บทที่ 815 ลั่วสุ่ยอยู่ในอ้อมอก หลี่จิ่วเต้าแทบห้ามใจไม่ไหว!
ไม่ว่าสือเฟิงจะเต็มใจหรือไม่ งานแต่งของเขาย่อมไม่มีทางเงียบสงบ ทั้งอาณาจักรต่างเคลื่อนไหวเพื่องานแต่งของเขา มีทั้งประสงค์ดี และประสงค์ร้าย…
จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า ถึงคราวงานแต่งของเขาจักต้องครึกครื้นเหลือแสนอย่างแน่นอน
ถึงครานั้น ย่อมต้องเกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนเลือนลั่น คงมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นเป็นแน่!
…..
เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
“ลั่วสุ่ยออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนข้าที”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยต่อลั่วสุ่ยด้วยรอยยิ้มเบาบาง “สือเฟิงกำลังจะแต่งงาน พวกเราคงไปมือเปล่ามิได้ ต้องเตรียมของขวัญไปให้เขาสักหน่อย”
“ได้เลยคุณชาย!”
นางพยักหน้าอันงดงามและเย้ายวน หลี่จิ่วเต้าเรียกกิเลนไฟเข้ามาพร้อมขึ้นขี่บนหลัง แล้วยื่นแขนข้างหนึ่งให้อีกฝ่าย “ขึ้นมาสิ”
แน่นอนว่ากิเลนไฟมิได้อยู่ในร่างเดิม มันคงร่างม้ามังกรไว้เรื่อยมาตั้งแต่ได้หลี่จิ่วเต้าคอยเลี้ยงไว้ในลานเล็ก
“หา?”
ใบหน้างดงามขาวผ่องของลั่วสุ่ยแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย คุณชายคิดจะขึ้นขี่ม้าตัวเดียวกับนางหรือ
ทำเช่นนี้คงหลีกเลี่ยงความใกล้ชิดของทั้งสองมิได้!
มาคิดดูแล้ว นอกจากยามนางเมาสุรา นางยังมิเคยได้สัมผัสคุณชายใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย!
แน่นอนว่าต้องยกเว้นเมื่อคราวนางอยู่ในร่างแมวด้วย ร่างแมวกับร่างมนุษย์แตกต่างกันมากทีเดียว!
“สมองแค่นี้มัวคิดฟุ้งซ่านกระไรอยู่ ระยะทางตั้งไกล คุณชายกลัวว่าเจ้าเหินไปเองไม่ไหว”
หลี่จิ่วเต้าเห็นใบหน้าแดงก่ำของลั่วสุ่ยก็รู้ว่าลั่วสุ่ยคิดไปไกลอีกแล้ว
เขามิได้มีความคิดล่วงเกินอันใด เพียงแต่สถานที่ที่ต้องไปนั้นห่างไกลจริง ๆ จึงกลัวว่าลั่วสุ่ยจะเหนื่อย ถึงได้ชวนลั่วสุ่ยขึ้นขี่ม้าตัวเดียวกัน
“ฮ่า ๆ…”
ลั่วสุ่ยหัวเราะเสียงหวาน จับมือหลี่จิ่วเต้ากระโดดขึ้นไปบนหลังกิเลนไฟ
หัวใจของชายหนุ่มดัง ‘ตึกตัก’ เขาไม่มีความคิดล่วงเกินก็จริง แต่ไม่แน่ว่านางอาจมีความคิดล่วงเกินเขาก็เป็นได้!
ถึงอย่างไร เมื่อใดที่ลั่วสุ่ยเมาจักต้องเข้ามาพะเน้าพะนอเขาทุกครั้งไป ว่ากันว่า คนเมามักสนทนาด้วยความจริงใจและแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา น่ากลัวว่านางจะหมายตาเขามานานแล้ว
“อยากขี้เหร่จริง!”
