ตอนที่ 848 คะแนนสอบกลางภาคของโต้วโต้ว
หลินม่ายสวมถุงน่องหนาและผ้าคลุมไหล่ขนสัตว์เทียม แม้ว่าอากาศข้างนอกจะหนาว แต่ก็ไม่หนาวเกินไปสำหรับเธอ
ดังนั้นเธอจึงหันไปขอบคุณผู้กำกับอย่างใจเย็น แล้วจึงเข้าไปในโรงแรมโดยไม่รีบร้อน
นิชิจิมะและผู้ช่วยของหล่อนกำลังรอลิฟต์อยู่
หลินม่ายจึงเดินไปรอพร้อมกับพวกเขา
เมื่อเห็นว่าเธออดทนกับความหนาวได้ดี นิชิจิมะกล่าวคำด้วยความอิจฉา “คุณมีสุขภาพดีจริงๆ ค่ะ”
หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “สุขภาพดีก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่ฉันมีอาวุธวิเศษเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นด้วยค่ะ”
นิชิจิมะถามด้วยความสงสัย “คุณทำยังไงถึงทำให้ร่างกายอบอุ่นเหรอคะ?”
หลินม่ายยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นถุงน่องบนขาของเธอ “นี่ค่ะ”
นิชิจิมะยกชายกระโปรงตัวเองขึ้นและเผยให้เห็นถุงน่องที่ขาของหล่อนเช่นกัน “ฉันก็ใส่ถุงน่องยาวเหมือนกัน แต่มันไม่กันความหนาวเลย”
หลินม่ายฉวยโอกาสขายถุงน่องเนื้อหนาของเธอ “ของฉันไม่ใช่ถุงน่องยาวธรรมดาค่ะ แต่เป็นถุงน่องที่มีขนแกะชั้นดีอยู่ข้างใน ทำให้อบอุ่นมากเมื่อสวมใส่”
ในเวลานี้ประเทศเกาะยังไม่มีถุงน่องกันหนาวขาย แล้วนับประสาอะไรกับถุงน่องแบบหนา
นิชิจิมะเกิดความสงสัยมากกว่าเดิม “ฉันขอไปที่ห้องของคุณเพื่อขอดูว่าถุงเท้าที่คุณใส่เป็นอย่างไรได้ไหมคะ?”
หลินม่ายแทบรอโอกาสนี้ไม่ไหว และรีบตอบตกลงทันที
คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในห้องของหลินม่าย
นิชิจิมะรอให้หลินม่ายถอดถุงน่องออก ก่อนที่หล่อนจะขอพิจารณาดู
แต่ปรากฏว่าหลินม่ายหยิบถุงน่องที่แพ็คอย่างดีหลายคู่ออกจากกระเป๋าเดินทางของเธอและส่งให้นิชิจิมะ
นิชิจิมะรับมาและเปิดดู เธอเข้าใจทันทีว่าถุงน่องที่หลินม่ายบอกคืออะไร มันเป็นถุงน่องยาวที่เหมือนกับกางเกง
มีการเพิ่มชั้นขนแกะอย่างดีไว้ด้านในถุงน่อง ซึ่งให้ความรู้สึกนุ่มสบายและอบอุ่น
หล่อนพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย “คุณช่วยขายถุงน่องให้ฉันสักสองคู่ได้ไหมคะ?”
“ขายอะไรกันคะ ฉันจะให้คุณหมดเลย” หลินม่ายกล่าวคำอย่างแน่วแน่
เธอทำเช่นนี้โดยเจตนา
นิชิจิมะเป็นดาราดาวรุ่งในญี่ปุ่น และยังได้รับความสนใจจากแฟนคลับอย่างมาก
หากหล่อนรู้สึกดีที่สวมใส่ถุงน่องหนาของเจียเหม่ย จากนั้นนำไปบอกกับแฟนคลับสักสองถึงสามคำ มันจะสามารถช่วยเปิดตลาดถุงน่องของเจียเหม่ยในญี่ปุ่นได้
แม้ความเป็นไปได้จะไม่มาก แต่หลินม่ายก็อยากลองดู
นิชิจิมะรู้สึกอายเล็กน้อย “ให้ฉันทั้งหมดแบบนี้ แล้วคุณจะมีใช้หรือคะ?”
หลินม่ายกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถุงน่องนี้ผลิตโดยโรงงานถุงเท้าของฉันเอง แล้วฉันจะกลัวว่าตัวเองไม่มีใช้ได้อย่างไรคะ?”
