“นี่ๆ วันนี้คุณชิมิสึดูอารมณ์ไม่ดีสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไงนั่น?”
“คิดเหมือนกันช้ะ? พอดีไปได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าหล่อนไปมีเรื่องกับคนจากโรงเรียนอื่นมาแล้วได้แผลที่มือมาด้วยแหละ”
“อ๋า บางทีอาจจะใช่ก็ได้นะ คุณชิมิสึที่ย้อมผมดำและไม่โดดเรียนแล้วไอ้เราก็คิดว่าเธอน่าจะกลายเป็นพวกจริงจังแล้วแท้ๆแต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมสินะ”
เพื่อนร่วมชั้นพากันซุบซิบนินทากันอยู่แต่ตอนนี้ก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงเหลือจะไปเขม่นใส่พวกนั้นแล้วล่ะทั้งหมดก็เป็นเพราะข้าวกล่องเจ้ากรรมนี่แหละ
(เลวร้ายที่สุด)
เตรียมข้าวกล่องเสร็จแล้วแต่ไอที่มาเป็นผู้ช่วยก็ได้สูญเสียรอยยิ้มที่เป็นจุดขายของเธอไปโดยปริยายแต่ว่าข้าวกล่องมันก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่างจนได้
ปัญหาที่เหลือก็คือเรื่องคุณภาพ
ออมเล็ตที่กลายเป็นวัตถุปริศนาสีดำที่ไม่ว่าใครก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นสีของโชยุหรือเพราะว่าไข่มันไหม้จนเกรียมกันแน่แถมหมูผัดขิงเมนูโปรดของฮอนโดเองก็กลายเป็นวัตถุก้อนสีดำเหมือนกัน
คราวนี้ถึงจะมีไอคอยช่วยประกบอยู่ข้างๆแต่ก็ยังใช้มีดบาดนิ้วตัวเองซ้ำซากถึงแผลมันจะค่อนข้างตื้นก็เถอะแต่ชั้นก็ทำให้ไอเป็นห่วงมาก
ข้าวกล่องที่ทำเสร็จแล้วกลับกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่เกินกว่าจะเอาไปยื่นให้กับคนอื่นได้ ทีแรกชั้นคิดจะกินข้าวกล่องที่ตัวเองทำออกมาแต่ไอก็รู้สึกว่าตัวเองก็มีส่วนรับผิดชอบก็เลยแนะให้เราแบ่งกันคนละครึ่งซึ่งก็ต้องขอบคุณเธอที่ทำให้กินข้าวกล่องที่ตัวเองทำจนหมดได้แต่ก็ดูเหมือนว่าท้องไส้จะปั่นป่วนอยู่พอสมควรอยู่เหมือนกัน
[เอาจริงๆเลยนะฝีมือการทำอาหารของเคย์เนี่ยเกินกว่าที่คิดไปเยอะเลย]
ไอพูดออกมาพร้อมกับสายตาว่างเปล่า
“อรุณสวัสดิ์คุณชิมิสึ”
“อรุณสวัสดิ์”
ในตอนที่กำลังนึกถึงเรื่องของเมื่อเช้าของวันนี้ ฮอนโดก็เข้ามานั่งข้างๆก่อนที่ชั้นจะรู้สึกตัวซะอีก
ชั้นรู้ดีว่าฮอนโดเขาเป็นคนซื่อๆ แต่ชั้นก็รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังคิ้วขมวดโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะข้าวกล่องที่ทำพลาดเมื่อเช้า
“คือว่า……..คุณชิมิสึ…ผมไปทำอะไรให้ไม่ชอบใจเข้ารึเปล่า?”
บางทีเพราะว่าเห็นสีหน้าของเราฮอนโดก็เลยยิ้มอย่างลำบากใจมาทางชั้น
“นายไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก”
อันที่จริงฮอนโดไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่จะให้ชั้นต้องอารมณ์เสียเลยสักนิดแต่ที่ชั้นโมโหก็คงจะเพราะโมโหปัญหาของตัวเอง
“ถ้างั้นเธอมีเรื่องอะไรลำบากใจอยู่รึเปล่า? ถ้าไม่ว่าอะไรผมยินดีรับฟังนะ?”
“……..ไม่ได้ลำบากใจอะไรอยู่จริงๆ”
แน่นอนว่าจะบอกไม่ได้ว่าที่ชั้นดูซึมๆเป็นเพราะชั้นทำข้าวกล่องให้เขาแล้วมันออกมาในสภาพที่ดูไม่จืด
“งั้นก็ได้…….เห๊ะ? คุณชิมิสึ มือของเธอมีแผลนี่เป็นอะไรมากไหม?”
ชั้นรีบซ่อนมือของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าจะช้าไป
ไม่ทันได้ระวังตัวคงต้องหาข้ออ้างซะแล้วสิ……….
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แต่ก็ไม่ได้เป็นแผลลึกอะไรเพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”
“งั้นเหรอ แต่ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”
เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิดแต่ฮอนโดก็ดูเหมือนจะยอมรับมัน
โล่งอกไปที
จากนั้นก็รู้สึกง่วงเพราะว่าตื่นเช้ากว่าปกติ
“ชั้นจะนอนแล้วเพราะงั้นอย่าปลุกล่ะ”
“อื้ม ไว้จะปลุกตอนอาจารย์ใกล้มาละกัน”
“ก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องปลุกไงยะ…..”
เรามักจะเถียงกันว่าปลุกหรือไม่ปลุกชั้นแต่ชั้นว่าตัวเองคงจะเหนื่อยจากการทำข้าวกล่องจากตอนเช้าและวันนี้ชั้นก็วูบหลับไปเลยตั้งแต่ช่วงเช้า
ในช่วงพักเที่ยงชั้นกินมื้อเที่ยงเสร็จเร็วและไม่มีอะไรทำก็เลยฟุ้บหมอบลงบนโต๊ะ
แล้วก็ได้ยินฮอนโดกับมัตสึโอกะคุยกันจากที่นั่งข้างๆ
“แต่ชั้นน่ะอยากกินอาหารฝีมือคุณเซโตะจริงๆน๊า”
“โทชิยะนี่นายยังไม่ยอมปล่อยวางเรื่องในคาบเรียนทำอาหารอยู่อีกรึ?”
“ก็ตอนนั้นชั้นก็คิดว่าทำใจได้แล้ว แต่ยังไงซะผู้ชายทุกคนก็อยากจะกินอาหารฝีมือของผู้หญิงที่ชอบไม่ใช่รึไง?”
“ประเด็นมันอาจจะยิ่งใหญ่ไปหน่อยแต่ก็อาจจะจริงนะ มันก็ยากจริงๆแหละที่จะได้กินอาหารฝีมือของผู้หญิงที่ชอบไอ้ชั้นเองก็คิดว่ามันคงจะทำให้คนกินดีใจสุดๆแน่ๆเลย”
เหมือนว่าฮอนโดจะสนใจอาหารทำเองจากเพศตรงข้ามอยู่เหมือนกัน
ดีล่ะ งั้นก็หมายความว่าตัวชั้นเองกำลังพยายามไปถูกทิศถูกทางแล้วสินะ
“ใช่มะ?! คุณเซโตะจะทำข้าวกล่องแล้วเอาให้ชั้นไหมนะ…..”
“ชั้นว่าอันนี้มันเข้าขั้นเพ้อเจ้อแล้วเพื่อน”
บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขาเป็นเพื่อนซี้กันทำให้บางครั้งฮอนโดเองก็พูดตรงๆกับมัตสึโอกะได้
“ไม่สนหรอกว่าจะเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อหรือจินตนาการ แต่ชั้นจะทำให้มันเป็นจริงในสักวันเลยคอยดู!!”
“โชคดีครับเพื่อน”
“ใช่สิ แบบว่าต่อให้จะไม่ใช่อาหารฝีมือคนที่ชอบแต่แค่เป็นอาหารที่ได้จากคนอื่นมันก็ดีเหมือนกันนะ”
“นั่นสินะ จะทำเองก็ดีแต่การที่มีคนอื่นทำมาให้เนี่ยชั้นว่ามันก็ดูพิเศษพอตัวเลย”
เป็นข้อมูลชั้นดีเลย หมายความว่าพวกเขาจะรู้สึกดีใจเวลาที่มีคนอื่นทำอาหารมาให้ต่อให้จะไม่ได้มาจากคนที่ชอบก็ตามงั้นสินะ
“จะว่าไปแล้ว รอบก่อนที่เราคุยกันเรื่องความรักน่ะไดกิเคยคิดจะทำข้าวกล่องมาเองบ้างรึเปล่า?”
