บทที่ 812 รู้จักประเมินสถานการณ์ อย่าได้คิดทำสิ่งโง่เขลาเลย!
เจดีย์เวหาส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่น ลำแสงขนาดใหญ่พุ่งทะยาน สว่างเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าดวงตะวัน ส่องไปทั่วผืนดิน สมาชิกของตระกูลทเทียนทั้งหมดต่างถูกดึงดูดความสนใจ เหล่าบรรพจารย์พากันหัวหดอย่างรวดเร็ว ซีกำลังจะออกมาแล้วหรือ?!
“แจ้งบรรพจารย์ในตระกูลโดยด่วน ผู้ที่อยู่ในเจดีย์เวหาอาจกำลังออกมา!”
“เร็วเข้า!”
ภายนอกตระกูลเทียน เหล่าคนจากกองกำลังอันแข็งแกร่งต่าง ๆ ที่ประจำการอยู่ต่างรีบติดต่อไปยังตระกูลของตน เพื่อแจ้งสถานการณ์ของที่นี่
แทบจะในพริบตาเดียว ความว่างเปล่าพลันบิดเบี้ยว บรรพจารย์จากกองกำลังต่าง ๆ พากันมายังสถานที่แห่งนี้
พวกเขาไม่กล้าเข้าไปด้านในตระกูลเทียน ยืนอยู่ด้านนอก ดวงตาเปล่งประกาย สีหน้าจริงจัง จับจ้องไปทางด้านในตระกูลเทียน!
ฉากภายในตระกูลเทียนสับสนอลหม่าน พวกเขากำลังเตรียมการอพยพ ทว่าซีกลับจะออกมายามนี้ ทำให้ภายในใจของพวกเขาไม่สงบ เต็มไปด้วยความกังวล
อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างให้เห็น พวกเขาล้วนหวาดเกรงในตัวซี คนผู้นี้สามารถเปลี่ยนแปลงค่ายกลของเจดีย์เวหาได้ กระทั่งเหล่าบรรพจารย์ทั้งหมดร่วมมือกันก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ความแข็งแกร่งนับว่าน่ากลัวเกินไป!
“บัดซบ! พวกข้ากำลังจะไปแล้ว ออกมาช้ากว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ?!”
เทียนหมิงสบถสาปแช่ง ภายในใจก็ไม่สงบเช่นเดียวกัน ซีไม่เพียงแต่มีความสามารถทางด้านค่ายกลอันน่ากลัวผิดปกติเท่านั้น พลังที่คอยปกป้องนางอยู่ก็น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย!
จะสามารถหยุดยั้งได้หรือไม่?
ภายในใจของเขาไม่มีความคิดเช่นนั้นอยู่เลย!
“บนบานอันใดกัน เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน นางจะสามารถทะยานขึ้นฟ้าได้เชียวหรือ?!”
“อย่าตื่นตูมไป!”
บรรพจารย์ตระกูลเทียนตำหนิให้สมาชิกในตระกูลสงบลง ความตื่นตระหนกลนลานมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเท่านั้น
ทว่าแม้พวกเขาเอ่ยออกมาเช่นนั้น แต่ภายในใจของพวกเขาก็ไม่ได้คิดแบบเดียวกันแต่อย่างใด!
พวกเขาไม่กลัวว่าซีจะมีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด ระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน ไม่ว่าซีจะฝึกฝนเช่นไรก็ไม่อาจไปยังขอบเขตที่สูงกว่าเดิมได้
พวกเขากังวลว่าซีจะไม่ได้ฝึกฝนในเจดีย์เวหา แต่ใช้ระยะเวลาครึ่งเดือนในการวางค่ายกลสังหาร!
หากเป็นเช่นนั้นจริง ระดับความอันตรายของซีจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย!