ชายหนุ่มขมขื่นใจเป็นที่สุด เดิมเขาเพียงอยากไปกับลั่วสุ่ย เพราะระยะทางไกลเช่นนี้ ระหว่างทางจะเหงาเกินไป ที่ชวนนางขึ้นม้าก็มิได้คิดเป็นอื่นใด
แต่ดูจากบัดนี้แล้ว ชายหนุ่มเองก็ประเมินตนเองสูงไปเช่นกัน
ครั้นลั่วสุ่ยขึ้นขี่ม้ามานั่งอยู่ด้านหน้าของเขา ชั่วพริบตานั้น เขาก็เริ่มระส่ำระสาย กลิ่นหอมจากตัวนางน่าสูดดมยิ่งนัก ซ้ำเรือนร่างของเขายังแนบชิดกับผิวพรรณขาวผ่องของลั่วสุ่ย นี่ยังไม่ทันเริ่มออกเดินทาง เขาก็ชักห้ามใจไม่อยู่เสียแล้ว
เขาคิดว่าตนนั้นมีจิตใจแน่วแน่ไม่หวั่นไหว ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าลั่วสุ่ย ดูจะเปราะบางเหลือเกิน…
นี่มันเหมือนยกหินทุ่มใส่เท้าตนเองจริง ๆ!
“ไม่ไปหรือคุณชาย”
เวลานั้น ลั่วสุ่ยหันกลับมาถามด้วยความฉงน เหตุใดคุณชายถึงยังไม่ออกเดินทางอีก
“เอ๋ ไปสิ ๆ ๆ!”
หลี่จิ่วเต้าได้สติ รีบบอกออกไป ก่อนจะขี่กิเลนไฟไปจากลานเล็ก
ลั่วสุ่ยลอบยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว ดูเหมือนคุณชายก็ต้านเสน่ห์ของนางไม่อยู่…
“คุณชายหลี่และแม่นางลั่วสุ่ยเป็นคู่สร้างคู่สมกันจริง ๆ!”
ทันทีที่หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยออกจากลานเล็ก ก็มีเสียงเช่นนี้เอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว โฉมสะคราญกันทั้งสองฝ่าย เหมาะสมกันยิ่งนัก!”
ใครคนหนึ่งด้านข้างกล่าว
ทว่าเพียงไม่นาน นางก็ได้สติ รีบกลับคำ “ถุย ๆ ๆ หาได้เหมาะสมกันไม่ หลิงอินต่างหากคือคู่สร้างคู่สมของคุณชายหลี่!”
นางคือป้าหวังข้างบ้าน มุ่งหวังให้หลี่จิ่วเต้าได้สมรสกับหลิงอิน
“ไม่ได้การ ข้าต้องไปหารือกับมารดาหลิงอิน ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ หลิงอินได้หมดหวังแน่!”
นางรีบร้อนออกจากร้านโดยไม่สนลูกค้า เรื่องแต่งงานระหว่างหลินอินกับหลี่จิ่วเต้า นางใส่ใจเหนือผู้ใด!
ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยขี่กิเลนไฟออกจากเมืองชิงซาน
เมื่อมาถึงสถานที่ห่างผู้คน หลี่จิ่วเต้าสั่งให้กิเลนไฟเหินขึ้นฟ้า เดินทางท่ามกลางชั้นเมฆ
กิเลนไฟอยู่ในลานมานาน มิได้ออกมาเที่ยวเล่นเลย หลังได้ยินคำสั่งโผบินของคุณชายมันก็ออกวิ่งอย่างปีติทันที
มันเหินยกระดับเร็วเกินไป หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยก็ใจลอยด้วยกันทั้งคู่ เพราะถึงอย่างไรทั้งสองก็แนบชิดเกินไปจนชวนให้ว้าวุ่นใจ มิได้มีสมาธิเท่าที่ควร เป็นผลให้ลั่วสุ่ยเซถลาเข้าอ้อมอกหลี่จิ่วเต้า ชายหนุ่มก็รั้งร่างของนางไว้ด้วยสัญชาตญาณ ด้วยกลัวอีกฝ่ายจะหล่นลงไป
“กรี๊ด!”
ลั่วสุ่ยร้องเสียงหลง ราวกับร่างกายอ่อนแรงไปในบัดดล นางหมอบอยู่บนตัวหลี่จิ่วเต้าคล้ายว่าสูญเสียพละกำลังไปทั้งหมด
เป็นเพราะความตกใจหรือ?
หลี่จิ่วเต้าตะลึงระคนฉงน ทว่าใคร่ครวญดูแล้วก็ไม่น่าใช่
ลั่วสุ่ยเป็นปีศาจฝึกตน ก้าวสู่เส้นทางการฝึกตนแล้ว อย่าว่าแต่ทางลาดชันเล็กน้อยเช่นนี้เลย ต่อให้นางหล่นลงจากหลังกิเลนไฟก็ไม่มีทางเป็นอันใดไป ลั่วสุ่ยเหาะเหินเดินอากาศได้
“หืม?”
