Yusha no reverse NTR เพราะโดนจอมมารเเย่งสาวในตี้ ก็เลยจับเเม่จอมมารมาทำเมีย – ตอนที่ 1 ในวันที่ผมโดนจอมมาร NTR

Yusha no reverse NTR เพราะโดนจอมมารเเย่งสาวในตี้ ก็เลยจับเเม่จอมมารมาทำเมีย

ในโลกใบนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยเวทมนต์ มีเผ่าพันธุ์มากมายอาศัยอยู่

เอลฟ์ ดรอฟ์ มังกร ฮิวเมน เเละ เผ่าปีศาจ

พวกเราทั้งหลายต่างอาศัยอยู่ร่วมกันในโลกของดาบเเละเวทมนต์ภายใต้ไฟสงครามระหว่าง เผ่าพันธุ์ต่างๆ เเละ เผ่าปีศาจ

ผู้กล้า คือ ตัวเเทนของมนุษย์

ส่วน จอมมาร คือตัวเเทนของปีศาจ

สงครามระหว่างพวกเราดำเนินกันมานานหลายร้อยปีจนไร้ซึ่งวี่เเววจะสิ้นสุดลง

สงครามได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันพวกเราไปนานเเล้ว

สำหรับตัวผมที่เกิดเเถวชนบทซึ่งห่างไกลสงครามเเละสูญเสียพ่อเเม่ไปตั้งเเต่ยังเด็กเเละได้รับการดูเเลจากคุณน้า

เรื่องราวที่เเสนวุ่นวายพวกนั้นจึงฟังดูห่างไกลเสียเหลือเกิน

เป้าหมายในชีวิตก็ไม่มี

สิ่งที่ต้องการมีเเค่สืบทอดไร่มาจากคุณน้าเเละทำไร่ทำสวนต่อไป

จากนั้นก็หาเเฟนสาวน่ารักๆซักคน พวกเราจะเเต่งงานกันเเละสร้างครอบครัวอันอบอุ่น

ทว่า ในวันหนึ่ง โชคชะตาของผมก็ต้องพลิกผัน

นักบวชจากศาสนจักรได้เดินทางมาที่บ้านเกิดของผมเเละประกาศว่านักบุญหญิงได้รับฟังคำทำนายจากเทพธิดาที่บอกว่า ‘ผู้กล้า’ ได้จุติลงมาที่หมู่บ้านเเห่งนี้ เเละ ผู้กล้าคนนั้นก็คือผม

ตัวผมที่อายุ 12 ก็ยากจะเชื่อเรื่องที่นักบวชประกาศ ท่ามกลางลุงป้าน้าอาข้างบ้านที่รู้จักกัน รวมไปถึงคุณน้าเเละหัวหน้าหมู่บ้าน

พวกเขาพากันฉลองยกใหญ่…ทั้งๆทีใจจริงเเล้วตัวผมอยากจะปฏิเสธใจจะขาด

สุดท้ายผมเลยขอพบพระสันตะปาปาเป็นการส่วนตัวเพื่อขอปฎิเสธ

เเต่ระหว่างการเดินทางอันยาวนานจากบ้านเกิดไปยังเมืองหลวงของศาสนจักร พวกเผ่าปีศาจก็อาศัยช่วงที่ผมไม่อยู่บุกเข้ามาฆ่าทุกคนในหมู่บ้านไปจนหมด

ทุกๆคน….ไม่ว่าจะ คุณลุง คุณป้า เพื่อนๆของผม ตลอดจนถึงคุณน้าที่ดูเเลตัวผมมาตั้งเเต่เด็กๆ

ท่ามกลางเศษซากปรักหักพัง เเละ กลิ่นเนื้อที่ไหม้เกรียม ซากศพสีดำเป็นเตาตะกอซึ่งวางกองอยู่กลางจตุรัสเมืองคือหลักฐานยืนยันว่าไม่มีใครรอดเเม้เเต่คนเดียว

ผมสิ้นหวัง…เเละทุกข์ทรมานกับการตัดสินใจของตัวเอง

ในวันนั้น…วันที่ผมสูญเสียอย่างไป ผมเลยสาบานกับตัวเองว่าจะเลิกจะตัวเหยาะเเหยะ เเละ เบือนหน้าหนีจากความรับผิดชอบของตัวเอง

นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมร้องไห้ เพราะหลังจากนั้นผมก็ทุ่มเทเเรงกายเเรงใจทุกอย่างที่มีเพื่อพัฒนาฝีมือของตนให้กลายเป็นผู้กล้าที่เเข็งเเกร่งที่สุด

วันคืนที่ทุกข์ทรมานเเสนทรหดจนเเทบจะหลั่งเหงื่อออกเป็นสายเลือด ทั้งอดข้าวอดน้ำฝึกความอดทน ตลอดจนฝึกฝนความว่องไวด้วยการเดินย่ำบนปลายเข็ม เเม้กระทั่งเสริมเเกร่งร่างกายให้เเข็งเเรงด้วยการพุ่งทะลวงผ่านกองเพลิงก็ทำมาเเล้ว

ฝึกฝนๆๆๆ เเล้วก็ฝึกฝน

ใช้ชีวิตตลอด 6 ปี ไปกับการฝึกฝน เเละ ล่ะทิ้งชีวิตวัยรุ่นเอาไว้ข้างหลัง

ผมเต็มใจที่จะเสียสละชีวิตที่เหลืออยู่ของผมเพื่อปราบจอมมารให้สำเร็จ

ขอเเค่มัน….มีเเค่มันเท่านั้นที่ยกโทษให้ไม่ได้

เพื่อไม่ให้ผู้คนในหมู่บ้านต้องตายเปล่า ผมจะเเข็งเเกร่งขึ้นในฐานะผู้กล้าที่เเข็งเเกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์

หลังจากนั้น เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปจนถึงตอนที่ผมอายุได้ 18 ปี

ผมเเละสมาชิกปาร์ตี้ของผมได้ร่วมกันนำทัพทหารกว่าหมื่นนายบุกไปยังดินเเดนเผ่าปีศาจโดยมีจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการปราบจอมมาร

เส้นทางที่ยากเเละทรหด พวกเราได้ต่อสู้เเละก้าวข้ามผ่านการสูญเสียมานับครั้งไม่ถ้วน

มีหลายครั้งที่ผมเห็นภาพคนรู้จักตายไปต่อหน้า จนรู้สึกผิดเเละอยากจะตัดใจ

ภาพความตายของพวกเขาที่หลอกหลอนตัวผมทุกครั้งที่หลับตา มันทำเอาผมนอนไม่หลับ  

ความรู้สึกคลื่นไส้ทุกครั้งที่จับดาบ มันทวีความรุนเเรงมากขึ้นเรื่อยๆ

.

.

.

.

“ท่านผู้กล้าค่ะ….มานี่สิคะ”

“เรเรีย ?”

เรเรีย อากาซ่า สาวเอลฟ์ผมทองร่างบางผู้มีผิวกายเนียนขาวเป็นธรรมชาติเเละสวมชุดเปิดเผยผิวหนังทั้งหน้าอกนูนขาวเเละต้นขาเรียวบางอันเป็นจุดเด่นของเผ่าเอลฟ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

เธอตบมือลงบนตักของตัวเองเเละดึงหัวของผมเอนนอนลงบนหน้าตักของเธอ

สัมผัสนุ่มสบายในตอนนั้น เเละ น้ำเสียงอันอบอุ่นเเละอ่อนโยนที่มอบให้กับผม ผมไม่มีวันลืมเป็นอันขาด

“ฉันจะอยู่ข้างๆคุณเอง เพราะงั้นทำใจให้สบายนะคะ”

ฝ่ามือที่ปลอบประโลมตัวผมที่ฝืนทนต่อความโหดร้ายของสงคราม มันทำเอาผมเกือบจะร้องไห้ออกมา

เเต่ผมจะไม่มีวันเสียน้ำตา ผู้กล้าจะไม่มีวันร้องไห้  

เพราะงั้นผมจึงฝืนทนต่อความรู้สึกอันมากมายที่เกือบจะปะทุออกมาเเละพึ่งพิงความอ่อนโยนของเธอ

ผมสาบานว่าซักวันหนึ่งผมจะตอบเเทนเธออย่างเเน่นอน

.

.

.

.

“นี่ ! นายนะ คิดจะยืนนิ่งตรงนี้ไปอีกนานเเค่ไหน”

เพราะมัวเเต่นั่งเหม่อลอย หลังสงครามครั้งล่าสุดที่มีหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่งโดนลูกหลงไปด้วย ตัวผมที่ซึมจนทานอะไรไม่ลงก็ได้เธอคนนั้นช่วยเอาไว้

“รีบๆทานไปได้เเล้วย่ะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง !”

สาวน้อยผมเเดงร่างเล็กส่วนสูงราวๆ 130 ต้นๆ ผู้สวมหมวกเเม่มด… ไลล่า เซเรเทีย

เธอคือนักเวทย์ประจำปาร์ตี้ ผู้เป็นอัจฉริยะจากราชสำนักซึ่งดำรงตำเเหน่งจอมเวทย์ประจำราชสำนักด้วยอายุน้อยที่สุด

เเม้เธอจะเป็นพวกหัวรุนเเรงที่ชอบด่าเสียๆหายๆ เเต่จริงๆเเล้วเธอเป็นเพียงพวกซึนดาเระ

ทุกการกระทำของเธอ มักจะเเฝงด้วยความอ่อนโยนเสมอ

“ขอบคุณนะ “

“หึ ! อย่าเข้าใจผิดไปซะละ ที่ฉันช่วยก็เพราะกลัวว่าถ้าหัวหน้าอย่างนายเป็นอะไรไป ภาระงานมันจะตกมาที่พวกฉันต่างหาก”

เธอกอดอก เเละ เบือนหน้าหนีด้วยท่าทางเขินอาย

ความน่ารักของสาวน้อยคนนี้ทำเอาใจเต้นหน่อยๆ

เพื่อตอบเเทนความใจดีที่เธอมีให้ผมตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอก็เป็นอีกคนที่ผมคิดว่าซักวันจะต้องหาทางตอบเเทนเธอให้ได้

.

.

.

.

.

“ท่านผู้กล้าคะ !”

หมับ !

ภาพมืดสนิทเเละบางอย่างนิ่มๆที่โดนหัวจากข้างหลังทำให้เดาได้ไม่ยากว่าใครบางคนกำลังปิดตาของผมอยู่

“องค์หญิง ?”

“ใช่เเล้วค่ะ องค์หญิงของคุณเองค่ะ”

เรือนผมสีเงินตัดสั้น รูปร่างเรียวบาง ผิวพรรณขาวกระจ่าง เครื่องประดับรอบกายเเม้เป็นชุดเกราะเเต่ก็ยังเต็มไปด้วยลวดลายงดงามอีกทั้งยังมีกระโปรงสั้นสะบัดพลิ้ว ทุกกิริยาท่าทางล้วนอ่อนช้อยสมเป็นผู้ดี

กระนั้นเเล้วน้ำเสียงอันร่าเริงเเละท่าทางขี้เล่นก็ทำให้หัวใจของผมเต้นระรัวทุกครั้งที่อยู่ข้างๆเธอ

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้หรอค่ะ คุณสามี ?”

อนัสตาเซีย เอ็ม คลาวฟอร์ด …..องค์หญิงลำดับที่หนึ่งเเห่งอาณาจักรคลาวเดียร์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผม

เธอคือคู่หมั้นของผมที่ได้รับการหมั้นหมายภายใต้รับสั่งขององค์ราชินีเมื่อหนึ่งปีก่อน

น่ารัก น่ารัก เเล้วก็ น่ารัก  

นั่นคงเป็นคำอธิบายเพียงอย่างเดียวที่สามารถบรรยายถึงสาวงามในอุดมคติที่อยู่ตรงหน้า

ท่ามกลางเรื่องร้ายๆตลอดทั้งชีวิตที่่ผ่านมา เธอคงเป็นอย่างเดียวที่ดีที่สุดในชีวิตของผมที่พระเจ้าประทานให้

คู่หมั้นที่เเสนน่ารักเเละงดงามของผม….อนัสตาเซีย  

เพราะมีเธออยู่เคียงข้าง ผมจึงลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งทุกครั้งที่สูญเสียความมั่นคงทางจิตใจไป

“ฮิๆ ไว้จบเรื่องในครั้งนี้เมื่อไหร่ สัญญากับฉันไว้เเล้วนะคะว่าพวกเราจะสร้างครอบครัวที่มีความสุขด้วยกัน ห้ามเบี้ยวเเล้วนะ”

เพราะอยู่ในช่วงสงคราม จะปล่อยตัวไปตามอารมณ์จนนอนไม่พอก็คงเสี่ยงเกินไป ผมจึงสัญญาว่าคืนเเรกของพวกเราจะต้องไม่ใช่สมรภูมิรบที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินปืนเเละคราบเลือด

เราจะครองรักด้วยกันในดินเเดนอันสงบสุขที่ซึ่งลูกๆของเราจะเติบโตขึ้นมาโดยไม่ต้องหวาดกลัวพวกปีศาจ

ผมสาบานกับตัวเองเอาไว้ว่า ต่อให้ต้องตายผมก็จะต้องปกป้องเธอให้ได้

.

.

.

.

เรเรีย อากาซ่า สาวเอลฟ์ผมทองผู้ทำหน้าที่เป็นนักธนูประจำปาร์ตี้

ไลล่า เซเรเทีย สาวผมเเดงผู้ทำหน้าที่จอมเวทย์เเละเป็นเเนวหลัง

ดามุย ออลเดีย เพื่อนชายเผ่าดรอฟว์ผู้ใช้ขวานที่เป็นเเนวหน้า

อนัสตาเซีย เอ็ม คลาวฟอร์ด  คู่หมั้นสุดที่รักของผมซึ่งทำหน้าที่เป็นฮีลเลอร์ประจำปาร์ตี้

เเละผม อาเบล อินคาโน่ ผู้กล้าเเห่งอาณาจักรคลาวเดียร์

พวกเราเป็นหนึ่งในปาร์ตี้ของผู้กล้าจาก 1 ใน 10 ของทั้งหมดที่กำลังมุ่งหน้าไปปราบจอมมาร ฮามูมายา ซึ่งเป็น 1 ใน 4 จอมมารที่ว่ากันว่าอ่อนเเอที่สุด

พวกเราทั้ง 5 คนได้ฝ่าฝันอุปสรรคนานัปการจนในที่สุดก็ไปถึงปราสาทจอมมาร

ผมได้ฝากให้กองทหารกว่าหมื่นนายที่นำโดยหัวหน้าอัศวินกุสตาฟคอยระวังหลังเเละต้านกองทัพเผ่าปีศาจไม่ให้มาขัดขวางศึกตัดสินกับจอมมาร  

เพราะ หัวหน้าอัศวินกุสตาฟ เป็นทั้งอาจารย์เเละสหายร่วมรบมานาน ผมจึงสามารถปล่อยให้เขาระวังหลังได้โดยไม่ต้องกังวล

ประตูหน้าของปราสาทจอมมารพังทลายลงอย่างง่ายดายด้วยขวานของดามุย

หนึ่งในเเม่ทัพของกองทัพจอมมารก็ถูกบอลเพลิงของไลล่าเผาไหม้จนไม่เหลือเเม้เเต่เถ้าถ่าน

พวกปีศาจที่พยายามหนีตายก็ถูกลูกธนูของเรเรียปักเข้าที่กลางหัว

 

“ฮ่าๆๆๆ ทำได้ไม่เลวนี่ผู้กล้า—“

 

เเละเมื่อบุกมาจนถึงท้องพระโรงของปราสาทจอมมาร

ผมก็พบก็ปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายชายหนุ่มอายุพอๆกับผม

ผิวกายสีเข้ม ผมสีเหลืองทองตัดสั้น ดวงตาสีเเดงเลือด มีเขาสีดำเเละปีกสองข้างงอกออกมา

ท่าทางดูหยาบโลน มีเจาะหูด้วยเหล็กสีดำ เเละ ตรงกลางลิ้นก็มีลูกตาอยู่

คนๆนี้คือ จอมมาร ฮามูมายา  หนึ่งในจอมมารที่ว่ากันว่าขี้ขลาดเเละน่าเกลียดที่สุด

“เอาละ ในโอกาสอันดีงามเช่นนี้ ข้าขอดื่มให้กับ—“

มันยกเเก้วไวน์ขึ้นมาเเละพยายามชวนคุย เเต่ใครจะไปฟังมันบ่นกันเล่า ?