อย่างไรเสียค่ายกลเจดีย์เวหาที่ซีได้ดัดแปลงก็ทรงพลังน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ค่ายกลสังหารที่ถูกวางขึ้นมาก็จะต้องน่ากลัวไม่แพ้กัน!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ขณะนั้นเอง แสงนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากเจดีย์เวหา กฎเกณฑ์สะเทือนเลือนลั่น อักขระตวัดพันร้อยเรียง พร้อมร่างหนึ่งทะยานออกมา
“ท่านปู่เต่าผู้นี้ออกมาแล้ว!”
เต่าชรายืนตัวตรงอยู่บนหมู่เมฆ ทอดสายตามองลงมาด้วยความฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง
ซีได้ช่วยมันขจัดพิษในร่างทิ้งไปหมดสิ้น อีกทั้งมันยังได้รับการปรับปรุงอย่างก้าวกระโดดในเจดีย์เวหา จากขั้นสี่ขอบเขตลอยชาย พุ่งไปยังขั้นหกขอบเขตลอยชาย
สำหรับซีนั้นก้าวกระโดดเร็วเสียยิ่งกว่า จากขั้นเก้าขอบเขตลอยชาย บรรลุขั้นสามขอบเขตผู้บงการ!
ร่างกายของซีนั้นพิเศษ ไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาตัดสินได้ ภายใต้สถานการณ์ที่เจดีย์เวหารวบรวมแก่นปราณของฟ้าดินเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งทำให้ซีพัฒนารวดเร็วกว่าเดิมมาก!
อีกด้านหนึ่ง วิชาต่าง ๆ ของนางก็ได้รับการปรับปรุงจนน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ความเร็วในการดูดซับรวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะสามารถขึ้นไปถึงยังขั้นสามของขอบเขตผู้บงการได้
“พวกเจ้ากำลังจะย้ายบ้านหรือ?”
อาภรณ์สีขาวของซีสะบัดไหว ให้อารมณ์เหนือชั้นไม่ธรรมดา นางออกจากเจดีย์เวหามาในยามที่ตระกูลเทียนเตรียมอพยพ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด นางให้ความสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในตระกูลเทียนมาโดยตลอด
“ขั้นสามขอบเขตผู้บงการ!”
“เป็นไปได้อย่างไร!?”
สีหน้าของบรรพจารย์ตระกูลเทียนแปรเปลี่ยนอย่างมาก อดตื่นตะลึงไม่ได้ ซีผู้นี้ฝืนฟ้าสวรรค์เกินไปหรือไม่? เพียงแค่ครึ่งเดือน ก็สามารถเลื่อนจากขั้นเก้าขอบเขตลอยชายไปสู่ขั้นสามขอบเขตผู้บงการ!
สิ่งนี้ทำลายสามัญสำนึกของพวกเขาโดยสิ้นเชิง ล้มล้างความรู้ความเข้าใจดั้งเดิม เกรงว่าต่อให้เป็นเทวโลกเบื้องบนขึ้นไป ก็ไม่อาจก้าวกระโดดได้ไกลขนาดนี้ในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือน ไม่เคยมีตัวอย่างให้เห็นมาก่อน!
“นางยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?!”
“ขอบเขตผู้บงการ นี่ไม่ได้เป็นขอบเขตเล็ก ๆ แต่อย่างใด!”
ด้านนอกตระกูลเทียน บรรพจารย์จากกองกำลังต่าง ๆ พากันตื่นกลัว สีหน้าของพวกเขาดูแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาต่างรู้เรื่องเกี่ยวกับซีอยู่บ้าง ก่อนหน้าจะเข้าไปยังเจดีย์เวหา ซีนั้นอยู่ขั้นเก้าขอบเขตลอยชาย
นี่มันยิ่งกว่าคำว่าสะท้านฟ้า เพียงแค่ครึ่งเดือนกลับก้าวกระโดดได้ถึงเพียงนี้ กระทั่งฝันพวกเขายังไม่กล้าด้วยซ้ำ!
“เหตุใดข้าถึงไปยั่วยุคนเช่นนี้กัน!”
