กู้เจี้ยนเจียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดหมายเลขของกู้ชิงหลิน
“ฮัลโหล ชิงหลิน คุณรู้เรื่องงานเลี้ยงที่โรงกลั่นไวน์หรือเปล่า?”
กู้ชิงหลินที่กำลังดูเสื้อผ้าอยู่กับเพื่อนสาวสามสี่คน พูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “พ่อคะ คุณก็รู้เรื่องงานเลี้ยงโรงกลั่นไวน์แล้วเหรอ? หูไวตาไวที่สุดเลย ฉันกับพวกเพื่อนสาวกำลังดูเสื้อผ้ากันอยู่ค่ะ เตรียมตัวใส่ชุดสวยๆไปร่วมงาน”
“กู้หยุนหลันกับสวีอวิ๋นอวิ๋นเพื่อนสนิทก็ไปด้วยใช่ไหม ฉันเห็นว่าเธอกับเพื่อนของเธอชอบร่วมงานประเภทนี้มาก”
กู้ชิงหลินเลิกคิ้วแล้วถามด้วยความสงสัยมากยิ่งขึ้นว่า “พ่อ พ่อกำลังวางแผนอะไรอยู่ หรือว่าพ่ออยากจะให้ฉันแนะนำสวีอวิ๋นอวิ๋นให้รู้จัก? ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายๆ เธอเสแสร้งเป็นที่สุดเลยนะ”
“ฉันจะให้แกแนะนำหล่อนเพื่ออะไร ลุงของแกมีแผนและต้องการจัดเตรียมให้กู้หยุนหลันไปร่วมงานเลี้ยงโรงกลั่นไวน์ นี่กำลังคิดอยู่ว่าไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะทำให้กู้หยุนหลันมาร่วมงานได้ ถ้าหากสามารถทำให้เพื่อนสนิทของเธอเชิญเธอมาร่วมงานได้ สิ่งต่างๆก็จะง่ายขึ้นมาก”
กู้เจี้ยนเจียงอธิบายเรื่องราวอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน กู้ชิงหลินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “คุณลุงมีวิธีจัดการกู้หยุนหลันแล้วเหรอ? ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ฉันสามารถติดต่อสวีอวิ๋นอวิ๋นได้ค่ะ และทำให้เธอลากกู้หยุนหลันไปได้แน่นอน”
“อืม ฉันหมายความอย่างนี้แหละ แกรีบไปจัดการสิ่งต่างๆให้เรียบร้อย ถึงเวลานั้นแกก็จะได้ดูการแสดงดีๆ”
กู้เจี้ยนเจียงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“โอเคค่ะ คุณรอดูฉันได้เลย ฉันจัดการได้แน่”
กู้ชิงหลินเก็บโทรศัพท์ กลอกตาไปมาอยู่หลายครั้งขณะที่คิดว่าจะควรพูดกับสวีอวิ๋นอวิ๋นว่ายังไง
หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง กู้ชิงหลินได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิทที่มีความสัมพันธ์อันดีกับสวีอวิ๋นอวิ๋น หลังจากที่ติดต่อและล่อหลอกด้วยผลประโยชน์กับสวีอวิ๋นอวิ๋นแล้ว สวีอวิ๋นอวิ๋นก็รับปากว่าจะพาไปกู้หยุนหลันไปร่วมงานเลี้ยงโรงกลั่นไวน์อย่างแน่นอน
……
หวังจงเสวียนไปดูรอบๆสถานที่ก่อสร้างกับหลี่โม่และกู้หยุนหลัน ระหว่างทางได้รับประกันว่าจะยึดถือคุณภาพของงานวิศวกรรมและไม่มีข้อผิดพลาดเรื่อการแอบตัดลดวัสดุอย่างแน่นอน
กู้หยุนหลันรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ไม่ว่ายังไงหวังจงเสวียนก็เป็นคนในครอบครัว ให้คนในครอบครัวมาทำโครงการของตนเอง ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่าทั้งสองฝ่าย
ทั้งสามคนต่างพูดไปยิ้มไปจนกลับมาถึงสำนักงานใหญ่วิศวกรรม
กู้เจี้ยนเจียงเดินออกมาพร้อมกับบุหรี่ในปากแล้วพูดว่า “ทางด้านนี้ไม่มีอะไรแล้วงั้นผมต้องขอตัวก่อน ตอนนี้คลื่นลูกใหม่พัดคลื่นลูกเก่าแล้ว พวกคุณที่อายุยังน้อยควรมีบทบาทสำคัญในการทำงานได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับบริษัทด้วยกันเถอะค่ะ ส่งต่อทางด้านนี้ให้หวังจงเสวียนลูกพี่ลูกน้องแล้วฉันก็วางใจเช่นกันค่ะ”
กู้หยุนหลันและกู้เจี้ยนเจียงแยกกันไปรับรถของแต่ละคน ในที่สุดหวังจงเสวียนจึงได้มีโอกาสพูดกับหลี่โม่ตามลำพัง
“คุณหลี่ครับ การก่อสร้างหยุนจงหลันกรุ๊ปกำลังรุดหน้าตามแบบแผน ตอนนี้งานวิศวกรรมหลักของโครงการใกล้จะเสร็จแล้ว พวกเราได้ดำเนินการตามมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุด แต่ถ้าคุณมีเวลาก็อยากจะขอเชิญมาให้คำชี้แนะด้วยนะครับ”
งานก่อสร้างของหยุนจงหลันกรุ๊ป หวังจงเสวียนทำงานอย่างหนัก ลงสื่อออนไลน์ว่ามีการใช้วัสดุอย่างดีทั้งหมด สามารถพูดได้ว่าไม่สนใจเรื่องผลกำไรเลย ทั้งหมดล้วนแต่ดำเนินการตามมาตรฐานสูงสุด
ถึงแม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นภายในตระกูลหวัง แต่หวังจงเสวียนยังคงทำงานภายใต้แรงกดดัน
แต่หลังจากที่ใช้ความคิดอย่างมากแล้ว การนั่งอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่หลี่โม่กลับไม่เคยไปที่หยุนจงหลันกรุ๊ปเลย สิ่งนี้ทำให้หวังจงเสวียนรู้สึกว่าความเพียรพยายามของเขานั้นเปล่าประโยชน์
ทั้งหมดที่เขาทำจะต้องให้หลี่โม่มองเห็นถึงจะมีโอกาสเอาใจเขาได้ยังไงล่ะ
หลี่โม่ยิ้มเรียบๆแล้วพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งน่ะครับ เลยไม่ได้ให้ความสนใจงานทางด้านนั้น ถ้ามีเวลาผมจะลองดูแล้วกัน”
“ผมรู้ว่าคุณยุ่งมาก เพียงแค่รายงานสถานการณ์กับคุณเท่านั้นเอง ให้คุณได้ทราบว่าพวกเรากำลังดำเนินการก่อสร้างด้วยความทุ่มเทอย่างสุดหัวใจจริงๆ”
กู้หยุนหลันขับรถมาจอดที่ด้านข้างของหลี่โม่ เขาโบกมือให้หวังจงเสวียนแล้วเปิดประตูรถฝั่งผู้โดยสารพร้อมกับเข้าไปในรถ
“คุณกับหวังจงเสวียนพูดอะไรกันเหรอคะ ดูเหมือนเขาจะพยายามเอาใจคุณอยู่นะ”
กู้หยุนหลันเอ่ยถามสบายๆ
“เขาบอกว่าจะทำงานก่อสร้างให้ดีและไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังแน่นอน”
หลี่โม่พูดโกหก
กู้หยุนหลันยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วกำลังจะพูด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ช่วยหยิบโทรศัพท์ให้ฉันทีเถอะค่ะ ตอนนี้ใครโทรหาฉันกันนะ”
กู้หยุนหลันไม่สะดวกที่จะหยิบมือถือขึ้นมาดูขณะขับรถ หลี่โม่จึงหยิบกระเป๋าของกู้หยุนหลันขึ้นมา เขาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วมองดู
“ของสวีอวิ๋นอวิ๋นคุณจะรับไหม?”
