[“รุ่นพี่อาซาฮิโอกะ เป็นอะไรไปหรอคะ~? เห็นนั่งเหม่อตั้งเเต่เมื่อกี้เเล้ว”]
ผมกําลังนั่งพักจากการซ้อมฟุตบอลในช่วงเช้าของวันเสาร์อยู่ที่ขอบสนาม โดยที่มีโซระคอยคุยกับผมอยู่
[“หืม? นี่ฉันเหม่อไปหรอ?”]
[“ใช่สิคะ ราวกับว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีอะไรเกิดขึ้นหรอคะ~?”]
[“ตอนนี้น่ะไม่มีหรอก…เเต่หลังจากนี้มีเเน่ๆหล่ะ”]
[“เอ๋~ มีอะไรหรอคะ~? อยากรู้จังเลยค่ะ~ “]
โซระถามผมด้วยสีหน้าสงสัย
[“ตอนบ่ายนี้…ฉันมีไปเดทกับเรย์นะน่ะ”]
เมื่อผมพูดเช่นนั้นออกไปทําให้ผมรู้สึกโล่ง เเละโซระมองมาที่ผมอย่างเบื่อหน่าย
[“อะ อะไรของเธอ? มีอะไรไม่พอใจ?”]
ถ้าผมไปบอกกับสมาชิกผู้ชายคนอืนที่อยู่ในชมรมเราว่า “วันนี้ตอนบ่ายฉันจะไปเดทกับฟุตาบะ เรย์นะ” มันคงจะเป็นการรนหาที่ตายดีๆ เเต่ผมไม่เข้าใจว่าทําไมโซระถึงดูไม่พอใจสักเท่าไหร่
[“ก็~ รุ่นพี่ยังไม่ได้ไปเดทกับฉันที่คาเฟ่เเมวเลยด้วยซํ้า เเต่กลับไปเดทกับรุ่นฟุตาบะก่อนซะงั้นนี่นา…”]
โซระก้มหน้าลง เเละเตะพื้นเบาๆราวกับกําลังน้อยใจ
เธอยังไม่ยอมเเพ้กับการเดทที่คาเฟ่เเมวอีกหรอเนี่ย…รักเเมวขนาดไหนเนี่ย
[“โอเค เข้าใจเเล้ว ถ้าเธออยากไปคาเฟ่เเมวมากขนาดนั้นล่ะก็ ไว้ฉันพาเธอไปครั้งหน้านะ”]
[“เอ๊ะ…พูดจริงหรอคะ~!?”]
โซระที่ดูตื่นเต้นมากกระโดดตัวไปรอบๆอย่างไร้เดียงสา เเละกระโจนเข้ามาเหมือนกระต่าย
ส่วน สมาชิกคนอื่นในชมรมซึ่งอยู่ห่างออกไปเเต่ไม่ไกลมาก กําลังจ้องมองดูลูกเเตงโมสองลูกเด้งขึ้นลงไปมา
ในขณะที่ โชว ซึ่งเป็นพี่ชายของโซระ นั่งจ้องมองสมาชิกในชมรม…เเละนี่ก็คือชีวิตประจําวันของชมรมฟุตบอลของเรา
[“เย้~! สัญญาเเล้วนะคะ รุ่นพี่!”]
[“อืม ฉันขอสัญญาเลย เเต่ว่า…”]
ผมสบตากับโชวที่ดูเหมือนอยู่ในอาการวิตกกังวล
[“ต้องมีโชวติดไปด้วยนะ”]
[“ถ้าเป็นเเบบนั้้น มันก็ไม่ใช่เดทสิค๊า~!”]
เสียงร้องคร่ำครวญของโซระดังก้องไปทั่วพื้นที่อันกว้างใหญ่
◇
มิโอริเข้ามาทักทายผมที่ประตู เมื่อผมกลับบ้านหลังจากการทํากิจกรรมชมรมช่วงเช้าเสร็จ
[“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะพี่ ว่าเเต่ วันนี้กลับมาเร็วจังนะ โดดกิจกรรมเเล้วไปเล่นกับสาวอีกเเล้วหรอ?”]