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกแปลก ๆ กับมือข้างที่โอบลั่วสุ่ยไว้ ราวกับจับบางอย่างไว้ได้
นี่มันอะไรกัน?
เขาสับสนมึนงง ทั้งยังใคร่รู้อย่างมาก มือข้างนั้นจึงออกแรงบีบโดยไม่รู้ตัว
“คุณชาย…!”
เวลานั้น ใบหน้าลั่วสุ่ยแดงก่ำ เสียงอ่อนเปลี้ยราวกับละลายเป็นน้ำ ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป หมอบราบอยู่ในอ้อมอกของหลี่จิ่วเต้า
“อ๊ะ แย่แล้ว!”
เวลานี้ หลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะไม่เข้าใจอีก เขาชักมือกลับทันที คนทั้งคนกระอักกระอ่วนเหลือแสน ใบหน้าแดงระเรื่อ ที่เขาบีบอยู่คือ… ของลั่วสุ่ย
“เป็นอันใดไป มิได้เหินนานจนลืมวิธีเหินไปหรือไร?!”
หลี่จิ่วเต้ารีบใช้มือเคาะศีรษะกิเลนไฟเพื่อเบี่ยงประเด็นคลายความอึดอัดนี้
“ขืนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ข้าจักย่างเจ้าเสีย!”
เขาบอกกับกิเลนไฟ
“ขอรับคุณชาย ข้ารับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก!”
กิเลนไฟรีบบอก…
ทว่า มันรู้ดีแก่ใจ คุณชายใช้มันเพื่อเบี่ยงประเด็น มิได้ตำหนิมันจริง ๆ
มันมิได้โง่!
กระทั่งมันยังคำนวณในใจว่า ทำเช่นนี้อีกสักรอบดีหรือไม่
มันรู้สึกว่าคุณชายชอบ!
แน่นอนว่ามันได้แค่คิดเท่านั้น คุณชายลั่นวาจาไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไร มันก็มิกล้าปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก
หากมันคิดผิดแล้วล่วงเกินคุณชายเข้า อีกฝ่ายมิลอกหนัง ดึงเอ็นมันออก แล้วจับมันไปย่างกินรึ!
มันอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวดีกว่า!
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าไม่มีแก่จิตแก่ใจสนใจกิเลนไฟนัก
จนป่านนี้ลั่วสุ่ยยังไม่ดีขึ้น หมดแรงในอ้อมอกเขาประดุจสายน้ำอ่อนเปลี้ย ไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
ความนุ่มนวลหอมหวานอยู่ในอ้อมอกเยี่ยงนี้ ซ้ำยังเป็นปีศาจแสนเย้ายวน อย่าให้เอ่ยเลยว่าชายหนุ่มว้าวุ่นเพียงใด!
“บาปกรรม บาปกรรม ดั่งที่ข้าได้ยินมาว่า รูปคือว่างเปล่าโดยแม่นมั่น ว่างเปล่าโดยแม่นมั่นคือรูป…”
หลี่จิ่วเต้าท่องพระธรรมในใจ คงสมาธิของตนไว้ ทว่ายิ่งเขาท่องเท่าไรก็ยิ่งวุ่นวายใจ ท่องไปท่องมา ก็ท่องถึงคัมภีร์เต้าเต๋อจิงแห่งศาสนาเต๋า!
“เต๋าที่อธิบายได้ มิใช่เต๋าอันอมตะ ชื่อที่ตั้งให้กันได้ ก็มิใช่ชื่ออันสูงส่ง… อะไรกันนี่ ไม่ท่องแล้ว!”
เขาสบถในใจ เลิกท่องไปเสียหมด หลักธรรมและหลักเต๋าที่ว่านั่นเมื่อเทียบกับลั่วสุ่ยในอ้อมอกแล้ว ไร้ประโยชน์สิ้นดี!
ไม่สามารถทำลายความฟุ้งซ่านในใจเขาได้เลย!
“ทุกข์ทน ทุกข์ทนเหลือเกิน!”
เขาร่ำร้องในใจ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอาการเจ็บปวดระคนสุขใจได้ชัดเจนที่สุด!บทที่ 815 ลั่วสุ่ยอยู่ในอ้อมอก หลี่จิ่วเต้าแทบห้ามใจไม่ไหว!
ไม่ว่าสือเฟิงจะเต็มใจหรือไม่ งานแต่งของเขาย่อมไม่มีทางเงียบสงบ ทั้งอาณาจักรต่างเคลื่อนไหวเพื่องานแต่งของเขา มีทั้งประสงค์ดี และประสงค์ร้าย…
จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า ถึงคราวงานแต่งของเขาจักต้องครึกครื้นเหลือแสนอย่างแน่นอน
ถึงครานั้น ย่อมต้องเกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนเลือนลั่น คงมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นเป็นแน่!
…..
เมืองชิงซาน
ภายในลานเล็กของหลี่จิ่วเต้า
“ลั่วสุ่ยออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนข้าที”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยต่อลั่วสุ่ยด้วยรอยยิ้มเบาบาง “สือเฟิงกำลังจะแต่งงาน พวกเราคงไปมือเปล่ามิได้ ต้องเตรียมของขวัญไปให้เขาสักหน่อย”
“ได้เลยคุณชาย!”
นางพยักหน้าอันงดงามและเย้ายวน หลี่จิ่วเต้าเรียกกิเลนไฟเข้ามาพร้อมขึ้นขี่บนหลัง แล้วยื่นแขนข้างหนึ่งให้อีกฝ่าย “ขึ้นมาสิ”
แน่นอนว่ากิเลนไฟมิได้อยู่ในร่างเดิม มันคงร่างม้ามังกรไว้เรื่อยมาตั้งแต่ได้หลี่จิ่วเต้าคอยเลี้ยงไว้ในลานเล็ก
“หา?”
ใบหน้างดงามขาวผ่องของลั่วสุ่ยแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย คุณชายคิดจะขึ้นขี่ม้าตัวเดียวกับนางหรือ
ทำเช่นนี้คงหลีกเลี่ยงความใกล้ชิดของทั้งสองมิได้!
มาคิดดูแล้ว นอกจากยามนางเมาสุรา นางยังมิเคยได้สัมผัสคุณชายใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อนเลย!
แน่นอนว่าต้องยกเว้นเมื่อคราวนางอยู่ในร่างแมวด้วย ร่างแมวกับร่างมนุษย์แตกต่างกันมากทีเดียว!
“สมองแค่นี้มัวคิดฟุ้งซ่านกระไรอยู่ ระยะทางตั้งไกล คุณชายกลัวว่าเจ้าเหินไปเองไม่ไหว”
หลี่จิ่วเต้าเห็นใบหน้าแดงก่ำของลั่วสุ่ยก็รู้ว่าลั่วสุ่ยคิดไปไกลอีกแล้ว
เขามิได้มีความคิดล่วงเกินอันใด เพียงแต่สถานที่ที่ต้องไปนั้นห่างไกลจริง ๆ จึงกลัวว่าลั่วสุ่ยจะเหนื่อย ถึงได้ชวนลั่วสุ่ยขึ้นขี่ม้าตัวเดียวกัน
“ฮ่า ๆ…”
ลั่วสุ่ยหัวเราะเสียงหวาน จับมือหลี่จิ่วเต้ากระโดดขึ้นไปบนหลังกิเลนไฟ
หัวใจของชายหนุ่มดัง ‘ตึกตัก’ เขาไม่มีความคิดล่วงเกินก็จริง แต่ไม่แน่ว่านางอาจมีความคิดล่วงเกินเขาก็เป็นได้!
ถึงอย่างไร เมื่อใดที่ลั่วสุ่ยเมาจักต้องเข้ามาพะเน้าพะนอเขาทุกครั้งไป ว่ากันว่า คนเมามักสนทนาด้วยความจริงใจและแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา น่ากลัวว่านางจะหมายตาเขามานานแล้ว
“อยากขี้เหร่จริง!”
ชายหนุ่มขมขื่นใจเป็นที่สุด เดิมเขาเพียงอยากไปกับลั่วสุ่ย เพราะระยะทางไกลเช่นนี้ ระหว่างทางจะเหงาเกินไป ที่ชวนนางขึ้นม้าก็มิได้คิดเป็นอื่นใด
แต่ดูจากบัดนี้แล้ว ชายหนุ่มเองก็ประเมินตนเองสูงไปเช่นกัน
ครั้นลั่วสุ่ยขึ้นขี่ม้ามานั่งอยู่ด้านหน้าของเขา ชั่วพริบตานั้น เขาก็เริ่มระส่ำระสาย กลิ่นหอมจากตัวนางน่าสูดดมยิ่งนัก ซ้ำเรือนร่างของเขายังแนบชิดกับผิวพรรณขาวผ่องของลั่วสุ่ย นี่ยังไม่ทันเริ่มออกเดินทาง เขาก็ชักห้ามใจไม่อยู่เสียแล้ว
เขาคิดว่าตนนั้นมีจิตใจแน่วแน่ไม่หวั่นไหว ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าลั่วสุ่ย ดูจะเปราะบางเหลือเกิน…
นี่มันเหมือนยกหินทุ่มใส่เท้าตนเองจริง ๆ!
“ไม่ไปหรือคุณชาย”
เวลานั้น ลั่วสุ่ยหันกลับมาถามด้วยความฉงน เหตุใดคุณชายถึงยังไม่ออกเดินทางอีก
“เอ๋ ไปสิ ๆ ๆ!”
หลี่จิ่วเต้าได้สติ รีบบอกออกไป ก่อนจะขี่กิเลนไฟไปจากลานเล็ก
ลั่วสุ่ยลอบยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว ดูเหมือนคุณชายก็ต้านเสน่ห์ของนางไม่อยู่…
“คุณชายหลี่และแม่นางลั่วสุ่ยเป็นคู่สร้างคู่สมกันจริง ๆ!”
ทันทีที่หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยออกจากลานเล็ก ก็มีเสียงเช่นนี้เอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว โฉมสะคราญกันทั้งสองฝ่าย เหมาะสมกันยิ่งนัก!”
ใครคนหนึ่งด้านข้างกล่าว
ทว่าเพียงไม่นาน นางก็ได้สติ รีบกลับคำ “ถุย ๆ ๆ หาได้เหมาะสมกันไม่ หลิงอินต่างหากคือคู่สร้างคู่สมของคุณชายหลี่!”
นางคือป้าหวังข้างบ้าน มุ่งหวังให้หลี่จิ่วเต้าได้สมรสกับหลิงอิน
“ไม่ได้การ ข้าต้องไปหารือกับมารดาหลิงอิน ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ หลิงอินได้หมดหวังแน่!”
นางรีบร้อนออกจากร้านโดยไม่สนลูกค้า เรื่องแต่งงานระหว่างหลินอินกับหลี่จิ่วเต้า นางใส่ใจเหนือผู้ใด!
ขณะเดียวกัน หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยขี่กิเลนไฟออกจากเมืองชิงซาน
เมื่อมาถึงสถานที่ห่างผู้คน หลี่จิ่วเต้าสั่งให้กิเลนไฟเหินขึ้นฟ้า เดินทางท่ามกลางชั้นเมฆ
กิเลนไฟอยู่ในลานมานาน มิได้ออกมาเที่ยวเล่นเลย หลังได้ยินคำสั่งโผบินของคุณชายมันก็ออกวิ่งอย่างปีติทันที
มันเหินยกระดับเร็วเกินไป หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยก็ใจลอยด้วยกันทั้งคู่ เพราะถึงอย่างไรทั้งสองก็แนบชิดเกินไปจนชวนให้ว้าวุ่นใจ มิได้มีสมาธิเท่าที่ควร เป็นผลให้ลั่วสุ่ยเซถลาเข้าอ้อมอกหลี่จิ่วเต้า ชายหนุ่มก็รั้งร่างของนางไว้ด้วยสัญชาตญาณ ด้วยกลัวอีกฝ่ายจะหล่นลงไป
“กรี๊ด!”
ลั่วสุ่ยร้องเสียงหลง ราวกับร่างกายอ่อนแรงไปในบัดดล นางหมอบอยู่บนตัวหลี่จิ่วเต้าคล้ายว่าสูญเสียพละกำลังไปทั้งหมด
เป็นเพราะความตกใจหรือ?
หลี่จิ่วเต้าตะลึงระคนฉงน ทว่าใคร่ครวญดูแล้วก็ไม่น่าใช่
ลั่วสุ่ยเป็นปีศาจฝึกตน ก้าวสู่เส้นทางการฝึกตนแล้ว อย่าว่าแต่ทางลาดชันเล็กน้อยเช่นนี้เลย ต่อให้นางหล่นลงจากหลังกิเลนไฟก็ไม่มีทางเป็นอันใดไป ลั่วสุ่ยเหาะเหินเดินอากาศได้
“หืม?”
