“คำต้องห้ามก็คือ ฟักทอง”
[นี่โดโมโตะ ขอเวลาหน่อยได้มั้ย?]
ช่วงพักเที่ยงของวันศุกร์ ระหว่างทางกลับจากห้องน้ำ ผมถูกอาจารย์สอนประวัติศาสตร์โลกเรียกตัวเอาไว้
[มีอะไรหรอครับอาจารย์ ?]
[เอ่อ…พอดีครูมีธุระด่วนก็เลยต้องรีบไปที่ห้องพักครู ก็เลยกำลังคิดว่าถ้าให้เธอเอาหนังสือไปคืนให้มันจะเร็วกว่ามั้ยนะ? อะไรประมาณนั้น]
ดูเหมือนจะมีเรื่องด่วนอาจารย์จึงถูกเรียกไปที่ห้องพักครู แต่เพราะมีหนังสือที่ต้องเอาไปคืนที่ห้องเก็บข้อมูลอยู่ก็เลยอยากจะวานให้ผมเอาหนังสือไปคืนให้
[ได้ครับอาจารย์ แต่เอาเป็นว่าอาจารย์ติดหนี้ผมรอบนึงเป็นไงครับ]
[ฮ่าๆ ขอบใจนะช่วยได้มากเลย เอาเป็นว่าครั้งหน้าครูจะเลี้ยงน้ำผลไม้เธอชดใช้ให้ก็แล้วกัน]
พอพูดจบอาจารย์ก็หันหลังไป
ถึงผมจะบอกว่าติดหน้าผมก็เถอะ แต่นั่นเป็นแค่เรื่องล้อเล่น อาจารย์เป็นคนที่อัธยาศัยดี และค่อนข้างใจดี จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักเรียน ที่ผมตั้งใจพูดไปแบบนั้น บางทีอาจจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากอาจารย์ก็ได้
ผมถือกองหนังสือที่ได้มาจากอาจารย์ เดินไปที่ชั้นที่ 3 หน้าห้องเก็บข้อมูล
ตอนแรกผมคิดว่าคงใช้เวลาไม่นานผมก็เลยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ดูเหมือนหนังสือพวกนี้จะถูกเก็บไว้ด้านในสุด ถึงจะไม่ได้เปิดไฟแต่ก็ยังพอมองเห็น ผมเดินเข้าไป และนำมันกลับไปตามที่ๆ มันสมควรจะอยู่
[โอเค เท่านี้ก็เรียบร้อย]
เอาละ กลับดีกว่า นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
ทันใดนั้น… ผมก็ได้ยินเสียงประตูของห้องถูกปิด และเสียงล็อค
[เอ๊ะ..!?]
อย่าบอกนะว่าประตูถูกล็อค… เอาเถอะ ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่เห็นต้องไปกังวลอะไร นั่นเพราะถึงจะโดนล็อคจากด้านนอก แต่ประตูบานนี้ก็สามารถเปิดจากข้างในได้อยู่ดี อย่างไรก็ตาม… ผมรู้สึกตกใจอยู่นิดหน่อยเพราะในห้องค่อนข้างมืด มันเงียบเกินไป และรู้สึกน่าขนลุกเมื่อต้องอยู่คนเดียว… รีบๆ ออกไปจากที่นี่ดีกว่า
[ให้ตายเถอะ ใครกันนะที่มาปิดประตู]
[ชั้นเองงงงงง!!]
[เหวอ อะว๊าาาาาา!!!!!!!!?]
ผมสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง ผมสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และเมื่อหันหลังกลับไปก็เห็นไอนะซังกำลังยืนอยู่ หัวใจผมเกือบจะวายซะแล้วสิ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ในขณะที่ไอนะซังยิ้มอย่างมีความสุข ราวกับว่าเธอดีใจที่การแกล้งของเธอประสบความสำเร็จ
[อะไรกัน ไอนะซังเองงั้นหรอ…!?]
[อะไรกันงั้นหรอ!? ฮายาโตะคุงนี่ใจร้ายชะมัด]
การปรากฏตัวของไอนะซัง หนึ่งในพี่น้องสาวสวยที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนทำให้หัวใจผมแทบจะหยุดเต้น ไม่ใช่เพราะผมประหม่าหรือตื่นเต้นเวลาอยู่ต่อหน้าเธอหรอกนะ แต่สิ่งที่เกือบทำให้หัวใจผมหยุดเต้นก็คือความกลัว
[อะฮ่าๆ โทษทีๆ พอดีชั้นเห็นฮายาโตะคุงถือหนังสืออยู่เต็มเลย ชั้นสนใจนิดหน่อยก็เลยเดินตามมา]
[อย่างงั้นหรอ!? ชั้นว่าคงจะดีกว่าถ้าเธอส่งเสียงเรียกโดยที่ไม่ทำอะไรที่ชวนให้หัวใจชั้นหยุดเต้นแบบนี้]
[ก็จริงอยู่หรอก… แต่ว่าจนถึงตอนนี้เราก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลยนี่นา!? จู่ๆ ถ้าชั้นเข้าไปคุยกับฮายาโตะคุงอย่างสนิทสนม ชั้นก็กลัวว่าจะไปทำให้ฮายาโตะคุงเดือดร้อนเอานะสิ]
…อ่า นั่นสินะ ถ้าจู่ๆ ผมพูดคุยกับไอนะซังอย่างสนิทสนมละก็ คงจะเกิดข่าวลือต่างๆ นานาขึ้นมามากมาย แน่นอนว่าผมอยากให้ข่าวลือแบบนั้นแพร่กระจายออกไป บางทีอาจเป็นเพราะคิดถึงผม ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับความห่วงใยของเธอจริงๆ
[ชั้นอยากคุยกับฮายาโตะคุงให้มากกว่านี้เหมือนกันนะรู้มั้ย!? ทั้งๆ ที่พวกเราเรียกกันด้วยชื่อต้นแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่ขยิบตาให้ตอนเราที่เราสบตากัน]
[นั่นมันก็… จริงนะ]
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เมื่อผมกับไอนะซังเดินสวนกัน เธอก็มักจะขยิบตาหรือโบกมือให้เล็กน้อย แน่นอนว่าผมเองก็จะโบกมือตอบกลับอย่างสุภาพ แค่เพียงสิ่งนี้ก็ทำให้เด็กผู้ชายรอบๆ ตัวผมเข้าใจผิดแล้ว
[ยังไม่หมดคาบพักเที่ยง อยู่คุยด้วยกันก่อนได้มั้ย?]
[ก็…ได้อยู่หรอก]
เอาเข้าอีกแล้ว.. ไอนะซังจับมือของผม และพาไปที่เก้าอี้ใกล้ๆ พวกเรานั่งลงบนเก้าเอ้าสองตัวที่วางเรียงกันอยู่ จากนั้นไอนะซังก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นก่อน
[ใกล้ถึงฮาโลวีนแล้วเนอะ ฮายาโตะคุงมีแผนจะทำอะไรมั้ย?]
[อืมม ชั้นกะว่าจะไปเล่นที่บ้านเพื่อน เรามีแผนจะแต่งคอสแล้วก็จัดงานปาร์ตี้กัน]
[เอ๋ แต่งคอสงั้นหรอ!?… ท่าทางน่าสนุกจังเลยนะ แล้วฮายาโตะคุงจะคอสเป็นอะไรงั้นหรอ?]
[ฟั…..]
ผมเกือบจะหลุดปากตอบเธอไปแล้วสิว่าผมเตรียมชุดแบบไหนเอาไว้ ผมกลืนน้ำคำพูดของผมลงคอ ถึงการโกหกมันจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ก็ไม่มีทางเลือก
[ชั้นกะว่าจะคอสเป็นตัวละครในอนิเมะสักตัวนั่นแหละ ฮ่าๆ]
[เห๋ งั้นหรอ!? อยากเห็นจังเลย ให้ชั้นดูได้มั้ย!?]