มิโอริถามกึ่งเเซวกับผมด้วยความหงุดหงิด อาจเป็นผลมาจากการที่ผมไปค้างบ้านผู้หญิงเมื่อวันก่อน
ไม่สิ เธออาจจะถามจริงจังก็ได้
[“ป่าว ตอนบ่ายไม่มีกิจกรรมชมรมน่ะ”]
[“อย่างงั้นเหรอ เเสดงว่าตอนบ่ายพี่ว่างสินะคะ? เรามาเล่นเกมด้วยกันดีไหม?”]
มิโอริถือคอนโซลเกมเเบบพกพาที่มือ เป็นไปได้ว่าเธอเล่นเกมตั้งเเต่เเหกขี้ตา
[“พี่ไม่เหมือนเธอนะที่ว่างอยู่ตลอด ส่วนตอนบ่ายพี่ต้องไปทําธุระต่อ”]
[“เป็นไปได้ไหมว่า…พี่กลัวเเพ้หนูอีกเลยจะชิ่งหนี? เมื่อวันก่อนพี่ทําเป็นปากเก่ง เเต่สกิลเพลย์กลับไม่ได้เรื่องเลย”]
[“อย่ามาซํ้าเติมพี่ด้วยการเอาตอนพี่เล่นเกมครั้งเเรกสิฟร๊ะ! พี่จะไปเดทน่ะเเน่นอนว่ากับเเฟน!”]
[“…ไปเดทในวันหยุดเนี่ย…ดูเป็นคนมีฐานะเข้ามาในทันทีเลยนะ พี่เนี่ย”]
มิโอริพึมพําด้วยนํ้าเสียงไม่จริงใจ
[“คนมีฐานะนั้นรวมถึงคนที่ไม่ยอมออกไปข้างนอกเเละเอาเเต่เล่นเกมเเต่เช้าด้วยนะ”]
[“คนนั้นคือใครกันน้า? อย่างน้อยหนูเชื่อว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ทําอะไรเเบบนั้น”]
[“พูดออกมาจากปากใครเนี่ย…”]
มิโอริกลับไปที่ห้องของตัวเอง เเละปัดป้องคําพูดของผมด้วยการหันหลังให้
[“…เอาล่ะ เราเองก็ต้องไปเตรียมตัวล่ะสิ”]
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งตัวอยู่หน้ากระจก
แว็กซ์ผมบางๆและชโลมน้ำหอมคู่ใจ
ผมออกจากบ้านหลังจากใส่รองเท้าผ้าใบที่เพิ่งซื้อมาสดๆร้อนๆ
ผมเดินไปทางที่ผมมักใช้ไปโรงเรียน เดินข้ามสะพานเเละสะพานลอยจนไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งเเละผ่านบริเวณตึกที่เรียงกันเเถว
เเละเเล้วบริเวณย่านคนพลุกพล่านก็ได้ปรากฏให้เห็น
เรย์นะนัดไว้ที่หน้าโรงภาพยนตร์เล็กๆในย่านดาวน์ทาวน์
ดูเหมือนว่าผมจะมาถึงก่อนเธอหนึ่งก้าว เพราะยังไม่เห็นเรย์นะอยู่เเถวนี้
ผนังด้านนอกของโรงภาพยนตร์ถูกตกเเต่งไปด้วยโปสเตอร์ของภาพยนตร์ที่กำลังเข้าฉายอยู่ รวมถึงหนึ่งในภาพยนตร์โรแมนติกที่เรย์นะพูดถึงเมื่อวันก่อน
[“คงจะมาดูเรื่องนี้สินะ…”]
เรย์นะที่บอกก่อนหน้านี้ว่าวันที่เรามาดูหนังจะต้องเป็นวันที่สนุกสนานอย่างเเน่นอน มันจึงเดาเรื่องที่เธอจะให้ผมดูได้ไม่ยากนัก
ผมไม่มีอะไรทําระหว่างรอเรย์นะ จึงไปดูรายชื่อนักเเสดงไปพลางๆ
[“ขอโทษที่ให้รอนานนะ ชินเซย์”]
ผมได้ยินคนเสียงที่ดูสดใสเรียกชื่อผมอย่างเเผ่วเบา
เมื่อผมหันหน้าไปก็ได้พบกับเรย์นะยืนยิ้มที่มุมปาก
ชุดวันพีชสีดําลายจุดถูกคลุมด้วยเสื้อคาร์ดิเเกนสีซากุระ เเละยังมีกระเป๋าสะพายสีเเดงสด
