ตอนที่ 846 คำเชิญจากผู้กำกับโหยว
ทุกการเคลื่อนไหวของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนล้วนอยู่ในสายตาของเหมาฉง
แม้ในช่วงสองสามวันที่เขาอยู่ในหมู่บ้านอู๋ เขาก็ขโมยไก่แก่ของครอบครัวไปขายที่ตลาด
เพื่อแลกกับเงิน เขายอมทำทุกอย่างและขายทุกอย่างเพื่อสนองความโลภของเขา
หากตามไอ้สารเลวนี่ไป เหมาฉงก็ย่อมรู้ที่อยู่ของหลินเพ่ยเป็นธรรมดา
เหมาฉงซ่อนตัวอยู่ในความมืด เฝ้าดูเขาขายน้องชายและน้องสาวของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนด้วยตาของตัวเอง
นอกจากนี้เขายังเฝ้าดูหลินเพ่ยขึ้นเรือลักลอบไปยังฮ่องกงเพียงลำพัง
หลังจากที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเช่าบ้านชาวนาตามแนวชายฝั่งและลงหลักปักฐานแล้ว เ หมาฉงก็โทรหาหลินม่ายและรายงานรายละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่ของทั้งคู่
หลินม่ายขอให้เหมาฉงแจ้งเฉินเฟิงว่าในครั้งนี้ไม่ต้องทำการปล้นหลินเพ่ย และปล่อยให้หล่อนได้ทำศัลยกรรมพลาสติกในฮ่องกงอย่างราบรื่น
ตอนนี้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนขายพี่น้องทั้งหมดของเขาแล้ว เธอได้เห็นโศกนาฏกรรมทางจริยธรรมของครอบครัวนี้แล้ว
หลังจากนี้เธอก็เพียงปิดอวนล้อม และปล่อยให้หลินเพ่ยถูกนายท่านฉุยฆ่า
ในเมื่อหลินเพ่ยต้องการให้เธอตายอย่างอนาถภายใต้เงื้อมมือของนายท่านฉุย หลินม่ายก็ต้องการดูว่าหากหลินเพ่ยบอกราคาหุ้นในตลาดหุ้นผิดๆ แก่นายท่านฉุยและทำให้นายท่านฉุยขาดทุน นายท่านฉุยจะปล่อยให้หล่อนมีชีวิตรอดต่อไปอีกหรือไม่
หลินม่ายบอกเหมาฉงซ้ำ ๆ ว่าต้องจับตาดูหลินเพ่ยเมื่อหล่อนกลับมาจากการทำศัลยกรรมพลาสติกที่ฮ่องกง อย่าปล่อยให้คลาดสายตา
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะใช้การสะกดจิตเพื่อควบคุมความทรงจำของหลินเพ่ย แต่หลินม่ายเองก็ไม่รู้ว่าหล่อนจะไปทำศัลยกรรมที่ฮ่องกงเมื่อใด และเมื่อใดที่หล่อนจะได้ใกล้ชิดกับนายท่านฉุย
ดังนั้นจึงยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่หลินม่ายจะรู้สิ่งเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง
เธอทิ้งข้อมูลหุ้นที่ถูกต้องไว้ในใจหลินเพ่ยเพียงสองข้อมูลเพื่อสร้างความสับสนให้กับนายท่านฉุย และล่อให้เขาตกเป็นเหยื่อ
ในบรรดาข้อมูลหุ้นที่ถูกต้องสองข้อมูลนี้ ข้อมูลหนึ่งคือข้อมูลหุ้นที่เธอซื้อเมื่อไปฮ่องกงเพื่อร่วมงานเทศกาลแฟชั่นนานาชาติในเดือนพฤษภาคม
หุ้นเหล่านั้นมีมูลค่าสูงสุดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ตามข้อมูลที่ได้รับจากการสะกดจิตหลินเพ่ย หลินม่ายขายหุ้นทั้งหมดก่อนที่จะถอนออกมาเป็นเงินสดและทำกำไรสุทธิมากกว่าสิบล้าน
