“ความยุ่งเหยิงระหว่างความหวาน”
[…ที่นี่สินะ?]
ผมมาอยู่ที่ร้านคาเฟ่หรูๆ แห่งหนึ่ง ร้านที่ผมคงไม่มีทางเข้ามาเหยียบที่นี่คนเดียวแน่ๆ พร้อมกับเหลือบมองกระดาษโน้ตที่อยู่ในมือ
ผมว่าคงน่าสนุกดีถ้าเกิดมากันเป็นคู่
[เข้าไปกันดีกว่า]
ผมเปิดประตูเข้าไปด้วยปณิธานความมุ่งมั่น
…แล้วก็มีพนักงานเสิร์ฟที่แต่งตัวด้วยชุดเมดน่ารักที่เข้ากันได้ดีกับร้าน กำลังต้อนรับผมอย่างร่าเริง
อย่างที่คิด มีลูกค้าไม่กี่คน และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
[มาคนเดียวใช่ไหมคะ?]
[เอ่อ… ผมมาตามนัดน่ะครับ]
มาที่นี่คนเดียวก็คงฝืนไปหน่อย
แต่ก็อย่างที่บอกไป ผมคงไม่มาที่นี่คนเดียวหรอก
ผมมาตามมาจากกระดาษโน้ต มันเขียนโลเคชั่นของที่นี่เอาไว้อยู่ แน่นอนว่ามันถูกเขียนเอาไว้โดยใครบางคน
[ทางนี้ๆ! ฮายาโตะคุง]
[…อ้อ คุณผู้หญิงคนที่สวยๆ สองท่านนั้นสินะคะ เข้าใจแล้วค่ะ ใช้เวลาให้สนุกนะคะ!]
พนักงานเสิร์ฟหันไปพยักหน้าให้กับผู้หญิงที่โบกมือคนนั้นที่นั่งอยู่ด้านหลังเธอ
แล้วพนักงานก็บอกให้เดินไปหาเจ้าของเสียงได้เลย
ซึ่งเจ้าของเสียงคนนั้นก็ไม่ใช่ใครนอกจาก…
[ขอโทษที่ทำให้รอกันนะครับ?]
[ไม่เป็นไรหรอก~]
[ดีใจที่วันนี้นายมานะ]
ใช่ พวกเธอคืออาริสะกับไอนะ
หลังจากการสารภาพรักกับไอนะจบลง มันกินเวลาไปนานอยู่พอสมควร พวกเธอถามผมว่าอยากไปที่คาเฟ่กับพวกเธอไหม ผมตกลงที่จะไปกับพวกเธอเพราะผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำเป็นพิเศษเหมือนกัน แต่ขณะที่จะเดินไปกับพวกเธอ ผมโดนอาจารย์เรียกตัวซะก่อน
[เข้าใจแล้ว… จริงด้วยสิ ฉันจะดีใจมากเลยล่ะถ้านายลองไปดูที่ล็อคเกอร์ตัวเองก่อนกลับบ้าน]
ผมสงสัยว่าที่ไอนะพูดมาหมายถึงอะไร แต่พอได้ไปดูก็เห็นว่ามีกระดาษโน้ตทิ้งไว้ในล็อคเกอร์ ซึ่งมันคือโลเคชั่นของคาเฟ่แห่งนี้ ถูกเขียนด้วยลายมือที่สุดแสนจะปราณีต ให้ผมเข้าใจภาพรวมได้ง่ายขึ้น อนึ่งเป็นข้อความว่า ‘ฉันจะมีความสุขมากเลยล่ะ ถ้านายมา’ ผมรู้สึกแบบนั้น
[คงต้องใช้แรงใจมากเลยแหละ ถ้าจะปฏิเสธ]
[ฮ่าฮ่า ฉันรู้ว่านายไม่ปฏิเสธพวกเราหรอก ก็นายเป็นคนใจดีนี่นา♪]
[…เธอนี่นะ แต่ก็ขอบคุณที่มานะ ฮายาโตะคุง]
ยังไงก็เถอะ เวลาว่างผมเยอะอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องขอบคุณผมหรอก
พวกเธอนั่งหันหน้าเข้าหากัน และที่นั่งข้างๆ ยังคงว่างอยู่ ผมกำลังคิดอยู่ว่าควรนั่งข้างใครดี แล้วอาริสะก็เหมือนจะรู้ เลยลุกออกไปนั่งข้างไอนะแทน
[เชิญเลยฮายาโตะคุง]
[โอ๊ะ… ขอบคุณครับ]
ผมคิดว่าเธอคงไม่อยากนั่งข้างผมต่อให้ต้องตายก็ตาม แต่ก็รู้สึกโล่งใจทันทีที่เห็นว่าสีหน้าเธอไม่ได้เป็นแบบนั้น
บางทีเธออาจแค่รู้สึกเกรงใจก็ได้
พวกเรานั่งหันหน้าเข้าหากัน แล้วผมก็สั่งกาแฟ
[ดีใจที่วันนี้นายมาตามกระดาษโน้ตนะ คงไม่หลงหรอกใช่ไหม?]
[ที่นี่หาเจอง่าย ผมคงไม่หลงหรอก ถึงจะรู้สึกประหม่านิดหน่อย เพราะไม่ค่อยได้มาที่แบบนี้ก็เถอะ]
[เข้าใจแล้ว… พวกเรามานี่บ่อยเลยล่ะ]
[ใช่แล้ว ต้องขอบคุณบรรยากาศของที่นี่เลยล่ะ เพราะที่นี่ก็มีผู้หญิงอยู่เยอะด้วย]
…แบบนี้นี่เอง ก็เห็นอยู่หรอก
พอมองไปรอบๆ ก็มีลูกค้าที่เป็นผู้ชายอยู่ไม่กี่คน ก็จริงอยู่ที่ลูกค้าที่เป็นผู้ชายไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นตามที่อาริสะพูด
ระหว่างที่กำลังดูอยู่ กาแฟก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะผมพอดี ผมเลยยกจิบสักหน่อย ว่ากันตามตรง ผมรู้สึกประหม่าไม่น้อยที่ต้องอยู่ในร้านแบบนี้กับสาวสวยอีกสองคน แต่ความขมของกาแฟก็ช่วยทำให้ผมจรรโลงใจได้ในระดับหนึ่ง
[ฮิฮิฮิ♪]
[ฟุฟุ♪]
…รอยยิ้มแบบนั้นมันอะไรน่ะ?
ทั้งคู่ไม่ได้แตะเครื่องดื่มหรือเค้กตรงหน้าเลย เอาแต่จ้องมาที่ผมอย่างสุดความสามารถจนผมพูดไม่ออก ผมลงเอยด้วยการต้องก้มหน้าก้มตาจิบกาแฟต่อไปทั้งแบบนั้น ก่อนที่ไอนะจะพูดอะไรออกมาว่า…
[เราคุยกันมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้างั้นก็มาแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกันเถอะ?]
[จะดีเหรอครับ…?]
พอผมถาม ไอนะก็ยิ้มและพยักหน้า ขณะนั้นอาริสะก็รีบหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาพร้อมพูดพึมพำอะไรก็ไม่รู้ ก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างแรง ไอนะที่เป็นคนเปิดประเด็นก็ยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางของอาริสะ ทั้งสีหน้าของเธอก็ยังดูกระตือรือร้นขึ้นนิดหน่อย
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อของทั้งสองคน… แต่ต่างจากไอนะ ตรงที่อาริสะจ้องไปที่ข้อมูลการติดต่อของผมที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้าไปอย่างเอาเป็นเอาตายและไม่ขยับไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว
[… ด้วยสิ่งนี้… ตอนนี้… ฉันก็… จะ…]
[ไม่เป็นไรหรอก บางทีพี่ก็เป็นอย่างงี้แหละ]
ไม่ล่ะ ดูยังไงก็ไม่น่าใช่นะ!
อาริสะยังคงจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง แต่เหมือนจะรู้สึกตัว แล้วเก็บโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋าของตัวเองด้วยท่าทางที่อารมณ์เสียเล็กน้อย ขณะนั้น แก้มของเธอก็ขึ้นสีแดงเจือจาง เหมือนว่าเธอจะเขินอยู่นิดหน่อย ผมไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความน่าขนลุก แบบที่ผมรู้สึกได้จากเธอเมื่อกี้อีกแล้ว
ไอนะหัวเราะคิกคักให้กับความกังวลของผมที่มีต่ออาริสะ แล้วหลังจากนั้น เธอเปิดประเด็นพูดคุยกันใหม่
[อนาคตต่อจากนี้นายอยากทำอะไรเหรอ ฮายาโตะคุง?]
[ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน… ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ตัดสินใจแนวทางของตัวเองหรอก]
ผมถูกถามเรื่องแนวทางในอนาคตของตัวเองอย่างกระทันหัน แล้วผมก็บอกเธอตามตรงว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ ปีหน้าผมก็จะขึ้นปีสามแล้ว ผมต้องคิดว่าจะหางานทำหรือเรียนต่อในวิทยาลัย ฯลฯ ปู่ย่าตายายของผมของทางแม่เองก็บอกผมว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหรอก ถ้าอยากเรียนที่วิทยาลัย แต่มันลำบากเฉยๆ
[แล้วไอนะล่ะ?]
[ฉันคิดว่า ฉันอยากมีลูกก่อน]
โห… เป็นความคิดที่เรียบง่ายและสมเป็นผู้หญิง… ผมคิดว่ามันดีที่เธอคิดในแง่บวกเกี่ยวกับการมีลูก เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากมากในทุกวันนี้ ด้วยอัตราการกำเนิดที่ลดลง ฯลฯ แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องมีคู่ซะก่อน… ผมอยากเห็นจริงๆ ว่าคู่ของเธอจะเป็นแบบไหน
[มันคงฟังดูเป็นเรื่องน่าขำใช่ไหมละ?]
[มันไม่ใช่เรื่องที่ผมควรหัวเราะหรอก ผมแน่ใจว่าไอนะจะสร้างครอบครัวที่มีความสุขได้แน่นอน และลูกก็ต้องน่ารักมากแน่ๆ]
[จริงเหรอ? นายคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?]
[? ครับ]
[เข้าใจแล้ว… เข้าใจแล้ว… ฟุฟุ… ดีใจนะที่ได้ยินคำนั้นจากปากนาย♪]
อะไรน่ะ? เสี้ยววินาทีนั้น ผมรู้สึกใจคอไม่ดีกับไอนะ
…แต่เหมือนเดิม เธอยังคงยิ้ม ผมเลยเดาว่าผมคงคิดไปเอง
ผมคิดว่าเธอมีรอยยิ้มที่น่ารักจริงๆ เหมือนกันกับอาริสะ รอยยิ้มของพวกเธอเรียกได้มีพลังทำลายล้างสูง
ผมเลยถามอาริสะแบบเดียวกันกับที่ถามไอนะ
[ฉันอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ อยากอยู่เคียงข้างคนที่ฉันรักและดูแลเขาตลอดไป อยากเป็นของเขา และของเขาคนเดียว]
เธออยากทำตัวมีประโยชน์ เป็นแนวทางที่เรียบง่ายจริงๆ
ผมเดาว่าเธอคงอยากเป็นเพียงสิ่งเดียวของคนๆ นั้น… ผมหมายถึง หนึ่งเดียวน่ะ
[คิดว่ายังไงบ้างฮายาโตะคุง มันฟังดูน่ากลัวรึเปล่า]
