ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 316 ขายดี (2)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 316 ขายดี (2)

ตอนที่ 316 ขายดี (2)

ฉินมู่หลานไม่ได้กล่าวสิ่งใด หลิวเสวียข่ายที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันเอ่ย “แน่นอนเลยครับคุณวิลเลียม คุณต้องการพูดคุยอะไรกับคุณฉินของพวกเราครับ?”

ฉินมู่หลานเห็นหลิวเสวียข่ายกล่าวเช่นนี้ เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกและหันศีรษะมองดูชายวัยกลางคนพลางเอ่ยถาม “คุณวิลเลียม คุณอยากพูดคุยอะไรกับฉันเหรอคะ?”

“คุณสนใจจะร่วมงานกับผมไหม?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานคาดเดาได้ในทันใดว่าอีกฝ่ายน่าจะร่วมมือกับเธอเรื่องเครื่องสำอาง “คุณวิลเลียมวางแผนจะร่วมมืออย่างไรคะ?”

“เครื่องสำอางของคุณได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้หญิงภายในกลุ่มของพวกผม ผมคิดว่าผู้หญิงบางส่วนภายในประเทศของพวกเราเองก็จะต้องชื่นชอบด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นผมอยากร่วมมือกับคุณ ให้ผมนำเครื่องสำอางเหล่านี้ไปขายภายในประเทศของพวกเรา คุณคิดว่าอย่างไร”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้

อีกฝ่ายอยากเป็นตัวแทนจำหน่าย แน่นอนว่าย่อมทำได้ อย่างไรก็ตามการร่วมมือนี้จะต้องพูดคุยกันอย่างละเอียดรอบคอบ “คุณวิลเลียม พวกเรามาพูดคุยรายละเอียดกันทางนี้เถอะค่ะ”

“ครับ”

ฉินมู่หลานและวิลเลียมเดินไปด้านข้างเพื่อพูดคุยรายละเอียดกัน เดิมทีวิลเลียมมั่นใจเป็นอย่างมากว่าต่อให้เครื่องสำอางเหล่านี้จะอัศจรรย์เพียงใด มันก็ยังเป็นเรื่องน่าขันกับการนำเครื่องสำอางของประเทศจีนไปขายยังประเทศของพวกเขา แต่หลังจากพูดคุยรายละเอียดกับฉินมู่หลาน เขาก็ตระหนักได้ว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นเจรจาด้วยไม่ง่ายดาย

“คุณฉิน ผมยังต้องการคิดให้รอบคอบ พวกเราค่อยพูดคุยกันวันพรุ่งนี้นะครับ”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นพลันยิ้มและพยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “ตกลงค่ะ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราค่อยพูดคุยรายละเอียดกันอีกครั้ง”

เนื่องจากเครื่องสำอางขายหมดแล้ว ฉินมู่หลานเองก็ไม่มีเรื่องต้องทำแล้ว เธอจึงยิ้มและมองไปทางเจนนี่พร้อมกับเอ่ย “คุณเจนนี่คะ พวกคุณอยากเดินเที่ยวอีกหรือเปล่าคะ ไม่อย่างนั้นฉันเป็นไกด์ให้พวกคุณดีไหม”

สุดท้ายเจนนี่เองก็ซื้อเครื่องสำอางเช่นกัน เห็นได้ว่าไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ตามต่างก็รักสวยรักงามกันทั้งนั้น

เจนนี่ได้ยินคำพูดนี้พลันยิ้มและพยักหน้า จากนั้นเอ่ย “ได้เลย”

ขณะนี้หลิวเสวียข่ายรู้สึกมึนและชาเล็กน้อย เดิมทีเขากลัวว่าธุรกิจเครื่องสำอางของฉินมู่หลานนั้นอาจจะย่ำแย่ และสุดท้ายก็จะถูกถอดออกจากเคาน์เตอร์ แต่ใครจะบอกเขาได้ว่าเพียงเปิดธุรกิจวันแรกก็ขายได้จนหมดสต็อกและยังไม่พอเพียงต่อการขายอีกต่างหาก

หลิวเสวียข่ายมีสถานะเป็นผู้รับผิดชอบงานครั้งนี้ เดิมทีเขาเป็นผู้นำกลุ่มลูกค้าต่างชาติ อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้นำกลุ่มกลายเป็นฉินมู่หลานแล้ว

ก่อนหน้านี้ฉินมู่หลานเคยมาห้างโหยวอี้ เธอคุ้นเคยกับสิ่งของภายในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นเธอจึงพาทุกคนไปยังเคาน์เตอร์ผ้าไหม