ถ้าอย่างนั้นก็ไร้ประโยชน์ที่จะเก็บข้อมูลหุ้นที่ล้าสมัยไว้ในความทรงจำของหลินเพ่ย
เธอต้องใช้การสะกดจิตเพื่อป้อนข้อมูลหุ้นฮ่องกงที่ถูกต้องอีกครั้งในหัวของหลินเพ่ยเพื่อให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปได้อย่างที่เธอจินตนาการ
ส่วนข้อมูลหุ้นที่ถูกต้องอีกชิ้นในหัวของหลินเพ่ยคือ หุ้นม้ามืดไม่กี่ตัวที่จะทะยานขึ้นในเดือนมีนาคมปีหน้า
ยังมีระยะเวลาก่อนที่ความทรงจำนี้จะหมดอายุ ดังนั้นอย่าเพิ่งเปลี่ยนตอนนี้ และรอจนกว่าจะหมดอายุ
นั่นเป็นเหตุผลที่หลินม่ายขอให้เหมาฉงคอยจับตาดูหลินเพ่ยอย่างใกล้ชิดและอย่าละสายตาจากหล่อน
มิฉะนั้นเธอจะไม่สามารถสะกดจิตหลินเพ่ยและแก้ไขความจำของหล่อนได้ จากนั้นแผนการของเธอก็จะจบลง และอาจมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น
เหมาฉงยืนยันกับหลินม่ายทางโทรศัพท์ซ้ำ ๆ ว่าเขาจะไม่มีวันคลาดสายตาจากหลินเพ่ย
หลังจากวางสายเหมาฉง หลินม่ายก็นิ่งเงียบเป็นเวลานาน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรักหลินเพ่ยมากกว่าสิ่งอื่นใด แม้แต่พี่น้องของตนเขาก็สามารถเสียสละเพื่อหล่อนได้
ไม่น่าแปลกใจที่เธอไม่สามารถครองหัวใจของเขาด้วยความพยายามทั้งหมดในชาติที่แล้ว
ในที่สุดเขาและเพ่ยเพ่ยยอดรักของเขาก็ร่วมมือกันปลิดชีวิตเธอ
หลินม่ายถอนหายใจเบา ๆ รู้สึกเสียดายกับสิ่งที่เธอทำเหมือนคนโง่ในชาติที่แล้ว
ในชีวิตที่แล้ว จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง!
พริบตาเดียวก็กลางเดือนตุลาคมแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง ‘แดนดิไลออนที่ปลายฟ้า’ ที่นำแสดงโดยหลินม่ายได้ฉายในฮ่องกงและไต้หวันหลายวันแล้ว
เนื่องจากขาดข้อมูล หลินม่ายจึงไม่รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีกระแสอย่างไรหลังจากออกฉายในฮ่องกงและไต้หวัน
ในชีวิตที่แล้ว แม้ว่าบ็อกออฟฟิศของภาพยนตร์เรื่องนี้ในฮ่องกงและไต้หวันจะไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้แย่
แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะรับข่าวสารจากฮ่องกงและไต้หวันในแผ่นดินใหญ่ แต่หลินม่ายสามารถสอบถามผ่านเคอจื่อฉิงได้
หนังสือพิมพ์และวารสารบันเทิงของฮ่องกงครอบคลุมความบันเทิงทั้งหมดในโลก รวมทั้งความบันเทิงจากไต้หวัน
เคอจื่อฉิงบอกหลินม่ายว่าภาพยนตร์ที่เธอแสดงได้รับกระแสตอบรับที่ดีในไต้หวัน แม้จะไม่ดีเท่าในฮ่องกง แต่ก็ยังได้รับความนิยมเล็กน้อย
เคอจื่อฉิงพูดอย่างตื่นเต้นทางโทรศัพท์ “ฉันกับอาเฟิงไปดูหนังเรื่องนั้นมาแล้ว เธอทำได้ดีมาก! ม่ายจื่อ เธออยากเข้าวงการบันเทิงหรือเปล่า?