[ไม่นิ? ผมว่าปกติดีออก แบบว่า มันเป็นเรื่องน่าชื่นชมจะตาย เธอพูดแบบนั้นอย่างตรงไปตรงมา เพราะสิ่งที่เธอต้องการก็คือสนับสนุนคนสำคัญนี่นา]
ผมไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับอาริสะหรือแม้แต่ไอนะ มีหลายอย่างที่ผมไม่รู้เกี่ยวกับพวกเธอ ถึงแบบนั้น อย่างน้อยผมก็รู้ว่าพวกเธอมีหน้ามีตาในสังคม เรียนเก่ง และเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าอาจารย์
[รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย ขอบคุณนะ ฮายาโตะคุง]
ผมไม่ได้พูดเพราะอยากได้คำขอบคุณอยู่แล้ว
จากนั้นพวกเราก็คุยกันอยู่พักใหญ่ ถามกันไปกันมา แนวทางในอนาคต อยากเรียนอะไรต่อ และอื่นๆ อีกมากมาย พวกเธอตอบกันไวมาก แต่ผมก็ยังพอเข้าใจอยู่
[ขอโทษนะ เดี๋ยวฉันไปเด็ดดอกไม้ก่อน]
[โอเค~]
อาริสะลุกขึ้นแล้วเดินไปห้องน้ำ
ผมอยากเตือนไอนะสักหน่อย ที่เธอมองตามแผ่นหลังของพี่สาวตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มเลศนัยแบบนั้น มองแบบนั้นผมว่าคงไม่ดีเท่าไหร่
[ไอนะ อย่ามองตอนคนอื่นไปเข้าห้องน้ำแบบนั้นสิ]
[เอ๊ะ? อ้อ หมายถึงแบบนั้นเองเหรอ โทษที โทษที นายพูดถูกแล้วล่ะ ฮายาโตะคุง]
…ปฏิกิริยาต่างจากที่คิดไว้ลิบลับเลยแฮะ
ตอนนี้ผมก็อยู่กับไอนะเพียงสองต่อสองจนกว่าอาริสะจะกลับมา ระหว่างที่นิ้วเกลี่ยเล่นตามแก้วที่เหลืออยู่แค่หลอดกับน้ำแข็ง ไอนะก็พูดออกมา
[…นี่ ฮายาโตะคุง ถึงจะช้าไปสักหน่อย แต่ว่า…]
[อะไรเหรอ?]
[ทำไมตอนนั้นถึงช่วยพวกเราไว้ล่ะ?]
[…]
ตอนนั้น ในวันที่เกิดเรื่อง
ผมไม่ได้ตอบไปทันทีสำหรับคำถามนี้ พอลองมองย้อนดูอีกที ผมกลับไม่เห็นแรงจูงใจอะไรที่จะช่วยพวกเธอเลย เป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ผมอยู่หน้าบ้านพวกเธอพอดี ทั้งยังเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอีก
[ผมว่า…]
[…]
ผมตอบไอนะที่ซึ่งมองผมอย่างตั้งใจ
[ว่ากันตามตรง ผมก็ไม่คิดว่าผมจะต้องเข้าไปเอี่ยวกับเรื่องแบบนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่มีความคิดที่จะหนีไปไหน แค่รู้สึกตัวอีกที ผมก็ใส่หมวกฟักทองซะแล้ว]
[…แบบนี้นี่เอง]
ใช่ ร่างกายของผมมันขยับไปเอง
นั่นคือที่มาที่ไปว่าทำไมผมถึงได้ไปช่วยพวกเธอ แต่ยังไงผมก็ดีใจที่พวกเธอปลอดภัย
[ดีใจนะที่พวกเธอปลอดภัย]
ผมอยากที่จะบอกเธอ แล้วตอนนี้ก็ได้บอกไปแล้ว เป็นคำที่ผมอยากบอกจากใจ
…
[…อ๊า~ ทนไม่ไหวแล้ว~]
ไอนะ?
[…อย่านะ~… จะมาแล้ว… จะกลั้นไม่ไหวแล้ว~…]
[ไอนะซัง?]
[…ไม่มีอะไร ฮ่าฮ่า ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ฮายาโตะคุง]
[อ─โอเค…]
ระหว่างนั้น มือไอนะเอาแต่กดที่ท้องน้อยของตัวเองอยู่ตลอดจนกระทั่งอาริสะเดินกลับมา ผมคิดว่าไอนะคงอยากไปห้องน้ำ แต่เพราะผมเป็นผู้ชาย ผมเลยเงียบไป