เเต่งหน้าด้วยอายแชโดว์¹ เเละทาปากด้วยให้ดูมันวาวด้วยลิปกลอส²
¹ อายเเชโดว์ (Eyeshadow) คือ เครื่องสำอางค์ที่ใช้ปัดทาบนเปลือกตาใต้คิ้ว เพื่อให้เกิดมิติความลึกของตาในแต่ละข้าง นอกจากนั้นแล้วยังทำให้ดูแล้วเด่น มีเสน่ห์อีกด้วย
² ลิปกลอส (Lip Gloss) คือ เครื่องสําองค์จําพวกลิปสติกที่ช่วยให้เรียวปากสดใสน่ามองยิ่งขึ้น เพราะมีลักษณะที่สวยฉํ่า มันวาว
โดยปกติเรย์นะมักจะไม่เเต่งหน้า ซึ่งมันทําให้ผมเเยกเเยะได้ว่านั้นคือหน้าสดหรือไม่
เเต่เสน่ห์เเบบผู้ใหญ่ของเรย์นะนั้นดูน่าดึงดูดกว่า
[“ฉันก็เพิ่งมาถึงเอง ไม่ต้องคิดมากหรอก”]
[“ดูเป็นการเเลกเปลี่ยนบทสนทนาที่ดีเนอะ”]
เรย์นะหัวเราะเบาๆ เเละเข้ามาหากอดเเขนผม
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มันกลายเป็นที่ประจําของเรย์นะโดยสมบูรณ์
[“นี่ ชินเซย์ ก่อนที่เราจะเริ่มเดทกัน ไม่ใช่ว่ามีอะไรต้องพูดกันฉันหรอ?”]
[“วันนี้เรย์นะดูน่ารักมากเลยล่ะ”]
[“ฟุฟุ ขอบคุณนะ”]
ค่อยยังชั่ว ดูเหมือนว่าผมจะสอบผ่าน
ผมรู้ว่าต้องชมเธอก่อนออกเดท เเต่นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้องเสมอไป
ครั้งหนึ่งในอดีต เมื่อผมชมเรียก่อนออกเดท เธอกลับตะคอกใส่ผมว่า “ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลย”
มันช่างน่าเศร้าใจที่ฝ่ายชายต้องมาเอาอกเอาใจเธอ เเม้ว่าพวกเขาจะหงุดหงิดอยู่ในใจด้วยเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลก็ตาม
[“งั้น เราไปเดทกันเถอะ ชินเซย์”]
[“อืม นั่นสินะ”]
เมื่อเข้าไปในโรงหนัง พวกเราต่อเเถวเพื่อที่จะซื้อตั๋วที่เครื่องขายตั๋วก่อน
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด จึงทําให้มีผู้ปกครองเเละเด็กหลายกลุ่มรวมถึงคู่รักไม่กี่คู่มาต่อเเถวซื้อตั๋ว
ข้างหน้าเราคือกลุ่มของเด็กผู้ชายม.ต้นที่กําลังคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับหนังบู๊สุดฮิตที่พวกเขากําลังจะได้ดู
ผมยิ้มให้เเก่พวกเด็กๆ เเละเเล้วก็ถึงคราวของพวกเรา
[“…เอ๋?”]
ผมรู้สึกเอะใจเมื่อเห็นเรย์นะเริ่มใช้งานหน้าจอทัชสกรีน
เรย์นะเลือกเรื่องที่เป็นหนังบู๊ที่เด็กม.ต้นพูดถึงเมื่อครู่
[“เอ่อ คือว่า…เรย์นะชอบหนังบู๊หรอ?”]
[“ก็บอกได้ไม่เต็มปากหรอกว่าชอบ…ไม่สิ ไม่ชอบเลย”]
เรย์นะใช้นิ้วเลื่อนรายชื่อหนังบนหน้าจอด้วยสีหน้าเย็นชา
[“ไม่ชอบเหรอ!? เเล้วทําไมถึงเลือกเรื่องเเนวนั้นล่ะ?”]
