บทที่ 824 โอหังเกินไปแล้ว เอ่ยวาจาเย้ยหยันคุณชายเชียวหรือ?!
นิกายอวี้ซวีมีผู้คนอยู่แน่นขนัด พวกหลี่จิ่วเต้าเข้าไปได้ยากยิ่ง สิ่งมีชีวิตเต็มผืนฟ้าแผ่นดิน เรียกได้ว่าเป็นทะเลมนุษย์อย่างแท้จริง
ทว่ามีลูกศิษย์นิกายอวี้ซวีเฝ้าอยู่ที่นี่เพื่อรอการมาของพวกหลี่จิ่วเต้าโดยเฉพาะ
“มาแล้ว!”
เขายืนอยู่บนที่สูง เมื่อได้เห็นหลี่จิ่วเต้าก็รีบรายงานสือเฟิง
“คุณชายมาถึงแล้วหรือ”
หลังสือเฟิงได้รับรายงานก็ตื้นตันใจเป็นที่สุด รีบออกมาต้อนรับหลี่จิ่วเต้าทันทีพร้อมกับเจ้านิกายและบรรดาผู้อาวุโสแห่งนิกายอวี้ซวี
เจ้าของงานออกมาแล้ว สิ่งที่มีชีวิตที่ล้อมที่นี้ไว้รีบเบี่ยงหลบออกมาจนได้เส้นทางสายหนึ่ง พวกสือเฟิงมาถึงตัวหลี่จิ่วเต้า
“คุณชาย!”
สือเฟิงกล่าวทักทายคุณชายด้วยความนอบน้อม เจ้านิกายและบรรดาผู้อาวุโสแห่งนิกายอวี้ซวีก็ทักทายหลี่จิ่วเต้าอย่างมีมารยาทเช่นกัน
แม้พวกเขาไม่รู้ว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นใคร สือเฟิงมิเคยเผยไต๋ให้พวกเขาทราบ กระนั้นสือเฟิงได้กล่าวไว้ว่า นี่คือผู้ที่เขานับถือที่สุด ห้ามมิให้เสียมารยาทแม้แต่น้อย
“ท่านผู้นี้เป็นใครกัน สุดยอดไปเลย!”
“จริงด้วย สือเฟิงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ทั้งยังเคารพเขาถึงเพียงนี้…”
สิ่งมีชีวิตที่นี่ตะลึงกันหมด พากันคาดเดาถึงตัวตนของหลี่จิ่วเต้า พวกเขาเองก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของหลี่จิ่วเต้าเช่นกัน ท่าทางจริงจังเช่นนี้ของสือเฟิงชวนให้พวกเขาประหลาดใจอย่างมาก
“สวัสดีคุณชาย!”
เมิ่งจีตามสือเฟิงเข้ามา ทักทายหลี่จิ่วเต้าด้วยความตื้นตัน
นึกแล้วหลังเขาไปจากลานเล็กของคุณชาย ก็มิเคยได้พบคุณชายอีก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคุณชายอีกครั้ง
“ผู้เฒ่าเมิ่ง!”
หลี่จิ่วเต้าตาเป็นประกายจำเมิ่งจีได้ทันที เขาหัวเราะร่วน ปีติยินดีเช่นกัน
เมิ่งจีอาศัยอยู่ในลานเขามาตั้งนาน เขาไฉนเลยจะลืม ย่อมจำได้แม่นยำอยู่แล้ว!
พลางนึกไปว่าสือเฟิงนี่ใส่ใจยิ่งนัก เชิญกระทั่งเมิ่งจีมาด้วย
เมื่อครั้งสือเฟิงมาเยือนลานบ้านของเขาคราแรก เมิ่งจียังพำนักอยู่ที่นั่น เขากับเมิ่งจีรับรองสือเฟิงด้วยกัน
“จากนี้ไปคงมิได้ยุ่งเท่าใดแล้ว มาเที่ยวเล่นที่ลานเล็กข้าบ่อย ๆ สิ ข้าคิดถึงผู้เฒ่าเมิ่งมาก”
หลี่จิ่วเต้าบอกกับเมิ่งจียิ้ม ๆ
“ได้เลย!”
เมิ่งจีพยักหน้ารัว ซาบซึ้งใจเป็นที่สุด คุณชายยังไม่ลืมเขา ยังจำเขาได้!
“คุณชาย!”
จักรพรรดินีและหยวนอีก็มาด้วย พากันกล่าวทักทายคุณชาย
“สวัสดีคุณชาย!”
อาจารย์ของจักรพรรดินีก็อยู่ และทักทายหลี่จิ่วเต้าด้วยความเคารพ
นี่หรือคือคุณชายที่ชุบชีวิตนาง อย่าให้เอ่ยเลยว่านางเต็มตื้นเพียงใดที่ได้พบตัวตนสูงส่งเช่นนี้!
“พวกเราสืบเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับซีมาได้แล้ว ทว่าน่าเสียดาย พวกเรายังมิได้พบซี นางไปจากจักรวาลโกลาหลผืนนี้ ไปยังแดนนิรนาม…”
หยวนอีรายงานหลี่จิ่วเต้า
ภารกิจที่คุณชายมองหมายให้นาง นางมิเคยลืมสักครา ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับจักรพรรดินีเรื่อยมา
หลังแดนบรรพโกลาหลเชื่อมต่อกับอาณาจักรแห่งนี้ พวกนางก็เข้าไปตรวจสอบในแดนบรรพโกลาหลทันที และพบเบาะแสของซีได้อย่างง่ายดาย
ความเลื่องชื่อของซีในแดนบรรพโกลาหลนั้นมิได้โด่งดังธรรมดา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงนางเต็มไปทั่วทุกหนแห่ง พวกนางไม่อยากรู้เรื่องยังยาก
จักรวาลโกลาหล?
หมายความว่าอย่างไร
ซีมิได้อยู่ในอาณาจักรนี้แล้วหรือ
ตามคาด ซีไปจากอาณาจักรนี้นานแล้ว ไม่แปลกที่เขาหานางไม่เจอ
“ไม่เป็นไร รบกวนเจ้าแล้ว!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยยิ้ม ๆ “ไม่ต้องตามหาอีกแล้ว ข้าจะรอซีมาหาข้าในภายภาคหน้าเอง”
“ได้”
หยวนอีพยักหน้า พอแน่ใจแล้วว่าพลังที่คอยคุ้มครองซีนั้นมาจากคุณชาย
มิฉะนั้น เหตุใดคุณชายถึงขอให้นางล้มเลิกภารกิจ
หากมิใช่ว่าพลังของคุณชายคอยคุ้มครองซีอยู่ คุณชายคงไม่ขอให้นางยอมแพ้ คงต้องมีคำชี้แนะสำหรับนางอีกครั้ง ให้นางตามหาซีต่อไป
นางใคร่ครวญดูแล้ว ก่อนนี้อาจมีสาเหตุบางอย่างที่นางไม่ทราบทำให้คุณชายไม่พบตัวซี แต่ต่อมา คุณชายคงแก้ไขปัญหาเหล่านั้นลงได้จนได้พบตัวซี และทิ้งพลังไว้ปกป้องซี
‘รอซีมาหาหรือ อย่างที่คิดเลย…’
นางเอ่ยในใจ ซีนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ มีความลับใหญ่หลวงในตัว วาจาของคุณชายเป็นการบ่งบอกว่าซีกำลังทำธุระบางอย่างโดยไม่ต้องสงสัย
หลี่จิ่วเต้าปีติยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบใบหน้าอันคุ้นเคยมากมาย ทั้งหมดล้วนมิได้พบกันมานานแล้ว
อย่างเช่นผู้เฒ่าอวิ๋นที่มอบ ‘เครื่องปรับอากาศ’ ให้เขา ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มอบ ‘ตู้เย็น’ ให้เขา ผู้เฒ่าไป๋ที่มอบ ‘แท็บเล็ต’ ให้เขา ล้วนอยู่ที่นี่
“ประเสริฐ ทุกคนถือโอกาสนี้มาอยู่กันพร้อมหน้าเสียที!”
ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ “ข้านำสุราชั้นดีมาหลายไห คืนนี้เรามาดื่มกันให้หนำใจ”
“ได้เลยคุณชาย!”
พวกผู้เฒ่าอวิ๋นตอบด้วยความเต็มตื้น พวกเขามิได้ดื่มสุรากับคุณชายมานานเท่าใดแล้วนะ นานมากจริง ๆ!
อีกด้าน สิ่งมีชีวิตจำนวนมากต่างเพ่งสายตาไปที่หลี่จิ่วเต้าด้วยความใคร่รู้
ชายหนุ่มเสมือนจันทราท่ามกลางหมู่ดารา ทุกคนต่างกล่าวทักทายหลี่จิ่วเต้าด้วยความนอบน้อม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุรุษผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เป็นคนใหญ่คนโตท่านหนึ่ง
“หยั่งเชิงตัวละครเล็ก ๆ ไปก็เปล่าประโยชน์ มิสู้หยั่งเชิงตัวละครโดดเด่นจึงจะมีประโยชน์กว่า!”
“คนผู้นี้ก็ดี…”
สิ่งมีชีวิตวัยเยาว์ทั้งหกสนทนากันเสียงค่อย ทอดสายตาไปที่หลี่จิ่วเต้าเช่นกัน ทั้งยังหมายหัวหลี่จิ่วเต้าอีกด้วย!
พวกเขาอยากประลองฝีมือกับหลี่จิ่วเต้าด้วยความ ‘เป็นมิตร’!
“ฮ่า ๆ วันมงคลเช่นนี้ ย่อมต้องครึกครื้นกันหน่อย!”
หนึ่งในพวกเขาก้าวเข้าไปด้วยรอยยิ้มเบาบาง ผมสีเงินทอประกายแวววาว รูปโฉมหล่อเหลา
“ทุกท่านต่างเป็นผู้ฝึกตน ปกติพำนักกันคนละทิศละทาง มีโอกาสพบหน้ากันเพียงน้อยนิด วันนี้ทุกท่านมาเพื่อแสดงความยินดีกับงานแต่งของสหายสือเฟิง นับเป็นวาสนาใหญ่หลวง”
เขาคลี่ยิ้ม เอ่ยอย่าง ‘เป็นมิตร’ “ข้าขอแนะนำให้ทุกท่านคึกคักกันหน่อย อุ่นเครื่องกันก่อนงานแต่งในวันพรุ่งนี้ มาประลองฝีมือกันหน่อยเถิด!”
มาแล้ว!
พวกหลี่จิ่วเต้าต่างทอดสายตาไปที่เด็กหนุ่มผมเงินผู้นี้ พวกเขารู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตวัยเยาว์กลุ่มนี้ไม่ประสงค์ดี คิดจะใช้ ‘การประลอง’ เพื่อก่อเรื่อง
“ข้ามองว่าท่านนี้ไม่เลว ดูก็รู้ว่าเป็นผู้มีฝีมือโดดเด่นในคนรุ่นเยาว์ เราสองคนเริ่มเป็นคู่แรก ช่วยเพิ่มบรรยากาศหน่อยดีหรือไม่”
เด็กหนุ่มผมเงินหันมองหลี่จิ่วเต้า และเอ่ยคำท้าต่อเขา
ผู้มีฝีมือโดดเด่นในคนรุ่นเยาว์?
สายตาคนผู้นี้เป็นอันใดไปถึงได้ท้าประลองเขา เขาคือปุถุชนอย่างแท้จริงนะ!
หลี่จิ่วเต้านึกตลกในใจ
พวกลั่วสุ่ยยิ่งขบขัน เด็กหนุ่มผมเงินผู้นี้มิรู้จักเจียมตัวเอาเสียเลย ริอ่านท้าสู้คุณชาย รนหาที่หรืออย่างไรกัน!
“เป็นอันใดไป สหายไม่ตอบเพราะกลัวหรือ เหอะ ๆ สหายมิต้องกลัว ข้าเอ่ยแล้วว่าพวกเราประลองกันด้วยความ ‘เป็นมิตร’ ข้าจะไม่ทำร้ายสหาย!”
เด็กหนุ่มผมเงินเห็นหลี่จิ่วเต้าไม่พูดจา จึงกล่าวท้าทาย “คงมิใช่ว่าสหายปอดแหกขึ้นมาจริง ๆ กระมัง ผู้ฝึกตนอย่างเราไยต้องกลัวการต่อสู้ด้วย! หากสายมิกล้าแม้แต่จะสู้ ข้าขอแนะนำให้สหายเลิกฝึกฝนไปเลยดีกว่า รีบถอนตัวจากเส้นทางฝึกตน ตัดบ่วงกรรมวิถีของตนเสียเถิด!”
เขาส่งเสียงเยาะเย้ย หมายจะยั่วยุให้หลี่จิ่วเต้าลงมือ เขาอยากเห็นว่าอีกฝ่ายมีความสามารถระดับไหนถึงได้มีคนเคารพนับถือมากมายปานนี้!
ยอดฝีมือในจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ มาอยู่ที่นี่กันไม่น้อย สายตาพวกเขาจับจ้องที่นี่อยู่เช่นกัน อยากเห็นเหมือนกันว่าหลี่จิ่วเต้ามีฝีมือเช่นไร
พวกลั่วสุ่ยต่างโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง เด็กหนุ่มผมเงินพูดจาอะไร บังอาจเสียมารยาทต่อคุณชายเพียงนี้เชียว?!
พวกเขาเดือดดาล ไม่มีทางปล่อยเด็กหนุ่มผมเงินไปง่าย ๆ แน่!
“สหาย ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้สึกรู้สาอีกหรือ ดูท่าสหายท่านนี้ปอดแหกจริง ๆ ด้วย! ขอถามสหายหน่อยว่าท่านบำเพ็ญวิถีปอดแหกหรือ”
เด็กหนุ่มผมเงินใช้วาจายั่วยุอีกครั้ง “หากสหายบำเพ็ญวิถีปอดแหกจริง โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าขอโทษสหายมา ณ ที่นี้”
เขาหัวเราะร่วนด้วยท่าทางอวดดี สีหน้ายโสระบายอยู่บนใบหน้า ถ้อยคำที่เปล่งออกมาก็ไม่เกรงใจขึ้นเรื่อย ๆ
“สหายเอ๋ย เจ้านี่ใช้ไม่ได้เลย…เรียกข้าว่าสหายอยู่ได้ ไม่รู้สึกอายหน้าแดงบ้างหรือ”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “ข้าเป็นเพียงปุถุชนคนหนึ่ง เจ้าเอ่ยว่าข้าเป็นผู้มีฝีมือโดดเด่นในคนรุ่นเยาว์ อยากท้าสู้กับข้า ข้าอยากถามเจ้าคำหนึ่ง ตาของเจ้าไปไหน ฝีมือที่เจ้าฝึกฝนมาทั้งหมดไปอยู่ที่ไหน?”
เขาโต้กลับอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน
เด็กหนุ่มผมเงินไม่ประสงค์ดีแล้วยังท้าทายเขาเช่นนี้ เขาย่อมไม่ไว้หน้าเด็กหนุ่มผมเงิน