[…เรื่องนั้นไม่ได้หรอก พอดีชั้นอายนะ โทษทีนะ]
[ฟุฟุ งั้นหรอ? เข้าใจแล้ว ดูเหมือนชั้นจะขอมากไปหน่อย โทษทีนะ ชั้นไม่อยากเห็นแล้วก็ได้]
ดีจริงๆ ที่เธออ่านบรรยากาศเก่ง ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาคุยกับไอนะซังตามลำพังแบบนี้อีกครั้ง พวกเราพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยอย่างสนุกสนาน
[ฮายาโตะคุง มีของที่อยากได้บ้างมั้ย?]
[ของที่อยากได้หรอ? ถ้าตอนนี้คงจะเป็นเกมที่จะออกเร็วๆ นี้ละมั้ง แล้วไอนะซังละ?]
[ของที่ชั้นอยากได้งั้นหรอ…? อืมมม จะเรียกว่าของก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ แต่ก็มีอยู่นะสิ่งที่ชั้นอยากจะได้ และชั้นคิดว่ามันคงจะเป็นสิ่งเดียวกันกับที่พี่สาวชั้นอยากจะได้ด้วย]
[อย่างงั้นหรอ!?]
[อืมม แต่ว่านั่นนะ มันเป็นของสำคัญที่มีอยู่เพียงแค่ชิ้นเดียว และชั้นเองก็รักพี่สาวมากซะด้วยสิ เพราะงั้นชั้นเลยอยากจะแบ่งปันมันและใช้ด้วยกันสองคน]
[เห๋… เป็นพี่น้องที่รักกันสุดๆ เลยแฮะ]
เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ ที่พี่น้องรักใคร่สนิทสนมกัน อย่างไรก็ตามไอนะซังพูดต่อ
[ชั้นคิดว่าพี่สาวเองก็คงจะสังเกตุเห็นในไม่ช้า แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น… ถ้าชั้นได้ลิ้มรสมันก่อนแค่เพียงคนเดียว จะดีมั้ยนะ♪]
[เห๋… จะไม่มาทะเลาะกันทีหลังหรอแบบนั้น!?]
[คงไม่หรอกเรื่องนั้น อย่างมากพี่ก็คงหัวเราะแล้วบอกว่า “เธอนี่มันเด็กเจ้าปัญหาจริงๆ” อะไรประมาณนั้นละมั้ง]
ยิ่งผมได้ยินเรื่องของพวกเธอมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกเธอยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นเท่านั้น
[สนิทกันดีจะ… เหวอออ อ อุว๊าาาา!!!!!]
แมงมุมตัวนึงปล่อยใยและห้อยตัวลงมาจากเพดานต่อหน้าผม ระหว่างที่ผมกำลังพูดอะไรดีๆ ผมก็เผลอตะโกนออกไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ กลับกัน… ไอนะซังที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมไม่ได้รู้สึกตกใจมากนัก และยื่นมือออกไปหามันอย่างมีความสุข
[ฮายาโตะคุงกลัวแมงมุมงั้นหรอ!?]
[อืมม ก็… ประมาณนั้น]
แมงมุมตัวเล็กๆ เป็นอีกเรื่องนึง แต่แมงมุมตัวใหญ่นี่ไม่ไหวจริงๆ ทั้งๆ ที่มีแขนขายาวยุบยับแบบนั้นแต่กลับเคลื่อนไหวได้เร็ว เห็นแล้วน่าขยะแขยงสุดๆ
[ชั้นไม่กลัวแมงมุม… บางทีอาจจะชอบมันซะด้วยซ้ำละมั้ง?]
[…หายากนะผู้หญิงแบบนั้น]
ไอนะซังยิ้มและหัวเราะให้กับคำพูดของผม เธอพูดต่อในขณะที่ถือแมงมุมตัวเล็กไว้ในมือของเธอ
[แมงมุมฉลาดว่ามั้ย? พวกมันสร้างอาณาเขตของตัวเองด้วยใยของมัน และไม่เคยปล่อยให้เหยื่อที่เล็ดลอดเข้ามาหลุดไปได้ พวกมันจะรอจนกว่าเหยื่อพวกนั้นจะอ่อนแอ และในที่สุดก็จะกลายเป็นเพียงอาหารชั้นเลิศ]
นั่นคงจะเป็นวิถีชีวิตของแมงมุมอย่างแน่นอน แต่มันกลับเป็นภาพที่น่าทึ่งเมื่อเห็นไอนะซังพูดถึงแมงมุมแบบนี้ เธอพูดต่อพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
[มันจะล่อสิ่งที่มันปรารถนาด้วยสิ่งยั่วยวนอันหอมหวาน สร้างตาข่ายล้อมรอบด้วยใยเพื่อพันธนาการเหยื่อของมันเอาไว้… มันดูน่าหลงไหลจะตาย ฮายาโตะคุงไม่คิดอย่างงั้นหรอ?]