[“ก็พอฉันลองหาข้อมูลดูในเน็ต มันบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผู้ชายอยากดูมากที่สุดในปีนี้น่ะ”]
ผมเกือบจะหัวเสียเมื่อเรย์นะเเสดงความมั่นอกมั่นใจออกมากับสิ่งที่ตัวเองเลือก
ผมไม่สามารถพูดให้เธอฟังได้ว่านี่ไม่ใช่เเนวที่เราอยากดูในเดทครั้งเเรก เเต่เธอก็ยังอุตส่าห์เลือกหนังเรื่องนี้มาเพราะหวังว่าผมจะชอบมัน
ก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน การมาดูหนังบู๊มันไม่ใช่ฟิลของการเดทเลยสักนิด
[“งั้น ราคาเด็กม.ปลายสองใบ ส่วนที่นั่งฉันขอเป็นคนเลือกนะ”]
[“…ดะ…เดี๋ยวก่อน เรย์นะ”]
ผมรีบหยุดมือของเรย์นะที่กําลังเลื่อนหน้าจออยู่
ผมต้องพยายามให้ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นซึ่งก็คือ การดูหนังบู๊ในเดทครั้งเเรก
[“อะไรหรอ?”]
[“หนังบู๊มันก็ดูน่าสนใจอยู่หรอก เเต่เรย์นะไม่ได้ตั้งใจที่จะดูหนังโรเเมนติกที่พูดถึงเมื่อวันก่อนหรอ?”]
[“…บอกตามตรงก็อยากดูนะ เเต่สําหรับผู้ชายเเล้วหนังบู๊น่าจะสนุกกว่าหนังโรเเมนติกไม่ใช่หรอ?”]
ผมดีใจที่เธอให้ความสําคัญกับผมเป็นอันดับเเรก เเต่ถ้านั่นทําให้เรย์นะรู้สึกไม่สนุกด้วย มันก็ไม่มีความหมายที่จะดูอะไรเเบบนั้น
เเน่นอนว่า มีคนประเภทที่ดูหนังบู๊ที่ตัวเองไม่ค่อยสนใจเเละพบว่ามันดูน่าสนใจอย่างน่าประหลาดใจ…
เเต่เมื่อดูจากพฤติกรรมที่ดูเย็นชาของเรย์นะเเล้ว มันอาจทําให้ความสัมพันธ์ของพวกเราพัฒนาต่อไปไม่ได้
[“ไม่เสมอไปหรอก ส่วนตัวฉันชอบดูหนังโรเเมนติกมากกว่า”]
[“ถ้าชินเซย์อยากดู ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก…”]
[“เอาล่ะ ตัดสินใจเเล้วสินะ”]
ผมยุได้อย่างสมบูรณ์เเบบเเละจบลงด้วยการดูหนังโรเเมนติก
เมื่อเราเข้าไปในโรงหนัง การฉายหนังก็ได้เริ่มขึ้น เรย์นะซึ่งนั่งอยู่ข้างๆจับมือกับผม
เธอค่อยๆนํามือสอดเข้ามาในร่องมือของผมเเละกําเเน่น
ผมมองไปยังหน้าจอที่มืดมิด รู้สึกถึงการปรากฏตัวของเรย์นะ
[“ฉันว่าเรื่องนี้สนุกดีนะ เเละองค์ประกอบตลกขบขันรวมอยู่ในสถานที่ต่างๆด้วย”]
คําพูดเเรกของเรย์นะหนังจากหนังจบลงคือความพึงพอใจอย่างหนึ่ง
ผมสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราไปดูหนังเเอคชั่นที่ตัวเรย์นะไม่ได้สนใจ
[“พระเอกกับนางเอกดูน่ารักทั้งคู่เลยเนอะ”]
[“เเต่เรย์นะน่ารักกว่านะ”]
[“…เป็นอะไรของนาย? นายไม่รู้ด้วยซํ้าว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ฉันไม่ตลกนะ”]
เรย์นะทําปากบูดเบี้ยว
[“ถ้าฉันชมนางเอกหรือนักเเสดงหญิง เธอจะทําอะไรฉัน?”]
[“…หืม อยากรู้หรอ?”]