“ไม่” หลินม่ายพูดโดยไม่ต้องคิด
หากเธออาศัยอยู่ในฮ่องกง เธออาจจะอยู่ในวงการบันเทิง
เพราะในฮ่องกง ดาราสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนธรรมดา แต่ไม่ใช่ในจีนแผ่นดินใหญ่
เธอยังไม่ได้เป็นดารา เธอเป็นเพียงนักร้องสำหรับการประกวดนางแบบแห่งห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายในมหาวิทยาลัยโดยไม่มีใครวิ่งตาม
การเดินบนถนน การเป็นที่รู้จักของผู้คน การแจกลายเซ็น และการถ่ายรูปส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัวของเธอมากเกินไป
หากคิดจะเป็นดาราก็จงรู้ว่าจะไม่มีชีวิตที่เป็นอิสระอีกต่อไป
เหตุผลที่เธอยอมแสดงภาพยนตร์ ‘แดนดิไลออนที่ปลายฟ้า’ ไม่ใช่เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ถล่มทลายในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เป็นเพราะหากเธอได้แสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอก็สามารถทำเงินได้มากขึ้น
เคอจื่อฉิงรู้สึกเสียใจ “น่าเสียดาย ต่อไปฉันก็จะไม่ได้ดูหนังของเธออีกแล้วน่ะสิ”
สองวันต่อมา ผู้กำกับโหยวก็โทรมารายงานหลินม่ายว่า ‘แดนดิไลออนที่ปลายฟ้า’ เปิดตัวเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว และกระแสตอบรับก็ดีมาก
ต้นทุนทั้งหมดได้รับคืนนับตั้งแต่วันแรกของการฉาย และอีกหกวันต่อมาก็ล้วนเป็นกำไร
หลินม่ายได้รับเงินลงทุนได้รับคืนเต็มจำนวน และยังมีการแจกโบนัสมากกว่าห้าล้านดอลลาร์ฮ่องกงอีกด้วย
ต้นทุนของหนังเรื่องนี้น้อยกว่าสองล้านเหรียญฮ่องกง
ผู้กำกับโหยวคิดว่าหลินม่ายจะกรีดร้องด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินเรื่องเงินปันผลจำนวนมาก
แต่ปลายสายกลับสงบนิ่ง
เงินปันผลมากกว่าห้าล้านหยวนนั้นไม่มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเงินปันผลจากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์เรื่องนี้ในแผ่นดินใหญ่จำนวนหกร้อยล้านหยวน หลินม่ายจะกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นได้อย่างไร!
ผู้กำกับโหยวโทรมาครั้งนี้ไม่เพียงจะบอกหลินม่ายเกี่ยวกับการออกฉายของภาพยนตร์ในฮ่องกงและไต้หวัน แต่ยังเชิญเธอให้เข้าร่วมในเทศกาลภาพยนตร์ม้าทองคำไต้หวันที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย
หลินม่ายกล่าว “ฉันทำหนังสือเดินทางไม่ได้น่ะค่ะ ต่อให้ฉันต้องการเข้าร่วม ฉันก็ไปไม่ได้”
ผู้กำกับโหยวกล่าว “ตราบใดที่คุณเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์รางวัลภาพยนตร์ทองคำ คณะกรรมการจัดงานจะคอยช่วยเหลือคุณในการขอหนังสือเดินทาง มันง่ายมากครับ”
หลินม่ายลังเลเล็กน้อย เธอไม่สามารถทนต่อคำพูดที่นุ่มนวลของผู้กำกับโหยวได้
การพูดว่า ‘แดนดิไลออนที่ปลายฟ้า’ มีแนวโน้มที่จะชนะรางวัลโดยไม่มีนักแสดงนำเข้าร่วมงานทำให้เธอรู้สึกอายมาก
นอกจากนี้หลินม่ายยังต้องการเยี่ยมชมไต้หวัน ดังนั้นในที่สุดเธอก็ตกลง
ไม่กี่วันต่อมา ผู้กำกับโหยวขอให้ทีมงานโอนเงินลงทุนและเงินปันผลทั้งหมดของ ‘แดนดิไลออนที่ปลายฟ้า’ ไปยังบัญชีของหลินม่าย
ก่อนหน้านี้ ช่างเทคนิคสองคนจากโรงงานถุงน่องเจี่ยเม่ยกล่าวว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือนในการพัฒนากระบวนการผลิตถุงน่องที่หนาขึ้น
ในวันแรกของปลายเดือนตุลาคม ช่างเทคนิคทั้งสองได้พัฒนาถุงน่องที่หนาขึ้นตามที่หลินม่ายต้องการ
เสิ่นเสี่ยวผิงใช้เวลาสองวันในการบินจากเมืองหลวงไปยังเจียงเฉิงเพื่อรับตัวอย่าง จากนั้นจึงบินกลับจากเจียงเฉิงไปยังเมืองหลวงเพื่อให้หลินม่ายดู
เสิ่นเสี่ยวผิงนำตัวอย่างถุงน่องมาทั้งหมดเจ็ดหรือแปดคู่ในครั้งนี้
ขณะหลินม่ายกำลังตรวจสอบคุณภาพของถุงน่อง เสิ่นเสี่ยวผิงก็อธิบาย
“ถุงน่องเหล่านี้แบ่งออกเป็นสามเกรด มีถุงน่องเกรดหนึ่ง ถุงน่องเกรดสอง และถุงน่องเกรดสาม เกรดหนึ่งจะบางที่สุด และเกรดสามจะหนาที่สุด ช่างเทคนิคสองคนบอกว่าประเทศของเรามีอาณาเขตกว้างขวาง และอุณหภูมิในแต่ละภูมิภาคก็แตกต่างกันมาก ด้วยถุงน่องทั้งสามระดับนี้จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งหมดทั่วประเทศได้”
หลินม่ายพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ถุงน่องตัวอย่างเหล่านี้มีให้เลือกสามโทนสี ได้แก่ สีดำ สีเทา และสีเนื้อ
สีเทาแบ่งออกเป็นสีเทาอ่อนและสีเทาเข้ม และยังมีสีเนื้ออีกมากมาย
ถุงน่องคุณภาพดี และยังออกแบบให้มีขนาดใหญ่สำหรับคนอ้วนอีกด้วย
ช่างเทคนิคสองคนนี้ทุ่มเทให้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มาก
หลินม่ายขอให้เสิ่นเสี่ยวผิงติดตอผู้อำนวยการคลังของสำนักงานใหญ่ และขอให้เขาให้โบนัสหนึ่งพันหยวนแก่ช่างเทคนิคสองคนของโรงงานถุงน่องเจี่ยเมี่ย และขอให้เหรินเป่าจูสั่งผลิตถุงน่องทั้งสามประเภทนี้จำนวนมาก
หลินม่ายแนะนำว่านอกเหนือจากเนื้อสีดำ สีเทา และสีเนื้อ ยังสามารถเพิ่มสีไวน์แดงและสีน้ำเงินได้เล็กน้อย
ด้วยการมีถุงน่อง จะช่วยจำแนกประเภทของเสื้อผ้าจิ่นซิ่วได้ชัดเจนขึ้น
