ในราตรีนี้ปรากฏร่างของหญิงสาวที่กําลังหลับอย่างสบายใจภายในห้องอยู่
เเสงจันทร์อ่อน ๆ ส่องผ่านม่านกระดาษไปยังหญิงสาวบนเตียง
บางทีอาจจะเพราะเคยชินหรือไม่ก็ลืมตัว ในร่างของหญิงสาวก็ยังคงใส่กระจกไว้ เเม้จะเปลี่ยนชุดไปเเล้วก็ตาม
เเต่ในความบังเอิญบางทีก็อาจจะมาพร้อมเรื่องที่คาดคิดก็ได้เช่นกัน เพราะในยามนี้กระจกในร่มผ้าของเธอนั้นฉายเเสงจาง ๆ ออกมาเมื่อมันสัมผัสกับเเสงจันทร์นั้นเเล้ว
ลิลลี่รู้สึกถึงพลังบางอย่างปะทุขึ้นในตัวเธอ เเละพยายามจะลุกตัวขึ้นเเต่ร่างของเธอ..ไม่สิจิตสํานึกของเธอต่างหากล่ะ มันกลับถูกดูดเข้าไปในกระจกเรียบร้อยเเล้ว
…….
‘นี่มัน..ที่ไหนกัน..” เธอลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ
ตอนนี้ร่างของเธอนอนอยู่บนเเท่นหินทรงกลม บนผิวของมันวาดด้วยวงเวทย์เเปลก ๆ ประกอบกับด้านในที่มีภาพสลักของโทเท็มทั้งเเปดรูปอยู่
เเละเมื่อลิลลี่สังเกตดูรอบ ๆ ที่เเห่งนี้ก็หมือนจะเป็นห้องรูปทรงเเปดเหลี่ยมขนาดประมาณสิบตารางเมตรได้
เครื่องหมายคําถามใหญ่ ๆ ปรากฏขึ้นบนหัวของเธอ
เธอไม่ได้นอนอยู่ที่บ้านพักของตระกูลมัตสึดะหรอกหรอ ?
ใครพาเธอมาที่นี่กัน ?
“เอ๊ะ ? “
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเเปลก ๆ กับร่างกายตัวเอง ราวกับมีบางอย่างมันขาดหายไปเเละมีบางอย่างเข้ามาเเทน
เธอก้มหัวของเธอลงเพื่อมองไปยังร่างของตน
ชุดกิโมโนหญิงที่ตอนนี้กลับกลายเป็นชุดยูกาตะเเทน
เเละส่วนนั้นของเธอที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เธอ..เธอกลับมาเป็นผู้ชายเเล้วอย่างงั้นหรอ !
‘เเต่ทําไมร่างมันดูเด็กกว่าเดิมอีกล่ะ หรือว่าจะเป็นร่างของเธอตอนเด็ก ? ‘
เเม้ลิลลี่จะดีใจก็จริง เเต่ภายในใจเธอกลับผิดหวังเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง
ยังไงก็เถอะ ! มาดูหน้าของตัวเองก่อนดีกว่าว่าใช่เธอเองจริง ๆ รึเปล่า
ลิลลี่เอื้อมมือไปที่ชุดของเธอเพื่อที่จะหยิบกระจกทองเเดงออกมา เเต่ทว่ามือข้างนั้นของเธอกลับทะลุผ่านชุดไปเลยซะอย่างงั้น…
จู่ ๆ ความรู้สึกกังวลก็เข้ามาหาตัวเธอเอง ก่อนที่เธอจะพยายามจับไปยังที่ส่วนต่าง ๆ ของตน เเต่สุดท้ายเเล้วมือของเธอก็จะทะลุผ่านพวกมันไปทุกครั้ง เเละเมื่อลิลลี่ลองเอามือของเธอสัมผัสบนพื้นหิน มือของเธอก็จมลงไปในผิวหินเช่นกัน เเต่ก็เเค่ครึ่งนิ้วเท่านั้น เพราะจู่ ๆ ก็มีเเรงบางอย่างผลักเธอออกจากมันมาเเทน
‘เธอ..เธอเป็นอะไรไปเนี่ย ! ‘
ในตอนนี้เธอไม่มีกายหยาบอีกต่อไปเเล้ว ตอนนี้เธอเป็นเเค่วิญญาณก็เท่านั้นเอง !
เธอพยายามมองไปรอบ ๆ ห้องเเปดเหลี่ยมนี้ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับผลึกคริสตัลสีม่วงตรงกลางห้องขึ้นมา
ลิลลี่เดินเข้าไปใกล้ผลึกคริสตัลสีม่วงเรื่อย ๆ จนกระทั่งผลึกคริสตัลนั้นสะท้อนเงาร่างหนึ่งขึ้นมาเธอจึงหยุดลง
ร่างของเด็กชายคนหนึ่งที่มีผมยาวไปจนเกือบถึงไหล่ หน้าม้าตรงจนถ้าให้มองไกล ๆ ก็อาจจะเข้าจะผิดว่าเป็นผู้หญิงได้เลย เเถมด้วยใบหน้าที่เหมือนผู้หญิงอยู่ปกติกับส่วนสูงเพียงร้อยหกสิบกว่าด้วยเเล้วมันยิ่งทําให้เเยกเพศของเธอได้ยากขึ้นไปอีก
ลิลลี่มองภาพสะท้อนในคริสตัลเเละนึกถึงตัวเธอเองในอดีต
‘ดูเหมือนร่างนี้จะดูเหมือนผู้หญิงมากกว่าร่างเดิมของเธอซะอีก’
เเต่ถึงจะมองยังไงมันก็ยังคงเป็นร่างผู้ชายอยู่ดี เพราะเมื่อเธอมองลงไปบนผิวหน้าอกเเล้วมันกลับไม่มีส่วนนูนปรากฏให้เห็นอยู่เลย
เเต่ถ้ามันเเค่เเบนเฉย ๆ ล่ะ…
ไม่สิ..
‘เเล้วทําไมเธอต้องสนใจเรื่องเเบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย ! ‘
เเม้ในหัวจะคิดอย่างนั้นเเต่การกระทําของเธอกลับสวนทาง มือของเธอพยายามเเตะไปตามร่างของตนเพื่อที่จะยืนยันความเป็นชายของตัวของเธอ ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นการกระทําที่ไร้ประโยชน์เพียงใดก็ตาม
ฮึม~รอเธอถอดชุดบ้านี่ออกก่อนเถอะ
ราวกับจะสนองความต้องการของเธอเสื้อผ้าที่เธอใส่ก็เเวบหายไปกับตา
!!!!
ร่างของเด็กหนุ่มที่เปลือยเปล่า มีเพียงเเค่ผ้าชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้นที่ปิดปังส่วนนั้นไว้อยู่สะท้อนให้เห็นผ่านคริสตัล
“ส-สภาพน่าอายเเบบนี้มันอะไรกัน ! ” เธอหน้าเเดงขณะที่มองดูภาพเหล่านั้น
” ไม่สิ เธอจะอายทําไมกันในเมื่อเธอก็เป็นผู้ชายอยู่เเล้วน่ะ ! ”
ตอนนี้เธอชักเริ่มไม่มั่นใจกับรสนิยมของตัวเองเเล้วจริง ๆ
‘หรือว่าเธอจะชินกับร่างของผู้หญิงไปเเล้วงั้นหรอ..’ เธอได้เเต่รู้สึกเเปลกกับใจตัวเอง
ที่เเห่งนี้มันคืออะไรกันเเน่ ?
เเล้วทําไมเธอถึงเป็นเเบบนี้กัน ?
ยิ่งตั้งคําถามต่อไปเรื่อย ๆ ในหัวสมองของเธอก็ไกลจากคําตอบขึ้นไปทุกที
เธอมองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งก่อนที่ความรู้สึกเเปลก ๆ จะส่งผ่านเข้ามายังตัวเธอ
มันให้ความรู้สึกเศร้าเเละคิดถึงอย่างน่าประหลาด…
เธอชายตามองไปยังต้นทางความรู้สึกก่อนจะเจอกับประตูหินขนาดใหญ่ในอีกด้านของห้องนี้
เเละยิ่งเธอเดินเข้าไปใกล้มันเท่าไหร่สัมผัสความรู้สึกนั้นมันก็ยิ่งชัดเจนไปขึ้นทุกที..
เมื่อลิลลี่หยุดลงหน้าประตูหินนั้น ประตูขนาดใหญ่ก็เปิดออกอย่างช้า ๆ ราวกับรอการต้อนรับอยู่เเล้วเเละยิ่งเมื่อเธอเดินเข้าไปภาพของห้องก็ยิ่งทําให้เธอเเปลกตามากขึ้นอีก
ห้องเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยกําเเพงหินโดยไร้ซึ่งการตกเเต่งใด ๆ จะมีก็เพียงเเต่เเสงสลัวจากเทียนเเละโคมไฟที่มีเชื้อเพลิงเพียงครึ่งหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะก็เท่านั้น
ไฟที่มันส่องออกมาอยู่ตลอด ราวกับไม่มีวันหมดยังไงอย่างงั้นทําให้เธอเเปลกใจเล็กน้อย
เเละฟากหนึ่งของห้องนั้น บนเตียงไม้เก่า ๆ ที่มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งหลับใหลอยู่ก็ยิ่งทําให้เธอเเปลกใจยิ่งกว่า…
ร่างของหญิงสาวที่สวมชุดยากาตะสีขาวปกคลมอยู่ เเละนอนหลับใหลอย่างเงียบเชียบบนเตียงไม้เก่า ๆ นั้น ไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกซะจาก…
“พี่สาว ! “
ราวกับจะตอบคําถามในใจนั้น ลิลลี่รีบพุ่งตัวเข้าไปหาร่างบางที่กําลังนอนอยู่ทันที
เธอตะโกนเรียกร่างบางอย่างเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มเสียงนั้นขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าอีกฝ่ายยังคงหลับอยู่
เเต่ไม่ว่าจะปลุกอย่างไรก็ตามร่างบางนั้นก็ยังคงหลับไหลโดยเอามือกุมไว้ที่ท้องอยู่เช่นเดิม ราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงนิทราอะไรอย่างนั้น
ท่าทางที่เธอหลับนั้นดูสงบ เเต่ในขณะเดียวกันก็ดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
“พี่สาว ถ้าพี่ได้ยินเสียงละก็อย่างน้อยก็ตื่นขึ้นมาเถอะ..”
เมื่อรู้ตัวดีว่าเสียงของเธอนั้นคงส่งไปไม่ถึงอีกฝ่าย เธอจึงคิดจะเขย่าร่างบางที่กําลังหลับอยู่เเทน
เเต่เหมือนเธอจะลืมตัวตนของตัวเธอเองไปซะสนิท เพราะมือข้างนั้นเมื่อสัมผัสกับร่างบางเเล้วก็มีเพียงเเต่จะทะลุผ่านไปก็เท่านั้นเอง
เเววตาของลิลลี่เมื่อมองไปยังผลลัพธ์ตรงหน้าเธอดูอ้างว้างเเปลก ๆ
ช่วงเวลาของความสุขเเละความเศร้าโถมเข้ามาหาในเวลาเดียวกัน ทําให้เธอไม่ทันตั้งตัว
เมื่อเธอลองคิดดูให้ดีเเล้วอีกฝ่ายก็น่าจะเป็นเพียงร่างจิตของพี่สาวเหมือนกับที่เธอเป็นอยู่เหมือนกัน
ดังนั้นต่อให้เธอจะพยายามปลุกอีกฝ่ายยังไงเสียงของเธอก็ส่งไปไม่ถึงอยู่ดี
ลิลลี่ก้าวถอยหลังไปก่อนจะนั่งตัวลงกับพื้นช้า ๆ อย่างไร้เรี่ยวเเรง
ร่างที่คิดว่าอยู่ไกลสักหนเเห่งในโลกกลับอยู่ใกล้เพียงเอื้อมเเค่นี้…
ร่างที่ยอมสละกายหยาบให้กับเธอ โดยที่ตัวอีกฝ่ายนั้นกลับอยู่ในห้องเเคบ ๆ ไร้เเสงสว่างจากภายนอกเเบบนี้..
“มีชีวิตอยู่ต่อไปนะ”
คําพูดที่เหมือนโซ่ตรวนของเธอจากอีกฝ่ายดังก้องขึ้นมาอีกครั้งภายในใจ
‘ทําไมพี่สาว…ถึงทําเพื่อเธอมากขนาดนี้กัน’
เธอเพียงเเค่รักอีกฝ่าย กับเรื่องเเค่นั้นพี่สาวถึงเสียสละตัวเองเพื่อเธอเลยงั้นหรอ ?
ฮะฮะ..พอเห็นพี่เเบบนี้เเล้ว…เธอสมเพจกับตัวเองจริง ๆ
เพราะเเบบนั้น..
เธอจึงยิ่งต้องปกป้องร่างนี้ให้ดีขึ้นไปอีก ต่อให้โลกนี้จะมืดเเต่เเสงสว่างที่มาจากคําพูดอีกฝ่ายก็ยังคงปักเเน่นในใจเธอเสมออยู่ดี
ดังนั้นเเล้วเเม้ตอนนี้พวกเธอจะยังคงห่างไกลกัน เเต่ซักวัน..
ซักวันเธอจะปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างเเน่นอน เเม้จะให้ตัวเธอเองเเตกสลายไปก็ตาม…
เธอก็จะทํามันให้ได้เเน่นอน…
“ถึงตอนนั้นพวกเราจะกลับบ้านด้วยกันเเน่นอน..สัญญาเลย”
ลิลลี่เดินเข้าไปหาร่างบางนั้นก่อนจะจูบลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย
เเม้จะไม่มีสัมผัสใด ๆ ให้รับรู้ เเต่ลึก ๆ ในใจเธอกลับสั่นไหวออกมา
เธอนั่งพิงลงกับเตียงข้าง ๆ ร่างบางของหญิงสาว
สัมผัสความรู้สึกจากวิญญาณที่สั่นไหวไปมาอย่างอ่อนไหวส่งผ่านมายังเธอราวจะให้เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
!!!
พี่สาวยังมีชีวิตอยู่ !
ลิลลี่เอื้อมไปจับมือเรียวยาวคู่นั้นเบา ๆ เเม้มันจะทะลุผ่านไปก็ตาม เเต่ความรู้สึกเบา ๆ เหมือนชีพจรก็ยังคงส่งผ่านมาที่เธออยู่ดี
ดูเหมือนพี่สาวของเธอจะโคม่าอยู่เพราะเหตุผลบางอย่างก็เท่านั้น เเต่สุดท้ายเเล้วก็ยังมีชีวิตอยู่
เรี่ยวเเรงในใจราวกับได้ฟื้นฟูอีกครั้ง ลิลลี่จึงนั่งลงเล่าประสบการณ์ที่เธอเผชิญมาให้กับอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ
ขบวนร้อยอสูร..จักรวรรดิเฮอัน..หรือเรื่องของเธอในสมัยเรียนก็ตาม..
เเม้เสียงจะส่งไปไม่ถึง
เเต่หน้าอกของอีกฝ่ายก็ยังคงขยับขึ้นลงอย่างช้า ๆ ราวกับจะตอบรับเรื่องเหล่านั้น…
‘วิญญาณของพี่สาวที่อยู่ที่นี่ เเล้วก็สถานที่เเบบนี้อีก ด้วยตัวคนธรรมดาอย่างเธอในตอนนี้เเล้วล่ะก็ ต่อให้คิดยังไงก็คงไม่สามารถหาคําตอบออกมาได้ทันทีเเน่’
ในจักรวรรดิเฮอันที่มีอสูร ปีศาจเกลื่อนไปทั่วเเบบนี้การจะหาวิธีปลุกพี่สาวของเธอได้ก็คงจะมีเเต่เก่งขึ้นเท่านั้น
ด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจของเธอ ลิลลี่กลับรู้สึกถึงปริศนาที่ยังคงเเอบเเฝงอยู่ในเรื่องราวนั้นเรื่อย ๆ เมื่อคิดถึงมัน
เเต่ในตอนนี้เธอยังคงไม่สามารถจัดการมันได้อยู่ดี…
เธอมีเเต่ต้องเเกร่งขึ้นกว่านี้ให้เหมือนกับหญิงผมสีเงินคนนั้นก็เท่านั้น
เเล้วเธอจะได้ไปสํารวจทั่วมุมโลกบ้านี่ เพื่อหาวิธีมาปลุกพี่สาวยังไงล่ะ
เพื่อที่พาทั้งสองกลับไปด้วยกัน ตัวเธอเองก็มีเเต่ต้องเเข็งเเกร่งขึ้นเท่านั้น..
ลิลลี่เเนบหน้าลงบนอกของร่างบางตรงหน้าเธอ ราวกับอยากจะให้อีกฝ่ายนั้นให้กําลังใจกับตัวเธอเอง
หากวิญญาณสามารถหลั่งนํ้าตาได้ล่ะก็ ตอนนี้เธออยากจะทําอย่างนั้นจริง ๆ…
…
…….
เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งเสียงบริสุทธิ์ของหญิงสาวปริศนาดังขึ้นมาเพื่อปลุกร่างของลิลลี่ที่กําลังนอนอยู่
“ตอนนี้ไม่มีเหตุผลให้เธออยู่ที่นี่ต่ออีกเเล้ว ดังนั้นมันได้เวลากลับเเล้วล่ะ”
เสียงใส ๆ ของหญิงสาวที่ไม่ใช่พี่สาวดังก้องไปทั่วห้องเล็ก ๆ นี้
เสียงนั้นดูคุ้นเคยกับลิลลี่เป็นอย่างมาก เหมือนกันว่าเธอเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน…
…นึกออกเเล้ว ! เสียงปริศนาที่บอกให้เธอหนีจากขบวนร้อยอสูรไงล่ะ !
เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนั้นออก ลิลลี่ก็ตื้นตันใจขึ้นมาทันที เธออยากจะเอ่ยปากถามบางอย่างกับเสียงนั้นออกไป เเต่จู่ ๆ ร่างวิญญาณของเธอค่อย ๆ ถูกดูดไปในความว่างเปล่าเเทน
ทิ้งไว้เพียงภาพร่างบางที่ยังคงหลับสนิทให้ติดตาเธอไปก็เท่านั้น…
……..
ยามที่หญิงสาวถูกดูดจิตเข้าไปในกระจกนั้น เหตุการณ์ประหลาดด้านนอกกระจกก็กําลังดําเนินอยู่อย่างที่ตัวเธอเองนั้นไม่รู้ตัว
เเสงจากกระจกที่ได้รับเเสงจันทร์ก็ยังคงส่องสว่างอยู่เช่นเดิม เเต่ในตอนนี้มันกลับมีเเสงสีม่วงมากับวงเเหวนเเสงสีทองเปล่งออกมาด้วยเช่นกัน
พวกมันกระจายตัวอยู่รอบ ๆ ร่างที่ไร้จิตวิญญาณอยู่ในตอนนี้ก่อนจะค่อย ๆ ลอยเข้าร่างนั้นไปราวกับถูกดึงดูด
เเม้ว่าภายนอกจะไม่ดูเปลี่ยนไป เเต่กระดูก กล้ามเนื้อเเละเส้นเลือดของหญิงสาวกลับดูพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ยิ่งวงเเหวนเเสงรอบ ๆ หญิงสาวที่ถูกดูดซับเข้าไปมากเท่าใด ก็ยิ่งมีเเต่ขับร่างของหญิงสาวให้เเกร่งขึ้นเท่านั้น…
เเละภายนอกหน้าต่างของหญิงสาวในยามนี้ก็ปรากฏให้เห็น ร่างเเปลกตานานาชนิดเดินวนเวียนอยู่เช่นกัน
บ้างก็สูงถึงห้าเมตร เเละบ้างก็โบยบินอยู่ …
เเต่หากมองดี ๆ เเล้วพวกมันเหล่านี้กลับต่างจากอสูร ปีศาจจากขบวนร้อยอสูรที่หญิงสาวพบเจอมาก เพราะพวกมันไม่เข้ามาจู่โจมเธอเลยยังไงล่ะ
เพราะหากไม่ได้รับอนุญาติจากนายของพวกมัน พวกมันเหล่านี้ก็จะเพียงจ้องมองอยู่เฉย ๆ ก็เท่านั้น
เเต่ภาพของหญิงสาวที่ต้องเเสงจันทร์เเละรายล้อมไปด้วยกลุ่มเเสงอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ ชวนให้พวกมันปรารถนาจะเข้าไปค้นคาคําตอบในบ้านหลังนี้จริง ๆ ว่าหญิงสาวเช่นใดกันที่ได้รับพรที่พิเศษเช่นนี้…
พวกมันจ้องมองอยู่ต่อสักพักก่อนจะจากไปอย่างผิดหวัง
ในราตรีที่เต็มไปด้วยความประหลาดเช่นนี้ ตัวหญิงสาวกลับไม่รู้ถึงสิ่งใดเลยว่าตนนั้นพิเศษเพียงใด
เเละทําไมพวกมันจากขบวนร้อยอสูรถึงได้มาปรากฏตัวในคืนที่ 16 กรกฏาคมนั้น
คําตอบของคําถามนี้นั้นกลับไร้ผู้ใดทราบ…