[“มะ ไม่เป็นไรดีกว่า”]
เมื่อพูดเช่นนั้น ดวงตาของเรย์นะได้มืดสนิท เเละผมก็ยกมือขึ้นในท่าทางยอมจํานน
หลังจากออกจากโรงหนัง พวกเราตัดสินใจเเวะสตาร์บัค
ภายในร้านไม่ได้เเออัดมากนัก พวกเราจึงตรงไปที่เคาน์เตอร์ที่มีบริกรอยู่
[“ยินดีต้อนรับครับ จะรับอะไรดีครับ”]
ขณะที่ผมกําลังดูเมนูเเละพลางคิดไปด้วยว่าจะสั่งอะไรดี เรย์นะก็ขอได้สั่งเครื่องดื่มก่อนราวกับว่าเธอคิดไว้เเล้วว่าจะสั่งอะไร
[“ดาร์กมอคค่าแฟรบปูชิโน่นมถั่วเหลืองใส่วานิลลาไซรัปเเล้วโรยด้วยจาวาชิป หนึ่งเเก้วค่ะ”]
เรย์นะท่องชื่อเครื่องดื่มที่ยาวอย่างกับคาถาร่ายเวทย์ได้อย่างลื่นไหล
[“ดาร์กมอคค่าแฟรบปูชิโน่นมถั่วเหลืองใส่วานิลลาไซรัปเเล้วโรยด้วยจาวาชิปนะครับ ไม่ทราบว่ารับเป็นไซส์ไหนดีครับ?”]
[“ไซส์ M ค่ะ”]
[“…ขออภัยด้วยครับคุณลูกค้า ทางร้านเรามีเเค่ไซส์ Short Tall Grande เเละ Venti ³ ครับ…”]
³ เป็นขนาดเเก้วของทางสตาร์บัคโดยเรียงจาก Short (เล็กสุด; 8 oz) Tall (เล็ก; 12 oz) Grande (กลาง; 16 oz) เเละ Venti (ใหญ่; 20 oz)
[“Short…? Tall…?”]
[“ทางร้านเรามีเพียงสี่ไซส์นี้เท่านั้นครับ…”]
[“เข้าใจเเล้วค่ะ… งั้น เอาเป็น…”]
เรย์นะที่ดูทําตัวสบายชิวๆ เมื่อครู่ ก็เริ่มตื่นตระหนก หรือว่า…นี่เป็นครั้งเเรกที่เรย์นะสั่งสตาร์บัค?
[“สงสัยเป็นการเรียกขนาดเเบบต่างประเทศสินะ…? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย…”]
ดูเหมือนว่าข้อสันนิษฐานของผมจะถูกต้อง เรย์นะบิดศีรษะไปมา
[“จะว่าไป เเก้วนี้มีวิปครีมใส่อยู่ด้วย…ถ้าไม่ใส่วิปครีมได้ไหมนะ…? การที่เเก้วนี้เป็นมีช็อกโกแลตซอสด้วยเเสดงเราขอให้เขาใส่ได้สินะ…?”]
สิ่งที่เรย์นะสั่งไปก่อนหน้าคือการสั่งเครื่องดื่มเเบบปรับเเต่งเองได้ในระดับหนึ่ง
เเต่ว่าเธอกลับไม่รู้วิธีปรับเเต่งมัน ซึ่งดูเหมือนว่าเธอได้จดจําชื่อสูตรเครื่องดื่มได้จากทางเน็ต
เรย์นะเริ่มพึมพําเเละวิตกกังวล ผมอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเธอจึงตัดสินใจเข้าไปช่วย
[“ขอโทษนะครับ ไซส์ขอเป็น Tall ครับ เเล้วก็ขอเป็นช็อกโกแลตซอสไม่ใส่วิปครีมเเทน เเบบนี้โอเคไหม เรย์นะ?”]
[“อะ เอ๊ะ…อืม โอเคเเล้ว”]
หลังจากสั่งของเรย์นะได้อย่างลุล่วงเเล้ว ผมก็สั่งเครื่องดื่มตามฤดูกาลให้กับตัวเอง
เเล้วก็รอรับเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์
[“…พูดซะคล่องเชียว ฉันนึกสงสัยจังว่ามาที่นี่กับคุณชิอินะกี่ครั้งเเล้ว?”]
เรย์นะถามผมขณะที่เธอหันหน้าหนี เเละเอาเเก้มไปเเนบกับเคาน์เตอร์
[“ถ้ามาบ่อยๆเดี๋ยวมันก็คล่องเองเเหละ เเต่ผิดคาดนะเนี่ย ที่ครั้งนี้เป็นครั้งเเรกของเรย์นะ”]
[“คาเฟ่สไตล์เเบบนี้ไม่ใช่สถานที่ที่อยากมากับคู่รักเหรอ? ฉันคิดเเบบนั้นเลยเก็บโอกาสเอาไว้จนกว่าจะมีเเฟนน่ะ”]
[“เห งั้นหรอกเหรอ”]
[“…ชินเซย์ ยังอยากทําเพื่อฉัน เเบบที่ฉันอยากทํากับคนรักต่อไปใช่ไหม?”]
[“ฉันจะทําสุดความสามารถเเล้วกัน”]
เรย์นะหันมายิ้มด้วยความพอใจ
หลังจากรับเครื่องดื่ม พวกเรามุ่งหน้าไปยังโต๊ะสองที่นั่ง
[“นี่คือ…เครื่องดื่มชื่อยาวๆที่ฉันกับชินเซย์สั่งด้วยกันในเดทครั้งเเรกสินะ…!”]
เรย์นะดูประทับใจเเละดวงตาของเธอเป็นประกายต่อหน้าเครื่องดื่ม
[“ถึงมันจะเป็นเครื่องดื่มที่พนักงานทําก็เถอะนะ”]
[“ไม่ต้องไปกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดยิบย่อยหรอก”]
เรย์นะที่ดูอารมณ์ดี กําลังดื่มเครื่องดื่มที่ดูหรูหราผ่านหลอด จากนั้นร้อง ‘เอ๊ะ’ ทําหน้าราวกับว่าเธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
[“หืม? มีอะไรรึเปล่า?”]
[“เอ…เปล่านะ? ไม่มีอะไร”]
เมื่อเธอพูดเช่นนั้น สายตาของเรย์นะมุ่งตรงไปมาที่เครื่องดื่มของผม
[“…”]
ขณะที่ผมดื่มเครื่องดื่ม เรย์นะมักจะมองที่มือของผมอย่างเงียบๆ และผมก็อดไม่ได้ที่จะตรวจสอบความตั้งใจของเธอ
[“นี่ เรย์นะ? ฉันดื่มไม่ลงนะถ้าเธอเอาเเต่จ้องมาเนี่ย”]
[“กะ ก็จริง ขอโทษนะ”]
[“หรือว่าเธออยากลองหรอ?”]
ผมทําทีชี้ไปที่เครื่องดื่ม เรย์นะก็ได้พยักหน้าออกมาอย่างเขินอาย
[“หายากนะเนี่ย ที่เรย์นะอยากได้ของคนอื่นเนี่ย”]
[“ก็…ฉันอ่านเจอในนิตยสารว่า ถ้ามาสตาร์บัคกับแฟน ควรเเชร์เครื่องดื่มกันน่ะ…”]
เรย์นะทําหน้ามุ่ยเเละเงยหน้าขึ้นมามองผม
เธอมักจะร่าเริงเเละดูเป็นผู้ใหญ่ เเต่เธอดูน่ารักมากจริงๆในสถานการณ์เเบบนี้
[“อย่างนี้นี่เอง ได้สิ เรามาเเลกกัน”]
[“จะดีหรอ?”]
[“เมื่อกี้เธอพูดเองไม่ใช่รึไง?”]
[“…ฟุฟุ ก็จริง”]
ผมเเลกเครื่องดื่มกับเรย์นะ เเละจิบเล็กน้อย ซึ่งรสชาติมันหวานอย่างเหลือเชื่อ
หวานจนยากที่จะดื่มมันให้หมดได้ด้วยตัวคนเดียว
[“อันนี้ ช็อคโกเเลตเยอะมากเลย…”]
[“คราวหน้าฉันคงจะไม่ใส่ช็อคโกเเลตซอสเพิ่มเเล้วล่ะ”]
ในขณะที่กําลังดื่มดําอยู่กับเครื่องดื่ม พวกเราก็มาคุยกันต่อในหัวข้อหนังที่เราเพิ่งดูไป
[“ฉากที่พระเอกโดนเหวี่ยงไปมาเพราะความเห็นเเก่ตัวของนางเอก ทําเอารู้สึกถึงความใกล้ชิดกันมากเลย”]
[“นั้นสิ ว่าเเต่ทําไมกันนะ”]
[“ไหนๆก็เข้าเรื่องนี้เเล้ว ว่าเเต่ปกติเรย์นะดูหนังโรเเมนติกรึเปล่า?”]
[“ถึงเห็นฉันเป็นเเบบนี้ ฉันเป็นถึงเเฟนหนังโรเเมนติกเลยนะจะบอกให้”]
[“งั้นหรอ?”]
[“ฉันได้ค้นคว้าวิธีเข้าถึงชินเซย์ โดยอิงจากหนังโรเเมนติกเนี่ยเเหละ”]
ในโรงเรียนมีปากเสียงกันว่าเรย์นะไม่สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆ
ผมอาจเป็นคนเดียวก็ได้ที่รู้ด้านไม่คาดถึงของเธอ
[“ดังนั้น คําตอบที่เธอได้หลังจากการค้นคว้าคือ อยากจะจูบตอนไหนก็จูบ?”]
[“ไม่ใช่เเบบนั้นหรอก ตอนนั้นมัน เเอดลิบ⁴ ต่างหาก”]
⁴ เเอดลิบ (Ad Lib) คือการเเสดงหรือพูดอย่างไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อน หรือภาษาเข้าใจง่ายคือ ด้นสด เเสดงสด
[“…ศัพท์เฉพาะทางการวิจัยงั้นเหรอ…?”]
[“ถึงฉันจะพูดให้ฟังไปก็คงไม่มีประโยชน์หรอกมั้ง”]
[“เอ๋…”]
[“มันไม่มีเหตุผลที่ต้องอธิบายด้วยสิ เพราะฉันได้ชินเซย์มาเเล้ว อ๊ะ เดี๋ยวฉันมาเเปปนึงนะ”]
[“อืม เข้าใจเเล้ว”]
เรย์นะไปเข้าห้องนํ้าพร้อมกับกระเป๋าเครื่องสําอางค์ในมือ ในเมื่อที่ไม่มีใครให้คุยด้วยผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาระหว่างรอ
ผมค้นหาหนังบู๊ที่เเปะอยู่บนโปสเตอร์ก่อนหน้านี้และได้พบว่าหนังเรื่องนี้ได้รับการจัดอันดับสูงเนื่องจากผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ไม่เลวที่จะไปดูกับเรย์นะในครั้งต่อไป
[“ไม่สิ เรย์นะไม่ได้สนใจเรื่องนี้ซะด้วย ล้มเลิกเเผนการดีกว่าไหมเนี่ย…?”]
ขณะที่ผมกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กระเป๋าสะพายที่เรย์นะเเขวนไว้กับเก้าอี้ก็เสียการทรงตัวและล้มลงไปข้างหน้าพร้อมเสียงดังกระหึ่ม
[“งานเข้าเเล้ว ของกระเด็นเต็มเลย…”]
หนังสือหลายเล่มกระเด็นออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับโทรศัพท์สีดำของเรย์นะ
ผมลุกขึ้นจากที่นั่งและเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น
[“นิตยสารสําหรับหญิงสาวช่วงวัยรุ่นสินะ…”]
ซึ่งนิตยสารมีชื่อว่า ‘เเผนการเดทสําหรับฤดูกาลนี้’ เเละเเต่ละเล่มเต็มไปด้วยกระดาษโน้ตจํานวนมากเเปะไว้อยู่
ผมลองพลิกดูด้านในและพบกับเส้นมาร์คเกอร์อยู่เเทบทุกที่
[“เรย์นะดูจะจริงจังกับเเผนการเดทครั้งนี้เป็นมากเลยสินะ”]
เป็นเรื่องปกติรึเปล่าที่เรย์นะ ซึ่งเป็นหญิงสาวที่มีพรสวรรค์ที่สุดในชั้นเรียน ทํากับนิตยสารเหมือนหนังสืออ้างอิงเนี่ย
ผมเก็บรวบรวมหนังสือที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นกับโทรศัพท์ของเรย์นะที่ตั้งภาพหน้าจอล็อคเป็นใบหน้าของผมขณะนอนหลับเพื่อนํามันเอาไปใส่ในกระเป๋าเหมือนเดิม จากนั้นก็นํากระเป๋าไปวางไว้บนเก้าอี้ เเละรอเวลาที่เธอกลับมา
[“หลังจากนี้เราทําอะไรดี?”]
[“มันเเน่อยู่เเล้ว ตอนจบมันก็ต้อง ‘มาที่บ้านฉันไหม?’ สิ”]
ผมไม่รู้ว่าเธอไปเรียนมาจากไหน เรย์นะพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
พวกเราเดินออกมาจากคาเฟ่ ย่านดาวน์ทาวน์ซึ่งมีผู้คนเริ่มพลุกพล่านขึ้นเรื่อยๆเมื่อยามอาทิตย์อัสดง มุ่งหน้าไปยังถนนเส้นหลัก เเละเมื่อพิจารณาดูจากระยะทางจากที่นี่ไปยังเเมนชันที่เรย์นะอาศัยอยู่ พบว่ามันค่อนข้างไกล
ถนนสายยาวสายนี้จะถูกประดับประดาไฟอย่างมีสีสันในฤดูหนาวเเละยังมีทิวทัศน์ยามคํ่าคืนที่สวยงาม
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ ยังเป็นเพียงต้นไม้และพุ่มไม้หนาทึบเพื่อเตรียมการสำหรับฤดูร้อน
ผมสงสัยว่าฤดูหนาวจะมาถึงเร็วๆนี้หรือเปล่า เเต่จู่ๆ เรย์นะที่จับมือผมอยู่ก็ดึงผมไปยังข้างถนน
[“นี่ เรย์นะ? ทางนี้มันทางอ้อมไม่ใช่หรอ?”]
[“ไม่เป็นไรหรอก ทางนี้เเหละ”]
[“ข้างหน้านี้มีอะไรอยู่งั้นหรอ?”]
[“ไม่มีหรอก เเต่ฉันเเค่อยากไปสักที่ที่คนไม่เยอะน่ะ”]
หลังจากนั้นไม่นานนัก เรย์นะก็หยุดอยู่กับที่ท่ามกลางพื้นที่โล่งไร้ผู้คนเเละหันกลับมาหาผม
[“ตรงนี้ดีไหมนะ…?”]
เรย์นะมองไปรอบๆเพื่อตรวจสอบว่าจะไม่มีอะไรรบกวนเธอ
[“ถึงจะถามเเบบนั้นก็เถอะ เเต่ช่วยบอกได้ไหมว่าเรามาทําอะไรในที่เเบบนี้?”]
[“ที่จริงเเล้ว…ฉันวางเเผนที่จะเซอร์ไพรส์นายตอนที่ไฟโรงหนังดับลง เเต่ฉันไม่อยากจะไปขัดจังหวะความสุขในการดูของนายในตอนนั้น”]
วางเเผนที่จะเซอร์ไพรส์? ผมไม่รู้ว่าเธอหมายความว่าอะไร
[“ฉันเลยคิดว่าค่อยเซอร์ไพรส์ตอนกลับบ้านเเล้วกันเเต่…ฉันทนไม่ไหวเเล้ว”]
[“เดี๋ยวก่อนเรย์นะ เธอหมายถึงอะไร?”]
[” ‘ฉันสงสัยว่าฉันจะได้รางวัลเล็กๆน้อยๆ สําหรับการทํางานหนักวันนี้ไหมน้า~’ นั่นเเหละคือสิ่งที่ฉันหมายถึง”]
เรย์นะหลับตาทั้งสองข้างยืนเขย่งเท้า เเละเหยียดตัวให้สูงขึ้นเล็กน้อย
————
ติดตามผู้เเปลได้ที่ FB : Mxgic
ปล.1 ส่วนตัวไม่เคยสั่ง Starbuck เเบบ Custom เลยไม่ค่อยรู้สักเท่าไหร่เกี่ยวกับลําดับการเรียก ขออภัยเเฟนๆด้วยนะครับ ปกติกินเเต่ของถูก (อเมซอน) ฮา
ปล.2 บทต่อไปอาจจะลงวันพุธ (ถ้าเสร็จทัน)