นิชิจิมะรู้สึกประหลาดใจ “เอ๋ คุณเป็นเจ้าของกิจการด้วยหรือคะ?”
หลินม่ายพยักหน้า “สำหรับฉันแล้ว การทำธุกิจคืออาชีพหลัก และการแสดงคืออาชีพเสริมน่ะค่ะ”
ทั้งสองคุยสักพักและทิ้งข้อมูลการติดต่อของกันและกันไว้ ก่อนที่นิชิจิมะจะจากไปพร้อมกับผู้ช่วยของหล่อน
มันเป็นเวลาดึกมาแล้ว หลินม่ายรู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้นเธอจึงผล็อยหลับไปทันทีหลังจากอาบน้ำเสร็จ
เดิมทีเธอวางแผนจะเข้าร่วมงานประกาศรางวัล และอยู่ที่ไต้หวันสักสองวันเพื่อเที่ยวชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเกาะ
แต่พายุไต้ฝุ่นรุนแรงเกินไปที่จะเที่ยวเล่น
อย่างไรก็ตามหลินม่ายไม่ได้เสียใจ หากไม่สามารถเที่ยวเล่นในครั้งนี้ เธอย่อมมีโอกาสในอนาคตเสมอ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่ายมาถึงเซี่ยเหมินทางเรือ ก่อนเดินทางกลับเมืองหลวงด้วยเครื่องบิน
แม้ว่าพายุไต้ฝุ่นจะพัดขึ้นที่เมืองเซี่ยเหมินด้วยเช่นกัน แต่ความรุนแรงน้อยกว่าบนเกาะไต้หวันมาก และเครื่องบินสามารถบินขึ้นได้ตามปกติ
หลินม่ายกลับมาถึงเมืองหลวงในช่วงเย็นของวันเสาร์พร้อมกระเป๋าเดินทาง
โต้วโต้วนั่งยอง ๆ บนพื้น ขณะกำลังเล่นสนุกกับเด็กคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นหลินม่ายลงจากรถแท็กซี่ หล่อนจ้องมองด้วยความว่างเปล่าราวสองวินาที ราวกับต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช่แม่ของตัวเองไหม จากนั้นจึงลุกขึ้นและวิ่งไปข้างหน้าอย่างมีความสุข “คุณแม่ นำขนมแสนอร่อยจากไต้หวันมาฝากด้วยหรือเปล่าคะ?”
หลินไหมมองดูร่างเล็กและท้วมของเธอขณะลูบศีรษะเด็กน้อยแผ่วเบา เธออยากจะบอกโต้วโต้วว่าเด็กน้อยอ้วนมากแล้ว ยังจะถามหาของกินอีก
แต่เห็นว่ามีเด็กคนอื่นอยู่ด้วย เพื่อรักษาหน้าของโต้วโต้วไว้ เธอกลืนคำพูดเหล่านั้นทันทีและเปลี่ยนไปพูดว่า “เอามาสิจ๊ะ”
หลินม่ายหยิบขนมที่ซื้อจากไต้หวันออกจากกระเป๋าเดินทางและส่งให้โต้วโต้ว ก่อนถามว่า “แล้วผลการสอบกลางภาคเป็นอย่างไรบ้าง?”
ต้นเดือนพฤศจิกายน โต้วโต้วมีสอบกลางภาค นี่ผ่านมาเป็นเวลาครึ่งเดือน ผลสอบควรจะออกมาได้แล้ว
โต้วโต้วกล่าวด้วยความลังเล “คุณแม่คะ อย่าเพิ่งถามตอนนี้เลย เดี๋ยวหนูจะบอกแม่ตอนกลับถึงบ้าน ได้ไหมคะ”
ทันทีที่หลินม่ายได้ยินสิ่งนี้ เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กน้อยคงทำข้อสอบได้ไม่ดี
จากนั้นเด็กน้อยก็หันหลังเดินเข้าไปในสนามหญ้า
ด้านหลังของเธอ เด็กหลายคนมารวมตัวรอบด้านโต้วโต้ว เพื่อรอให้หล่อนแจกขนม
คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นหลินม่ายกลับมา
ก่อนที่หลินม่ายจะเดินทางไปไต้หวัน เธอบอกพวกเขาว่าอยากจะใช้เวลาราวสองถึงสามวันที่นั่น
คุณปู่ฟางถามขึ้น “ทำไมถึงกลับมาวันนี้ล่ะ?”
หลินม่ายตอบ “พายุไต้ฝุ่นรุนแรงมากจนผู้คนที่ยืนบนถนนแทบถูกพัดไป ดังนั้นจึงอยู่เที่ยวเล่นไม่ได้ค่ะ”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางไม่เคยไปไต้หวัน จึงไม่รู้ว่าพายุไต้ฝุ่นที่นั่นรุนแรงแค่ไหน
คุณปู่ฟางกล่าว “ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลังจากจั๋วหรานได้ยินวิทยุว่ามีพายุไต้ฝุ่นที่ไต้หวัน คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นและไม่ยอมกินอาหาร เขาคงเป็นห่วงหลินม่ายมาก”
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
ฟางจั๋วหรานกลับมาจากโรงพยาบาล เมื่อเขาเห็นหลินม่ายในบ้าน คิ้วที่ขมวดเข้าหากันก็คลายออกทันที
เขาเดินมาหาเธออย่างรวดเร็ว จับไหล่ของเธอด้วยมือใหญ่ทั้งสอง พลางสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างระมัดระวัง
หลินม่ายหน้าแดงเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่าย จับมือใหญ่ของเขาออกและพูดด้วยความเขินอายว่า “ฉันสบายดี ไม่ต้องมองขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
ระหว่างอาหารค่ำ หลินม่ายรอเป็นเวลานาน แต่โต้วโต้วไม่มีท่าทีจะริเริ่มบอกกล่าวถึงคะแนนสอบกลางภาคเลย
ไม่รู้ว่าหล่อนลืมหรือไม่กล้าพูดกันแน่
หากเด็กน้อยไม่ยอมเป็นฝ่ายพูด เช่นนั้นเธอก็จะถามก่อน
หลินม่ายถามขึ้น “โต้วโต้ว ไม่ใช่ว่าหนูบอกแม่ไว้เหรอว่า จะบอกคะแนนสอบกลางภาคเมื่อกลับมาถึงบ้าน ลูกกลับมานานแล้ว แต่ยังไม่ยอมพูดอะไรเลย”
โต้วโต้วที่กำลังแทะน่องไก่อย่างมีความสุขก่อนหน้า พลันรู้สึกเบื่ออาหารทันที
หล่อนก้มหน้าลงพลางกล่าวคำเบา “ภาษาจีนได้ 57 คณิตศาสตร์ได้ 43 ค่ะ”
หลินม่ายตกตะลึง
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าโต้วโต้วคงทำได้ไม่ดีในการสอบ แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะแย่ถึงขนาดนี้
หลินม่ายสงบสติอารมณ์และถามไปว่า “ลูกได้ลำดับที่เท่าไหร่ในชั้นเรียน?”
ในยุคนี้ การสอบของโรงเรียนล้วนยังคงจัดอันดับ
จนกระทั่งหลังปี 2000 สำนักการศึกษาได้ออกคำสั่งห้ามการจัดอันดับ
โต้วโต้วยังคงตอบกลับเสียงเบา “อันดับที่ 24”
หลินม่ายถามอีกครั้ง “มีเด็กกี่คนในชั้นเรียนของลูก?”
ในยุคนี้ เด็กที่ไม่ใช่คนท้องถิ่นที่เรียนในเมืองหลวงต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงมาก แม้ว่าพวกเขาจะเข้าเรียนในโรงเรียนประถมก็ตาม
ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว ในโรงเรียนมักมีเพียงเด็กในท้องถิ่น ทำให้จำนวนนักเรียนในแต่ละชั้นเรียนไม่มากนัก
โต้วโต้วอยู่ในอันดับที่ 24 ซึ่งจะต้องเป็นไม่กี่อันดับจากด้านล่างแน่นอน
เสียงของโต้วโต้วเบามากจนแทบไม่ได้ยิน “24 คน”
เมื่อหลินม่ายได้ยินเช่นนี้ เธอแทบวางตะเกียบลงทันที
เธอคิดว่าโต้วโต้วได้อันดับที่ค่อนข้างแย่ แต่ไม่คาดคิดว่าเด็กน้อยจะสอบได้เป็นอันดับสุดท้ายของชั้นเรียน
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟังที่ฟังการฟังการสนทนาระหว่างแม่และลูก ต่างพากันพูดวิจารณ์โต้วโต้วสำหรับผลการสอบที่ย่ำแย่
เด็กน้อยถูกวิจารณ์จนโงหัวไม่ขึ้น
หลังอาหารเย็น หลินม่ายแจกจ่ายของฝากที่ซื้อจากไต้หวันให้กับสมาชิกในครอบครัว
ชาต้งติ่งและชาเป่าติ้งล้วนมอบให้แก่คุณปู่ฟาง
คุณปู่ฟางไม่ชอบกาแฟ ชอบจิบชามากกว่า
คุณปู่ฟางมีความสุขมากเมื่อได้รับชาเป่าติ้งจากไต้หวันที่เขาไม่เคยไปมาก่อน
จากนั้นมอบตังเมถั่วและลูกอมนมให้โต้วโต้ว และบางส่วนให้ปู่และย่าฟาง
แม้ว่าปู่ฟางและย่าฟางจะอายุมากแล้ว อีกทั้งฟันพวกเขาเริ่มไม่ค่อยดี แต่พวกเขายังสามารถอมขนมพวกนี้ไว้ในปากและค่อย ๆ กิน
ส่วนของฝากที่เหลือจะนำไปให้ครอบครัวพ่อไป๋
ขนมเปี๊ยะถั่วเขียว เนื้อหยอง และเนื้อแดดเดียวสงวนไว้ให้ครอบครัวรับประทานเอง
หลินม่ายเป็นหญิงตั้งครรภ์ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะนำของฝากมากมายกลับมาจากไต้หวัน
นำของฝากมาให้คนในครอบครัวก็หมายความให้ทุกคนแล้วไม่ใช่หรือ? อย่างไรเธอก็ไม่ใช่คนใจกว้างขนาดนั้น
คุณปู่ฟางต้มน้ำเตรียมชงชาเป่าติ้งและต้องการรอลิ้มรส
ระหว่างรอน้ำเดือด เขาหยิบขนมตังเมถั่วมาเตรียมกินกับชา
ทันใดนั้นเขาเหลือบเห็นแหล่งกำเนิดเขียนบนฉลาก จึงพลันหมดความอยากกินและวางมันลงที่เดิม
ท้ายที่สุดโต้วโต้วก็ยังเป็นเด็ก เมื่อใดก็ตามที่มีขนมกิน หล่อนจะลืมเรื่องไม่พึงประสงค์และพุ่งไปหาพวกมันทันที
เมื่อเห็นปู่ฟางวางขนมตังเมถั่วลงอย่างกะทันหัน หล่อนจึงถามเขาว่า “คุณทวดคะ ทำไมไม่กินมันล่ะ ขนมนี้อร่อยมากเลยนะ”
คุณปู่ฟางพูดเสียงเศร้า “หนูกินมันเถอะ ทวดฟันไม่ค่อยดีแล้ว จึงกินไม่ได้”
จากนั้นเขายืนขึ้นและถือชาเป่าติ้งที่ยังไม่ได้ชง ก่อนยืนนิ่งข้างหน้าต่าง เขาจ้องมองดอกไม้ฤดูหนาวที่ปลูกอยู่ในสวนด้วยสายตาเศร้าสร้อย
หลินม่ายถามคุณย่าฟางเสียงเบา “คุณปู่เป็นอะไรไปหรือคะ”
ฟางจั๋วหรานดึงเธอกลับมา จากนั้นลดเสียงพูดลง “อย่าเพิ่งถามตอนนี้เลย ผมจะบอกคุณเองเมื่อเรากลับไปห้อง”
ทั้งคู่กลับไปที่ห้องหลังจากนั้น หลินม่ายกำลังนอนอยู่บนเตียง ฟางจั๋วหรานจึงเดินมานั่งด้านข้างเธอพร้อมบอกกล่าวว่าทำไมปู่ฟางถึงไม่อยากกินขนาดนั้นเมื่อเห็นสถานที่ที่ผลิต
ปรากฏว่าสหายคนหนึ่งของเขาเสียชีวิตที่นั่น
หลินม่ายรู้สึกหดหู่เล็กน้อยหลังจากได้ยิน
แต่อย่างไรก็ตามหญิงตั้งครรภ์มักเหนื่อยง่ายกว่าคนปกติ เธอเสียใจกับปู่ฟางเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก่อนจะผล็อยหลับไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เนียนเปิดตลาดใหม่เลยทีนี้ ยอดขายพุ่งแน่นอน
ม่ายจื่อก็ พวกเรื่องคะแนนสอบลูกไม่ควรถามต่อหน้าคนเยอะๆ ไหม เป็นแผลใจเด็กเปล่าๆ ถ้าเกิดได้คะแนนไม่ดีขึ้นมา หักจิตพิสัยหนึ่งคะแนนค่ะ
ไหหม่า(海馬)