หลินม่ายยังขอให้เสิ่นเสี่ยวผิงบอกเหรินเป่าจูให้เลือกทีมผู้นำในโรงงานถุงน่องเจี่ยเมี่ยในการดำเนินการ
เธอจะได้ไม่ต้องจัดการห้องเสื้อจิ่นซิ่วและโรงงานถุงน่องเจี่ยเม่ยในเวลาเดียวกัน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา หลินม่ายเห็นโฆษณาถุงน่องเจี่ยเม่ยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ CCTV
เด็กสาวหกคนผู้มีผิวขาวสวยและขาเรียวยาวยืนเรียงแถวกัน พวกหล่อนสวมถุงน่องสีดำ สีเทา สีเนื้อ และสีน้ำเงินเข้มดูสะดุดตา เรียกได้ว่าเป็นอาหารตาที่งดงามและน่าหลงใหลเหลือเกิน
หลังจากนั้นฉากหลังก็เปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างหดหู่ และเกล็ดหิมะก็กระพือ
บนถนน เด็กสาวหลายคนสวมเสื้อผ้าและกางเกงบุผ้าฝ้ายเนื้อหนา พวกหล่อนต่างเบียดเสียดกันและสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาว
แต่สาวงามทั้งหกคนที่สวมกระโปรงและถุงน่องเจี่ยเม่ยกลับเดินเชิดหน้าท่ามกลางหิมะ ก่อเกิดภูมิทัศน์ที่สวยงาม
ในฉากสุดท้าย สาวงามหกคนยืนเรียงแถวกัน หันหน้าเข้าหากล้องแล้วกล่าว “ในฤดูหนาว เราต้องการทั้งความอบอุ่นและความงดงาม”
ถุงน่องแบบหนากับกระโปรงมีประสิทธิภาพมากกว่าเลกกิ้ง ดูสวยงามและเป็นผู้หญิงกว่า ทั้งยังสวยงามกว่าด้วย
ในวันที่สองหลังจากโฆษณาออกอากาศ ลูกค้าหญิงสาวจำนวนมากต่างไปยังเคาน์เตอร์ถุงน่องเจี่ยเม่ยในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพื่อสอบถามว่ามีถุงน่องเจี่ยเม่ยขายหรือไม่
พนักงานขายถุงน่องเจี่ยเม่ยในห้างสรรพสินค้าใหญ่ต่าง ส่ายศีรษะไปตาม ๆ กัน
ลูกค้าถามว่าเมื่อไหร่จะขายถุงน่อง แต่พนักงานขายบอกว่ายังไม่ได้รับแจ้ง
ไม่กี่วันต่อมา สถานีวิทยุท้องถิ่นก็กระหน่ำโฆษณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และถุงน่องถุงน่องเจี่ยเม่ยก็วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 8 พฤศจิกายน
เมื่อถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน เคาน์เตอร์ถุงน่องเจี่ยเม่ยในเมืองใหญ่ทุกแห่งขายถุงน่องแบบหนาได้มากมาย
โชคดีที่พวกเขาเตรียมการได้ดีพอสมควร และสินค้าถูกเติมทันเวลาทุกครั้ง
เฉพาะวันนี้ ถุงน่องก็ถูกขายไปแล้วหลายแสนคู่
ผลลัพธ์ที่ดีดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการตลาดที่ดีในช่วงแรก
หลินม่ายโทรหาเหรินเป่าจู
เหรินเป่าจูกล่าวว่าไม่ใช่ความดีความชอบของเธอ แต่เป็นของหวังคุนผิง ผู้ดูแลการดำเนินงานโรงงานที่หลินม่ายเลือก
หลินม่ายเรียกหวังคุนผิงมาอีกครั้งเพื่อยกย่องเขา
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงคำชมเท่านั้น แต่ยังมีโบนัสมากมายในช่วงปลายเดือนอีกด้วย
อยากให้ม้าวิ่งเร็วก็ต้องให้อาหารม้าอย่างดี
อยากให้ลูกน้องตั้งใจทำงานก็ต้องให้โบนัสตอบแทน
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สรุปแล้วก็ไปไต้หวันจนได้ จะได้เจอเรื่องอะไรที่ไต้หวันกันนะ
ไหหม่า(海馬)