ราตรีนี้ของเมืองคามาคุระยังคงมืดสนิทเเละวุ่นวายต่อไปจนกว่ารุ่งสางจะมาเยือน
ในหลาย ๆ ครา ก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาหรือจะเป็นเสียงคํารามที่ชวนให้ขนพองลุกขึ้นมาจากพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในเมืองเก่า เเละเเม้เเต่ในบางคราวก็จะมีเเสงไฟกะพริบมาจากมุมใดของเมือง
เเม้ขบวนร้อยอสูรจะผ่านพ้นไปเเล้ว เเต่ก็ยังคงมีพวกมันก็ยังคงเเฝงตัวอยู่ในมุมมืดต่าง ๆ ในเมืองต่ออยู่ดีเพื่อเฝ้าหาเหยื่อของมันพวกมัน
เเละเหล่านักรบทั้งหลายเสมือนเช่นซามูไรหญิงคนก่อนหน้านี้ก็ยังคงออกล่าพวกมันในยามราตรีคืนเเล้วคืนเล่า…
“ท่านคากามิ ? ” โฮโจมองดูหมอกรอบ ๆ ที่ค่อย ๆ เริ่มจางลงไปขณะที่เขามองไปยังลิลลี่เพื่อถามบางสิ่ง
“ข้ามีเรื่องสําคัญจะขอถามท่านคากามิขอรับ…ในเวลาเช่นนี้ท่านจะว่าอย่างไรหากข้าจะส่งท่านกลับขอรับ นอกจากนั้นข้าขอเรียนถามได้หรือไม่ว่าท่านอาศัยอยู่ที่ใดกัน บ้านพักในเมืองหรือคฤหาสน์ของเจ้าเมืองกันขอรับ ? “
“เอ่อ…” มันเป็นเรื่องชวนให้ปวดหัวสําหรับเธอกับการตอบคําถามโดยที่ไม่มีคําตอบที่ถูกให้อีกฝ่าย จะให้เธอตอบกลับไปว่าเธอมาจากโลกที่มีรถไฟ เครื่องบินหรือเเม้เเต่ตึกระฟ้า อีกฝ่ายก็คงไม่มีทางเชื่อเธออยู่เเล้วเเน่
เมื่อมองไปยังลิลลี่ที่กุมศรีษะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โฮโจก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก
เขามองไปที่ลิลลี่ด้วยสีหน้าอย่างเห็นใจก่อนจะก้าวถอยออกมา “ถ้าอย่างนั้น..หรือว่าท่านคากามิจะเสียความทรงจําหรือขอรับ ?”
“ยิ่งในจักรวรรดิเฮอันที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมนเเละวุ่นวายเเล้ว บางครั้งโชคร้ายก็มักจะมาหาอย่างไม่รู้ตัวอยู่เป็นปกติ นักเดินทางหลายคนที่โชคร้ายไปเจอฝูงปีศาจระหว่างการเดินทาง ทําให้ตัวพวกเขาต้องใช้ชีวิตเเบบไร้ความทรงจําในอดีต…สุดท้ายเเล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งเเรกที่ข้าเจออะไรเเบบนี้ “
“ข้าต้องขออภัยด้วยที่ทําให้นึกถึงเรื่องเลวร้ายอย่างนั้น…เป็นข้าเองที่พูดอย่างไร้ความคิดไปเองขอรับ ! “
“เอ๊ะ !?” ลิลลี่จ้องมองอย่างโง่งมไปยังซามูไรร่างสูงที่เเววตาในตอนนี้เต็มไปด้วยความเห็นใจ เธอเพียงอยู่นิ่ง ๆ เพื่อคิดหาทางออกอยู่ เเต่ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายกลับยื่นเหตุผลดี ๆ มาให้ตัวเธอเองซะอย่างนั้น ?
“ไม่หรอก…ฉันสิควรขอโทษคุณที่ทําตัวให้ดูน่าสงสัยไป ยังไงก็เถอะมันก็คงจริงอย่างที่คุณพูด เพราะฉันนึกอะไรไม่ออกเลยจริง ๆ …” ลิลลี่พูดขณะที่จับใบหน้าเนียนของเธอเเล้วหันไปด้วยข้างเล็กน้อยเพื่อปล่อยผมยาวสีดําของเธอให้ไหลห้อยผ่านไหล่ลงไป
“ไม่จริงเลยขอรับ ! ท่านคากามิไม่มีทางดูน่าสงสัยอย่างเเน่นอน ! ” โฮโจรีบปฎิเสธความเห็นนั้น
“ได้โปรดอย่านึกถึงเรื่องราวเลวร้ายเหล่านั้นอีกเลยขอรับ ท้ายที่สุดเเล้วในดินเเดนเเห่งนี้มันก็เลวร้ายอยู่เเล้ว..ดังนั้นการที่ท่านลืมเรื่องเหล่านั้นไปอาจจะเป็นเรื่องดีเเล้วก็ได้”
ลิลลี่ไร้คําพูดไปขณะหนึ่ง เธอเองยังรู้สึกเเปลก ๆ กับท่าทางเเบบผู้หญิงของตัวเธอเองด้วยซํ้าเเต่จะทําอะไรได้ล่ะ ? ถ้าเธอไม่มีกําลังมากพอในโลกนี้ละก็เธอก็คงไม่สามารถปกป้องตัวเธอเองไว้ได้เเน่
หลังจากที่โฮโจจัดการความคิดในสมองเขาเสร็จ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา
“ท่านคากามิ..ภูมิภาคคันไซนั้นค่อนข้างไกลจากที่เเห่งนี้มาก ระยะทางที่พวกเราต้องเดินทางไป ก็คงไม่ตํ่ากว่าเจ็ดพันไมล์เเน่ขอรับเเละยิ่งไม่ต้องพูดถึงภัยที่เราต้องเจอระหว่างทางเลย เเม้ต่อให้จะรวมกําลังพลของตระกูลโฮโจของพวกเราทั้งหมดมา ข้าก็ยังไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของท่านได้อยู่ดี อีกอย่างต่อให้พวกเราจะส่งท่านถึงที่หมายจริง ๆ พวกเราก็คงยังไปไหนมาไหนอย่างอิสระไม่ได้อีกอยู่ดี…ท่านคากามิเเม้ข้าจะปรารถนาจะพาท่านกลับไปยังถิ่นบ้านเกิดของท่านเเต่ความเป็นจริงมันช่างโหดร้ายยิ่งนัก”
“ก็คงอย่างนั้น…” ลิลลี่อยากจะพูดบางอย่างเเต่ก็กลืนคําพูดของตัวเองลงไป ความจริงเเล้วเธอไม่ใช่หญิงสาวจากตระกูลคากามิเลยด้วยซํ้า ดังนั้นการไม่กลับไปก็อาจจะดีเเล้วก็ได้จริงไหม ?
“ท่านคากามิ ด้วยความที่ตัวข้ายังมีงานตามหน้าที่ที่ยังต้องปฎิบัติอยู่ ดังนั้นเเล้วข้าจึงยังไม่สามารถกลับไปยังถิ่นที่พักของข้าได้สะดวก เพราะเเบบนั้นเเล้วถ้าเป็นอย่างนี้เเทนล่ะขอรับ… ” ลิลลี่รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายจงใจเน้นยํ้าถึงถิ่นที่พักของเขาอย่างผิดปกติ
“ในเขตชานเมืองของเมืองคามาคุระเเห่งนี้ ตระกูลโฮโจของพวกเรามีสังกัดย่อยอย่างตระกูลมัตสึดะอยู่ขอรับ โดยมีมัตสึดะ นากาฮิเดะเป็นผู้ฝึกสอนวิชาเค็นจุทสึให้กับกลุ่มโฮโจของเรา ท่านจะว่าอย่างไรหากข้าจะเชิญท่านคากามิไปอาศัยอยู่กับตระกูลมัตสึดะชั่วคราวขอรับ ? ข้าจะได้ไปเเจ้งให้ท่านพ่อเเละท่านลุงทราบ”
…
ตระกูลมัตสึดะ ?
เค็นจุทสึ ? [N:วิชาดาบเเขนงหนึ่งของญี่ปุ่น]
นั่นมันน่าสนใจสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่หรือไง !
ผิดกับในใจที่โลดเเล่นไปมาภายในของเธอ ลิลลี่ยังคงสงวนท่าทีต่อหน้าโฮโจเเละครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเธอจึงเอียงศรีษะเล็กน้อยเเละนําเเขนเสื้อขึ้นมาปิดบังใบหน้าของเธอ ก่อนจะถอนหายใจด้วยท่าทีลําบากใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ คุณโฮโจ”
“ไม่ใช่ปัญหาเลยขอรับ ! ต้องเป็นข้ามากว่าที่ต้องขอบคุณท่าน โปรดวางใจได้เลยข้าจะรีบรายงานเรื่องนี้ให้ท่านพ่อเเละท่านลุงทราบโดยเร็วที่สุดอย่างเเน่นอนขอรับ” โฮโจรู้สึกภูมิใจกับตัวเองอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ช่วยเหลือหญิงสาวที่หน้าสงสารตรงหน้าตน
ลิลลี่เดินตามโฮโจไปตามถนนหลักเพื่อไปยังชานเมือง ในบางครั้งระหว่างทางเขาก็จะลดความเร็วของเขาลงเพื่อให้ลิลลี่ตามทัน เเต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังตามหลังเขาอยู่เล็กน้อยอยู่ดี
เธอรู้สึกเเปลก ๆ ในใจ เเม้ว่าเขาจะดูหวาดกลัวในตอนหลบหนีจากปีศาจเมื่อกี้นี้ก็ตาม เเต่อย่างน้อยโดยรวมเเล้วเขาเองก็ยังดูเป็นซามูไรที่มีความสามารถอยู่ดีล่ะนะ
เเม้ร่างกายของพี่สาวจะดีกว่าร่างเดิมของเธอมาก เเต่การจะเดินตามให้ทันซามูไรที่ได้รับการฝึกอยู่เสมอก็ดูจะเป็นเรื่องยากสําหรับเธอ
เเม้ว่าเขาจะเดินให้ช้าลงเเล้วก็เถอะนะ…
ซามูไรพวกเขาดูเเข็งเเรงกันจริง ๆ !
เมื่อโฮโจเเละลิลลี่ก้าวออกจากเมืองคามาคุระมา เธอจึงมองย้อนกลับไปยังปราสาทคามาคุระเเละก็ได้รู้ซึ้งถึงภาพลักษณ์ที่ต่างจากปราสาทจีนในยุคโบราณที่เธอจินตนาการไว้เเค่ไหนกัน ปราสาทนั้นไร้ซึ่งกําเเพงหรือประตูใด ๆ เลยด้วยซํ้า ! ลิลลี่ชายตามองมันเพียงครู่หนึ่งก่อนจะเดินหน้าต่อ เเละยิ่งเดินเข้าไปใกล้เขตชานเมืองมากขึ้นเท่าไหร่อาคารโดยรอบเธอก็มีเเต่จะทรุดโทรมขึ้นเเละดูบางตาลงไปก็เท่านั้น
…
….
เวลาล่วงเลยไปจนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเขตชานเมือง
บริเวณรอบนอกเมืองคามุระปกคลุมไปด้วยธรรมชาติ ปรากฏเงาต้นไม้ใหญ่หรือใบหญ้าที่เติบโตขึ้นตามฤดูกาลให้เห็นอยู่ทุกที่ หรือเเม้กระทั่งเสียงชวนให้ขนหัวลุกจากลมที่พัดผ่านต้นไม้ในยามราตรีที่ให้ความรู้สึกหวั่นกลัวไม่น้อยก็ตาม เเม้ว่าตัวเธอจะรู้ดีว่าไม่มีวิญญาณอะไรรอบ ๆ ก็ตาม เเต่ความรู้สึกเเบบนั้นมันก็โผล่ขึ้นมากวนใจเธออยู่ดี…
โฮโจปลดเชือกม้าที่เขาผูกสายทิ้งไว้กับต้นไม้ข้างริมทางออก เพราะก่อนหน้านี้การขี่ม้าเพื่อเดินทางอย่างรวดเร็วในระหว่างขบวนร้อยอสูรมันก็คงจะมีเเต่ดึงความสนใจของพวกมันมาเปล่า ๆ ดังนั้นเขาจึงผูกมันไว้ที่นี่
“คุณคากามิ กรุณานั่งบนม้าด้วยขอรับ ข้าจะจูงมันไปตามทางข้างหน้า” โฮโจพูดกับลิลลี่ที่ทําหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
“เอ๊ะ !?” ฟองสบู่ความคิดบนหัวของลิลลี่ที่กําลังกังวลถึงสถานการณ์ที่พวกเขาต้องนั่งม้าด้วยกันอยู่อย่างนั้นเเตกออกทันใด
‘ดูเหมือนว่าโลกนี้ก็ยังมีคนที่ดูสุภาพอยู่ล่ะนะ’ เธอคิดกับตัวเองในใจ
ลิลลี่ไม่รอสัมผัสมือเชื้อเชิญจากอีกฝ่าย ก่อนจะรีบเดินเอามือไปกดลงบนอานม้านั้นอย่างรวดเร็วเเละกระโดดขึ้นไปขี่มันอย่างสง่างาม
“ท่านคากามิท่านรู้วิธีขี่ม้าด้วยหรือขอรับ ? ” โฮโจรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางที่ดูชํานาญของเธอ
“เอ๊ะ ? ม-ไม่..”
ลิลลี่เพียงอาศัยสมรรถภาพของร่างพี่สาวของเธอเเละต้องการหลีกเลี่ยงการสัมผัสก็เท่านั้น เธอจึงรีบกระโดดขึ้นอานม้าอย่างรวดเร็วเเต่เรื่องขี่ม้าอะไรนั่นเธอไม่เคยเรียนมันมาเลยซักนิด…
“ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงเลื่องลือถึงความสามารถในการขี่ม้าเเละยิงธนูในภูมิภาคคันไซมาก่อน เเละข้าก็มั่นใจเลยว่าหากท่านคากามิเป็นชายละก็ท่านจะต้องเป็นคนที่ชํานาญในการขี่ม้ามากเเน่ ๆ ขอรับ ! ” โฮโจจูงมาไปข้างหน้าพร้อมกับชมเชยอีกฝ่าย
“ทําไมต้องเป็นผู้ชายล่ะ ? ผู้หญิงไม่สามารถขี่ม้าเเละต่อสู้บนหลังม้าได้งั้นหรอ ? ” ลิลลี่ขมวดคิ้วของเธอเล็กน้อยขณะที่ถาม
“อืม…โดยทั่วไปเเล้วก็สามารถทําได้ขอรับ ในยุคสมัยที่จักรวรรดิเฮอันมีเหล่าปีศาจกับอสูรลุกฮือไปทั่วรอบดินเเดน เเละยิ่งภัยจากต่างเเดนด้วยเเล้ว การทําสงครามไปเรื่อย ๆ ก็จะมีมีเเต่ทําให้โลกมันวุ่นวายขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น เเม้เเต่ที่เขตชานเมืองคามาคุระนี้บางทีก็จะมีเหล่าอสูรหรือปีศาจโผล่มาเป็นครั้งคราวเหมือนกันขอรับ สําหรับผู้ชายถ้าไม่ตายด้วยนํ้ามือพวกมัน ก็มีเเต่จะตายระหว่างรบหรือโดนรุกรานก็เท่านั้น เพราะเเบบนั้นบางทีผู้หญิงก็จําเป็นต้องหยิบอาวุธขึ้นมาช่วยสู้ด้วย เเม้สุดท้ายเเล้วมันจะจบลงอย่างไร้ความหมายก็ตามเถอะขอรับ…เฮ้อ ! พอคิดถึงเรื่องเเบบนั้นขึ้นมา ข้าก็ละอายใจกับตัวเองที่เป็นชายจริง ๆ ” โฮโจถอนหายใจด้วยอารมณ์โศกเศร้าระหว่างที่เขาจูงเชือกม้าไปตามทาง
อนาคตข้างหน้างั้นหรอ…
ช่างดูเป็นยุคสมัยที่ปลอดภัยดีจริง ๆ [N:เฮอันในจีนเเปลว่าความปลอดภัยได้เช่นกัน]
ถ้าตามจากยุคสมัยเเล้ว ยุคทองของเฮอันที่นี่ก็อาจจะเต็มไปด้วยกลุ่มคนจากหลายเเห่งมารวมกันรึเปล่านะ ?
ยังไงก็ตามเเล้วหลังจากนี้ล่ะ ? เธอจะไปตามเส้นทางไหนดีกัน ?
‘ พี่สาว..ผ-ผมไม่มั่นใจจริง ๆ ว่าจะปกป้องร่างกายของพี่ได้ถึงไหนกัน ผมจะไปตามทางของซามูไรได้จริง ๆ หรือเปล่าเเม้เเต่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลย ..ด้วยตัวผมคนเดียว..ผ-ผมก็ไม่รู้จะไปต่อยังไงดีเหมือนกัน…พี่สาวถ้าพี่เป็นผมเเทนละก็พี่จะทํายังไงต่อจากนี้นะ ? ‘ [N:ลังเลระหว่างผมกับฉันอยู่ ถ้าอยากให้เปลี่ยนเเจ้งได้นะ]
ยิ่งลิลลี่นึกถึงพี่สาวของเธอมากเท่าไหร่ คมมีดในใจเธอก็จะมีเเต่ปักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น
ราตรีในคืนนี้ช่างยาวไกลเเต่เเล้วเส้นทางของเธอล่ะอยู่ที่ไหนกัน ?
บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอคิดมากไปหรือจะเพราะร่างกายที่เหนื่อยเต็มทนเเล้วก็ตาม ดวงตาของเธอค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ ก่อนจะเริ่มจมลงสู่ห้วงฝันในนิทราของเธอ
ม้านั้นยังคงเคลื่อนต่อไปโดยมีร่างของหญิงสาวหลับฝันบนหลังของมัน
เเละกระจกทองเเดงในเสื้อของหญิงสาวนั้นก็เริ่มส่องสว่างออกมาอย่างเเผ่วเบาโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
…
…..
……..
จู่ ๆ ในความมืดมิดก็มีเสียงดังก้องขึ้นมา
ฟังดูเหมือน…เสียงกระทบกันของเครื่องจักรบางชนิด
“ถึงผู้โดยสารสุภาพสตรีเเละสุภาพบุรุษทุกท่าน เราขอขอบคุณท่านที่เชื่อใจในสายการบินโอซาก้าของเรา ขณะนี้เราอยู่เหนือน่านนํ้าญี่ปุ่นหนึ่งหมื่นเเปดพันเมตร โดยเราจะลงจอดที่สนามบินโตเกียวในเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อจากนี้…”
ข้างริมหน้าต่าง ปรากฏร่างของเด็กผู้ชายที่ดูบอบบางคนหนึ่งเเสดงสีหน้ากังวลใจในตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด
เพราะเขาขึ้นเครื่องครั้งเเรกงั้นหรอ ?
เปล่าเลย..สาเหตุของความรู้สึกนั้นมาจากหญิงสาวข้าง ๆ ของเด็กหนุ่มต่างหากล่ะ
หญิงสาวคนนั้นใส่เครื่องเด็กกายเดียวกันกับเด็กหนุ่ม ผมสีดําของเธอรวบยาวไปยังด้านหลัง ถุงเท้าสีดําที่ยาวมาถึงหัวเข่าของเธอประกอบกับท่าทางที่เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ด้วยเเล้วทําให้ดูมีเสน่ห์อย่างเยือกเย็น หญิงสาวก้มลงมองหนังสือตรงในมือเธออย่างสงบราวกับไม่ได้รู้สึกถึงความกังวลใจของเด็กหนุ่มข้าง ๆ เธอเลย
ร่างของหญิงสาวผู้นี้คงไม่ใช่ใครอีกนอกจาก พี่สาว..
เด็กหนุ่มที่รักข้างเดียวมาอยู่เสมอจนในชีวิตนี้เขาเองก็ไม่เคยคิดฝันว่าเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง
เเสงอาทิตย์ยามอัสดงส่องผ่านช่องของหมู่เมฆเข้ามายังห้องโดยสารคลอด้วยบรรยากาศในยามพลบคํ่าเช่นนี้เเล้วช่างมีเสน่ห์ให้ชวนฝันยิ่งนัก