เทียนหมิงรู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง คราวนี้มีโอกาสอย่างมากที่เขาจะจบสิ้นลง ซีนั้นวิปริตจนเกินไป เขาไม่ควรยั่วยุคนผู้นี้ตั้งแต่แรก
ทว่าตอนนี้จะเอ่ยสิ่งใดไปก็ไม่มีประโยชน์ ซีจะต้องไม่ยอมปล่อยเขาไปโดยง่าย!
‘ตกอยู่ภายในสถานการณ์บีบบังคับเช่นนี้แล้ว มีเพียงแค่ต้องทำเท่านั้น!’
เขาเอ่ยขึ้นมาในใจ เลือกหนทางอย่างแน่วแน่ เขาไม่ได้ไร้ทางออกเสียทีเดียว ยังมีหนทางอยู่ เพียงแต่หนทางนี้ไม่ค่อยจะดีนัก หากเลือกแล้วไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?!”
มีบรรพจารย์ตระกูลเทียนเอ่ยถามซีด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
“ไม่ต้องการทำสิ่งใด เพียงแค่จะฝึกฝน พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตึงเครียดไป”
ซีเอ่ยออกมาเสียงเรียบ น้ำเสียงฟังชวนสั่นสะท้าน “เทียนลู่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? พาเขามาพบข้า…”
เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนอดกริ่งเกรงในตัวซีไม่ได้ สั่งให้คนไปพาเทียนลู่ขึ้นมาทันที
เทียนลู่อยู่ในสภาพน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งสองไร้ประกาย ลมหายใจแผ่วเบา คล้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากเทียนหมิงต้องการแสดงความเมตตากรุณาของตน จึงยังไม่ได้สังหารเทียนลู่ทิ้ง
ไม่เช่นนั้นเทียนลู่คงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้!
เทียนหมิงไม่ต้องการจะแบกรับมลทินว่าสังหารพี่ชายของตนเอง
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไม่ใช่เรื่องที่เปิดเผยให้ผู้อื่นรู้
“ข้า… ข้าไม่คู่ควรกับความไว้ใจของท่านเลย!”
เมื่อเทียนลู่เห็นซี บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความละอายใจ ยามนั้นเมื่อซีส่งมอบตัวเทียนหมิงให้ เขากลับทำทุกอย่างพัง เขาประเมินหมากที่เทียนหมิงวางเอาไว้ในตระกูลต่ำไป คนส่วนใหญ่ในตระกูลล้วนเป็นคนของเทียนหมิง
“เจ้าไม่สามารถเปรียบเทียบได้ก็นับเป็นเรื่องปกติ เขาเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่มีสามัญสำนึก ไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนสามารถกระทำได้ แต่หลังจากวันนี้เจ้าจะไม่พบกับเรื่องชวนปวดหัวเช่นนี้อีก ข้าจะสังหารเขาให้สิ้น!”
ซีเอ่ยออกมา
จากนั้นนางก็หันไปมองเทียนหมิง “วันนี้ข้าจะตัดรากถอนโคนเจ้าเสีย!”
หลังจากนั้นนางก็ลงมือทันที เรียกใช้วิชากระบี่ออกมา สร้างกระบี่ขึ้นบนอากาศฟันใส่ไปทางเทียนหมิงโดยตรง!
“ท่านบรรพจารย์ช่วยข้าด้วย!”
เทียนหมิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบไปหลบอยู่ด้านหลังเหล่าบรรพจารย์ทันที
มีบรรพจารย์ผู้หนึ่งลงมือต้องการจะหยุดยั้งการโจมตีของซี
ทว่าร่างกายของเขาพลันสะท้านอย่างหนัก ปะทะเข้ากับการโจมตีอย่างรุนแรง!
“รุนแรงถึงเพียงนี้?!”
เหล่าสิ่งมีชีวิตที่เห็นภาพนี้ ถึงกับรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาอย่างไม่อาจบรรยายออกมาได้
บรรพจารย์ตระกูลเทียนที่ลงมือเป็นถึงขอบเขตผู้บงการผู้มากประสบการณ์ อยู่ถึงขั้นห้าของขอบเขตผู้บงการ สูงกว่าซีถึงสองขั้น ทว่าสุดท้ายกลับต้านการโจมตีนี้ด้วยความยากเย็น?!
นี่นับว่าน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!
ขอบเขตผู้บงการนั้นกว้างใหญ่ ความแตกต่างขั้นหนึ่งนับว่ามหาศาล ซีตามหลังอยู่ถึงสองขั้น แต่เหตุใดกลับสามารถโจมตีใส่บรรพจารย์ตระกูลเทียนเช่นนั้นได้?!
ทว่าซีกลับทำได้จริง ๆ!
“เขาเป็นเพียงคนจอมปลอม แท้จริงแล้วเป็นคนร้ายกาจ พวกเจ้าอย่าได้หลงกลเขา ความจริงแล้วเขาต้องการสังหารเทียนลู่ผู้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด!”
ซีเปิดปาก เล่าเหตุการณ์ในยามนั้นทั้งหมดออกมา
“อันใดกัน!”
“สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือ?!”
เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนต่างจับจ้องไปทางเทียนหมิงด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง พวกตนถูกหลอกหรือ? เทียนหมิงต่างหากที่เป็นคนสารเลวที่แท้จริง?
“เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังสิ่งใดอีกต่อไป”
เทียนหมิงเปลี่ยนท่าทางเป็นสงบนิ่งแล้วกล่าวออกมา “ใช่แล้ว ทุกสิ่งที่นางเอ่ยล้วนเป็นความจริง ยามนั้นข้าต้องการจะยืมมือนางสังหารเทียนลู่ อีกทั้งท่านพ่อเองก็เป็นข้าที่ลงมือสังหาร!”
ด้วยสถานการณ์ในยามนี้ ไม่ว่าเขาต้องการจะปิดบังอันใดไว้ก็ล้วนไม่อาจทำได้ ความจริงถูกกำหนดให้เปิดเผยออกมา
เขาจึงไม่มีความตั้งใจจะปิดบังอีกต่อไป!
“เจ้ามันโหดเหี้ยมอำมหิต! สังหารพี่น้องสังหารบิดา เจ้ายังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่?!”
“เหตุใดจึงมีคนเช่นเจ้าอยู่บนโลกด้วย!”
เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนส่งเสียงกู่ร้อง ยกมือขึ้นต้องการจะโจมตีปลิดชีพเทียนหมิง แต่ทันทีที่ลงมือ พวกเขาทั้งหมดต่างก็พากันล้มลงทีละคน!
พวกเขาถูกวางยา! เพียงแค่พิษเพิ่งกระจายไปทั่วร่าง อีกทั้งยังเกือบเอาชีวิตของพวกเขาไปเสียแล้ว!
“เจ้าวางยาพิษพวกข้า!?”
“น่ารังเกียจยิ่งนัก!”
เหล่าบรรพจารย์จับจ้องเทียนหมิงด้วยความแค้น เหตุใดพวกเขาจะยังไม่เข้าใจอยู่อีก ต้องเป็นเทียนหมิงที่วางยาพิษอย่างแน่นอน ก่อนจะระเบิดพิษในร่างกายของพวกตนเมื่อครู่
“แน่นอน! พวกเจ้าเป็นหมากของข้า ข้าย่อมต้องวางยาพิษพวกเจ้าเอาไว้…”
เทียนหมิงมองดูเหล่าบรรพจารย์ด้วยสีหน้าเฉยเมย “พวกเจ้าเงียบเสียดีกว่า ยิ่งขยับ พิษยิ่งแพร่กระจายเร็วขึ้น มีแต่ทำให้พวกเจ้าตายไว้ขึ้นเท่านั้น!”
หลังจากนั้น เขาเรียกของบางสิ่งออกมาทันที เกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หลุมดำขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขา
เสียงคำรามทุ้มต่ำของสัตว์ร้ายที่ดังออกมาจากหลุมดำ ตามมาด้วยสิ่งมีชีวิตก้าวออกมา
“สิ่งมีชีวิตในแดนมฤตยูซากอัมพร!”
“เจ้าทำข้อแลกเปลี่ยนกับพวกมันหรือ?!”
เหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนต่างรู้ที่มาของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากแดนมฤตยูซากอัมพร
ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในแดนมฤตยูซากอัมพรใกล้เคียงคำว่าดี ต่างดุร้ายโหดเหี้ยม ไม่คิดเลยว่า เทียนหมิงจะมีความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตในแดนมฤตยูซากอัมพร!
ใช่แล้ว เทียนหมิงมีข้อตกลงแลกเปลี่ยนเหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนกับแดนมฤตยูซากอัมพร
สิ่งมีชีวิตแดนซากอัมพรต้องการกลืนกินและดูดซับพลังของเหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียน ดังนั้นพวกมันจึงมอบยาพิษให้เทียนหมิงและทำข้อตกลง
เรื่องทั้งหมดควรดำเนินอย่างเป็นความลับ เทียนหมิงจะต้องจัดการบรรพจารย์ตระกูลเทียนแล้วมอบให้กับแดนมฤตยูซากอัมพรโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้
แต่ตอนนี้สถานการณ์วิกฤตแล้ว เทียนหมิงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ จำต้องเรียกสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรออกมา
“ดีมาก เจ้าทำได้ไม่เลว!”
สิ่งมีชีวิตจากแดนมฤตยูซากอัมพรกล่าวชื่นชมเทียนหมิง
หากไม่ใช่เพราะเทียนหมิง พวกมันก็คงไม่อาจจัดการกับบรรพจารย์ตระกูลเทียนได้โดยง่าย อย่างไรเสียเหล่าบรรพจารย์ตระกูลเทียนก็แทบไม่ได้ออกไปไหน ฝึกฝนอยู่ในตระกูลเสียส่วนใหญ่ ตัวพวกมันเองก็ไม่สามารถเข้ามายังดินแดนของตระกูลเทียนได้
“มีคนที่ดียิ่งกว่าอยู่ที่นี่!”
เทียนหมิงแย้มยิ้มบนใบหน้า จากนั้นก็ชี้ไปที่ซีและเอ่ยกับสิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพร “นางไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แม้ขอบเขตของนางจะต่ำสักเล็กน้อย แต่พลังก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นสามารถต่อกรกับบรรพจารย์ตระกูลข้าได้!”
สิ่งมีชีวิตแดนมฤตยูซากอัมพรมองตามทิศทางที่เทียนหมิงไปชี้ เมื่อเห็นซี ดวงตาของพวกมันก็สว่างวาบทันที
ซีนับได้ว่าดีมากจริง ๆ มันสามารถสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดา เพียงแค่พริบตาเดียวพวกมันก็เกิดความคิดต้องการจะจัดการซีด้วย
“ทำตัวว่าง่ายแล้วไปกับพวกข้าเสีย พวกข้าสามารถมอบความสุขให้กับเจ้าได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะต้องสัมผัสกับความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด!”
“คนงามเช่นนี้ อย่าได้คิดทำสิ่งโง่เขลาเลย ควรรู้จักประเมินสถานการณ์ บางทีพวกเราอาจสามารถไว้ชีวิตเจ้าได้!”
พวกมันเอ่ยออกมาอย่างสงบนิ่ง วางท่าทางสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง ถือว่าซีเป็นสิ่งที่หยิบจับได้ตามต้องการ
หากซีไม่ยอมฟังคำ พวกมันก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงความร้ายกาจออกมา!