บทที่ 822 ได้ของขวัญมาแล้ว ทั้งหมดเดินทางกลับ!
ชายภูมิฐานโจมตี หอกยาวเปล่งประกายสีชาด เขาต้องการวัดพลังของต้นหลิวว่าแข็งแกร่งเพียงใด
หอกยาวเล่มนี้ไม่ธรรมดา เมื่อโจมตีออกไปแล้ว โซ่เหล็กหกเส้นรัดพันใส่ต้นหลิวอย่างรวดเร็ว
ต้นหลิวชักดาบใหญ่สีเขียวออกมาด้ามหนึ่งก่อนจะบุกสังหารไปเบื้องหน้า โซ่เหล็กทั้งหกเส้นพลันขาดสะบั้น แหลกสลายทั้งหมด ไม่อาจต้านทานดาบของมันได้
พรวด!
ทว่าเวลานั้นเอง ด้านหลังต้นหลิวมีโซ่เหล็กเส้นหนึ่งพร้อมด้วยตะขอแทงทะลุร่างของต้นหลิว เกี่ยวติดไว้อย่างแน่นหนา!
อักขระบนโซ่เหล็กผสานถักทอดูแล้วมหัศจรรย์อย่างยิ่ง มีพลังไหลเวียนอยู่บนตัวต้นหลิว แต่สุดท้ายกลับโดนข่มลงในพริบตา
“พี่หลิว!”
หนานฉงตกตะลึง ชายภูมิฐานดุดันปานนี้เชียวหรือ พี่หลิวเสียเปรียบทันทีเลยหรือ!
“นี่คือตะขอสลักร่าง ทันทีที่ถูกเกี่ยว ต่อให้มีพลังรุนแรงเพียงใดก็มิอาจปล่อยออกมาได้อีก”
ชายภูมิฐานนามข่งอวิ๋นกล่าว
“อย่างนั้นหรือ”
ต้นหลิวอยู่ในท่าทีสงบ แสงสีเขียวชวนพรั่นพรึงเปล่งปลั่งออกจากร่าง กฎระเบียบแกร่งกล้าบางอย่างปะทุ ตะขอสลักร่างระเบิดแหลกลาญในบัดดล ความสามารถของมันมีเพียงเท่านี้ที่ไหน ตะขอสลักร่างมิอาจทำอะไรมันได้
แววตาข่งอวิ๋นไหวระริก เกินคาดไปนิดหน่อย ตะขอสลักร่างล้มเหลวหรือนี่ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้
ทว่าเขายังมิได้สำแดงฝีมือทั้งหมด ตะขอสลักร่างเป็นเพียงหนึ่งในนั้น
เขาเรียกตะเกียงโบราณออกมาดวงหนึ่ง แสงไฟทะยานขึ้นฟ้า ลำแสงสีแดงเข้มลำหนึ่งพุ่งออกไปสังหารต้นหลิว
นี่คือตะเกียงดับวิญญาณ ใช้สังหารวิญญาณโดยเฉพาะ ลำแสงสีแดงเข้มมิอาจต้านทาน แทรกซึมเข้าไปผ่านหน้าผากของต้นหลิว
ชั่วขณะนั้น วิญญาณของต้นหลิวมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วง หมายจะจุดไฟเผาส่วนวิญญาณนั้น ให้วิญญาณของต้นหลิวไหม้เป็นจุณ
ทว่าต้นหลิวนั้นไร้เทียมทาน พลังกล้าแกร่งปะทุออกจากส่วนวิญญาณ ลำแสงนั้นถูกไล่ต้อนออกมา ตะเกียงโบราณก็ระเบิดตามไปด้วย!
ข่งอวิ๋นสำแดงฝีมืออีกครั้ง เขาใช้มหาวิชาแขนงหนึ่ง อุกกาบาตถล่มลงจากฟากฟ้า เกิดเป็นภาพการณ์สยดสยองคล้ายวันโลกาวินาศ
ต้นหลิวเยื้องย่างออกไปหนึ่งก้าว เลือดลมพลุ่งพล่าน อุกกาบาตท่วมท้นท้องฟ้านั้นแตกสลายไปทั้งหมด ถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง!
“ให้ตาย! พี่หลิวก็คือพี่หลิว!”
หนานฉงอุทานเสียงหลง พี่หลิวนี่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง พลังที่จู่โจมเข้ามาทั้งหมดถูกต้นหลิวกำจัดไปง่ายดาย ไม่อาจแผ้วพานต้นหลิวได้เลย
“สหาย…ไปกันเถิด”
ข่งอวิ๋นถอนหายใจ หยุดการต่อสู้ไว้เพียงเท่านี้ ต้นหลิวแข็งแกร่งเกินไป หากเขาไม่ต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก ไม่มีทางสังหารต้นหลิวได้เลย
และเขาไม่ต้องการเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อสู้กับต้นหลิว หาได้มีความจำเป็นไม่
“สหายพาคนที่นี่ไปด้วยได้ทั้งหมด”
เขากล่าวต่อ
“ได้”
ต้นหลิวก็หยุดมือเช่นกัน มิได้สู้ต่อ
ปฐพีผืนนี้พิลึกอย่างยิ่ง แม้กระทั่งตัวมันยังรู้สึกถึงภัยคุกคาม โดยเฉพาะในส่วนลึกของปฐพีผืนนี้ มันยิ่งสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึง
ข่งอวิ๋นมีฝีมือทรงพลังกว่านี้ซ่อนเอาไว้ ที่นี่มิได้ธรรมดาอย่างที่เห็น
ทว่ามันไม่ยอมไปจากที่นี่ง่าย ๆ
“พวกเขาทั้งสองมาที่นี่เพื่อตามหาของขวัญ เจ้าเก่งกาจปานนี้ คงไม่ขาดแคลนสิ่งของเช่นนี้กระมัง เจ้าคงไม่ปล่อยให้พวกเขากลับไปมือเปล่าใช่หรือไม่”
ต้นหลิวเอ่ย พร้อมชี้ไปที่เมิ่งจีและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
ข่งอวิ๋นมีสีหน้าชอบกลพลางนึกในใจ หมายความว่าอย่างไรที่ว่าเขาเก่งกาจปานนี้คงไม่ขาดแคลนสิ่งของเช่นนี้?
เขาอยากบอกเหลือเกินว่า ต้นหลิวเก่งกาจปานนี้ยังจะขาดแคลนสิ่งของเช่นนี้อีกหรือ
แต่เขาไม่ต้องการเอาเป็นเอาตายกับต้นหลิว ท้ายสุดก็เลือกจำนน สั่งให้คนของตนยกสิ่งของจำนวนหนึ่งเข้ามา
ของเหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดา อย่างเช่นบัวทองคำดอกหนึ่งในนั้น ใบบัวทุกใบล้วนมีลายริ้วซึ่งขึ้นตามธรรมชาติ และมีกฎระเบียบบางอย่างไหลเวียนอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นสุดยอดอาวุธพิฆาตชิ้นหนึ่ง ลำพังใบบัวใบเดียวก็สามารถสังหารไปทั่วหล้า
ไหนจะเพลิงแผกมวลหนึ่งที่เพียงลุกโชนเงียบ ๆ ก็สร้างความผวาให้กับผู้คนได้ เจ้านิกายไม่นึกสงสัยเลยว่าหากเพลิงแผกมวลนี้เข้าไปอยู่ในเทวโลก คงได้แผดเผาทั้งเทวโลกเป็นจุณอย่างแน่แท้!
“ใช้ได้แล้วกระมัง”
เขามีสีหน้าอึมครึม น้ำเสียงไม่สบอารมณ์สุด ๆ
แผนการรวนไปหมด ซ้ำยังต้องเสียของดีไปมากมาย เขาไฉนเลยจะพอใจได้!
“ใช้ได้แล้ว”
ต้นหลิวพยักหน้า สั่งให้พวกเมิ่งจีเก็บของเหล่านี้ไว้
“ความมืดมิดกำลังจะมาถึง การต่อกรกับความมืดมิดคือภาระหน้าที่ซึ่งไม่อาจเลี่ยง กระนั้นก็ต้องมีสามัญสำนึก! มิฉะนั้น ต่อให้ล้มล้างความมืดมิดได้แล้วอย่างไร ผู้ที่ไร้สามัญสำนึกน่ากลัวยิ่งกว่าความมืดมิดเสียอีก!”
ต้นหลิวบอกกับข่งอวิ๋น เตือนข่งอวิ๋นให้หยุดการกระทำชั่วช้าเช่นนี้ มิฉะนั้นได้เกิดเรื่องแน่ อย่างน้อย ๆ ตัวมันก็ไม่มีทางปล่อยข่งอวิ๋นไป ต้องออกตามหาข่งอวิ๋นแน่
สุดท้าย มันพาพวกเมิ่งจีไปจากที่นี่
ยอดฝีมือจากหุบเขาสุขาวดีและกองกำลังอื่น ๆ ก็พากันไปจากที่นี่
ต้นหลิวไปแล้ว พร้อมสร้างเส้นทางกลับให้ด้วย เมิ่งจี หนานฉง ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนบอกลาเจ้านิกาย ก้าวสู่เส้นทางกลับ
“พี่ชาย พี่ชายบังเกิดเกล้า ก่อนนี้ข้ามีตาหามีแววไม่ ขอท่านโปรดอย่าถือสาเอาความข้าเลย!”
เจี้ยนอู่แห่งพรรคกระบี่เจินหยวนรีบวิ่งไปหาเจ้านิกาย เอ่ยต่อเขาด้วยรอยยิ้มแป้นพะเน้าพะนอ
เขายอมรับความพ่ายแพ้ มิกล้าเป็นปรปักษ์กับเจ้านิกายอีก กล้าได้อย่างไรเล่า เจ้านิกายมีความเกี่ยวข้องกับพวกของต้นหลิวไร้เทียมทาน ต่อให้เขากล้ากว่านี้อีกหมื่นเท่าก็มิกล้าเป็นศัตรูกับเจ้านิกาย
“อย่าเอ่ยเช่นนี้สิ ข้าอ่อนแอถึงเพียงนั้น เสียท่าได้ทุกเมื่อ มิกล้าเป็นพี่ใหญ่ของท่านหรอก!”
