สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สิบสองสายผ่าลงมา
ฟ้าแลบฟ้าร้องดังกึกก้องอยู่เหนือยอดเขาซวีหมี มันเขย่าเนินเขาและผืนแผ่นดินจนสั่นสะเทือน
บรรดาพระอรหันต์ยืนอยู๋ใต้โล่วัชระแล้วมองไปทางหงส์เพลิงที่อยู่ไกลออกไป
ท่ามกลางเปลวไฟนั้น หงส์เพลิงกำลังยกมือขึ้นมากุมศีรษะตัวเอง
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของนางเริ่มเลือนหายไป
เลือดของนางหยดลงกับพื้น หงส์เพลิงยืนไม่ไหวอีกต่อไป นางล้มลงบนบันไดที่ทอดยาวออกไป
ที่ด้านล่างของสวรรค์ชั้นเก้า
ฝูงปีศาจกำลังเริงระบำกันด้วยความรื่นเริง
คนที่อาศัยอยู่ในภพภูมิทั้งหกแทบจะทุกคนต่างตกใจกับเสียงฟ้าร้องคำรามนั้น
วิญญาณร้ายเริ่มโผล่ขึ้นมาจากทะเลเลือด
”เกิดอะไรขึ้น มีอะไรเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาหรือ”
”ดูเหมือนว่าพระอรหันต์ศักดิ์สิทธิ์จะละทิ้งพระพุทธศาสนาและกำลังถูกทัณฑ์สวรรค์ลงโทษอยู่”
”ละทิ้งพระพุทธศาสนาหรือ คนคนนั้นอยากตายหรืออย่างไร ใครที่ไหนจะสามารถทำเรื่องโง่เขลาถึงเพียงนั้นได้”
ระหว่างที่บรรดาปีศาจกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
แสงแสงหนึ่งส่องสว่างเจิดจ้าอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชน พร้อมกับหางขนาดยักษ์ที่บินผ่านท้องฟ้าไป
”นั่นมัน! นั่นมันหงส์เพลิงหรือ?!”
เปรี้ยง!
ภูเขาซวีหมีสั่นอย่างรุนแรงจนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้กระทั่งท้องฟ้าก็ยังสั่นสะเทือน!
มุมหนึ่งของโล่วัชระแตกออกจากกัน ทำให้พระอรหันต์ที่อยู่ใต้โล่กำบังนั้นขมวดคิ้ว
สามเณรยืนกระจายกันอยู่ถูกธารน้ำแข็งบนภูเขาพัดหายไป
หงส์เพลิงใกล้สิ้นใจเต็มที ร่างจริงอันงดงามของนางนอนแผ่อยู่บนพื้น มีเลือดไหลออกมาตามขนนกนุ่มๆ ของนาง และย้อมเส้นทางของพระพุทธศาสนาจนกลายเป็นสีแดง
”ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าต้องการจะละทิ้งพระพุทธศาสนาจริงๆ หรือ”
หงส์เพลิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วกระตุกยิ้มขึ้น
ความดื้อรั้นและความรู้สึกดูถูกทั้งหมดที่นางมีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
ทุกคนรู้ว่าถ้าหงส์เพลิงยังมีพระสารีริกธาตุอยู่ในร่าง นางอาจจะยังสามารถเอาชีวิตรอดจากทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ทั้งสามสิบสามสายนี้ได้
แต่นางกลับดื้อแพ่งเลือกหนทางที่กล้าหาญที่สุดในการละทิ้งพระพุทธศาสนา
ท่าทางที่ไม่มีใครเหมือนนี้ราวกับจะบอกว่า บนโลกนี้ ไม่มีใครสามารถออกคำสั่งกับข้าได้!
ไม่แม้กระทั่งสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไปให้พ้นจากหน้าข้า!
เปรี้ยง!
ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ครั้งที่สามสิบสามฟาดลงมากลางกะโหลกของหงส์เพลิง
สิ่งเดียวที่บรรดาพระอรหันต์รู้ก็คือนั่นเป็นทัณฑ์สวรรค์ครั้งสุดท้าย หงส์เพลิงสูญเสียผัสสะทั้งหกของตัวเองไปหมดสิ้น และจะไม่มีหงส์เพลิงได้เกิดใหม่ในภพภูมิทั้งหกอีก!
”อมิตาพุทธ” สมเด็จถอนสายตาจากภาพนั้น แล้วพนมมือเข้าหากันอย่างเงียบๆ
ในเวลานั้น กิ่งของต้นโพธิ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่นอกประตูแห่งพระอรหันต์มานานหลายพันปีพลันสั่นขึ้นพร้อมกัน!
ครืน!
ทุกคนเงยหน้าขึ้น และเห็นภาพของภูเขาซวีหมีปรากฏขึ้นเหนือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่รายล้อมไปด้วยเมฆจำนวนนับไม่ถ้วน
แสงแห่งพระพุทธคุณอันสว่างเจิดจ้าและงดงามหวนกลับมาอีกครั้ง
มีคนได้กลายเป็นพระอรหันต์
มีคนที่กลายเป็นพระอรหันต์ได้โดยไม่ต้องสร้างกุศลด้วยหรือ
นี่เป็นความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในสมองของทุกคน
จากนั้น ลำแสงแห่งพระพุทธคุณก็ส่องลงมาจากฟากฟ้าและปกคลุมร่างของหงส์เพลิงเอาไว้อย่างแน่นหนาราวกับเกราะสีทอง!
”สมเด็จ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ ใครกล้าขัดคำสั่งของพระพุทธศาสนาเช่นนี้ เขาเป็นใครหรือขอรับ”
คนที่เพิ่งกลายเป็นพระอรหันต์คือใคร
บรรดาพระอรหันต์หันไปมองทางสมเด็จ
สมเด็จที่ประทับอยู่บนดอกบัวทองคำลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วมองลงไปยังร่างไร้ลมหายใจของหงส์เพลิงที่อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังสีน้ำตาล
เปรี้ยง!
สายฟ้าครั้งสุดท้ายฟาดเข้าใส่แสงแห่งพระพุทธคุณ
แต่เมื่อพวกเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หงส์เพลิงก็หายไปเสียแล้ว
หากว่ากันตามหลักการแล้ว คนที่ทรยศต่อพระพุทธศาสนาย่อมถูกป่นกระดูกจนเป็นผุยผง
นอกจากนั้น พวกเขาก็ยังเก็บพระสารีริกธาตุของหงส์เพลิงเอาไว้ ดังนั้นนางย่อมไม่สามารถขึ้นสวรรค์ได้
นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่ยอมอุทิศคำอธิษฐานทั้งหมดของตัวเองเพื่อหงส์เพลิงในวินาทีที่ตัวเองได้เป็นพระอรหันต์เพื่อให้หงส์เพลิงได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์
มันเป็นความผิดปกติครั้งใหญ่
และความผิดปกตินี้นี่เองที่ทำให้ดวงตาของสมเด็จดำทะมึน
”สมเด็จขอรับ?” พระอรหันต์หันหน้าไปมองเขาพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
ความสงสัยวาบขึ้นในดวงตาของสมเด็จ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขากลับหรี่ตาลงแล้วเดินไปทางภูเขาซวีหมี
ในภพภูมิทั้งหก พระพุทธศาสนาเป็นเพียงภพเดียวที่ห้ามไม่ให้ใครทำสิ่งใดขัดต่อโชคชะตา ในเมื่อมีคนยอมรับความทรมานจากทัณฑ์สายฟ้าครั้งสุดท้ายแทนหงส์เพลิง เขาจึงไม่สามารถทำอะไรโหดร้ายได้
เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าคนที่สามารถอัญเชิญแสงแห่งพระพุทธคุณจากสรวงสวรรค์ออกมาได้ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นมนุษย์คนนั้นคือใครกันแน่
ขณะที่สมเด็จกำลังเดินขึ้นบันไดอยู่นั้น เขาก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออก เขารีบมองกลับไปทางต้นโพธิ์ทันที
ที่ตรงนั้นว่างเปล่า!
ดวงตาของสมเด็จหรี่ลงขณะนับนิ้วคำนวณอะไรบางอย่าง หลังจากสูญเสียร่างอรหันต์ไป ดวงตาของเขาก็มักจะมีแสงอันน่าพิศวงฉายอยู่ภายในเสมอ
ราวกับตระหนักได้ถึงเจตจำนงของฟ้า เขาจึงเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มว่า ”อมิตาพุทธ” จากนั้นจึงหันไปทางบ่อบัวอันว่างเปล่า แล้วพูดต่อ ”ดอกบัวทองคำ เจ้าจงไปที่โลกเพื่อพบกับต้นโพธิ์เสีย ตราบใดที่เจ้ามีเขาอยู่ เจ้าย่อมสามารถกลายเป็นหงส์เพลิงได้ หงส์เพลิงติดค้างเขาอยู่ นางไม่อาจหนีชะตากรรมจากบาปกรรมในครั้งนี้ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะได้เป็นพระอรหันต์อีกครั้ง อมิตาพุทธ”
ท่ามกลางเสียงสวดภาษาสันสกฤตนั้น บ่อบัวกระเพื่อมเล็กน้อยเมื่อชะตาของมันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว!
แต่สมเด็จกลับคาดไม่ถึงว่าหลังจากคนคนนั้นได้รับวาสนาทางพระพุทธศาสนาแล้ว เขาจะต้องไปที่ภูเขาหิมะเพื่อทำการสักการะเป็นจำนวนเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าครั้งเพื่อให้คำอธิษฐานของตนสัมฤทธิ์ผล
ร่างนั้นผอมเพรียว เขามีผมสีดำสนิทและสวมชุดสีขาวดูสะอาดสะอ้านราวกับน้ำศักดิ์สิทธิ์ของฟ้าดิน
ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก
ชายหนุ่มดูจะไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว และจะคำนับศีรษะลงกับพื้นทุกๆ หนึ่งเก้า
เพราะร่างของเขาได้รับบาดเจ็บจากการรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ที่นิ้วราวกับหยกนั้นจึงยังมีเลือดหยดลงมา
เลือดพวกนั้นไหลลงสู่ธารน้ำแข็งทีละหยดทุกครั้งที่เขาคุกเข่าลงคำนับศีรษะ
ปีนั้นเป็นปีที่ภูเขาซวีหมีมีหิมะตกหนักเป็นพิเศษ
นกศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งบินอยู่บนฟ้าพลางเอ่ยกับคนที่อยู่บนพื้นว่า ”ต้นโพธิ์ มันเปล่าประโยชน์ เจ้ากลับไปเถิด หากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงไม่กลับมายังพระพุทธศาสนา เจ้าย่อมไม่สามารถทำให้ฟ้าดินสั่นคลอนได้”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้หยุดเดิน
นกศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจยาว แล้วพูดซ้ำว่า ”มันเปล่าประโยชน์ ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าล่ะว่าเจ้าปรารถนาสิ่งใด ข้าจะช่วยทำให้เจ้าสมปรารถนาเอง”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้า
ไม่มีใครเข้าใจ
เขาไม่ได้ไต่บันไดขึ้นเขาและคำนับศีรษะเพื่อชีวิตหลังจากนี้ของตัวเอง
แต่เพื่อปลดปล่อยคนคนนั้นต่างหาก
ที่เขาเขย่ากงล้ออธิษฐานและยกธงมนต์ขึ้น ไม่ใช่เพื่อขอพร
แต่เพื่อให้เขาได้พบกับคนคนนั้นอีกครั้ง
ที่เขายอมแม้กระทั่งทนทุกข์ทรมานกลายเป็นพระอรหันต์ ไม่ใช่เพื่อมีชีวิตอมตะ
แต่เพื่ออวยพรให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและมีความสุข
นกศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้
มีเพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถทำให้คำอธิษฐานของเขาเป็นจริงได้
เขาคุกเข่าคำนับศีรษะลงอีกครั้ง
ชายหนุ่มเคลื่อนสายตาลง ขณะที่ใบจากต้นโพธิ์ร่วงหล่นลงมาใบแล้วใบเล่า
นกศักดิ์สิทธิ์มองร่างนั้นแล้วกัดฟันกรอด ”ทำไมเจ้าถึงได้ดื้อด้านถึงเพียงนี้?! ช่างเป็นต้นโพธิ์ที่หัวแข็งจริงๆ!”
หลังจากพูดจบ นกศักดิ์สิทธิ์ก็ทำท่าจะบินจากไป แต่ทันทีที่มันกระพือปีก ชายหนุ่มก็คำนับศีรษะลงเป็นครั้งที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าพอดี ดวงไฟที่ล่องลอยอยู่บนภูเขาหิมะรวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเงาสะท้อน
”นั่น นั่นมัน!”
ไม่มีใครเคยเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงมาก่อน
เคราะห์กรรมของอรหันต์จะปรากฏขึ้นทุกหมื่นปี
หากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงต้องการกลับมา พวกเขาต้องทำการชำระล้างทะเลเลือดเสียก่อน
แต่ตอนนี้เมื่อภพภูมิทั้งหกตกอยู่ในความโกลาหล และแม้กระทั่งพระพุทธศาสนาก็ยังมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงจึงถูกลืมเลือนไป
แต่วันนี้ เขาปรากฏตัวขึ้นแล้ว!
”ไม่เคยมีใครคุกเข่าคำนับศีรษะได้ครบเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าครั้งบนภูเขาหิมะมาก่อน” เสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตดังขึ้นจากท้องฟ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริงมองลงมาเบื้องล่างแล้วเอ่ยเบาๆ ว่า ”ต้นโพธิ์ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร แต่เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าตี้จวินร่วงหล่นจากสวรรค์แล้ว เขาละทิ้งเทวจิตของตัวเอง และยอมไม่ไปเกิดใหม่เพียงเพราะหงส์เพลิง ทุกคนคิดว่าเขาผูกด้ายแดงของหงส์เพลิงไว้กับตัวเอง แต่ความจริงแล้วหงส์เพลิงไม่มีแม้กระทั่งด้ายแดงด้วยซ้ำ…”