“คุณเจนนี่คะ ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินตำนานผ้าไหมของประเทศพวกเราหรือเปล่า ฉันขอเล่าเรื่องเล่าเหล่านี้ให้พวกคุณรับฟังก่อนนะคะ”

ฉินมู่หลานใช้ภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว เนื้อหาที่เธอเล่าล้วนก็เป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติชอบฟัง ดังนั้นทุกคนต่างก็ตั้งใจรับฟังเป็นอย่างมาก สุดท้ายฉินมู่หลานเริ่มแสดงผ้าไหมให้ทุกคนเห็นและบอกกล่าววิธีการใช้งานมากมายของผ้าไหม

“ฉันเอาชิ้นนี้”

“ฉันเอาชิ้นนี้”

ภายใต้การอธิบายของฉินมู่หลาน ลูกค้าต่างชาติมากมายก็ตัดสินใจซื้อผ้าไหมและยังซื้อเป็นจำนวนมาก

เดิมทีพนักงานขายเหล่านั้นเห็นสถานการณ์เช่นนี้และรู้สึกไม่ค่อยชอบฉินมู่หลาน ตอนนี้ใบหน้ากลับประดับด้วยรอยยิ้มอย่างเอาใจใส่ “คุณฉิน ขอบคุณคุณจริงๆนะคะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกเราก็คนกันเองทั้งนั้น”

ฉินมู่หลานยิ้มพลางตอบกลับ จากนั้นก็พาลูกค้าต่างชาติไปยังเคาน์เตอร์ใบชา เธอเอ่ยเรื่องชาต้าหงเผาจนกระทั่งชาผู่เอ๋อร์ จากนั้นเล่าเรื่องชาผู่เอ๋อร์ไปยังชาหลงจิ่ง สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกค้าต่างชาติตะลึงงันชั่วขณะ สุดท้ายธุรกิจร้านชานั้นก็ขายดีและมียอดขายจำนวนมาก

เดิมทีฉินมู่หลานยังต้องการพาลูกค้าต่างชาติเหล่านี้ไปยังชั้นสอง อย่างไรก็ตามเมื่อเดินผ่านเคาน์เตอร์มุมหนึ่ง เธอพลันหยุดฝีเท้าและนำผู้คนเข้าไปด้านใน

“คุณเจนนี่ วันนี้พวกคุณโชคดีมากจริงๆ ที่นี่ยังมีไข่มุกรูปทรงพิเศษอีกด้วย พวกคุณลองดูสิคะ ไข่มุกรูปลักษณ์พิเศษเหล่านี้งดงามจริงๆ”

คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจคำพูดของฉินมู่หลาน แต่ล่ามนั้นฟังเข้าใจ หล่อนมองไข่มุกรูปลักษณ์พิเศษภายในมือของฉินมู่หลาน จากนั้นคิดจะกล่าวบางอย่าง แต่เมื่อเห็นพวกคุณเจนนี่ห้อมล้อมเข้าไป สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไร

หลิวเสวียข่ายก็ฟังเข้าใจบ้าง แต่เมื่อพูดด้วยความรวดเร็ว เขาเองก็ยากจะฟังได้ เมื่อเริ่มต้นเขาไม่เข้าใจว่าฉินมู่หลานนั้นกล่าวอะไร เพียงแต่เมื่อเห็นท่าทางของฉินมู่หลาน เขาก็คาดเดาเป้าหมายของอีกฝ่ายได้ ดังนั้นจึงร้อนรนขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพนักงานขายที่เคาน์เตอร์นี้ วางไข่มุกที่มีตำหนิเหล่านี้ไว้บนเคาน์เตอร์ ห้างโหยวอี้ของพวกเขานั้นจะขายของที่ดีที่สุด สิ่งของที่มีตำหนิเหล่านี้จะสามารถขายได้อย่างไร เมื่อเทียบกับไข่มุกทรงกลมพวกนั้นแล้วไข่มุกรูปลักษณ์ประหลาดเหล่านี้ไม่คู่ควรอยู่บนเคาน์เตอร์จริงๆ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หลิวเสวียข่ายคาดไม่ถึงนั่นก็คือคุณเจนนี่และกลุ่มคนนั้นต่างก็สนใจไข่มุกรูปลักษณ์ประหลาดนี้เป็นอย่างมาก

ส่วนฉินมู่หลานเองก็ยังคงพูดอยู่อย่างนั้น สุดท้ายมองไปทางพนักงานขายและเอ่ยถาม “ไข่มุกรูปลักษณ์พิเศษเหล่านี้มีอยู่เท่าไร หยิบออกมาทั้งหมดเลย”

ตอนแรกพนักงานขายรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เกรงว่าทำให้แขกเหล่านี้รู้สึกไม่ประทับใจ เพราะว่าหล่อนลืมเก็บไข่มุกรูปลักษณ์ประหลาดเหล่านี้เข้าไปด้านใน แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฉินมู่หลาน หล่อนก็ไม่ได้ถามคำถามใดๆอีก จากนั้นรีบวิ่งไปหยิบไข่มุกรูปลักษณ์ประหลาดถุงใหญ่ออกมา ฉินมู่หลานรับมาและยื่นให้กับคุณเจนนี่พร้อมกับเอ่ย “คุณดูสิคะ ไข่มุกเหล่านี้สวยมากจริงๆ ทุกเม็ดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความสวยงามเป็นของตนเอง”

เจนนี่ยังไม่ทันกล่าวอะไร ซูซานพลันเอ่ยปาก

“ใช่แล้ว รูปลักษณ์และความมันเงานี้งดงามเป็นอย่างมากจริงๆ”

“ใช่ ฉันเองก็ชอบมาก ภายในนี้ยังมีสีม่วงอยู่หลายเม็ด ยังมีสีทองด้วยเช่นกัน สวยงามจริงๆ” ลิซ่าเองก็กล่าวเช่นกัน

สุดท้ายไข่มุกรูปลักษณ์ประหลาดเหล่านี้ก็ถูกขายออกด้วยราคาสูง ไข่มุกแบบอื่นเองก็ขายออกไปได้ไม่น้อยเช่นกัน ทำให้พนักงานขายตรงเคาน์เตอร์นี้มีความสุขมาก

หลิวเสวียข่ายที่อยู่ด้านข้างมองดูด้วยความตะลึงงัน เขาไม่รู้จริงๆว่าฉินมู่หลานจะมีความสามารถทางวาทะศิลป์เช่นนี้ พูดคุยด้วยท่าทางสบายๆและทำให้ลูกค้าต่างชาติเหล่านี้หยิบกระเป๋าเงินออกมา ในอนาคตหากมีแขกต่างชาติกลุ่มอื่นเข้ามา บางทีเขาอาจจะให้เธอมาเป็นไกด์ อาจจะขายสินค้าได้เป็นจำนวนมาก

ฉินมู่หลานมีความรับผิดชอบมากและต่อมาก็พาลูกค้าต่างชาติไปยังชั้นสอง

เมื่อมาถึงชั้นนี้ ภายใต้การกล่าวของฉินมู่หลาน ลูกค้าต่างชาติก็ซื้อสินค้าไปไม่น้อยและยังซื้อด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก

หลังจากเดินเที่ยวห้างโหยวอี้เสร็จแล้ว เจนนี่ยังเอ่ยด้วยความรู้สึกไม่หายอยาก “คุณฉิน ได้ยินคุณเล่าเรื่องราวนี้แล้วรู้สึกสนุกมาก สิ่งเหล่านี้ที่คุณเล่ามานั้นฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย หลังจากได้รับฟังภายในวันนี้ ก็รู้สึกว่าสิ่งของเหล่านี้ต่างมีเรื่องราวกันหมด”

“พวกคุณชื่นชอบก็ดีแล้วค่ะ หลังจากนี้ถ้าหากว่าพวกคุณมาอีก ฉันค่อยเล่าเรื่องราวให้พวกคุณฟังอีกครั้ง”

“ตกลง อนาคตพวกเราก็ยังต้องการให้คุณมาเล่า”

ซูซานที่อยู่ด้านข้างพลันรีบเอ่ย

วันนี้ยอดขายห้างโหยวอี้ดีเป็นอย่างมาก ทำให้หลิวเสวียข่ายนั้นยิ้มไม่หุบ เมื่อเขาเห็นว่าฉินมู่กลานกล่าวจบแล้ว เขาก็รีบมองไปทางกลุ่มลูกค้าต่างชาติและเอ่ย “จากนี้ให้ผมพาพวกคุณไปทานข้าวนะครับ”

“ตกลง”

หลังจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติจากไป ห้างโหยวอี้พลันเกิดความคึกคัก ทุกคนพึงพอใจผลงานของวันนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งคนที่มีผลงานดีที่สุดในหมู่พวกเขาก็คือฉินมู่หลาน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มู่หลานต้องไปเป็นไกด์พาร์ทไทม์แล้วแหละ นางงามมิตรภาพมาก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท