หลี่หลานเฟิงที่นั่งเคียงข้างหลิงหลานเห็นหุ่นรบยักษ์ที่ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจตัวนั้นในท้องฟ้ายามราตรี ทั่งทั้งร่างก็ตะลึงงัน ไม่ได้สติกลับมาเนิ่นนาน เขาคว้าแขนของหลิงหลานไว้โดยไม่รู้ตัว กล่าวอย่างติดอ่างว่า “นายพลละ…ละ…หลิงเซียว!”
หลิงหลานเห็นพ่อของเธอปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธอราวกับเทพเจ้าในช่วงเวลาวิกฤติที่สุด ช่วยเหลือทุกคนเอาไว้ ในใจเธอก็ตื่นเต้นมากเหลือเกินเช่นกัน ขณะเดียวกันก็ภูมิใจอย่างมากด้วย ดูสิ นี่ก็คือคุณพ่อของเธอนะ! ในใจลูกทุกคน พ่อควรเป็นคนแข็งแกร่งมากที่สุด ต่อให้เป็นหลิงหลานที่อยู่มาสองชาติก็ไม่อาจหลีกหนีความคิดของลูกสาวตัวน้อยๆ แบบนี้พ้น
แต่พอมือขนาดใหญ่ของหลี่หลานเฟิงคว้าแขนของเธอไว้ ความรู้สึกตื่นเต้นภาคภูมิใจของหลิงหลานก็วิ่งหนีหายไป เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบมองมือใหญ่บนแขนแวบหนึ่ง ว่าไปแล้ว เธอไม่ชอบให้มีใครมาสัมผัสร่างกายของเธอมากๆ…
สายตาเย็นเยียบของหลิงหลานกวาดมองหลี่หลานเฟิงอย่างอำมหิตแวบหนึ่ง เตือนเป็นนัยๆ หวังว่าหลี่หลานเฟิงจะย้ายมือใหญ่ๆ ที่น่ารังเกียจของเขาออกไป
หลี่หลานเฟิงอาจจะตื่นเต้นมากเกินไป เขาที่ช่างสังเกตเวลานี้กลับเชื่องช้าอย่างหาใดเปรียบ เขาไม่สังเกตเห็นความไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรงในดวงตาของหลิงหลานเลย ยังคงคว้าแขนของหลิงหลานไว้ เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “นั่นนายพลหลิงนี่ หนึ่งในผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะทั้งสิบสองคนของสหพันธรัฐเรา และก็เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่โลกยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุดในอนาคต เขาคือผู้ควบคุมหุ่นรบที่ฉันเคารพเลื่อมใสมากที่สุด…ไม่นึกเลยว่านายพลหลิงเซียวจะปรากฏตัวที่นี่ ช่วยเหลือพวกเรา ฉันฝันไปแน่ๆ กระต่าย ฉันตื่นเต้นมากๆ เลย…”
หลี่หลานเฟิงได้แต่ย้ำคำพูดว่า ‘กระต่าย ฉันตื่นเต้นมากๆ’ ไม่หยุด ท่าที่ปัญญาอ่อนแบบนี้ทำให้หลิงหลานพูดไม่ออกอย่างยิ่ง เธอชายตามองมือใหญ่ที่อยู่บนแขนข้างนั้นอีกครั้ง แล้วมองหลี่หลานเฟิงที่ทำหน้าเคลิ้มฝันทำตัวปัญญาอ่อนมากอีกรอบ...เอาเถอะ เห็นแก่ที่อีกฝ่ายเลื่อมใสบูชาพ่อของเธอขนาดนี้ เธอจะอดทน!
ขณะที่หลิงหลานกำลังฝืนทนหลี่หลานเฟิงพูดพร่ำถึงความเคารพยกย่องที่มีต่อนายพลหลิงเซียวอยู่ในหุ่นรบ ด้านนอก สมาชิกทีมของหลิงหลานรวมถึงคนของเหลยถิงต่างมองหุ่นรบยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่ลอยอยู่บนฟ้าตัวนั้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น มีหลายคนถึงกับทำการควบคุมผิดพลาดออกมาเพราะความตื่นเต้น ไม่อาจควบคุมความสมดุลของหุ่นรบได้จนล้มคว่ำลงไปทันที
ทว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งนั้น ทุกคนต่างรู้ดีว่าการมาเยือนของนายพลหลิงเซียวผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ บ่งบอกว่าพวกเขาทุกคนปลอดภัยแล้ว เว้นก็แต่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันที่ตอนแรกโอ้อวดแสนยานุภาพ พยายามหยอกเล่นกับพวกเขาตัวนั้น
ยามนี้ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันกำลังมองหุ่นรบของหลิงเซียวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก เขารู้ว่าเขาตกอยู่ในอันตรายแล้ว หุ่นรบระดับราชันเหนือกว่าหุ่นรบไพ่ราชามากจริงๆ สามารถเข่นฆ่าหุ่นรบไพ่ราชาได้ ทว่านี่เป็นเพียงการต่อสู้กับหุ่นรบไพ่ราชาเท่านั้น เมื่อต่อกรกับหุ่นรบขั้นเทวะ จุดจบของเขาก็เหมือนกับหุ่นรบไพ่ราชาที่ต่อสู้กับเขา ไม่มีหนทางใดๆ ให้ต่อต้านเลย
เมื่อเขาเห็นหุ่นรบของหลิงเซียวยกปืนลำแสงในมือขึ้นมาอย่างเย็นชาอีกครั้ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวดทันที เขากดลำโพงตะโกนว่า “นกอมตะหลิงเซียว ได้โปรดอย่าลงมือ ขอเพียงคุณปล่อยผมไป ผมจะถอนตัวออกจากสนามรบนี้ทันที”
“ปล่อยไป? เมื่อตะกี้ตอนที่นายสู้กับนักเรียนทหารพวกนี้ มีความคิดจะปล่อยพวกเขาไปไหมล่ะ?” หลิงเซียวตอบกลับอย่างเย็นเยียบ ถึงแม้คำตอบของหลิงเซียวฟังดูราบเรียบสุดขีด แต่หลิงหลานยังคงฟังออกถึงไฟโทสะพุ่งเสียดฟ้าที่แฝงอยู่ในนั้น บิดาที่อ่อนโยนราวกับไม่เข้าใจความโกรธคนนั้นก็โมโหเป็นเหมือนกันเหรอเนี่ย?
หลิงหลานหัวไวมาก เธอเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเพราะอะไรถึงทำให้หลิงเซียวเดือดดาลขนาดนี้ มันเป็นเพราะเธอ! ทุกคนต่างมีต่อมโมโหของตัวเอง และหนึ่งในต่อมโมโหของหลิงเซียวก็คือเธอ หลิงหลาน
เป็นพวกบ้าลูกสาวที่น่ากลัวจริงๆ! หลังจากหลิงหลานทอดถอนใจ กระแสอบอุ่นสายหนึ่งไหลผ่านในใจช้าๆ มุมปากบนดวงหน้าที่เย็นเยียบไร้อารมณ์มาตลอดของเธอพลันโค้งขึ้นมา และรัศมีโค้งนี้ก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ…
เดิมทีความสนใจของหลี่หลานเฟิงเพ่งไปที่หลิงเซียว ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ากลิ่นอายเย็นยะเยือกข้างกายเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมาฉับพลัน เขาหันหน้ากลับไปมองด้วยความมึนงง แล้วก็เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ร้อยปียากจะเจอสักครั้งของหลิงหลาน จู่โจมตรงเข้ามาที่หัวใจของเขา
‘ตึก! ตึก! ตึก!’ หัวใจของหลี่หลานเฟิงเต้นกระหน่ำหลายครั้ง เขาเผลอกดหัวใจของตัวเอง อาการป่วยของเขากำเริบอีกแล้วเหรอ? นับตั้งแต่เจ็ดปีก่อนที่เขาได้ฟังคำพูดจากกระต่าย ฝึกฝนพื้นฐานอย่างหนัก ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ ดีขึ้นมา ความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจใกล้จะระเบิดแบบนี้ค่อยๆ ลดลงไปเช่นกัน และพอผ่านไปอีกสี่ปีก็ไม่เคยกำเริบอีกเลย ทว่าวันนี้ เพราะอะไรถึงทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนในตอนนั้นอีกแล้วล่ะ?