อยู่ๆมัตสึโอกะก็ถามฮอนโด
“ก็เคยคิดนะแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เพราะตื่นเช้าไม่ไหวน่ะ”
“งี้นี่เอง เพราะงั้นก็เยไปฝากท้องไว้กับร้านสหกรณืของโรงเรียนสินะ”
“ก็นะ แต่ตอนที่เราคุยกันเรื่องข้าวกล่องเอก่อนหน้านี้ ชั้นก็เลยติดใจนิดหน่อยเลยว่าจะลองทำดูถ้าตื่นเช้าได้ล่ะนะ”
ชั้นตั้งใจฟังอย่างและตอนนี้ก็คิดว่ากำลังเจอกับปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว
ฝีมือการทำอาหารของชั้นกับฮอนโดมันต่างกันราวกับฟ้ากับเหว
ถ้าขืนฮอนโดทำข้าวกล่องของตัวเองมาละก็การที่จะเอาข้าวกล่องของเราไปยื่นให้เขาทีหลังมันก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีกน่ะสิ
ตัวเราคิดว่าจะให้ข้าวกล่องกับเขาก็ต่อเมื่อเราพอใจกับรสชาติหลังจากฝึกปรนฝีมือมามากพอสมควรแล้ว แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าจะต้องรีบทำข้าวกล่องให้สำเร็จให้ได้
“นี่ สัปดาห์หลังๆมานี้คุณชิมิสึดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยเนอะ”
“ได้ยินข่าวลือมาว่าแผลที่มือของเธอเพิ่มมากขึ้นทุกวี่ทุกวันเลยด้วยแหละ เพราะไปมีเรื่องกับเด็กโรงเรียนอื่นทุกวันแน่ๆเลย มีคนตั้งทฤษฏีว่าเพราะมีคนทำให้เธอหงุดหงิดบ้างล่ะแล้วก็ทฤษฏีอื่นๆอีกจนไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนไม่จริงแล้ว แต่เรื่องเดียวที่รู้คือเราไม่ควรเข้าไปยุ่งตอนที่เธออยู่ในสภาพนั้นอ่ะนะ”
“นั่นสินะ ชั้นเองก็คงต้องระวังตัวบ้างแล้วสิ”
สัมผัสได้ว่าเพื่อนร่วมชั้นกำลังนินทาอยู่ที่มุมห้องเรียนแต่ไอ้เราเองก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะหันไปสวนกลับแล้ว
เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เริ่มทำข้าวกล่องและให้บอกตามตรงคือยังรู้สึกไม่โอเคกับข้าวกล่องของตัวเองเลยสักนิด
ไม่ว่าไอจะสอนได้ละเมียดละไมแค่ไหนในทุกๆเช้าแต่ทักษะในการทำอาหารของเราก็ยังไม่ดีขึ้นเลยและต่อให้คุณแม่ที่พึ่งจะมาเริ่มช่วยสอนด้วยเมื่อไม่กี่วันก่อนแต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิมในตอนที่กำลังนั่งกินอาหารที่ทำพลาดทั้งเราและไอก็ค่อยๆใจแป้วกันไปเรื่อยๆ
(ไม่รู้เลยว่าฝีมือการทำอาหารของตัวเองจะห่วยแตกถึงขั้นนี้)
เช้านี้ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะกินอาหารที่ตัวเองทำพลาดก็เลยห่อมาเป็นมื้อเที่ยงของวันนี้แทน
มันคงยากเกินไปสำหรับเราและขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะรบกวนไอเกินไปก็เลยตัดสินใจว่าจะเลิกทำข้าวกล่องตั้งแต่วันนี้
ในช่วงพักเที่ยงชั้นเอาข้าวกล่องที่แม่ทำให้และข้าวกล่องที่ทำเองออกมาจากกระเป๋าซึ่งต้องกินทั้งสองกล่องนี้ในตอนพักเที่ยง
แค่คิดก็อยากถอนหายใจแล้ว
“เฮ้อ…………..”
เสียงๆนั้นไม่ใช่ของชั้น
ชั้นหาไปหาต้นตอของเสียงและเห็นฮอนโดเอามือเท้าคางดูเหม่อลอยอยู่
“เป็นอะไรไป? หน้าตาดูเศร้าสร้อยนะ”
อดสงสัยที่จะถามไม่ได้นั่นก็เพราะฮอนโดไม่ค่อยได้ถอนหายใจแบบนั้นเลย
“อา ขอโทษทีนะคุณชิมิสึ”
“ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษหรอก ว่าแต่มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
เนื่องจากเราเป็นคนเริ่เปิดประเด็นชวนเขาคุยอย่างน้อยๆก็อยากจะรู้สาเหตุของการที่เขาถอนหายใจล่ะนะ
“ก็นะ พอดีว่าวันนี้ลืมเอาของบางอย่างมาน่ะ”
“แล้วลืมเอาอะไรมาล่ะ?”
“กระเป๋าตังน่ะเพราะงั้นก็เลยซื้อมื้อเที่ยงไม่ได้ เอาไงดีนะ”
พอลองมองไปที่โต๊ะของฮอนโดก็ไม่เจอขนมปังที่ปกติชอบซื้อมากินตอนพักเที่ยงแต่ถ้าว่านั่นคือปัญหาเดียวที่ติดอยู่วีการแก้ขัญหามันก็ง่ายมาก
“ถ้าแค่เรื่องเงินทำไมไม่ยืมมัตสึโอกะซะล่ะ? อย่างน้อยๆหมอนั่นก็น่าจะให้ยืมค่ามื้อเที่ยงสักมื้ออยู่นะ”
มัตสึโอกะควรเป็นคนแรกที่ฮอนโดจะหันไปหาในสถานการณ์นี้สิ
“ก็ใช่อยู่ ถ้าโทชิยะอยู่ก็คงจะให้ยืมอยู่หรอกแต่หมอนั่นออกไปตั้งแต่ช่วงเข้าพักเที่ยงเลยเพราะวันนี้มีประชุมชมรมฟุตบอล ผมเองก็น่าจะรู้ตัวว่าลืมเอากระเป๋าตังมาก่อนที่หมอนั่นจะออกไป”
พอลองมองไปรอบๆห้องดูก็ไม่เจอมัตสึโอกะ
“เอาเถอะ ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว วันนี้คงต้องอดมื้อเที่ยงไป ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะคุณชิมิสึ”
“ใครเป็นห่วงนายกันยะ”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ”
บทสนทนาถูกขัดจังหวะไป
ในฐานะเด็กนักเรียน ม.ปลาย คนหนึ่งฮอนโดน่าจะหิวมากและจะให้มานั่งอดมื้อเที่ยงคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ ชั้นครุ่นคิดขณะเดียวกันก็มองไปที่โต๊ะของตัวเองและมันก็มีข้าวกล่องสองกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ
จริงสิ ใช่แล้ว วันนี้เรามีข้าวกล่องสองกล่องนี่นา นี่มันถือเป็นโอกาสที่คาดไม่ถึงสำหรับเราเลยนะเนี่ย
“นี่ฮอนโด”
“ว่าไง?”
ฮอนโดเบนสายตามาทางชั้นอีกครั้งและชั้นก็เอาข้าวกล่องยื่นไปวางไว้ตรงโต๊ะของเขา
“คุณชิมิสึ ข้าวกล่องนี่คือ?”
“……รับไปซะสิ”
“ครับ?”
“คือว่า……ชั้นให้น่ะข้าวกล่องนี่”
ฮอนโดดูเหมือนอยากจะถามว่าทำไมถึงให้กันล่ะ
“ก็ขอบคุณอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเป็นงั้นเธอก็ไม่มีมื้อเที่ยงน่ะสิ”
“ชั้นมีอีกกล่องนึง”
ชั้นชี้ไปที่ข้าวกล่องอีกกล่องที่อยู่บนโต๊ะ
“อ๋า จริงด้วยถ้างั้นแล้วข้าวกล่องนี่มันของใครกันล่ะ?”
“จะเป็นของใครก็ช่างเถอะ…….เอ้า ที่ชั้นให้ก็เพราะอยากตอบแทนเรื่องที่นายคอยช่วยในคาบเรียนทำอาหาร อีกอย่างใครมันจะไปกินข้าวกล่องสองกล่องเองคนเดียวได้ล่ะเพราะงั้นเลิกคิดมากแล้วกินๆไปเถอะน่า”
มีเครื่องหมายคำถามลอยอยู่บนหัวของฮอนโดคงเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงได้เอาข้าวกล่องมาสองกล่องล่ะนะ แต่จะบอกไม่ได้ว่าเราเอาข้าวกล่องที่ทำพลาดที่ตั้งใจจะทำมาให้หมอนี่มาด้วย
“ก็ถ้าคุณชิมิสึมีอยู่แล้วงั้นก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะขอน้อมรับไว้ด้วยความยินดีเลย”
“อื้อ”
ฮอนโดก็ดูเหมือนจะยังไม่แน่ใจนักแต่พอเห็นว่าเรามีอีกกล่องเขาก็เลยตัดสินใจหยิบข้าวกล่องไป
แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าข้าวกล่องที่ให้ฮอนโดไปนั้นใครเป็นคนทำ?
ทั้งข้าวกล่องของแม่และของเรากล่องมันดันมีรูปร่างและสีเหมือนๆกันและพอไม่ได้เปิดเช็คจากข้างในก็บอกไม่ได้ว่าสรุปที่ให้ฮอนโดไปเป็นกล่องไหนกันแน่
“ไอ้ผมเองก็ไม่ค่อยได้เห็นข้าวกล่องของคนอื่นบ่อยนักหรอกนะ เพราะงั้นก็เลยตื่นเต้นอยู่พอสมควรเลยล่ะ”
เขาตรวจดูสิ่งที่อยู่ข้างในและข้าวกล่องที่เรายื่นให้ฮอนโดนั้นเป็นของที่เราทำเองอย่างแน่นอน
(…….จบสิ้นแล้ว……..)
คิดว่าตอนนี้กำลังได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวอยู่
ตอนนี้กับข้าวที่ไหม้เกรียมของเรากำลังอยู่ในระยะสายตาของฮอนโดโดยสมบูรณ์แบบ
“งั้นผมขอลองกินเลยได้ไหมคุณชิมิสึ?”
ฮอนโดพูดขอโดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงปัญหาที่อยู่ข้างในใจของเราเลยแม้แต่น้อย
ถึงตอนนี้จะอยากขอให้เขาสลับข้าวกล่องแต่ในขณะเดียวกันก็อยากให้เขากินอาหารที่เราเป็นคนทำด้วย ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังตบตีกันเองอยู่ในสมองอยู่
“…..ได้สิ”
สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมให้เขากินข้าวกล่องที่เราทำไปจนได้
“ขอบใจนะ ถ้างั้นจะทานล่ะนะคร้าบ”
ฮอนโดคว้าตะเกียบขึ้นมาโดยที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับสีดำอันสุดแสนจะเลวร้ายของตัวอาหารเลย หลังจากครุ่นคิดไปพักนึงเขาก็หยิบทามาโกะยากิสีดำปิ้ดปี๋ที่เราฝึกทำทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วเอาเข้าปาก
พอลองมองดูสีหน้าฮอนโดก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
นี่มันแปลก…..เพราะว่านี่มันคือหนึ่งในเมนูสยองขวัญที่สามารถพรากรอยยิ้มของคนในครอบครัวไปได้เชียวนะ
ขณะที่กำลังมองอยู่จู่ๆฮอนโดก็หันมาหาหรือบางทีอาจจะรู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้องอยู่
“มีอะไรเหรอ? เธออยากลองข้าวกล่องนี่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
นี่ฮอนโดคิดว่าเราเป็นคนเห็นแก่กินขนาดนั้นเลยรึไงนะ
“เปล่า แค่อยากรู้ว่านายจะเริ่มจากเมนูไหนก่อนเท่านั้นแหละ”
“อันที่จริงเขาว่ากันว่าการที่คนเราเลือกกินเมนูไหนก่อนมันจะแสดงให้เห็นถึงนิสัยของคนๆนั้นได้ด้วยนะ ส่วนผมเป็นประเภทที่จะเริ่มด้วยทามาโกะยากิก่อนน่ะ”
ตกใจจริงๆที่ฮอนโดดูเหมือนว่าจะยังอุตส่าห์รู้ว่าไอ้ก้อนมวลสารสีดำนั้นคือทามาโกะยากิก่อนจะกินมันเข้าไปน่ะ
“แต่ผมเองก็ไม่เคยกินทามาโกะยากิฝีมือคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวมาก่อนเลย เจ้าทามาโกะยากินี่รสชาติน่าสนใจไม่เบาเลยนะเนี่ย”
“น่าสนใจ…..นายคิดงั้นเหรอ?”
เอาเถอะ ก็ยังดีกว่าถูกบอกว่ามันห่วยแตกหรือฝืนใจบอกว่ามันอร่อยล่ะนะ
“ขอโทษทีหรือว่าจะไม่ใช่เหรอ? มันเป็นทามาโกะยากิที่มีรสชาติที่ไม่เคยกินมาก่อนก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไงดี”
“…….ช่างเถอะ”
“ไว้ถ้านึกออกแล้วจะบอกอีกทีนะ”
แล้วฮอนโดก็กลับไปกินข้าวต่อในขณะที่เราเองก็กินข้าวกล่องของแม่ที่เตรียมไว้ให้ก็พลางมองข้างๆตรวจสอบฮอนโด
เมนูต่อไปที่ฮอนโดเลือกคือหมูผัดขิงที่เป็นอีกเมนูที่เราพยายามแล้วพยายามอีกในทุกๆเช้าตลอดทั้งสัปดาห์ แล้วก็นะมันมีเมนูอื่นๆในกล่องข้าวที่เราคิดว่าถ้าเขาเลือกเราน่าจะรู้สึกดีขึ้นแต่ทำไมเขาถึงได้ให้ความสำคัญกับเมนูที่เราคิดว่าทำออกมาได้ห่วยแตกเป็นพิเศษกันล่ะ?
(อย่างน้อยๆก็ช่วยเลือกเมนูอื่นให้ได้เตรียมใจกันหน่อยสิยะ…)
“คือว่านะ…….คุณชิมิสึ? มันลำบากใจนะที่จะต้องกินโดยที่มีเธอคอยจ้องอยู่ตลอดแบบนี้น่ะ”
“นายไหวรึเปล่าฮอนโด? ไม่ใช่ว่ากำลังกล้ำกลืนฝืนทนให้ตัวเองกระเดือกลงคออยู่ใช่ไหม?”
เราพูดในสิ่งที่คิดออกไป
“คำถามนั้นน่ากลัวอยู่นิดหน่อยแฮะ แล้วไอ้เจ้าหมูผัดขิงนี่มันใส่อะไรพิสดารๆที่ปกติเขาไม่ใส่ลงไปอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ได้ใส่อะไรแบบนั้นลงไปหรอกน่าแต่………แบบว่า ฮอนโดนี่นายไม่รู้สึกอะไรหลังจากที่กินไอ้เจ้าหมูผัดขิงนั่นเข้าไปเลยอย่างงั้นเหรอ?”
ตอนที่ไอได้ชิมครั้งแรกเธอถึงกับบอกเลยว่าหมูผัดขิงนี่แหละตัวสิ้นหวัง
“ก็ไม่รู้สินะ…………….เพราะชอบหมูผัดขิงอยู่แล้วก็เลยกินด้วยความคาดหวังล่ะมั้งนะ”
อย่างที่เคยได้ยินมาก่อหน้านี้เลย ฮอนโดดูเหมือนจะเป็นคนที่ชอบหมูผัดขิงเอามากๆแต่ว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่เราอยากะได้ยินในตอนนี้
“ถ้าไม่ชอบก็พูดได้เลยนะว่ามันไม่อร่อย”
“ไหงงั้นล่ะ? ไม่พูดหรอกยิ่งเป็นข้าวกล่องฝีมือคุณชิมิสึอีกยิ่งแล้วใหญ่เลย”
“นี่นาย………ทำไมถึงได้คิดว่าชั้นเป็นคนทำล่ะ……..”
เพราะไม่เคยบอกใครว่าเราทำข้าวกล่องเองมาก่อนเพราะงั้นไม่ว่าใครก็จะต้องคิดว่าเป็นฝีมือของครอบครัวทำให้ทั้งนั้นแล้วนี่ฮอนโดรู้ได้ยังไงกัน
“ก็เพราะว่าคุณชิมิสึน่ะตอนที่ผมถามว่ามีอะไรในหมูผัดขิงรึเปล่าก็เป็นคนรับรองว่าไม่มีอะไรใช่ไหมล่ะ? ผมก็เลยคิดว่าคงเป็นฝีมือเธอแน่ๆเพราะถ้าไม่ใช่ก็คงไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมาแน่ๆ”
“แต่หลักฐานแค่นั้นมันยังไม่พอหรอกนะ?”
“อีกอย่างเธอก็พูดไว้ก่อนหน้านี้ด้วยว่าถ้าไม่อร่อยก็ให้บอกตามตรงว่าไม่อร่อย ผมไม่คิดว่าคุณชิมิสึคงไม่พูดแบบนั้นหรอกถ้าเธอไม่ได้ทำเอง”
“อึกกกก”
ถึงอยากจะแก้ตัวแต่ก็รู้สึกว่าถ้าโกหกส่งๆไปคงจะถูกจับได้ทันทีแน่ๆ
“ผมคงเดาถูกสินะ ยังไงก็เถอะคุณชิมิสึ ข้าวกล่องที่เธออุตส่าห์ทุ่มเทบากบั่นทำมาจะดีเหรอที่เอามาให้ผมกินน่ะ”
เอาไงดี? บอกความจริงเลยดีไหม? ว่าเราตั้งใจทำข้าวกล่องนั่นเพราะอยากให้ฮอนโดกินและก็ดีใจที่เขายอมกินมันน่ะ………..ไม่ได้! แค่คิดก็อยากจะหายไปเพราะความเขินแล้วเนี่ย
และความเงียบก็ปกคลุมระหว่างเรา
“คุณชิมิสึ?”
ฮอนโดทำลายความเงียบ บางทีเราอาจจะสับสนกับการโต้ตอบของตัวเองอยู่
“…..คิดมาก”
“ไงนะ?”
“เลิกคิดมากได้แล้วและไอ้เจ้าข้าวกล่องนั่นชั้นก็แค่ทำขึ้นมาตามอำเภอใจแค่นั้นแหละแล้วก็ที่ให้นายเพราะคิดว่าวันนี้ไม่น่าจะกินหมดด้วยตัวคนเดียวเฉยๆหรอก”
“ทำตามอำเภอใจมาทั้งสัปดาห์เลยน่ะนะ?”
ฮอนโดจี้ตรงจุดเต็มๆ หมอนี่อาจจะแค่พูดในเรื่องที่สงสัยออกมาเฉยๆแต่มันยิ่งทำให้เราเองก็สงสัยว่าได้เผลอพูดเรื่องสำคัญออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจรึเปล่า
“นี่นายรู้ได้ยังไงว่าชั้นทำข้าวกล่องมาทั้งสัป…….?”
พอรีบตัดคำพูดก่อนจบประโยคแต่ดูเหมือนว่าฮอนโดจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็เลยชี้มาที่มือที่แปะพลาสเตอร์ปิดแผลอยู่
“ก็ถือแปะพลาสเตอร์ไว้ที่มือไว้เพราะบาดเจ็บตรงนิ้วตอนทำอาหารใช่ไหมล่ะ? ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าไปทำอะไรทำไมถึงได้แผลมาแต่พอหลังจากที่ได้เห็นข้าวกล่องก็เข้าใจเลยล่ะนะ”
ฮอนโดน่ะต่างจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ตรงที่ได้คิดว่าเราได้แผลมาจากการต่อยตี
…………ความรู้สึกคันยุบยิบที่อธิบายไม่ถูกเกิดขึ้นในตัวชั้น
“คุณชิมิสึ? นี่?”
ชั้นสั่นเทิ้มกับคำพูดของฮอนโดและละทิ้งความตั้งใจที่จะอธิบายว่าทำไมถึงได้ทำข้าวกล่องมาทั้งสัปดาห์ พยายามคิดให้ไวแต่ก็คิดไม่ออกเลยก็เลยตัดสินใจโยนตัวเองไปตามแรงเหวี่ยงมันซะเลย
“………ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนเลยว่าชั้นเริ่มทำข้าวกล่องตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไงซะก็ไม่ได้เหตุผลอะไรเป็นพิเศษที่ชั้นให้ข้าวกล่องนั่นกับนายหรอกยะ! เข้าจั้ย!?”
“เอ่อ เข้าใจแล้ว ก็ถ้าคุณชิมิสึว่าแบบนั้นก็ช่างมันเถอะนะ”
ดูเหมือนว่าฮอนโดจะไม่ซักไซ้เรื่องนี้ต่อแล้ว
“ถ้าเข้าใจก็แล้วรีบๆกินซะ”
“ครับ ขอบคุณมากนะ”
จากนั้นฮอนโดก็นั่งกินข้าวกล่องต่อไปอย่างเงียบๆและในที่สุดก็กินจนหมด
“ขอบคุณสำหรับอาหารครับ’
“……..ถ้าหมดแล้วก็เอากล่องข้าวมาให้ชั้นนะ”
ชั้นเอื้อมมือไปทางฮอนโดกระตุ้นให้เชาเอากล่องข้าวคืน
“เดี๋ยวผมขอล้างก่อนค่อยเอามาคืนทีหลังนะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าชั้นกินคนเดียวสองกล่องไม่ไหวแถมข้าวกล่องนี้ก็ถือซะว่าเป็นการขอบคุณตอนคาบเรียนทำอาหารชั้นก็ต้องตอบแทนบุญคุณตั้งแต่ต้นจนจบสิ”
“…..ก็ได้ งั้นก็ขอบคุณสำหรับอาหารอีกครั้งนะคุณชิมิสึ”
จากนั้นฮอนโดก็ยื่นกล่องข้าวคืนมาให้
“……หืม”
“แล้วก็………..ขอผมพูดอะไรอีกอย่างได้ไหม?”
“อะ-อะไรล่ะ?”
รู้สึกเครียดหน่อยๆพอเขาถามขึ้นมาแบบนี้
“ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆนะเรื่องข้าวกล่องวันนี้ ผมลืมกระเป๋าตังและกำลังงานเข้าอย่างจังเพราะงั้นก็เลยช่วยได้มากเลยล่ะ ดีใจสุดๆเลยที่ได้กินข้าวกล่องฝีมือคุณชิมิสึทำคราวหน้าไว้ผมจะทำมาให้บ้างเพื่อเป็นการตอบแทนนะ”
……………..อร๊ายยยย ดีใจ………ดีใจ………..ดีใจสุดๆไปเล๊ยยยยยยยยยยยย
คำพูดพวกนี้วิ่งวนในหัวเพราะฮอนโดมายืนยันให้ว่าตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ ยากลำบากทรหดแสนเข็ญนั้นไม่สูญเปล่าเลย
“เป็นอะไรรึเปล่าคุณชิมิสึ?”
คำพูดของฮอนโดดึงสติกลับมาได้
ดูเหมือนว่ามันดีต่อใจเกินไปจนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวล่องลอยไปซะไกล
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก…..ก็แค่ถ้าหาก…”
“?”
“ถ้าหากชั้นเผลอทำข้าวกล่องตามอำเภอใจมาอีกล่ะก็ช่วยกินอีกด้วยล่ะ”
ฮอนโดดูตกใจไปครู่นึงแล้วก็กลับมายิ้มอีกครั้ง
“ได้เลย ไว้ผมจะตั้งตารอนะ”
ตัวชั้นกำหมัดทำท่าชัยชนะอยู่ภายในใจ