“สายของสวีอวิ๋นอวิ๋นเหรอเนี่ย ถ้าอย่างนั้นต้องรับแล้วล่ะค่ะ คุณรับสายแล้วเปิดลำโพงทีค่ะ”
เมื่อหลี่โม่กดรับสายและเปิดลำโพง เสียงของสวีอวิ๋นอวิ๋นดังออกมาจากโทรศัพท์
“หยุนหลัน เธอยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
“ฉันกำลังขับรถกลับบริษัทน่ะ เธอมีอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันมีธุระกับเธอนิดหน่อยน่ะ เธอมาเป็นเพื่อนฉันได้ไหม พวกเราไปเสริมสวยกันจากนั้นก็ไปดูเสื้อผ้า ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากคุยกับเธอ”
สวีอวิ๋นอวิ๋นกลอกตาแล้วพูด
“อ้อ เป็นเรื่องสำคัญหรือเปล่า? บริษัทยังมีงานบางอย่างที่ต้องทำน่ะ”
สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดอย่างเสียนิสัยว่า “บริษัทจะมีเรื่องอะไรให้ทำ ฉันมาหาเธอเพราะว่ามีเรื่องสำคัญอยากให้เธอช่วยชี้แนะ เธอรีบมาเลยนะ ไม่อย่างนั้นความเป็นเพื่อนของเราก็จบกันไปเลย”
กู้หยุนหลันฝืนยิ้มแล้วพูดอย่างไม่มีทางเลือกว่า “โอเคจ้ะ เธอบอกมาจะเจอกันที่ไหน แล้วเดี๋ยวฉันจะไปหาเธอ อีกอย่าง ฉันพาสามีไปด้วยโอเคไหม”
“ฮะ?”
สวีอวิ๋นอวิ๋นเม้มปาก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรไม่โอเคนี่นา แต่ว่าถ้าพวกเราไปเสริมสวยกัน เขาต้องรออยู่ด้านนอกนะ”
กู้หยุนหลันเหลือบมองหลี่โม่ เขายิ้มพร้อมกับพยักหน้า รอเดี๋ยวเดียวไม่เห็นเป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
กู้หยุนหลันเห็นว่าหลี่โม่ตกลงแล้วจึงยิ้มแล้วพูดว่า “หลี่โม่ไม่มีปัญหา รอได้แน่นอน เธอบอกสถานที่มาเถอะ”
“กาแฟบิงโกใจกลางเมืองแล้วกัน ฉันจะรอเธออยู่ที่นั่น ไม่เจอไม่กลับนะ”
“ตกลง ไม่เจอไม่กลับ”
บทสนทนาจบลง หลี่โม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วใส่คืนหลับไปในกระเป๋าของกู้หยุนหลัน “ทำไมเธอถึงทำลึกลับนัก เรื่องอะไรไม่พูดให้ชัดเจน”
“แน่นอนว่าต้องเป็นความลับของพวกผู้หญิงเราอยู่แล้ว จะพูดเรื่อยเปื่อยได้ที่ไหนกัน อีกเดี๋ยวคุณห้ามพูดจาเหลวไหลนะ” กู้หยุนหลันกล่าวกำชับ
หลี่โม่พยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปร่วมวงด้วย เรื่องระหว่างสาวๆ ผู้ชายพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
กู้หยุนหลันขับรถตรงไปยังใจกลางเมือง หลังจากจอดรถที่ชั้นใต้ดินเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็มาถึงใจกลางชั้นหนึ่งของหอการค้าจินหยวนที่เคยมาเมื่อวานนี้ กาแฟบิงโกอยู่ที่มุมทิศตะวันเฉียงใต้ชั้น 1 ของศูนย์การค้า
กำลังอยู่ข้างประตู หลังจากมองเห็นร่างของกู้หยุนหลันแล้วสวีอวิ๋นอวิ๋นลุกขึ้นโบกมือ
กู้หยุนหลันและหลี่โม่เดินคล้องแขนกันเข้าไป เมื่อสวีอวิ๋นอวิ๋นเห็นมือของทั้งคู่คล้องกันอยู่ก็เบ้ปากเล็กน้อยอย่างดูถูก
“หยุนหลัน เธอมาโชว์ความหวานกันต่อหน้าฉันแบบนี้ มันไม่ถูกต้องเกินไปแล้วนะ”
แล้วสวีอวิ๋นอวิ๋นพูดพร้อมกับบุ้ยปาก
“พวกเราโชว์ความหวานที่ไหนกัน ถ้าเกิดเธอรู้สึกไม่เข้าตา ก็รีบไปหาคนรักมาอยู่ด้วยสักคนสิ ถึงเวลานั้นพวกเธอจะโชว์สวีทกันตลอดเวลาก็ย่อมได้”
สวีอวิ๋นอวิ๋นทำปากจู๋ “ฉันมาหาเธอเพราะเรื่องนี้แหละ”