ผมอาเบล อินคาโน่  หยิบดาบผู้กล้าขึ้นมาเเละทะยานเข้าใส่จอมมารโดยไม่รอช้า

เวทย์เสริทความเร็วทำงาน

เวทย์เสริมความเเข็งเเกร่งปลดขีดกำจัด

กระบวนท่าสำนักดาบอิจิริว มังกรผ่าขุนเขาเปิดใช้งาน

ตายซ่ะ จอมมาร ผมจะจัดการเเกเอง !!!

เพราะงั้น ระหว่างนี้ถ้าผมได้รับบาดเจ็บ อนัสตาเซีย  เธอก็ช่วย—-

 

 

ฉึก !

 

“เอ๋ ?”

เเต่เเล้วทันใดนั้นเอง ร่างของผมที่กำลังจะพุ่งตรงไปข้างหน้าก็หยุดชะงักกระทันหัน

รู้สึกปวดเสียดที่กลางอก ราวกับมีบางอย่างทิ่มเเทงอยู่ข้างใน

เวทย์ที่เปิดใช้งานคลายออก

ตัวผมที่ไร้การป้องกันค่อยๆมองลงไปที่อกตัวเองด้วยความสับสน

ติ๋ง…..

ที่ตรงนั้น….ตรงกลางอกของตัวผม

“ทะ…ทะ…ทำไมกัน ?”

มีใบมีดอันคมกริบเเทงทะลุออกมา

“อั่ก !”

รู้สึกปวดเสียดไปทั่วอกเเละเริ่มหายใจไม่ออก จนภาพตรงหน้าโอนเอนไปมา

ความรู้สึกเหน็บชากระจายไปทั่วร่าง พร้อมกันนั้นทัศนวิสัยตรงหน้าก็เอียงไปด้านข้างจนร่างของผมล้มลง

นี่…มัน..ยาชา..ยาชาอย่างงั้นหรอ ?

เป็นไปได้ไง ? ตอนไหนกัน ? นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันเเน่

เวทย์เคลื่อนย้าย ? มีปีศาจล่องหนอยู่เเละเเอบลอบโจมตีผมงั้นหรอ ?

ความเป็นไปได้มากมายผุดขึ้นมาในหัว ผมพยายามอ้าปากที่ค้างเกร็งเพราะยาชาเพื่อตะโกนเรียกบอกให้อนัสตาเซีย ช่วยฮีลให้โดยด่วน

เเต่เเล้วในตอนนั้นเองเสียงตะโกนของดามุยก็ดังขึ้นมา

“ทำบ้าอะไรของเจ้ากัน !? อนัสตาเซีย  !!!”

เมื่อหันไปข้างหลัง หัวใจของผมก็ล่วงหล่นถึงตาตุ่ม

หัวใจที่เคยมีเลือดลมฉูบฉีดก็พลันเย็นวูบลงอย่างน่ากลัว

ข้างหลังของผม…..มีอนัสตาเซีย เจ้าหญิงผมเงินผู้เลอโฉมซึ่งกำลังถือมีดสีเงินเเละมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่ว

ตัวเธอในตอนนี้กำลังเเสยะยิ้มอยู่ด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มซึ่งตัวผมไม่เคยเห็นท่าทางเเบบนี้ของเธอมาก่อน

“นี่เจ้า !? ทรยศอย่างงั้น—-“

ฉึก !

ปลายธนูเรียวเเหลมเเทงทะลุหน้าผากของดรอฟว์หนุ่มซึ่งมีเคราเต็มหน้า

สายตาของเขากรอกไปมาด้วยความงุนงง ก่อนจะรับรู้ได้ถึงความตายที่มาเยือนตนโดยไม่ทันตั้งตัว

โครมมมม

เเผ่นหลังที่เคยเชื่อใจล้มลงต่อหน้าผม  

ดามุย…สหายร่วมรบคนสำคัญของผมนอนตายลืมตาเปิดกว้างอย่างน่าสังเวชโดยไม่ทันที่จะได้ขัดขืนใดๆ

“เร…เรีย ?”

ผมพยายามฝืนทนพูดชื่อของเธอออกมา…สาวเอลฟ์ซึ่งอ่อนโยนเเละเป็นถึงเพื่อนสนิทของดามุย

กระนั้นเเล้ว ตัวเธอที่เก็บคันธนูกลับไปเหน็บข้างหลังเหมือนเดิมกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวตรงไปใกล้ดามุยเเละยกเท้าขึ้นมา

ผัวะ !

“ตายไปได้ซ่ะทีนะ ไอ้ดรอฟว์โสโครก”

“—– !!!”

คำด่าทออันเย็นชา เเละ สายตาดูถูกดูเเคลนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอาผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ภายใต้ภาพหลอนของจอมมาร

นิ้วมือที่กระดิกได้เล็กน้อยพยายามควานหายาเเก้พิษที่เก็บอยู่ในกระเป๋ากางเกง

“โอ๊ะๆๆ อย่าซนสิเจ้างั่ง”

กร๊อบ !

อึก !

ความเจ็บปวดเเสนสาหัสที่นิ้วมือทั้งสองข้างโลดเเล่นไปตามโสติประสาทจนเกือบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

นิ้วมือของผมถูกเหยียบจนกระดูกหักเป็นเสี่ยงๆ

เเละคนที่ทำเรื่องเเบบนี้ก็คือ เธอคนนั้น….ไลล่าที่ปากไม่ตรงกับใจเเละคอยช่วยเหลือตัวผมอ้อมๆมาโดยตลอด

“ทำไมกัน ?”

ผมมองไปที่จอมมมารด้วยสายตาโกรธเเค้น  

มันทำอะไรกับพวกเธอกัน ?

