเอง”
นั่นเป็นสัญญาณปฏิเสธหรือ
เทพธิดาเหล่านั้นมองหน้ากันตาไม่กะพริบ แล้วรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของพวกนางก็พลันยิ่งสว่างไสวขึ้น
หงส์เพลิงรับฟังบทสนทนานั้นอย่างเงียบๆ พลางเอนหลังพิงเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ
สายตาของตี้จวินหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนางพร้อมกับยกจอกเหล้าขึ้น
หงส์เพลิงไม่ได้หลบเลี่ยงเขา แต่กลับยกจอกขึ้นตอบเขา นางไม่ได้ทำเป็นเก่งอีกต่อไป แต่กลับทำตัวห่างเหินจากเขาราวกับไม่แยแส
เมื่อเห็นการกระทำของนาง รอยยิ้มของตี้จวินก็เหยียดกว้างขึ้น ”เจ้ากลัวจะปวดหัวเวลาเจอหน้าข้าจนเลือกที่จะอยู่แต่ในอารามมากกว่าสิบวันติดกันเชียวหรือ”
หงส์เพลิงรู้จักวิธีการพูดของชายหนุ่มดี เมื่อปราศจากซึ่งความอ่อนโยน คำพูดของเขาจึงตรงประเด็นอย่างมาก
”ทำไมถึงเอาแต่เงียบล่ะ” ตี้จวินมองตรงไปที่หงส์เพลิง ดวงตาดอกท้ออันน่าหลงใหลคู่นั้นลึกล้ำราวกับมหาสมุทรที่ทั้งมืดมนและเย็นชา
หงส์เพลิงวางจอกในมือลง พร้อมกระตุกริมฝีปากขึ้น ”ท่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
”หืม” ตี้จวินส่งเสียงตอบอย่างคลุมเครือ ใบหน้าหล่อเหลาเกินคนของเขาแฝงไปด้วยกลิ่นอายอันชั่วร้าย
หงส์เพลิงขยับเข้าไปหาชายหนุ่มพร้อมกับเอียงคอ รอยยิ้มงดงามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ”น่าเสียดายที่ข้าเปลี่ยนไปแล้ว”
ข้าคนเดิมที่จะเสียใจในสิ่งที่ท่านพูดนั้นตายไปแล้ว
หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า ”ข้ามีเรื่องอื่นต้องจัดการ ขอตัว”
ชายหนุ่มชะงัก จอกเหล้าในมือของเขาสั่นจนน้ำกระเพื่อมเป็นวง สายตาของเขามืดมนจนข้าวของที่อยู่บนโต๊ะสั่นไหวเล็กน้อย
หงส์เพลิงไม่ได้หันกลับไปมองปฏิกิริยาของคนที่อยู่ด้านหลัง นางเดินผ่านเขา และกำลังจะก้าวต่อ แต่ก็ถูกเขาคว้าข้อมือเอาไว้พร้อมกับดึงกลับด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล
เขากำข้อมือของนางแน่น ชายหนุ่มยืนอยู่ข้างหลังนาง พร้อมกับอ้าปากขึ้น ”ข้าเห็นด้วย”
”เห็นด้วยเรื่องอะไร” หงส์เพลิงขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มมองนางแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า ”กลับมาอยู่ด้วยกัน ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนไปซะ พวกเรามาเริ่มกันใหม่อีกครั้ง”
กลับไปอยู่ด้วยกันหรือ
หงส์เพลิงเงยหน้าขึ้นมองเขา
แขกเหรื่อที่นั่งอยู่ในงานต่างก็นึกไม่ถึงว่าตี้จวินจะเห็นด้วยกับการกลับไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับหงส์เพลิงจริงๆ
”เป็นไปไม่ได้! ตี้จวินเห็นด้วยจริงๆ!”
”เป็นเพราะว่าเมื่อครู่นี้หงส์เพลิงมีท่าทางเฉยชาจนกระตุ้นความสนใจของเขาเข้าอีกหรือ”
”ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นผู้หญิงเป็นฝ่ายขอร้องให้ผู้ชายกลับไปอยู่ด้วย”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นรอบด้านและสะท้อนไปทั่วอากาศ
หงส์เพลิงไม่ตอบ นางกลับรู้สึกขำเล็กน้อย
นางอาจเป็นคนรุกเข้าหาเขาบ่อยจนทำให้ทุกคนเข้าใจนางผิด แม้กระทั่งชายหนุ่มก็ยังเข้าใจความหมายที่นางต้องการสื่อผิดไป และคิดว่านางต้องการเริ่มต้นใหม่กับเขาอีกครั้ง
หงส์เพลิงไม่เคยเสียดายในทุกการตัดสินใจของตัวเอง
นางเป็นคนเข้มแข็งและบ้าบิ่นเมื่อตกหลุมรักใครสักคน
ต่อให้มันจะเจ็บปวด แต่มันก็เป็นผลจากการกระทำของนางเอง
การเป็นฝ่ายที่กระตือรือร้นในความรักไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่มันไม่ได้ทำให้ใครเจ็บปวด
นางยังเป็นตัวเองแม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหน้าไม่อาย
แต่… กลับไปอยู่ด้วยกันหรือ
นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อน
ความเจ็บปวดรวดร้าวรุนแรงจากการนำกระดูกของตัวเองออกจากร่างตอนอยู่ในทะเลเลือดทำให้นางตระหนักได้ถึงความจริงข้อใหญ่
นางรู้แล้วว่าคนเพียงคนเดียวที่นางสามารถพึ่งพาได้บนโลกใบนี้ก็คือตัวนางเอง
มันเป็นโชคชะตาของนาง
หงส์เพลิงแห่งพระพุทธศาสนามีชีวิตอยู่เพื่อการเข่นฆ่า ทุกคนที่เข้าหานางล้วนแต่มีเหตุผลของตัวเองกันทั้งสิ้น
การทำให้นางยอมศิโรราบต่อเขาก็เป็นหนึ่งในเจตนาของคนพวกนั้น…
หงส์เพลิงไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการต่อล้อต่อเถียงและทุกสิ่งทุกอย่างเท่านี้มาก่อน
สำหรับคนอื่น นางอาจจะเป็นผู้หญิงที่จะไม่ปล่อยให้ผู้ชายได้อยู่คนเดียวกระมัง
หงส์เพลิงกุมศีรษะพร้อมกับหัวเราะออกมา คนพวกนี้ช่างเพ้อเจ้อเสียจริง
”เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็คือ…”
ก่อนที่หงส์เพลิงจะทันได้พูดจบ น้ำเสียงน่าฟังติดจะเย้ยหยันก็ดังขัดขึ้นจากคนที่อยู่ไม่ไกล ”ข้าขอโทษที่มาสาย โอ้ หงส์เพลิง ทำไมเจ้าถึงรีบมาเช่นนี้ล่ะ เจ้าไม่ต้องมารอล่วงหน้าก็ได้ เอ้านี่ นี่เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าเก็บเอาไว้ อย่าลืมนำลูกประคำมาถวายตามจำนวนด้วยล่ะ”
”ขอบพระทัย” หงส์เพลิงรับน้ำศักดิ์สิทธิ์มาจากเขาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงเสริมว่า ”ระยะนี้น้ำศักดิ์สิทธิ์ค่อนข้างหายาก แต่ไท่จื่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะถวายลูกประคำให้ครบเจ็ดสิบสองลูกแน่”
ไท่จื่อหัวเราะ ”เจ้าทุ่มเทให้กับต้นโพธิ์ยิ่งนัก พูดจริงๆ ว่าข้าไม่เคยเห็นใครดูแลต้นไม้ดีเหมือนอย่างเจ้ามาก่อน”
”ต้นโพธิ์ไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา” น้ำเสียงของหงส์เพลิงราบเรียบ นางเป็นคนเดียวที่รู้ว่าไม่มีที่แห่งใดจะสามารถซ่อนสภาพน่าสมเพชของนางได้ ถ้าไม่ได้แสงแห่งพระพุทธคุณที่ต้นโพธิ์แผ่ออกมาในวันนั้นช่วยเอาไว้
ผ่านมาแล้วสามวันเต็ม ความเจ็บปวดราวกับไฟแผดเผาอันเกิดจากการนำพระสารีริกธาตุออกจากร่างทำให้ร่างกายของนางอ่อนแอลงอย่างมากจนนางไม่สามารถที่จะดูแลตัวเองได้
ผลจากการที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดทำให้นางถูกพระพุทธศาสนาปฏิเสธ นางโชคดีที่มีต้นโพธิ์ที่เติบโตอยู่ข้างกายมาตั้งแต่ยังเด็ก
”สรุปคือเจ้ามาที่นี่ในวันนี้เพียงเพราะมาเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงต่ำ ขัดบทสนทนาระหว่างหงส์เพลิงกับไท่จื่อ ”ข้าคงเข้าใจสิ่งที่เจ้าต้องการจะสื่อผิดไปใช่หรือเปล่า”