[เอ่ออ…คงงั้นละมั้ง?]
[โธ่… มีแค่ชั้นคนเดียวสินะที่คิดแบบนั้น]
ไอนะซังพูดต่อพร้อมกับพองแก้มทั้งสองข้างของเธอ
[อุส่าเล่าตั้งนาน ฮายาโตะคุงไม่อินซะงั้น มู่ๆๆ]
ไอนะซังถอยหลังไปนิดหน่อย และชนเข้ากับชั้นหนังสือ.. ทันใดนั้นชั้นหนังสือก็สั่น ทำให้แฟ้มที่วางอยู่ด้านบนร่วงลงมา
[อันตราย!]
[กรี๊ดดด!?]
ผมเอื้อมมือไปดึงร่างของไอนะซังเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด และถอนหายใจเมื่อเห็นแฟ้มดังกล่าวตกลงบนพื้นตรงที่เธอเคยยืนอยู่ ถึงจะเป็นแค่แฟ้มแต่มันก็เจ็บมากหากมันตกลงบนหัวของคุณ โล่งอกไปทีที่ไอนะซังไม่ได้รับบาดเจ็บ
[โล่งอกไปที]
คำพูดนั้นหลุดออกมาจากความคิดของผม
[…กะแล้วเชียว ไม่ต้องสงสัยเลย♪]
[ไอนะซัง?]
[ไม่ผิดแน่นอน ความรู้สึกของมือคู่นี้… อ่าาา… อ่าาาฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!]
[…ไม่เป็นไรใช่ไหม!?]
ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่า? แต่ผมรู้สึกตกใจที่จู่ๆ เธอก็ระเบิดหัวเราะออกมา เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยหยุดทีเถอะ
[อะ… ขอโทษนะ ฮายาโตะคุงช่วยชั้นเอาไว้ มันเท่ซะจนชั้นเผลอหัวเราะออกมาเลย♪]
คงไม่มีใครรู้สึกปลื้มแน่นอนเวลาที่ถูกคนอื่นบอกว่าเท่ หลังจากที่เขาหัวเราะออกมา… และดูเหมือนช่วงพักกลางวันกำลังจะหมดลงแล้ว
[ไอนะซัง ต้องรีบกลับกันแล้ว ไม่งั้นเข้าเรียนสายแหง๋]
[อ่า จริงด้วยต้องรีบกลับแล้ว!]
ดูเหมือนว่าเราเผลอหลุดไปในบทสนทนาที่ไม่คาดคิด
พวกเราออกจากห้องเก็บข้อมูล และรีบกลับไปที่ห้องเรียนทันที โชคดีที่มันอยู่ไม่ไกลมากนักทำให้ระหว่างทางเราไม่เจอกับนักเรียนคนอื่นๆ เลย ผมกับไอนะซังกลับมาได้ทันเวลา โดยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติ
[…อ่าาา สุดยอดไปเลย… ถูกจ้องมองและสัมผัสด้วยระยะใกล้แบบนี้ ชั้นเกือบจะทนไม่ไหวอยู่แล้วรู้มั้ย? ฮายาโตะคุง…]
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิงก็พึมพำบางอย่าง
ขณะที่แก้มของเธอกำลังร้อนผ่าว เธอก็เอื้อมมือไปจับที่หน้าท้องของเธอโดยธรรมชาติ
[อ่า.. อยากท้องจัง อยากจะท้องสุดๆ ไปเลยนะ ฮายาโตะคุง♪]
ด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข เธอจ้องมองเด็กผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาอาวร จากนั้นก็กลับไปที่ห้องเรียนของเธอ
ครับ…คุณน้องนี่อันตรายสุดๆ