ในขณะดียวกันที่เครื่องบินลอยเข้าสู่กลุ่มเมฆ ท้องฟ้าก็ดูมืดขึ้น
กลุ่มผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็ตกไปในห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยบรรยากาศในห้องโดยสารนั้นจึงเงียบสงบ
จะมีเพียงเเต่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้นที่ไม่สามารถข่มตาตัวเองลงได้เเม้จะอยากเเค่ไหนก็ตาม…
พี่สาวข้างกายเขาที่มักจะมองจากที่ไกล ๆ เสมอ ตอนนี้นั่งอยู่ใกล้ชิดเขาเเล้ว เเถมกลิ่นอันมีเสน่ห์ที่ถูกเปล่งออกมาจากร่างกายเธอ ก็ยิ่งทําให้เด็กหนุ่มข้าง ๆ มัวเมากับตัวพี่สาวมากขึ้นไปอีก
ถ้ามีเขามีพี่สาวเเบบนี้เป็นเเฟนละก็ เขาคงตายอย่างไม่รู้สึกเสียใจเเล้วล่ะ…
ยังไงก็เถอะพี่สาวเป็นคนยังไงกันเเน่นะ ?
เเม้เเต่เหล่าพวกคนที่มีชื่อเสียงทั้งหลายหรือลูกชายของมหาเศรษฐีก็ยังถูกเธอปฎิเสธ เเล้วเขาที่เป็นเพียงเเค่โอตาคุที่ไม่มีอะไรเลยล่ะจะเหลืออะไรกัน ?
ถ้าไม่ใช่เพราะตั๋วโปรเเกรมนักเรียนเเลกเปลี่ยนระหว่างจีนกับญี่ปุ่นของโรงเรียนที่เขา “บังเอิญชนะ” มาล่ะก็ เขาคงไม่มีทางได้มาอยู่ใกล้ชิดพี่สาวอย่างนี้เเน่
บางทีเขาอาจจะเป็นคนเดียวบนเครื่องบินโดยสารลํานี้ก็ได้ที่อยากให้มันลอยลําอย่างงี้ไปนาน ๆ กว่านี้น่ะ…เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้คุยกับพี่สาวเลยเเม้เเต่ประโยคเดียวก็ตาม
‘เขาควรทํายังไงดีล่ะ’
เขาจะเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ชายได้ยังไงกันทั้งที่พี่สาวก็อยู่ใกล้เเค่นี้เเล้วเเท้ ๆ เเต่ตัวเขาเองกลับไม่ได้พยายามจะเริ่มต้นบทสนทนาเลยด้วยซั้า ?
เเต่เขาจะทําอะไรได้ล่ะ ก็ในเมื่อเขาไม่เคยคุยกับผู้หญิงมาก่อนน่ะสิ !
‘ถ้าเขาพูดอะไรเเปลก ๆ ไปละก็มันจะไม่เสียบรรยากาศไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกเหรอ..เพราะงั้นสู้อยู่เงียบ ๆ ยังจะดีกว่า’
เเต่ถ้าหลังจากนี้มันไม่มีโอกาสอย่างนี้เเล้วล่ะ ?
ถ้าเขาไม่ได้เจอพี่สาวอีกเเล้วเขาจะทํายังไงดี…
ขณะที่เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายกับตัวเองอยู่ เสียงประกาศจากเครื่องบินก็ดังขึ้นมาพร้อมกับตัวเครื่องบินที่สั่นสะเทือน
“ถึงผู้โดยสารทุกท่าน ตอนนี้เรากําลังเผชิญกับพายุลมอย่างรุนเเรงที่อาจทําให้เกิดเเรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย ดังนั้นโปรดรัดเข็มขัดให้เเน่นเเละอย่าเคลื่อนย้ายตัวเองออกจากที่นั่งด้วยค่ะ”
เสียงประกาศนั้นพูดด้วยนํ้าเสียงใจเย็นเเละอ่อนหวาน
“ปัง-!”
หลังจากที่พนักงานหญิงคนนั้นพูดประกาศจบเครื่องบินก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง เเต่คราวนี้มันรุนเเรงกว่าครั้งก่อนซะอีก
ในตอนนี้เสียงในห้องโดยสารก็เงียบลงทันที…
วิวนอกหน้าต่างปกคลุมด้วยความมืด สายลมที่กรรโชกอย่างรวดเร็วปะทะกับใบปีกเครื่องจนเกิดเสียงออกมาเเละบางครั้งในเงาเมฆพวกเขาก็ยังมองเห็นเเสงไฟวาบขึ้นมาด้วยซั้า
“ถึงผู้โดยสารทุกท่าน พวกเรากําลังเผชิญกับพายุลมอย่างรุนเเรง…ดังนั้นโปรด-“
“ปัง-!!!”
ก่อนที่เสียงประกาศจะหยุดลงอีกครั้ง เครื่องบินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนเเรงขึ้นอีก
เเต่ในครั้งนี้ทุกคนบนห้องโดยสารต่างก็ต่างได้ยินเสียงลมกรรโชกนอกหน้าต่างเข้ามาในหูทุกคนอย่างชัดเจน
…
ก่อนที่ทุกคนจะได้ตั้งตัว จู่ ๆ เครื่องบินก็สูญเสียสมดุลเเละพุ่งลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด-!!!”
ผู้คนในห้องโดยสารต่างตะโกนออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ของรอบ ๆ ตัวลอยตัวสูงขึ้นไป ทําให้บรรยากาศในห้องยิ่งวุ่นวายกว่าเดิมอีก !
“ไม่มีทางที่มันจะตกจริง ๆ ใช่ไหม !” เสียงของเด็กหนุ่มกล่าวอย่างขลาดกลัว
หัวใจที่เต้นระรัวราวกับจะกระโดดออกมาจากร่างของเขาในสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้…
ในสมองของเด็กหนุ่มเริ่มถูกทบไปด้วยไอของความกลัว
“จะตายจริง ๆ งั้นหรอ…ไม่มีทาง! ผมไม่ได้อยากตายซะหน่อย !”
เครื่องบินที่พุ่งลงเบื้องล่างอย่างรวดเร็วประกอบกับร่างกายที่ปรับความดันอากาศด้วยเเล้ว ก็ยิ่งทําให้เเก้วหูเเตกออกมาได้ง่าย ๆ เลย
ภายใต้เสียงที่วุ่นวายเด็กหนุ่มยังคงร้องตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง
เขาไม่อยากตาย!
เขายังไม่อยากตายซักหน่อย!
นี่มันต้องไม่ใช่เรื่องจริงอยู่เเล้ว !
เรื่องบ้า ๆ เเบบนี้…ใช่เเล้ว..มันก็เเค่ฝันร้ายเท่านั้นเอง…
ความสิ้นหวังเขาปกคลุมตัวเด็กหนุ่มอย่างไร้ทางต่อกร เขาได้เเต่ตะโกนไปซั้า ๆ อยู่อย่างนั้นอย่างสิ้นหวัง
…
ทันใดนั้นก็มีมือข้างหนึ่งสัมผัสอย่างเเผ่วเบาลงบนมือของเด็กหนุ่มที่กําลังกําที่วางเเขนนั้นไว้อย่างเเน่นอยู่
“อ๊ะ ?!”
“น..นี่คือ..”
ไอของความกลัวรอบตัวเด็กหนุ่มค่อย ๆ มลายหายไป เขาเงยหน้าตัวเองขึ้นเพื่อมองดูรอบ ๆ ตัวเขาเอง ของรอบ ๆ ตัวเด็กหนุ่มที่หมุนลอยไปมาในอากาศ…เสียงกรีดร้องของคนอื่น ๆ …
เเต่สิ่งที่เห็นเด่นชัดในสายตาของเด็กหนุ่มในตอนนี้กลับมีเพียงเเค่ภาพพี่สาวตรงหน้าเขาเท่านั้น หญิงสาวนั่งด้วยใบหน้าที่สงบของเธอ เเม้เธอจะดูสุขุมในภายนอกอย่างนั้นก็ตาม เเต่เธอก็ยังคงกัดริมฝีปากของเธอให้เห็นอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นในตอนนี้ที่มือของเธอกุมมือเขาอยู่ก็ตามเเละยิ่งความวุ่นวายทวีคูณมากขึ้นเท่าไหร่มือของหญิงสาวที่สัมผัสกับชายหนุ่มนั้นก็จะกุมเเน่นขึ้นอยู่เสมอ
พี่สาวที่ดูมีอนาคตอีกยาวไกลคนนั้น ไม่ว่าจะในเวลานี้ก็ตามเธอก็ยังคงนึกถึงคนรอบข้างอยู่ตลอดเลย
ปรากฎว่าพี่สาวก็ยังใส่ใจเขาจริง ๆ …
‘เเม้เธอจะดูกลัวขนาดนั้น เเต่พี่สาวก็ยังคงเป็นพี่สาวที่ดูเเลคนรอบข้างตลอดอยู่ดี ไม่ว่าจะในเวลาก่อนหน้านี้หรือในตอนนี้ก็ตาม เธอเองก็คงอยากจะเเบ่งเบาอารมณ์เเย่ ๆ ของเขาออกไปสินะ…’
“พี่สาว…”
“ปัง-!!!” เสียงที่ดังราวกับระเบิด ทําให้ส่วนนึงของเครื่องบินที่หลุดออกไปเเละพัดพาลมพายุกรรโชกเข้ามาเเทนที่มันเเทน
ช่องโหว่ภายในห้องดูดร่างของผู้โดยสารโชคร้ายบางคนไป ทิ้งให้เหลือไว้ก็เเต่เพียงความสิ้นหวังกับเหยื่อที่เหลือของมันเท่านั้น
‘พวกเขาคงไม่รอดเเน่’
‘นี่มันไร้ความหวังเเล้วล่ะ’
ความคิดเเบบนั้นทําให้ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มว่างเปล่า
สายลมที่พัดพาทุกอย่างรอบตัวของมันให้กระจุยออกไป
เเละอ้อมกอดอันโอบอุ่นที่ประคองตัวเขาไว้
อ้อมกอดงั้นหรอ…
“เอ๊ะ ?”
สายลมอันเกรี้ยวกราด เสียงกรีดร้องเเห่งความโศกเศร้า เหมือนเสียงทุกอย่างนั้นเงียบลงไป
ทําให้เด็กหนุ่มเพียงรู้สึกถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นจากคนตรงหน้าเท่านั้น
เเม้จะในช่วงเวลาเเบบนี้พี่สาวของเขาก็ยังโอบกอดตัวเขาไว้
ตัวเขาที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเพียงมองเธอจากที่ไกล ๆ คนที่ไม่กล้าเเม้เเต่สบตาหรือพูดคุยอะไรซักอย่างเเบบเขากลับถูกพี่สาวกอดไว้เนี่ยน่ะ..
ผมของหญิงสาวปลิวว่อนไปยังเบื้องหลังเหมือนท่วงทํานองให้หลงใหลอย่างต้องมนต์ ผิดกับใบหน้าราวกับนางฟ้าของเธอที่ยังคงสงบนิ่งเหมือนดวงจันทร์ในท้องนภา
ริมฝีปากของเธอค่อย ๆ เข้าใกล้ใบหูของชายหนุ่ม เพียงเพื่อกล่าวคําพูดหนึ่ง
ณ ที่เเห่งนี้ที่ที่เครื่องบินกําลังดิ่งลงไป ที่ที่รายล้อมไปด้วยท้องนภาที่ไร้ก้นบึ้ง เเละที่ที่จะเป็นจุดจบของตัวพวกเขาเอง
…
…..
“ฉันชอบเธอนะ ” คําพูดสั้น ๆ เเต่ให้ความรู้สึกเกินบรรยายของหญิงสาวถูกเปล่งออกมา
“เอ๊ะ ? ” เด็กหนุ่มมองไปยังพี่สาวตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“ถ้าฉันไม่พูดตอนนี้ก็คงไม่มีเวลาอื่นอีกเเล้วล่ะ…” สายตาที่เธอพูดดูเศร้าเล็กน้อย
“เธอเป็นคนที่มองฉันอยู่ตลอดใช่ไหมล่ะ…บอกตามตรงว่าฉันก็ชอบมันนะ..ที่จริงทริปนี้ฉันก็เป็นคนจัดขึ้นมาเองเเท้ ๆ…ฉันขอโทษด้วยนะที่มันกลายเป็นเเบบนี้ไปเเทนน่ะ… “
“อันที่จริงฉันก็คิดไปถึงว่า…จะเสนอตัวให้เธอเองด้วยซํ้าที่เลิฟโฮเทลในโตเกียวน่ะ…” [N:Owo]
!!!!!
วินาทีสุดท้ายของเครื่องบินที่กําลังพังทลายนี้ราวกับเป็นชั่วนิรันดร์ของเด็กหนุ่ม
พี่สาวชอบเขางั้นเหรอ ?
นี่เขาคงไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ?
ถึงขั้นอยากเสนอตัวเองให้เขาด้วยเหรอ ?
ฮะฮะ..นี่ตัวเขาอยู่บนสวรรค์เเล้วรึเปล่านะ..
ความอบอุ่นเเละเสียงจังหวะหัวใจที่เต้นระรัวของหญิงสาวกระทบไปยังเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเธอ
‘เเม้เเต่ในตอนนี้คุณก็ยังโอบกอดผมไว้เพื่อให้ความหวังสุดท้ายกับผมชีวิตอย่างงั้นเหรอ’
อ้อมกอดอันอบอุ่นนี้..
‘ทําไมล่ะ..ทั้งที่ผมควรจะปกป้องคุณเเท้ ๆ ! ‘
ความรู้สึกเเบบนี้…
“ผมควรจะเป็นคนปกป้องคนที่ผมรักเองเเท้ ๆ ! ทําไม… “
เครื่องบินที่พังทลายลง นําเอาสายลมเเละเเรงโร้มถ่วงให้เข้ามาพัดพาร่างทั้งสองให้หลุดออกจากห้องไป
ร่างของหญิงสาวเเละเด็กหนุ่มที่กอดเเน่นสนิทบนห้วงนภาที่เต็มไปด้วยม่านดารา เเละใต้เบื้องล่างของพวกเขาที่มีเพียงเเต่ห้วงสมุทรไร้ก้นบึ้ง
ร่างทั้งสองที่ค่อย ๆ ล่วงหล่นไป…ผ่านเหล่าเมฆาพายุทมิฬ เพื่อพบกับดวงตะวันที่เริ่มฉายเเสงอย่างอ่อนโยนในยามนี้ …
ท้ายที่สุดวันเลวร้ายเเบบนี้ก็คงจะไม่เปลี่ยนไป
เเต่วันในที่เลวร้ายเเบบนี้ ก็อาจจะวันที่งดงามสําหรับใครหลาย ๆ คนได้เช่นกัน
ร่างของเด็กหนุ่มเเละหญิงสาวที่ค่อย ๆ ตกลงเบื้องล่างในตอนนี้หาได้มีความกลัวอะไรเหลืออยู่อีก
เเววตาที่ทั้งสองจ้องมองกันในเวลานี้เต็มไปด้วยอารมณ์บริสุทธิ์ต่าง ๆ ที่ไหลผ่านเข้ามา
เเม้ทุกอย่างจะต้องจบลงเเต่อย่างน้อยเเล้วความรู้สึกเเบบนี้ สัมผัสเเบบนี้ พวกเขาก็จะมีเพียงเเต่อยากจะเก็บเกี่ยวมันไว้ก็เท่านั้น
เเม้จะเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ ก็ตาม…
นํ้าตาไหลรินลงจากใบหน้าของหญิงสาว ริมฝีปากของเธอเปิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะจมลงไป
“(ยิ้ม)…มีชีวิตอยู่ต่อไปนะ…”
คําพูดที่ดูเเผ่วเบาเเละสัมผัสที่อบอุ่นในเหมือนกับสิ่งคอยปลอบประโลมเด็กหนุ่มเหนือห้วงสมุทรนี้
“มีชีวิตอยู่ต่อไปอะไรกัน…ถ้าผมต้องรอดพี่ก็ต้องไปด้วยกันสิ ต่อให้จะเพียงคนเดียวผมก็จะไม่ยอมให้พี่ตายหรอกนะ (ยิ้ม)… “
…
……
………..
เเม้ที่สุดเเล้วคําพูดของทั้งสองคนจะถูกกลบลงสู่ผิวนํ้าอยู่ดี เเต่ถึงอย่างนั้นร่างของหญิงสาวเเละเด็กหนุ่มทั้งสองก็ไม่เคยปล่อยมือออกจากกันเลย
เเม้จะอยู่ในหุบเหวลึกนี้ก็ตาม พวกเขาก็จะไม่เเยกออกจากกัน…