เจ้านิกายเอ่ยด้วยความเย้ยหยันตนเอง
“ข้าผิดเอง ปากข้าไม่มีหูรูดเกินไป! พี่ใหญ่ร่างกายบึกบึนแข็งแรงปานนี้ ไฉนเลยจะอ่อนแอ เป็นเพราะพี่ใหญ่ดุดันในเรื่องนั้นเกินไป นางแพศยานั่นรับไม่ไหวถึงได้ไปเล่นชู้กับผู้อื่น มิกล้าร่วมเตียงกับพี่ใหญ่!”
เจี้ยนอู่รีบเอ่ยขึ้น
จ้าวหุบเขาไป๋เหวินแห่งหุบเขาสุขาวดีเห็นแล้วยังอดขำมิได้
ก่อนนี้เจี้ยนอู่ยังบอกว่าเจ้านิกายร่างกายอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถทำให้ภรรยาของตนพอใจได้ บัดนี้กลับเอ่ยว่าเจ้านิกายดุดันเกินไป จนภรรยาของตนมิกล้าร่วมเตียงด้วย…
ปากเขานี่ช่างเจรจาเหลือเกิน!
…
พวกเมิ่งจีกลับมา พวกหลิงอินก็เดินทางกลับแล้วเช่นกัน
พวกเขาท่องไปตามแดนมฤตยูในแต่ละชั้นของเทวโลก จนได้พบของขวัญอันเหมาะสม คราวนี้ก็รอเข้าร่วมงานแต่งของสือเฟิงได้อย่างสบายใจแล้ว
“ฮ่า ๆ คอยดูข้ากลั่นยาลูกกลอนไห่โก่วแสนสุดยอดได้เลย!”
ต้าเต๋อหัวเราะไม่หยุด เขาได้พบสมุนไพรต่าง ๆ ที่ใช้ในการกลั่นยาลูกกลอนไห่โก่ว ซ้ำยังเป็นสมุนไพรวิเศษชั้นเลิศกันทั้งสิ้น
ด้วยยาลูกกลอนไห่โก่วที่กลั่นจากสมุนไพรวิเศษชั้นเลิศนี้ย่อมเป็นสุดยอดลูกกลอนชูกำลัง เหนือกว่ายาลูกกลอนไห่โก่วทั้งหมดที่เคยมีมา
“เจ้าเพลา ๆ หน่อย อย่ากลั่นให้ฤทธิ์แรงเกินไปนัก เอาแค่พอประมาณ ห้ามชูกำลังเกินขนาดเด็ดขาด ข้ากลัวสือเฟิงจะทนไม่ไหว”
หลิงอินเอ่ย กลัวจากใจจริงว่าสุดยอดยาลูกกลอนไห่โก่วอาจมีฤทธิ์รุนแรงจนช่วงเวลาเข้าหออันน่ายินดีของสือเฟิงจะกลายเป็นสถานที่เกิดเหตุสลดไปเสียก่อน
“พี่สาว เหตุใดถึงเป็นสือเฟิงที่ทนไม่ไหวเล่า น่ากลัวว่าเป็นฉินซินต่างหากที่ทนไม่ไหว!”
ต้าเต๋อเอ่ยกลั้วหัวเราะ
…
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้าเข้าภูเขาไปแล้วหลายลูก อย่างที่เขาคิดจริง ๆ คุณภาพของเหมืองหินผลึกในหุบเขาลึกกว่าและสวยกว่า
เขาเก็บมามากมาย สุดท้ายถึงขึ้นขี่กิเลนไฟพร้อมกับลั่วสุ่ยเพื่อไปจากที่นี่
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ท่านผู้นั้นเป็นใครกัน!?”
“พี่ใหญ่ทั้งหลายถูกขุดออกไปหมดแล้ว! ดูท่าโดดเด่นเกินไปก็หาใช่เรื่องดีไม่!”
เสียงพูดมากมายดังขึ้นในเทือกเขา ภูตเหมืองหินผลึกมากมายนับไม่ถ้วนพากันกล่าวด้วยความนึกโชคดี
พวกมันประสาทสัมผัสไวมาแต่กำเนิด รับรู้ได้ว่าหลี่จิ่วเต้านั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงเพียงใด มิใช่ผู้ที่พวกมันต่อกรด้วยได้เลย ห่างชั้นกันมากโข!
…
“คอยการมาถึงของวันนั้นเงียบ ๆ แล้วกัน!”
เหล่าผู้เบิกทางแห่งปรโลกเตรียมพร้อมแล้ว รอวันแต่งงานของสือเฟิงมาถึง!
“ปริภูมิเวลาอันเป็นระเบียบจักกลับคืนสู่อาณาจักรนี้อีกครั้ง!”
ฝ่ายปริภูมิเวลาก็เตรียมพร้อมแล้ว รอจู่โจมในวันแต่งงานของสือเฟิง!