เวทย์สะกดใจ ?

คำสาป ?

หรือว่า พวกเธอตรงนี้คือตัวปลอมอย่างงั้นหรอ ?

นี่มันทำอะไรกับพวกเธอลงไปกันเเน่ !?

เเต่เเล้วก่อนที่ผมจะได้สบถออกมาด้วยความเกลียดชัง นิ้วมืออันนุ่มนวลก็ค่อยๆหันหัวของผมไปหาเธอ

“พวกเราไม่ได้โดนสะกดจิตหรืออะไรทั้งนั้นหรอกคะ ท่านผู้กล้า—“

เป็นรอยยิ้มอันงดงามบนใบหน้าอันงามสมบูรณ์เเบบเหมือนกับทุกที เเต่ภายในดวงตาของคู่หมั้นของผม มันกลับเเฝงไปด้วยความมืดบางอย่างที่ยากจะหยั่งลึก

เเม้ริมฝีปากจะยิ้ม เเต่ดวงตาของเธอไม่ได้ยิ้มตาม

ความเย็นชาเเละเกลียดชังที่เเฝงอยู่ข้างในทำให้ผมรู้ว่าความรู้สึกที่เธอพูดออกมาคือเรื่องจริง

“ในที่สุดการเล่นละครเป็นคู่รักน้ำเน่าไร้สาระก็จบลงซ่ะทีนะคะท่านผู้กล้า”

“อา…นัส…ส..ตา…เซีย ? “

“ฮุๆ ใบหน้าเเบบนี้นี่เเหล่ะที่ฉันอยากเห็นมาโดยตลอด…ความรู้สึกที่โดนคนรักหักหลังเป็นยังไงบ้างคะ…รู้อะไรไหม ? ใบหน้าของคุณในตอนนี้น่ะ น่ารักซ่ะจนฉันอยากจะถลกหนังเอามาประดับผนังโชว์เลยค่ะ”

รอยยิ้มที่งดงามหากเเต่เเฝงไปด้วยการเสียดสีราวกับดอกกุหลาบที่มีหนามเเหลม มันทำให้หัวใจของผมรู้สึกปวดร้ายยิ่งกว่าโดนมีดเเทง

กระนั้นเเล้ว พอเธอถลกกระโปรงขึ้นมา รอยสักรูปหัวใจเหนือหัวหน่าวคือสิ่งที่ทำให้ตัวผมรู้สึกเจ็บปวดยิ่งขึ้นจนถึงขั้นหลั่งน้ำตาออกมา

“เสียใจด้วยนะ…ความจริง พวกเราน่ะเป็นผู้หญิงของท่านจอมมารมาตั้งเเต่เเรกเเล้วค่ะ ท่านผู้กล้า”

อนัสตาเซีย หัวเราะอย่างสนุกสนานพลางลูบรอยสักกามรมณ์รูปหัวใจ  

เธอถอดกางเกงในของตนออกมา จากนั้นก็ขว้างลงข้างๆผม

“ฮุๆ ฉันรอเวลานี้มานานเเล้วค่ะ ต้องคอยประคบประหงมตัวคุณที่ไม่ได้ความมาจนถึงตอนนี้ เล่นเอาเหนื่อยมากเลยละ เเต่มันก็คุ้มค่าจริงๆที่ได้เห็นสภาพน่าสังเวชของตัวคุณในตอนนี้”

เรเรีย ถอดเสื้อผ้าที่มีอยู่น้อยชิ้นออก ก่อนจะเดินตรงไปหาจอมมารในสภาพเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดๆห่อหุ้ม

“หึ ! คิดว่าคนอย่างฉันจะไปชอบไอ้ผู้กล้ากากๆเเดกผักอย่างนายรึไง ฝันไปเถอะย่ะ ตัวผู้ในฝันน่ะมันต้องจอมมารที่มีดุ้นใหญ่ๆคนนี้ต่างหาก”

ไลล่าที่ใบหน้าเเดงก่ำถอดผ้าคลุมออกเเละเปลื้องผ้าทิ้งอย่างไร้ความเขินอาย เธอลูบรอยสักรูปหัวใจใต้ท้องน้อยด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มก่อนคลานเข่าไปหาจอมมาร

เเซ่กๆๆ

พอรู้สึกตัวอีกทีสาวๆที่ผมสาบานว่าจะปกป้องเธอด้วยชีวิตก็พากันไปคุกเข่าถอดกางเกงจอมมารฮามูมายา ที่เเสยะยิ้มด้วยความสะใจ

“อ๊าาา นี่มันสุดยอดไปเลย”

“เเข็งได้ขนาดนี่เชียว วิเศษที่สุดเลยค่ะ”

“เเฮ่กๆๆๆ”

ท่อนเเหลมยาวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านขึ้นมาสะท้อนอยู่ในดวงตาไลล่าที่หอบเเฮ่กๆ

ในขณะที่เรเรียเเละอนัสตาเซียก็ค่อยๆบรรจงยื่นปลายลิ้นสีชมพูอ่อนไปโลมเลียสิ่งนั้นคนล่ะข้าง

เเผล่บๆ ซู๊ดดด จ๊ววบบบบ

ไม่ ! มันไม่จริง เป็นไปไม่ได้ !!!

ภาพบาดตาที่สะท้อนอยู่ตรงหน้าทำให้ผมส่ายหัวไปมาราวกับจะปฏิเสธ อึก !

ทั้งหมดคือความฝัน

ทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้ มันจะต้องเป็นความฝันเเน่ๆ

“หึๆ เสียใจด้วยนะผู้กล้าอาเบล ดูเหมือนๆว่าสาวๆพวกนี้จะชอบข้ามากกว่าว่ะ”

“เเก….กรอด….ทำอะไร….ลงไป”

“หึๆ ข้าทำอะไรลงไปนะหรอ”

พอมันส่งสายตาไปหาอนัสตาเซีย เธอก็เอาหลังมือเช็ดปากที่มีคราบขาวๆเเละเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงใสๆอย่างร่าเริง

“ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ ก็เเค่ทำในสิ่งที่ผู้ชายทั่วไปเขาทำกัน”

“อา….นัส…ตาเซีย ?”

“คืนนั้นที่คุณปฏิเสธจะหลับนอนกับฉัน…เขาคนนี้ก็มาหาตัวฉันที่กำลังสับสนเเละสอนให้รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่วิเศษมากเเค่ไหน”

ทั้งๆที่ตอนนั้น คือ วันก่อนที่สงครามจะเริ่ม ถ้าผมทำกับเธอจนไม่ได้นอน มันอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก ในตอนนั้นก็ได้อธิบายไปเเล้วเเท้ๆ เเต่มันกลับไม่สามารถทำให้เธอยอมรับได้

“ส่วนของฉัน…มันเป็นเพราะว่าคุณไม่ยอมพูดให้เเน่ชัดเองนี่นาว่าจะรับฉันเป็นภรรยาด้วยอีกคน”

“เร…เรีย ?”

“ไม่ยุติธรรมเลยนะว่าไหม ? ทั้งๆที่ฉันคอยประคมประหงมคุณมาโดยตลอด เเต่คุณกลับให้ความรักกับองค์หญิงมากกว่า ….ในตอนที่กำลังรู้สึกสิ้นหวัง เขาคนนี้ก็เข้ามา….เเละบอกฉันว่าเขาจะรักฉันให้มากกว่าที่คุณรักฉันเเละจะรับฉันเป็นภรรยาด้วยอีกคน”

จะบอกว่า…เป็นเพราะผมพึ่งพาเธออย่างเดียว โดยไม่ตอบเเทนอะไรอย่างงั้นหรอ ?

ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเธอ เเต่ผมไม่สามารถข้ามขั้นตอนไปพูดอะไรตามอำเภอใจได้ เพราะต้องขออนัสตาเซีย ก่อน….นี่ผมทำอะไรซักช้าเกินไปจนเธอสูญเสียศรัทธาในตัวผมไปเเล้วอย่างงั้นหรอ ?

ทุกๆอย่างเป็นความผิดของผม ? เป็นเพราะผมมันพวกกินพืชเนี่ยนะ ?

ทั้งๆที่ผมพยายามทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุดเพราะอยากจะจริงใจกับพวกเธอเเท้ๆ

นี่ผมเป็นผู้ชายที่เหลวเเหลกไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยรึไง ?

“หึ ! ส่วนฉันนะ เกลียดนายตั้งเเต่เเรกเห็นเเล้วย่ะ”

“ไล…ล่า ?”

“ชอบทำตัวอมพะนัมไม่พูดไม่จา กะอีเเค่เดินไปกินข้าวเองก็ยังไม่มีปัญญา”

“อึก !”

“ไม่เห็นจะเข้าใจเลยซักนิดเดียว…คนเเบบนายน่ะทำไมถึงได้เป็นผู้กล้ากัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

“………..”

“ต่างจากผู้ชายคนนี้ที่เเข็งเเกร่ง เเฮ่กๆๆ จอมมาร…ถ้ามีลูกกับจอมมาร ลูกของพวกเราจะต้องเป็นจอมเวทย์ที่เเข็งเเกร่งเเน่ๆ”

“ทำ..ไม…กัน”

“ก็เพราะฉันไม่ต้องการตัวผู้กากๆอย่างเเกยังไงละ ?”

เปรี๊ยะ !

หัวใจที่ปวดร้าวยากจะทานทนได้อีกต่อไป

มือที่พยายามฝืนทนไปหยิบโพชั่นค่อยๆคลายลง

ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมานานไม่อาจปิดบังเอาไว้ด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบเหมือนอย่างเคย

“ฮุๆ ตายจริง…เเสดงสีหน้าเเบบนั้นกับเขาได้ด้วยหรอคะ คุณอดีตคู่หมั้น”

“ยี้ ! น่ารังเกียจจัง”

“ฉันนะ…รอคอยใบหน้าที่พังทลายของคุณมาโดยตลอด นี่มันช่างวิเศษที่สุดไปเลยค่ะ !”

ฮึก !

ผู้กล้าอะไรนั่น…ไม่เห็นอยากจะเป็นเลยซักหน่อย

ผมก็เเค่เด็กบ้านนอกธรรมดาๆที่อยากใช้ชีวิตสโลวฟ์ไลฟ์ที่ชายเเดน

ได้ตกหลุมรักกับสาวสวยซักคนเเละเเต่งงานสร้างครอบครัวที่มีลูกๆวิ่งเล่นในบ้านอย่างสนุกสนาน จากนั้นเราทั้งคู่ก็เเก่เฒ่าไปด้วยกัน

สำหรับตัวผมที่ไม่ได้มีความฝันอะไรเป็นพิเศษ นั่นเป็นอย่างเดียวที่ปราถนา

เเต่เเล้ว ตัวผมก็ต้องสูญเสียทุกอย่างไปเพราะพวกปีศาจ ทว่า ผมก็ได้สิ่งสำคัญอย่างอื่นมาเเทน นั่นก็คือพวกเธอ

“อร๊าาา ท่านจอมมมารขาาาา”

“รักๆๆๆ รักที่สุดเลยค่าาาาา”

“โอ๊ย ! จะใส่เข้ามาเเบบนั้นเลยหรอ เเฮ่กๆๆ จริงๆหรอ ? ใส่มาได้ ? ว๊ายยยย ❤❤❤”

ภาพที่บาดตาทำให้สติเริ่มพร่าเริน

น้ำตาที่ไหลรินออกมาบดบังทัศนวิสัยอย่างช้าๆ

กระนั้นเเล้วสภาพของพวกเธอที่ขึ้นคร่อมตักของจอมมารพร้อมกับกระเด้งเอวขึ้นลงๆ เเละครางออกมาด้วยสีหน้าอันยั่วยวน มันกลับเห็นชัดเเจ่มเเจ้ง

เพี๊ยะ !  

“งือออ เเรงอีกๆๆ ได้โปรดมอบความรักของฉันให้มากกว่านี้อีกกกกกก อืออออออ  ❤❤❤ !!!”

หูของเรเรียถูกบิดจนเเดง ก้นของเธอถูกตีจนเห็นรอยนิ้วมือ เเต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ยังกระเด้งสะโพกขึ้นลงรัวๆไม่หยุดพัก

“ฮุๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ นี่มัน…นี่มัน…อือออออออ ช้าๆหน่อยค่า ช้าๆ อึกก  กรี๊ดดดดดดดดด ❤❤❤ ไม่ไหวเเล้ว จะเเตกเเย้ววววววว ❤❤❤”

อนัสตาเซียยกขาขึ้นสูงเเละยื่นปากถ้ำเข้าจ่อเเท่งยาวเเหลมของจอมมาร

พอใส่เข้าไปได้เธอ หลังจากนั้นก็ขยับเข้าๆออกรัวๆพร้อมส่งเสียงครางอย่างมีความสุข

“อื๊อออออ เเฮ่กก อื๊ออออออ ❤ !!! ”  

ซวบบบบ ซู๊ดดดดดดดด

ไลร่าดูดปากเเลกลิ้นกับจอมมารอย่างร้อนเเรง ในขณะที่เอวคอดเล็กสะบัดร่อนไปมาอย่างรุนเเรง

อ๊าาาาา

อร๊างงงง

อิย๊าาาาา

สามสาวร้องครางพลางเสพสุขกับจอมมารจนของเหลวสีขาวกระเด็นกระกอนเปอระเปื้อนไปรอบบัลลังค์

จอมมารทำกับสาวๆที่ผมรักพลางส่งสายตาเยาะเย้ยลงมา

ทั้งมันเเละพวกเธอต่างสนุกสนานในกามรมณ์โดยมีกับเเก้มคือการเฝ้ามองตัวผมที่ค่อยๆเเตกสลายไปอย่างช้าๆ

อ่า…พอกันที…ช่างมันเถอะ

ที่ผ่านมาผมสู้ไปเพื่ออะไรกันเเน่ ?

พยายามเเล้วได้อะไรขึ้นมา ?

ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องมาสูญเสียทุกอย่างไปในวันเดียว….ผมถูกเเย่งชิงสิ่งสำคัญไปอีกเเล้ว

กึก

ในตอนที่กำลังทุกข์ทรมาน

ในตอนที่กำลังสิ้นหวัง พลางคิดว่าปล่อยวางชีวิตที่เเสนไร้ค่าเเบบนี้ไปเลยดีกว่า

ผมกลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่สะกิดไหล่ของผมเบาๆ

“หึๆ”

“—– !!!”

ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ดามุย !? นี่นาย !? ทั้งๆที่โดนธนูปักหัวไปเเล้ว นายยังขยับได้งั้นหรอ  

นึกว่าจะตายไปเเล้วซ่ะอีก !?

“หึ…ก็…ร้อง…ไห้….เป็น…เหมือนกัน….นี่….หว่า”

“นาย ?….ดามุย ?”

“หึๆ โทษที….ข้า…คง…ต้องฝากอะไร….เจ้าหน่อย”

“นาย ?”

“ช่วยปก….ป้อง….ลูกเมีย…ข้า…เเทน…ที…นะ สหาย”

 

—- เพราะงั้น ได้โปรดมีชีวิตต่อไปด้วยเถิด ผู้กล้าอาเบล

 

กึก !

 

ทันใดนั้นเองคริสตัลทรงกลมเรืองเเสงก็ถูกโยนลงมาข้างหน้าผม

ฟู่วววว

เเสงสว่างวาบที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าเรียกความสนใจของจอมมารเเละพวกอนัสตาเซีย  

“นี่มัน !?”

“ลูกเเก้วเคลื่อนย้าย !!!”

ลูกเเก้วเคลื่อนย้าย….ไพ่ตายสุดท้ายในกรณีที่ภารกิจล้มเหลวซึ่งองค์ราชินีฝากไว้กับดามุย

เขาคนนั้นอาศัยเเรงเฮือกสุดท้ายเพื่อเปิดใช้งานสิ่งนี้ให้กับผม

พริบตาที่มันทำงาน มันจะทำการเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆที่อยู่ในอาณาเขตหนึ่งเมตรให้ย้ายไปยังท้องพระโรงของปราสาทที่องค์ราชินีอยู่

กว่าที่พวกอนัสตาเซียซึ่งมัวเสพสุขกับจอมมารจะรู้ตัวว่าทำพลาดไป ร่างของผมก็จางหายไปจากปราสาทจอมารอย่างรวดเร็ว

เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงกู่ร้องของจอมมาร เเละเสียงโหวกเหวกโวยวายของพวกสาวๆ

อ่า….เเต่เสียงของพวกนั้น มันก็หาได้สำคัญอีกต่อไป

เพราะยังไง…สุดท้าย  ตัวผมก็เป็นได้เเค่ผู้กล้าที่ล้มเหลว….ไม่สิ…ล้มเหลวตั้งเเต่การเป็นลูกผู้ชายที่ตอบสนองต่อความคาดหวังของเธอยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

 

เรื่องราวของผู้กล้ากินผักไร้ค่าอย่างผมจึงสิ้นสุดลงเเต่เพียงเท่านี้…….

 

 

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

 

— ณ ปราสาท ทไวไลท์ ที่พำนักขององค์ราชินีเเห่งอาณาจักรคลาวเดียร์

 

กษัตรีผู้มากความสามารถซึ่งสามารถปกครองประเทศมาได้โดยครองสถานะโสดมานานถึง 10  ปีหลังการเสียชีวิตของพระมหากษัตริย์

เธอคือสาวงามผมเงินยาวสลวย ผู้มีร่างกายอวบอิ่มนูนเด่นภายใต้ชุดคลุมสีขาวเนื้อบาง ขาอ่อนเรียวขาวอวบเด้งโผล่พ้นเนื้อผ้าของชุดนอนที่เปิดข้าง

ทุกอิริยาบถท่าทางล้วนสง่างามเเละโดดเด่นยามจับต้องด้วยเเสงจันทร์

หากพระจันทร์คือความงามบนท้องฟ้า ตัวเธอผู้นี้ก็คงเป็นเทพธิดาเดินดิน

ดวงเนตรสีไพรินเปร่งประกายราวกับอัญมณี อีกทั้งยังใบหน้าที่อ่อนโยนเเละอ่อนเยาว์ราวกับอายุเลขสามเป็นเพียงเเค่ตัวเลข

หากจะบอกว่าเธอเป็นพี่สาวขององค์หญิงอนัสตาเซีย  ไม่ว่าใครก็คงเชื่อ

กระนั้น ในวันนี้องค์ราชินีผู้งามล่มเมืองก็หาได้รู้ตัวว่าจันทรายังคงยลโฉมความงามของเธอเหมือนอย่างเคย

เธอชูเเก้วไวน์ในมือขึ้นฟ้าด้วยท่าทางเหม่อลอย

ในใจเฝ้าภาวนาให้ลูกสาวเเละผู้กล้าที่กำลังต่อสู้กับจอมมารปลอดภัยกลับมาโดยสวัสดิภาพ

ใบหน้าที่ร้อนผ่าวเล็กน้อยเพราะฤทธิ์เหล้าช่วยขับเน้นความงามด้วยการเเต่งเเต้มพวงเเก้มให้ขึ้นสีเเดงฝาดอย่างมีชีวิตชีวา

ดวงตาที่มองโลกกว้างอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่ว่าใครที่ได้เห็นต่างก็ต้องมนต์สเน่ห์ในความงามของตัวเธออย่างเเน่นอน

 

ซู่มมมมมมมมม

 

เเต่เเล้วทันใดนั้นเอง คิ้วโค้งสลวยบนใบหน้างามงดก็กระตุกเล็กน้อยยามได้ยินเสียงสัญญาณเเจ้งเตือนซึ่งดังขึ้นมาจากท้องพระโรง

ร่างบางที่อ่อนซ้อยราวกับจะเเตกหักหากสัมผัสเเรงๆรีบตรงดิ่งออกไปที่ประตูด้วยความร้อนรน

“ท่านผู้กล้า…อนัสตาเซีย …ได้โปรดปลอดภัยด้วยเถิด”

นึกถึงสถานะการณ์เลวร้ายที่สุด หัวใจของ องค์ราชินี อิลิเซีย วอร์น คลาวฟอร์ด  ก็เต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัวจนใบหน้าผลันซีดเผือดลงทันตา

 

 

 

Yusha no reverse NTR เพราะโดนจอมมารเเย่งสาวในตี้ ก็เลยจับเเม่จอมมารมาทำเมีย

Yusha no reverse NTR เพราะโดนจอมมารเเย่งสาวในตี้ ก็เลยจับเเม่จอมมารมาทำเมีย

Status: Ongoing
หลังจากที่เด็กหนุ่มได้รับฉายาว่าผู้กล้า เขาก็ต่อสู้เพื่อโลกใบนี้มาโดยตลอด เเต่ทว่า ในศึกสุดท้ายเขากลับถูกสาวๆในปาร์ตี้หักหลังเเละย้ายข้างไปอยู่กับจอมมาร กระนั้นเเล้ว เมื่อได้กลับไปพบกับองค์ราชินีเเละได้รับความรักความเมตตาจากสาวใหญ่คัพ G เขาก็ได้รับรู้ว่าสาวเเรกรุ่นก็ไม่ต่างหากต้นอ่อน ต้องสาวทรงโตมากประสบการณ์นี่สิถึงจะดี นี่คือเรื่องราวจุดเริ่มต้นของนักล่าสาย MILF ในตำนาน คุณเเม่ทรงโตเปิดเผยผิวพรรณอวบๆของสาวเอลฟ์ เเม่สาวปีกดำหน้าตาสล่ะสลวยมารยาเจ้าสเน่ห์ผู้เป็นเเม่ของจอมมาร เเถมยัง คุณเเม่ของอดีตคู่หมั้นอย่างองค์ราชินีผมเงินท่าทางอ่อนโยนผู้เป็นสาวงามล่มเมือง เเม้จุดเริ่มต้นอาจไม่งดงาม เเต่เรื่องราวของเขาจะยิ่งใหญ่เเละจบลงด้วยครอบครัวอันสุขสันต์อย่างเเน่นอน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท