คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว – ตอนที่ 3.2 ข้าวกล่องของคุณชิมิสึ

คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว

“นี่ๆ วันนี้คุณชิมิสึดูอารมณ์ไม่ดีสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไงนั่น?”

“คิดเหมือนกันช้ะ? พอดีไปได้ยินข่าวลือแว่วๆมาว่าหล่อนไปมีเรื่องกับคนจากโรงเรียนอื่นมาแล้วได้แผลที่มือมาด้วยแหละ”

“อ๋า บางทีอาจจะใช่ก็ได้นะ คุณชิมิสึที่ย้อมผมดำและไม่โดดเรียนแล้วไอ้เราก็คิดว่าเธอน่าจะกลายเป็นพวกจริงจังแล้วแท้ๆแต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมสินะ”

 

เพื่อนร่วมชั้นพากันซุบซิบนินทากันอยู่แต่ตอนนี้ก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงเหลือจะไปเขม่นใส่พวกนั้นแล้วล่ะทั้งหมดก็เป็นเพราะข้าวกล่องเจ้ากรรมนี่แหละ

(เลวร้ายที่สุด)

เตรียมข้าวกล่องเสร็จแล้วแต่ไอที่มาเป็นผู้ช่วยก็ได้สูญเสียรอยยิ้มที่เป็นจุดขายของเธอไปโดยปริยายแต่ว่าข้าวกล่องมันก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่างจนได้

ปัญหาที่เหลือก็คือเรื่องคุณภาพ

ออมเล็ตที่กลายเป็นวัตถุปริศนาสีดำที่ไม่ว่าใครก็ตอบไม่ได้ว่าเป็นสีของโชยุหรือเพราะว่าไข่มันไหม้จนเกรียมกันแน่แถมหมูผัดขิงเมนูโปรดของฮอนโดเองก็กลายเป็นวัตถุก้อนสีดำเหมือนกัน

คราวนี้ถึงจะมีไอคอยช่วยประกบอยู่ข้างๆแต่ก็ยังใช้มีดบาดนิ้วตัวเองซ้ำซากถึงแผลมันจะค่อนข้างตื้นก็เถอะแต่ชั้นก็ทำให้ไอเป็นห่วงมาก

ข้าวกล่องที่ทำเสร็จแล้วกลับกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่เกินกว่าจะเอาไปยื่นให้กับคนอื่นได้ ทีแรกชั้นคิดจะกินข้าวกล่องที่ตัวเองทำออกมาแต่ไอก็รู้สึกว่าตัวเองก็มีส่วนรับผิดชอบก็เลยแนะให้เราแบ่งกันคนละครึ่งซึ่งก็ต้องขอบคุณเธอที่ทำให้กินข้าวกล่องที่ตัวเองทำจนหมดได้แต่ก็ดูเหมือนว่าท้องไส้จะปั่นป่วนอยู่พอสมควรอยู่เหมือนกัน

[เอาจริงๆเลยนะฝีมือการทำอาหารของเคย์เนี่ยเกินกว่าที่คิดไปเยอะเลย]

ไอพูดออกมาพร้อมกับสายตาว่างเปล่า

 

“อรุณสวัสดิ์คุณชิมิสึ”

“อรุณสวัสดิ์”

 

ในตอนที่กำลังนึกถึงเรื่องของเมื่อเช้าของวันนี้ ฮอนโดก็เข้ามานั่งข้างๆก่อนที่ชั้นจะรู้สึกตัวซะอีก

ชั้นรู้ดีว่าฮอนโดเขาเป็นคนซื่อๆ แต่ชั้นก็รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังคิ้วขมวดโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะข้าวกล่องที่ทำพลาดเมื่อเช้า

 

 

“คือว่า……..คุณชิมิสึ…ผมไปทำอะไรให้ไม่ชอบใจเข้ารึเปล่า?”

 

บางทีเพราะว่าเห็นสีหน้าของเราฮอนโดก็เลยยิ้มอย่างลำบากใจมาทางชั้น

 

“นายไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก”

 

อันที่จริงฮอนโดไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่จะให้ชั้นต้องอารมณ์เสียเลยสักนิดแต่ที่ชั้นโมโหก็คงจะเพราะโมโหปัญหาของตัวเอง

 

“ถ้างั้นเธอมีเรื่องอะไรลำบากใจอยู่รึเปล่า? ถ้าไม่ว่าอะไรผมยินดีรับฟังนะ?”

“……..ไม่ได้ลำบากใจอะไรอยู่จริงๆ”

 

แน่นอนว่าจะบอกไม่ได้ว่าที่ชั้นดูซึมๆเป็นเพราะชั้นทำข้าวกล่องให้เขาแล้วมันออกมาในสภาพที่ดูไม่จืด

 

“งั้นก็ได้…….เห๊ะ? คุณชิมิสึ มือของเธอมีแผลนี่เป็นอะไรมากไหม?”

 

ชั้นรีบซ่อนมือของตัวเองแต่ดูเหมือนว่าจะช้าไป

ไม่ทันได้ระวังตัวคงต้องหาข้ออ้างซะแล้วสิ……….

 

“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แต่ก็ไม่ได้เป็นแผลลึกอะไรเพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”

“งั้นเหรอ แต่ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”

 

เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิดแต่ฮอนโดก็ดูเหมือนจะยอมรับมัน

โล่งอกไปที 

จากนั้นก็รู้สึกง่วงเพราะว่าตื่นเช้ากว่าปกติ

 

“ชั้นจะนอนแล้วเพราะงั้นอย่าปลุกล่ะ”

“อื้ม ไว้จะปลุกตอนอาจารย์ใกล้มาละกัน”

“ก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องปลุกไงยะ…..”

 

เรามักจะเถียงกันว่าปลุกหรือไม่ปลุกชั้นแต่ชั้นว่าตัวเองคงจะเหนื่อยจากการทำข้าวกล่องจากตอนเช้าและวันนี้ชั้นก็วูบหลับไปเลยตั้งแต่ช่วงเช้า

ในช่วงพักเที่ยงชั้นกินมื้อเที่ยงเสร็จเร็วและไม่มีอะไรทำก็เลยฟุ้บหมอบลงบนโต๊ะ

แล้วก็ได้ยินฮอนโดกับมัตสึโอกะคุยกันจากที่นั่งข้างๆ

 

“แต่ชั้นน่ะอยากกินอาหารฝีมือคุณเซโตะจริงๆน๊า”

“โทชิยะนี่นายยังไม่ยอมปล่อยวางเรื่องในคาบเรียนทำอาหารอยู่อีกรึ?” 

“ก็ตอนนั้นชั้นก็คิดว่าทำใจได้แล้ว แต่ยังไงซะผู้ชายทุกคนก็อยากจะกินอาหารฝีมือของผู้หญิงที่ชอบไม่ใช่รึไง?”

“ประเด็นมันอาจจะยิ่งใหญ่ไปหน่อยแต่ก็อาจจะจริงนะ มันก็ยากจริงๆแหละที่จะได้กินอาหารฝีมือของผู้หญิงที่ชอบไอ้ชั้นเองก็คิดว่ามันคงจะทำให้คนกินดีใจสุดๆแน่ๆเลย”

 

เหมือนว่าฮอนโดจะสนใจอาหารทำเองจากเพศตรงข้ามอยู่เหมือนกัน

ดีล่ะ งั้นก็หมายความว่าตัวชั้นเองกำลังพยายามไปถูกทิศถูกทางแล้วสินะ

 

“ใช่มะ?! คุณเซโตะจะทำข้าวกล่องแล้วเอาให้ชั้นไหมนะ…..”

“ชั้นว่าอันนี้มันเข้าขั้นเพ้อเจ้อแล้วเพื่อน”

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขาเป็นเพื่อนซี้กันทำให้บางครั้งฮอนโดเองก็พูดตรงๆกับมัตสึโอกะได้

 

“ไม่สนหรอกว่าจะเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อหรือจินตนาการ แต่ชั้นจะทำให้มันเป็นจริงในสักวันเลยคอยดู!!”

“โชคดีครับเพื่อน”

“ใช่สิ แบบว่าต่อให้จะไม่ใช่อาหารฝีมือคนที่ชอบแต่แค่เป็นอาหารที่ได้จากคนอื่นมันก็ดีเหมือนกันนะ”

“นั่นสินะ จะทำเองก็ดีแต่การที่มีคนอื่นทำมาให้เนี่ยชั้นว่ามันก็ดูพิเศษพอตัวเลย”

 

เป็นข้อมูลชั้นดีเลย หมายความว่าพวกเขาจะรู้สึกดีใจเวลาที่มีคนอื่นทำอาหารมาให้ต่อให้จะไม่ได้มาจากคนที่ชอบก็ตามงั้นสินะ

 

“จะว่าไปแล้ว รอบก่อนที่เราคุยกันเรื่องความรักน่ะไดกิเคยคิดจะทำข้าวกล่องมาเองบ้างรึเปล่า?”

 

อยู่ๆมัตสึโอกะก็ถามฮอนโด

 

“ก็เคยคิดนะแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เพราะตื่นเช้าไม่ไหวน่ะ”

“งี้นี่เอง เพราะงั้นก็เยไปฝากท้องไว้กับร้านสหกรณืของโรงเรียนสินะ”

“ก็นะ แต่ตอนที่เราคุยกันเรื่องข้าวกล่องเอก่อนหน้านี้ ชั้นก็เลยติดใจนิดหน่อยเลยว่าจะลองทำดูถ้าตื่นเช้าได้ล่ะนะ”

 

ชั้นตั้งใจฟังอย่างและตอนนี้ก็คิดว่ากำลังเจอกับปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว

ฝีมือการทำอาหารของชั้นกับฮอนโดมันต่างกันราวกับฟ้ากับเหว

ถ้าขืนฮอนโดทำข้าวกล่องของตัวเองมาละก็การที่จะเอาข้าวกล่องของเราไปยื่นให้เขาทีหลังมันก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีกน่ะสิ

ตัวเราคิดว่าจะให้ข้าวกล่องกับเขาก็ต่อเมื่อเราพอใจกับรสชาติหลังจากฝึกปรนฝีมือมามากพอสมควรแล้ว แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าจะต้องรีบทำข้าวกล่องให้สำเร็จให้ได้

 

“นี่ สัปดาห์หลังๆมานี้คุณชิมิสึดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยเนอะ”

“ได้ยินข่าวลือมาว่าแผลที่มือของเธอเพิ่มมากขึ้นทุกวี่ทุกวันเลยด้วยแหละ เพราะไปมีเรื่องกับเด็กโรงเรียนอื่นทุกวันแน่ๆเลย มีคนตั้งทฤษฏีว่าเพราะมีคนทำให้เธอหงุดหงิดบ้างล่ะแล้วก็ทฤษฏีอื่นๆอีกจนไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนไม่จริงแล้ว แต่เรื่องเดียวที่รู้คือเราไม่ควรเข้าไปยุ่งตอนที่เธออยู่ในสภาพนั้นอ่ะนะ”

“นั่นสินะ ชั้นเองก็คงต้องระวังตัวบ้างแล้วสิ”

 

สัมผัสได้ว่าเพื่อนร่วมชั้นกำลังนินทาอยู่ที่มุมห้องเรียนแต่ไอ้เราเองก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะหันไปสวนกลับแล้ว

เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เริ่มทำข้าวกล่องและให้บอกตามตรงคือยังรู้สึกไม่โอเคกับข้าวกล่องของตัวเองเลยสักนิด

ไม่ว่าไอจะสอนได้ละเมียดละไมแค่ไหนในทุกๆเช้าแต่ทักษะในการทำอาหารของเราก็ยังไม่ดีขึ้นเลยและต่อให้คุณแม่ที่พึ่งจะมาเริ่มช่วยสอนด้วยเมื่อไม่กี่วันก่อนแต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิมในตอนที่กำลังนั่งกินอาหารที่ทำพลาดทั้งเราและไอก็ค่อยๆใจแป้วกันไปเรื่อยๆ

(ไม่รู้เลยว่าฝีมือการทำอาหารของตัวเองจะห่วยแตกถึงขั้นนี้)

เช้านี้ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะกินอาหารที่ตัวเองทำพลาดก็เลยห่อมาเป็นมื้อเที่ยงของวันนี้แทน

มันคงยากเกินไปสำหรับเราและขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะรบกวนไอเกินไปก็เลยตัดสินใจว่าจะเลิกทำข้าวกล่องตั้งแต่วันนี้

ในช่วงพักเที่ยงชั้นเอาข้าวกล่องที่แม่ทำให้และข้าวกล่องที่ทำเองออกมาจากกระเป๋าซึ่งต้องกินทั้งสองกล่องนี้ในตอนพักเที่ยง

แค่คิดก็อยากถอนหายใจแล้ว

 

“เฮ้อ…………..”

 

เสียงๆนั้นไม่ใช่ของชั้น 

ชั้นหาไปหาต้นตอของเสียงและเห็นฮอนโดเอามือเท้าคางดูเหม่อลอยอยู่

 

“เป็นอะไรไป? หน้าตาดูเศร้าสร้อยนะ”

 

อดสงสัยที่จะถามไม่ได้นั่นก็เพราะฮอนโดไม่ค่อยได้ถอนหายใจแบบนั้นเลย

 

“อา ขอโทษทีนะคุณชิมิสึ”

“ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษหรอก ว่าแต่มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”

 

เนื่องจากเราเป็นคนเริ่เปิดประเด็นชวนเขาคุยอย่างน้อยๆก็อยากจะรู้สาเหตุของการที่เขาถอนหายใจล่ะนะ

 

“ก็นะ พอดีว่าวันนี้ลืมเอาของบางอย่างมาน่ะ”

“แล้วลืมเอาอะไรมาล่ะ?”

“กระเป๋าตังน่ะเพราะงั้นก็เลยซื้อมื้อเที่ยงไม่ได้ เอาไงดีนะ”

 

พอลองมองไปที่โต๊ะของฮอนโดก็ไม่เจอขนมปังที่ปกติชอบซื้อมากินตอนพักเที่ยงแต่ถ้าว่านั่นคือปัญหาเดียวที่ติดอยู่วีการแก้ขัญหามันก็ง่ายมาก

 

“ถ้าแค่เรื่องเงินทำไมไม่ยืมมัตสึโอกะซะล่ะ? อย่างน้อยๆหมอนั่นก็น่าจะให้ยืมค่ามื้อเที่ยงสักมื้ออยู่นะ”

 

มัตสึโอกะควรเป็นคนแรกที่ฮอนโดจะหันไปหาในสถานการณ์นี้สิ

 

“ก็ใช่อยู่ ถ้าโทชิยะอยู่ก็คงจะให้ยืมอยู่หรอกแต่หมอนั่นออกไปตั้งแต่ช่วงเข้าพักเที่ยงเลยเพราะวันนี้มีประชุมชมรมฟุตบอล ผมเองก็น่าจะรู้ตัวว่าลืมเอากระเป๋าตังมาก่อนที่หมอนั่นจะออกไป”

 

พอลองมองไปรอบๆห้องดูก็ไม่เจอมัตสึโอกะ

 

“เอาเถอะ ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว วันนี้คงต้องอดมื้อเที่ยงไป ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะคุณชิมิสึ”

“ใครเป็นห่วงนายกันยะ”

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ”

 

บทสนทนาถูกขัดจังหวะไป

ในฐานะเด็กนักเรียน ม.ปลาย คนหนึ่งฮอนโดน่าจะหิวมากและจะให้มานั่งอดมื้อเที่ยงคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ ชั้นครุ่นคิดขณะเดียวกันก็มองไปที่โต๊ะของตัวเองและมันก็มีข้าวกล่องสองกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ

จริงสิ ใช่แล้ว วันนี้เรามีข้าวกล่องสองกล่องนี่นา นี่มันถือเป็นโอกาสที่คาดไม่ถึงสำหรับเราเลยนะเนี่ย

 

“นี่ฮอนโด”

“ว่าไง?”

 

ฮอนโดเบนสายตามาทางชั้นอีกครั้งและชั้นก็เอาข้าวกล่องยื่นไปวางไว้ตรงโต๊ะของเขา

 

 

“คุณชิมิสึ ข้าวกล่องนี่คือ?”

“……รับไปซะสิ”

“ครับ?”

“คือว่า……ชั้นให้น่ะข้าวกล่องนี่”

 

ฮอนโดดูเหมือนอยากจะถามว่าทำไมถึงให้กันล่ะ

 

“ก็ขอบคุณอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเป็นงั้นเธอก็ไม่มีมื้อเที่ยงน่ะสิ”

“ชั้นมีอีกกล่องนึง”

 

ชั้นชี้ไปที่ข้าวกล่องอีกกล่องที่อยู่บนโต๊ะ

 

“อ๋า จริงด้วยถ้างั้นแล้วข้าวกล่องนี่มันของใครกันล่ะ?”

“จะเป็นของใครก็ช่างเถอะ…….เอ้า ที่ชั้นให้ก็เพราะอยากตอบแทนเรื่องที่นายคอยช่วยในคาบเรียนทำอาหาร อีกอย่างใครมันจะไปกินข้าวกล่องสองกล่องเองคนเดียวได้ล่ะเพราะงั้นเลิกคิดมากแล้วกินๆไปเถอะน่า”

 

มีเครื่องหมายคำถามลอยอยู่บนหัวของฮอนโดคงเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงได้เอาข้าวกล่องมาสองกล่องล่ะนะ แต่จะบอกไม่ได้ว่าเราเอาข้าวกล่องที่ทำพลาดที่ตั้งใจจะทำมาให้หมอนี่มาด้วย

 

“ก็ถ้าคุณชิมิสึมีอยู่แล้วงั้นก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะขอน้อมรับไว้ด้วยความยินดีเลย”

“อื้อ”

 

ฮอนโดก็ดูเหมือนจะยังไม่แน่ใจนักแต่พอเห็นว่าเรามีอีกกล่องเขาก็เลยตัดสินใจหยิบข้าวกล่องไป

แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าข้าวกล่องที่ให้ฮอนโดไปนั้นใครเป็นคนทำ?

ทั้งข้าวกล่องของแม่และของเรากล่องมันดันมีรูปร่างและสีเหมือนๆกันและพอไม่ได้เปิดเช็คจากข้างในก็บอกไม่ได้ว่าสรุปที่ให้ฮอนโดไปเป็นกล่องไหนกันแน่

 

“ไอ้ผมเองก็ไม่ค่อยได้เห็นข้าวกล่องของคนอื่นบ่อยนักหรอกนะ เพราะงั้นก็เลยตื่นเต้นอยู่พอสมควรเลยล่ะ”

 

เขาตรวจดูสิ่งที่อยู่ข้างในและข้าวกล่องที่เรายื่นให้ฮอนโดนั้นเป็นของที่เราทำเองอย่างแน่นอน

 

(…….จบสิ้นแล้ว……..)

 

คิดว่าตอนนี้กำลังได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวอยู่

ตอนนี้กับข้าวที่ไหม้เกรียมของเรากำลังอยู่ในระยะสายตาของฮอนโดโดยสมบูรณ์แบบ

 

“งั้นผมขอลองกินเลยได้ไหมคุณชิมิสึ?”

 

ฮอนโดพูดขอโดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงปัญหาที่อยู่ข้างในใจของเราเลยแม้แต่น้อย

ถึงตอนนี้จะอยากขอให้เขาสลับข้าวกล่องแต่ในขณะเดียวกันก็อยากให้เขากินอาหารที่เราเป็นคนทำด้วย ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังตบตีกันเองอยู่ในสมองอยู่

 

“…..ได้สิ”

 

สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมให้เขากินข้าวกล่องที่เราทำไปจนได้

 

“ขอบใจนะ ถ้างั้นจะทานล่ะนะคร้าบ”

 

ฮอนโดคว้าตะเกียบขึ้นมาโดยที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับสีดำอันสุดแสนจะเลวร้ายของตัวอาหารเลย หลังจากครุ่นคิดไปพักนึงเขาก็หยิบทามาโกะยากิสีดำปิ้ดปี๋ที่เราฝึกทำทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วเอาเข้าปาก

พอลองมองดูสีหน้าฮอนโดก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

นี่มันแปลก…..เพราะว่านี่มันคือหนึ่งในเมนูสยองขวัญที่สามารถพรากรอยยิ้มของคนในครอบครัวไปได้เชียวนะ

ขณะที่กำลังมองอยู่จู่ๆฮอนโดก็หันมาหาหรือบางทีอาจจะรู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้องอยู่

 

“มีอะไรเหรอ? เธออยากลองข้าวกล่องนี่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?”

 

นี่ฮอนโดคิดว่าเราเป็นคนเห็นแก่กินขนาดนั้นเลยรึไงนะ

 

“เปล่า แค่อยากรู้ว่านายจะเริ่มจากเมนูไหนก่อนเท่านั้นแหละ”

“อันที่จริงเขาว่ากันว่าการที่คนเราเลือกกินเมนูไหนก่อนมันจะแสดงให้เห็นถึงนิสัยของคนๆนั้นได้ด้วยนะ ส่วนผมเป็นประเภทที่จะเริ่มด้วยทามาโกะยากิก่อนน่ะ”

 

ตกใจจริงๆที่ฮอนโดดูเหมือนว่าจะยังอุตส่าห์รู้ว่าไอ้ก้อนมวลสารสีดำนั้นคือทามาโกะยากิก่อนจะกินมันเข้าไปน่ะ

 

“แต่ผมเองก็ไม่เคยกินทามาโกะยากิฝีมือคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวมาก่อนเลย เจ้าทามาโกะยากินี่รสชาติน่าสนใจไม่เบาเลยนะเนี่ย”

“น่าสนใจ…..นายคิดงั้นเหรอ?”