หรือว่าเป็นผลตกค้างเนื่องจากผลาญเรี่ยวแรงไปจนหมด? หลี่หลานเฟิงใคร่ครวญอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเจอความเป็นไปได้นี้เท่านั้น เขารีบหลับตาไม่กล้ามองต่ออีก ปลอบประโลมความรู้สึกของตัวเองให้สงบลง ตื่นเต้นมากเกินไปไม่ได้เด็ดขาด หลี่หลานเฟิงยังจดจำทุกครั้งที่อาการป่วยกำเริบได้ เขาต้องอาศัยการทรมานตัวเองมากำจัดความเจ็บปวดที่มาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ และเขาไม่อยากให้กระต่ายเห็นเขาฉากนี้ ถึงแม้เขารู้ดีว่า กระต่ายไม่มีทางดูถูกเขาเพราะเหตุผลนี้ แต่เขาก็ไม่อยากเปลี่ยนเป็นดูอ่อนแอต่อหน้ากระต่ายอยู่ดี…
แป๊บเดียวหัวใจก็หยุดเต้นกระหน่ำแล้วสงบลงช้าๆ เมื่ออารมณ์ใจเย็นลงโดยสมบูรณ์แล้ว หลี่หลานเฟิงถึงค่อยลืมตา หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อแล้ว ช่วงเวลาเมื่อสักครู่นั้นทำให้หลี่หลานเฟิงนึกกลัวไม่หยุด
เวลานี้หลิงหลานกลับมาเป็นปกติแล้ว ตอนที่ความผิดปกติของหลี่หลานเฟิงเพิ่งจะเกิดขึ้น หลิงหลานก็สัมผัสได้แล้ว เธอหยิบยาฟื้นฟูออกมาทันที แต่พอเห็นหลี่หลานเฟิงคล้ายกับกำลังควบคุมตัวเองอยู่ หลิงหลานก็ตัดสินใจดูต่อ เพราะว่าต่อให้ยาดีอีกสักแค่ไหน หากทานมากไปย่อมมีอาการดื้อยา หลิงหลานไม่อยากให้พวกเพื่อนๆ ใช้ยาพร่ำเพรื่อจนเกิดผลลัพธ์อันน่าเจ็บปวดที่ไม่อาจได้รับการรักษาในช่วงเวลาวิกฤติได้เพราะการดื้อยาหรอกนะ
เมื่อเห็นหลี่หลานเฟิงฟื้นฟูร่างกายช้าๆ หลิงหลานก็ปล่อยวางความกังวลใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เธอแน่ใจเรื่องสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอของหลี่หลานเฟิงอีกครั้ง เรื่องแรกที่ต้องทำหลังจากการต่อสู้บนดาวซินสิงสิ้นสุดลง ก็คือต้องบำรุงร่างกายของหลี่หลานเฟิงให้ดีขึ้น เธอไม่อยากให้สมาชิกในทีมตัวเองมีร่างกายแบบน้องหลิน[1]หรอกนะ
ขณะที่ทางฝั่งหลี่หลานเฟิงเกือบจะเกิดเรื่อง หุ่นรบระดับราชันที่อยู่ด้านนอกได้ยินการถามกลับของหลิงเซียว เขาก็พูดไม่ออกทันที เดิมทีหลิงเซียวก็ไม่เคยคิดจะปล่อยมือสังหารที่เกือบทำร้ายลูกสาวของเขาไปอยู่แล้ว เขาไม่อยากฟังอีกฝ่ายอธิบายอะไรทั้งนั้น เพิ่งจะถามกลับเสร็จ เขาก็เหนี่ยวไกปืนลำแสงในมือโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ปากกระบอกปืนพลันปล่อยลำแสงสีฟ้าอ่อนที่รุนแรงสายหนึ่งออกมา ยิงตรงไปที่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชัน
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเห็นดังนั้นก็ตื่นตกใจทันใด เขารีบขับหุ่นรบให้หลบออก จังหวะเดียวกันก็เปิดอุปกรณ์สื่อสารติดต่อเพื่อนของเขา อยากให้อีกฝ่ายมุ่งหน้ามาช่วยเหลือ ทว่าเมื่อออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของหุ่นรบตอบกลับมาว่าไม่สามารถติดต่อได้ ในใจเขารู้ว่าท่าจะไม่ดีมากๆ แล้ว
การโจมตีของหลิงเซียวในครั้งนี้ถูกผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันหลบได้สำเร็จ ทว่าหลิงเซียวไม่รู้สึกประหลาดใจเลย เดิมทีลำแสงนัดนี้เขาไม่ได้ตั้งใจสังหารอีกฝ่ายอยู่แล้ว หากแต่อยากบีบให้อีกฝ่ายออกห่างจากหุ่นรบลูกสาวสุดที่รักของเขา
ถึงแม้ด้านล่างมีหุ่นรบฝึกหัดไพ่ราชาสองตัว แต่หลิงเซียวที่เข้าใจลูกสาวตัวเองย่อมรู้ดีว่า หุ่นรบไพ่ราชาสู้ระยะประชิดตัวนั้นจะต้องเป็นหุ่นรบที่ลูกสาวของเขาขับอย่างแน่นอน และหุ่นรบตัวนั้นอยู่ในรัศมีการโจมตีของหุ่นรบระดับราชันพอดี ต่อให้เป็นหลิงเซียวที่มั่นใจในตัวเองอย่างหาใดเปรียบ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ สิ่งแรกที่เขาตัดสินใจคือ ช่วยเหลือลูกสาวออกมาจากอันตรายก่อน เรื่องสังหารศัตรูค่อยว่ากันในขั้นตอนถัดไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิงเซียวก็อดลอบส่ายหน้าไม่ได้ จากความตั้งใจเดิมของเขา เขาหวังว่าลูกสาวสุดที่รักของตนจะเลือกหุ่นรบโจมตีระยะไกลเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น บวกกับการควบคุมจิตวิญญาณของสำนักบัญชาเทวะย่อมกลายเป็นหุ่นรบปืนใหญ่ป้อมปราการที่น่ากลัวได้แน่นอน ปืนใหญ่อันทรงพลังจะรับประกันว่าหุ่นรบตัวอื่นไม่สามารถมีโอกาสเข้าประชิดตัวได้ รับรองความสามารถในการรอดชีวิตบนสนามรบ ถึงแม้การเลือกแบบนี้จะทำให้ไม่มีวาสนาต่อผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ แต่หลิงเซียวไม่เคยอยากให้หลิงหลานกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะมาก่อนเลย ไม่เพียงเป็นเพราะว่าหลิงหลานคือเด็กผู้หญิง เหตุผลเรื่องคุณสมบัติร่างกายแทบจะกำจัดความเป็นไปได้นี้ทั้งหมดแล้ว แต่ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะหลิงเซียวรู้ดีว่า การเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะจะต้องเผชิญความทุกข์ทรมานยากลำบากแสนเข็ญมากเหลือเกิน เขาไม่ปรารถนาให้ลูกสาวของเขาไปลองเผชิญเลย
ลำแสงนัดนี้ของหลิงเซียวบรรลุเป้าหมายของเขาแล้วจริงๆ ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันไม่รู้เลยว่า ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดของสหพันธรัฐให้ความสำคัญกับหุ่นรบไพ่ราชาด้านล่างตัวนั้นขนาดนี้ ถ้าหากเขารู้ฐานะของหลิงหลานละก็ เขาย่อมฝืนได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อจับหลิงหลานเป็นตัวประกันแน่นอน
ทว่านอกจากลูกทีมของหลิงหลานที่เข้าใจหลิงเซียวแล้ว คนอื่นๆ แทบจะไม่รู้เรื่องนี้เลย นี่จึงทำให้หลิงหลานผ่านวิกฤติไปได้อีกครั้ง
การถอยร่นของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันได้เว้นระยะห่างกับหลิงหลานแล้ว หุ่นรบของหลิงเซียวหายตัวไปอีกครั้ง เวลาเดียวกันก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าหุ่นรบของหลิงหลาน ร่างมหึมาของหุ่นรบ Belief กำบังหุ่นรบของหลิงหลานไว้จนหมด ตอนนี้หลิงเซียวถึงค่อยวางใจในที่สุด
“ยังขยับได้สินะ!” หลิงเซียวพลันเอ่ยปากถาม
“แน่นอนครับ ต่อให้ต่อสู้อีกก็ไม่มีปัญหา ขอแค่อย่าให้มีสัตว์ประหลาดอย่างหุ่นรบระดับราชันมาก็พอ” หลิงหลานรู้ดีว่าคนที่พ่อของเธอถามก็คือเธอ ดังนั้นเลยตอบกลับไปทันที
เห็นได้ชัดว่าคำตอบของหลิงหลานไม่มีความรู้สึกเคารพยำเกรงเท่าไหร่นัก นี่ทำให้หลี่หลานเฟิงที่นั่งอยู่ในหุ่นรบตัวเดียวกันตกตะลึงอีกครั้ง เขามองหลิงหลานอย่างอึ้งๆ สงสัยว่าทำไมหลิงหลานถึงใช้ท่าทีแบบนี้ตอบนายพลหลิงเซียว
“สัตว์ประหลาด? ใช้คำนี้กับหุ่นรบระดับราชัน เธอมองเขาสูงส่งเกินไปแล้ว” ไม่นึกเลยว่าหลิงเซียวที่อ่อนโยนมาตลอดก็กล่าวคำพูดเยาะหยันเสียดแทงแบบนี้เป็นเหมือนกัน “ฉันจะให้เธอดูว่า พออยู่ต่อหน้าหุ่นรบขั้นเทวะแล้ว หุ่นรบทุกตัวก็เป็นแค่มดทั้งนั้น”
สิ้นคำพูด หลิงเซียวพลันหายไปจากเบื้องหน้าของหลิงหลาน ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายหุ่นรบระดับราชันแทบจะเวลาเดียวกัน นี่คือระบบวายุเทพของหุ่นรบขั้นเทวะ ไปถึงระดับการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาในทฤษฎีอย่างแท้จริง
หุ่นรบขั้นเทวะ Belief คือหุ่นรบแบบผสมผสาน หรือพูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นหุ่นรบในตำนานที่มีความสามารถการโจมตีระยะไกลและความสามารถโจมตีระยะใกล้ไปถึงระดับสมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อเทียบกับหุ่นรบขั้นเทวะตัวอื่นที่เน้นไปทางการโจมตีระยะประชิดแล้ว ความสามารถด้านต่างๆ ของหุ่นรบ Belief สมดุลกันหมดมากกว่า นี่ก็คือสาเหตุที่หุ่นรบ Belief ถูกยกย่องว่าเป็นหุ่นรบขั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด
ดังนั้น หลิงเซียวไม่เพียงมีความสามารถด้านการโจมตีระยะไกลที่แข็งแกร่งมาก ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดก็เก่งกาจมากเหมือนกัน แค่เห็นลำแสงเย็นสว่างวาบ แขนของหุ่นรบระดับราชันก็ถูกตัดลงมาทันที ก่อนจะร่วงลงพื้นกระแทกจนเกิดเป็นหลุมตื้น
“หืม? ทักษะการหลบไม่เลวมากเลยนี่นา” หลิงเซียวประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีดาบนี้เขาคิดจะเล็งไปที่ห้องคนขับโดยตรง เขารู้ดีว่าอาศัยความเร็วของเขา หุ่นรบระดับราชันทั่วไปไม่มีโอกาสหนีกระบวนท่านี้พ้น ไม่คาดคิดว่าความเร็วในการหลบของอีกฝ่ายจะไปถึงขีดสูงสุดในทฤษฎีของหุ่นรบระดับราชันแล้ว
————————-
[1] เปรียบเปรยถึงร่างกายของนางเอกในเรื่องความฝันในหอแดงที่อ่อนแอป่วยกระเสาะกระแสะบ่อยๆ