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกแปลก ๆ กับมือข้างที่โอบลั่วสุ่ยไว้ ราวกับจับบางอย่างไว้ได้
นี่มันอะไรกัน?
เขาสับสนมึนงง ทั้งยังใคร่รู้อย่างมาก มือข้างนั้นจึงออกแรงบีบโดยไม่รู้ตัว
“คุณชาย…!”
เวลานั้น ใบหน้าลั่วสุ่ยแดงก่ำ เสียงอ่อนเปลี้ยราวกับละลายเป็นน้ำ ไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป หมอบราบอยู่ในอ้อมอกของหลี่จิ่วเต้า
“อ๊ะ แย่แล้ว!”
เวลานี้ หลี่จิ่วเต้าไฉนเลยจะไม่เข้าใจอีก เขาชักมือกลับทันที คนทั้งคนกระอักกระอ่วนเหลือแสน ใบหน้าแดงระเรื่อ ที่เขาบีบอยู่คือ… ของลั่วสุ่ย
“เป็นอันใดไป มิได้เหินนานจนลืมวิธีเหินไปหรือไร?!”
หลี่จิ่วเต้ารีบใช้มือเคาะศีรษะกิเลนไฟเพื่อเบี่ยงประเด็นคลายความอึดอัดนี้
“ขืนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ข้าจักย่างเจ้าเสีย!”
เขาบอกกับกิเลนไฟ
“ขอรับคุณชาย ข้ารับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก!”
กิเลนไฟรีบบอก…
ทว่า มันรู้ดีแก่ใจ คุณชายใช้มันเพื่อเบี่ยงประเด็น มิได้ตำหนิมันจริง ๆ
มันมิได้โง่!
กระทั่งมันยังคำนวณในใจว่า ทำเช่นนี้อีกสักรอบดีหรือไม่
มันรู้สึกว่าคุณชายชอบ!
แน่นอนว่ามันได้แค่คิดเท่านั้น คุณชายลั่นวาจาไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไร มันก็มิกล้าปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก
หากมันคิดผิดแล้วล่วงเกินคุณชายเข้า อีกฝ่ายมิลอกหนัง ดึงเอ็นมันออก แล้วจับมันไปย่างกินรึ!
มันอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวดีกว่า!
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าไม่มีแก่จิตแก่ใจสนใจกิเลนไฟนัก
จนป่านนี้ลั่วสุ่ยยังไม่ดีขึ้น หมดแรงในอ้อมอกเขาประดุจสายน้ำอ่อนเปลี้ย ไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
ความนุ่มนวลหอมหวานอยู่ในอ้อมอกเยี่ยงนี้ ซ้ำยังเป็นปีศาจแสนเย้ายวน อย่าให้เอ่ยเลยว่าชายหนุ่มว้าวุ่นเพียงใด!
“บาปกรรม บาปกรรม ดั่งที่ข้าได้ยินมาว่า รูปคือว่างเปล่าโดยแม่นมั่น ว่างเปล่าโดยแม่นมั่นคือรูป…”
หลี่จิ่วเต้าท่องพระธรรมในใจ คงสมาธิของตนไว้ ทว่ายิ่งเขาท่องเท่าไรก็ยิ่งวุ่นวายใจ ท่องไปท่องมา ก็ท่องถึงคัมภีร์เต้าเต๋อจิงแห่งศาสนาเต๋า!
“เต๋าที่อธิบายได้ มิใช่เต๋าอันอมตะ ชื่อที่ตั้งให้กันได้ ก็มิใช่ชื่ออันสูงส่ง… อะไรกันนี่ ไม่ท่องแล้ว!”
เขาสบถในใจ เลิกท่องไปเสียหมด หลักธรรมและหลักเต๋าที่ว่านั่นเมื่อเทียบกับลั่วสุ่ยในอ้อมอกแล้ว ไร้ประโยชน์สิ้นดี!
ไม่สามารถทำลายความฟุ้งซ่านในใจเขาได้เลย!
“ทุกข์ทน ทุกข์ทนเหลือเกิน!”
เขาร่ำร้องในใจ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอาการเจ็บปวดระคนสุขใจได้ชัดเจนที่สุด!