 

เอาเถอะ ก็ยังดีกว่าถูกบอกว่ามันห่วยแตกหรือฝืนใจบอกว่ามันอร่อยล่ะนะ

 

“ขอโทษทีหรือว่าจะไม่ใช่เหรอ? มันเป็นทามาโกะยากิที่มีรสชาติที่ไม่เคยกินมาก่อนก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไงดี”

“…….ช่างเถอะ”

“ไว้ถ้านึกออกแล้วจะบอกอีกทีนะ”

 

แล้วฮอนโดก็กลับไปกินข้าวต่อในขณะที่เราเองก็กินข้าวกล่องของแม่ที่เตรียมไว้ให้ก็พลางมองข้างๆตรวจสอบฮอนโด

เมนูต่อไปที่ฮอนโดเลือกคือหมูผัดขิงที่เป็นอีกเมนูที่เราพยายามแล้วพยายามอีกในทุกๆเช้าตลอดทั้งสัปดาห์ แล้วก็นะมันมีเมนูอื่นๆในกล่องข้าวที่เราคิดว่าถ้าเขาเลือกเราน่าจะรู้สึกดีขึ้นแต่ทำไมเขาถึงได้ให้ความสำคัญกับเมนูที่เราคิดว่าทำออกมาได้ห่วยแตกเป็นพิเศษกันล่ะ?

(อย่างน้อยๆก็ช่วยเลือกเมนูอื่นให้ได้เตรียมใจกันหน่อยสิยะ…)

 

“คือว่านะ…….คุณชิมิสึ? มันลำบากใจนะที่จะต้องกินโดยที่มีเธอคอยจ้องอยู่ตลอดแบบนี้น่ะ”

“นายไหวรึเปล่าฮอนโด? ไม่ใช่ว่ากำลังกล้ำกลืนฝืนทนให้ตัวเองกระเดือกลงคออยู่ใช่ไหม?”

 

เราพูดในสิ่งที่คิดออกไป

 

“คำถามนั้นน่ากลัวอยู่นิดหน่อยแฮะ แล้วไอ้เจ้าหมูผัดขิงนี่มันใส่อะไรพิสดารๆที่ปกติเขาไม่ใส่ลงไปอย่างนั้นเหรอ?”

“ไม่ได้ใส่อะไรแบบนั้นลงไปหรอกน่าแต่………แบบว่า ฮอนโดนี่นายไม่รู้สึกอะไรหลังจากที่กินไอ้เจ้าหมูผัดขิงนั่นเข้าไปเลยอย่างงั้นเหรอ?”

 

ตอนที่ไอได้ชิมครั้งแรกเธอถึงกับบอกเลยว่าหมูผัดขิงนี่แหละตัวสิ้นหวัง

 

“ก็ไม่รู้สินะ…………….เพราะชอบหมูผัดขิงอยู่แล้วก็เลยกินด้วยความคาดหวังล่ะมั้งนะ”

 

อย่างที่เคยได้ยินมาก่อหน้านี้เลย ฮอนโดดูเหมือนจะเป็นคนที่ชอบหมูผัดขิงเอามากๆแต่ว่านั่นไม่ใช่คำตอบที่เราอยากะได้ยินในตอนนี้

 

“ถ้าไม่ชอบก็พูดได้เลยนะว่ามันไม่อร่อย”

“ไหงงั้นล่ะ? ไม่พูดหรอกยิ่งเป็นข้าวกล่องฝีมือคุณชิมิสึอีกยิ่งแล้วใหญ่เลย”

“นี่นาย………ทำไมถึงได้คิดว่าชั้นเป็นคนทำล่ะ……..”

 

เพราะไม่เคยบอกใครว่าเราทำข้าวกล่องเองมาก่อนเพราะงั้นไม่ว่าใครก็จะต้องคิดว่าเป็นฝีมือของครอบครัวทำให้ทั้งนั้นแล้วนี่ฮอนโดรู้ได้ยังไงกัน

 

“ก็เพราะว่าคุณชิมิสึน่ะตอนที่ผมถามว่ามีอะไรในหมูผัดขิงรึเปล่าก็เป็นคนรับรองว่าไม่มีอะไรใช่ไหมล่ะ? ผมก็เลยคิดว่าคงเป็นฝีมือเธอแน่ๆเพราะถ้าไม่ใช่ก็คงไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมาแน่ๆ”

“แต่หลักฐานแค่นั้นมันยังไม่พอหรอกนะ?”

“อีกอย่างเธอก็พูดไว้ก่อนหน้านี้ด้วยว่าถ้าไม่อร่อยก็ให้บอกตามตรงว่าไม่อร่อย ผมไม่คิดว่าคุณชิมิสึคงไม่พูดแบบนั้นหรอกถ้าเธอไม่ได้ทำเอง”

“อึกกกก”

 

ถึงอยากจะแก้ตัวแต่ก็รู้สึกว่าถ้าโกหกส่งๆไปคงจะถูกจับได้ทันทีแน่ๆ

 

“ผมคงเดาถูกสินะ ยังไงก็เถอะคุณชิมิสึ ข้าวกล่องที่เธออุตส่าห์ทุ่มเทบากบั่นทำมาจะดีเหรอที่เอามาให้ผมกินน่ะ”

 

เอาไงดี? บอกความจริงเลยดีไหม? ว่าเราตั้งใจทำข้าวกล่องนั่นเพราะอยากให้ฮอนโดกินและก็ดีใจที่เขายอมกินมันน่ะ………..ไม่ได้! แค่คิดก็อยากจะหายไปเพราะความเขินแล้วเนี่ย

และความเงียบก็ปกคลุมระหว่างเรา

 

“คุณชิมิสึ?”

 

ฮอนโดทำลายความเงียบ บางทีเราอาจจะสับสนกับการโต้ตอบของตัวเองอยู่

 

“…..คิดมาก”

“ไงนะ?”

“เลิกคิดมากได้แล้วและไอ้เจ้าข้าวกล่องนั่นชั้นก็แค่ทำขึ้นมาตามอำเภอใจแค่นั้นแหละแล้วก็ที่ให้นายเพราะคิดว่าวันนี้ไม่น่าจะกินหมดด้วยตัวคนเดียวเฉยๆหรอก”

“ทำตามอำเภอใจมาทั้งสัปดาห์เลยน่ะนะ?”

 

ฮอนโดจี้ตรงจุดเต็มๆ หมอนี่อาจจะแค่พูดในเรื่องที่สงสัยออกมาเฉยๆแต่มันยิ่งทำให้เราเองก็สงสัยว่าได้เผลอพูดเรื่องสำคัญออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจรึเปล่า

 

“นี่นายรู้ได้ยังไงว่าชั้นทำข้าวกล่องมาทั้งสัป…….?”

 

พอรีบตัดคำพูดก่อนจบประโยคแต่ดูเหมือนว่าฮอนโดจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็เลยชี้มาที่มือที่แปะพลาสเตอร์ปิดแผลอยู่

 

“ก็ถือแปะพลาสเตอร์ไว้ที่มือไว้เพราะบาดเจ็บตรงนิ้วตอนทำอาหารใช่ไหมล่ะ? ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าไปทำอะไรทำไมถึงได้แผลมาแต่พอหลังจากที่ได้เห็นข้าวกล่องก็เข้าใจเลยล่ะนะ”

 

ฮอนโดน่ะต่างจากเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ตรงที่ได้คิดว่าเราได้แผลมาจากการต่อยตี

…………ความรู้สึกคันยุบยิบที่อธิบายไม่ถูกเกิดขึ้นในตัวชั้น

 

“คุณชิมิสึ? นี่?”

 

ชั้นสั่นเทิ้มกับคำพูดของฮอนโดและละทิ้งความตั้งใจที่จะอธิบายว่าทำไมถึงได้ทำข้าวกล่องมาทั้งสัปดาห์ พยายามคิดให้ไวแต่ก็คิดไม่ออกเลยก็เลยตัดสินใจโยนตัวเองไปตามแรงเหวี่ยงมันซะเลย

 

“………ไม่เห็นจะสำคัญตรงไหนเลยว่าชั้นเริ่มทำข้าวกล่องตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไงซะก็ไม่ได้เหตุผลอะไรเป็นพิเศษที่ชั้นให้ข้าวกล่องนั่นกับนายหรอกยะ! เข้าจั้ย!?”

“เอ่อ เข้าใจแล้ว ก็ถ้าคุณชิมิสึว่าแบบนั้นก็ช่างมันเถอะนะ”

 

ดูเหมือนว่าฮอนโดจะไม่ซักไซ้เรื่องนี้ต่อแล้ว

 

“ถ้าเข้าใจก็แล้วรีบๆกินซะ”

“ครับ ขอบคุณมากนะ”

 

จากนั้นฮอนโดก็นั่งกินข้าวกล่องต่อไปอย่างเงียบๆและในที่สุดก็กินจนหมด

 

“ขอบคุณสำหรับอาหารครับ’

“……..ถ้าหมดแล้วก็เอากล่องข้าวมาให้ชั้นนะ”

 

ชั้นเอื้อมมือไปทางฮอนโดกระตุ้นให้เชาเอากล่องข้าวคืน

 

“เดี๋ยวผมขอล้างก่อนค่อยเอามาคืนทีหลังนะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าชั้นกินคนเดียวสองกล่องไม่ไหวแถมข้าวกล่องนี้ก็ถือซะว่าเป็นการขอบคุณตอนคาบเรียนทำอาหารชั้นก็ต้องตอบแทนบุญคุณตั้งแต่ต้นจนจบสิ”

“…..ก็ได้ งั้นก็ขอบคุณสำหรับอาหารอีกครั้งนะคุณชิมิสึ”

 

จากนั้นฮอนโดก็ยื่นกล่องข้าวคืนมาให้

 

“……หืม”

“แล้วก็………..ขอผมพูดอะไรอีกอย่างได้ไหม?”

“อะ-อะไรล่ะ?”

 

รู้สึกเครียดหน่อยๆพอเขาถามขึ้นมาแบบนี้

 

“ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆนะเรื่องข้าวกล่องวันนี้ ผมลืมกระเป๋าตังและกำลังงานเข้าอย่างจังเพราะงั้นก็เลยช่วยได้มากเลยล่ะ ดีใจสุดๆเลยที่ได้กินข้าวกล่องฝีมือคุณชิมิสึทำคราวหน้าไว้ผมจะทำมาให้บ้างเพื่อเป็นการตอบแทนนะ”

 

……………..อร๊ายยยย ดีใจ………ดีใจ………..ดีใจสุดๆไปเล๊ยยยยยยยยยยยย

 

คำพูดพวกนี้วิ่งวนในหัวเพราะฮอนโดมายืนยันให้ว่าตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ ยากลำบากทรหดแสนเข็ญนั้นไม่สูญเปล่าเลย

 

“เป็นอะไรรึเปล่าคุณชิมิสึ?”

 

คำพูดของฮอนโดดึงสติกลับมาได้ 

ดูเหมือนว่ามันดีต่อใจเกินไปจนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวล่องลอยไปซะไกล

 

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก…..ก็แค่ถ้าหาก…”

“?”

“ถ้าหากชั้นเผลอทำข้าวกล่องตามอำเภอใจมาอีกล่ะก็ช่วยกินอีกด้วยล่ะ”

 

ฮอนโดดูตกใจไปครู่นึงแล้วก็กลับมายิ้มอีกครั้ง

 

“ได้เลย ไว้ผมจะตั้งตารอนะ”

 

 ตัวชั้นกำหมัดทำท่าชัยชนะอยู่ภายในใจ

 

คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว

คุณชิมิสึแยงกี้ตัวแม่ที่นั่งโต๊ะข้างๆไม่รู้อารมณ์ไหนถึงได้ย้อมผมดำมาซะเเล้ว

Status: Ongoing
“คุณชิมิสึย้อมผมดำเหรอ?” “กะ-ก็นะ” “ทำไมจู่ๆถึงได้ย้อมล่ะ. “จะทำไมอีกล่ะ! ก็เมื่อวาน….” [ชิมิสึ เคย์] สาวแยงกี้ผมบลอนด์ผู้ที่เป็นโจทย์จันของทั้งโรงเรียน เธอคือหญิงสาวที่อยู่ในทุกข่าวลือเสียๆหายๆทั้งปวง ทั้งเรื่องทะเลาะวิวาทเอย หรือการแหกกฏของโรงเรียนต่างๆ แต่จู่ๆเธอก็ดันย้อมผมดำพร้อมกับแต่งตัวมาเรียนซะเรียบร้อยแถมเข้าเรียนครบทุกคาบเฉยเลย มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ? มันเกี่ยวข้องกับตอนที่ [ฮอนโด ไดกิ] ได้บอกกับ [มัตสึโอกะโทชิยะ] ไอ้เพื่อนซี้ไปเมื่อวานตอนที่ถามว่าสเปคสาวที่ไดกิชอบเป็นยังไง? แล้วก็ดันตอบไปว่า “ชอบสาวผมดำยาว ลุคเรียบร้อยไม่แต่งตัวฉูดฉาด” รึเปล่านะ? เตรียมผมกับเลิฟคอมเมดี้รักใสๆของแยงกี้สายซึนผู้ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่ตัวเองแอบชอบกับหนุ่มหน้ามนสายหยอดที่พร้อมจะปกป้องทุกข่าวลือเสียๆหายๆของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท