ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 86 คั่นฉาก ความกลุ้มใจของมหาเสนาบดี

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

แอนตัน เรลโนต มีฐานะเป็นมหาเสนาบดี ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในฐานะข้าหลวงในจักรวรรดิกันเกรฟ จักรวรรดิอันทรงอำนาจที่สุดในผืนทวีปแห่งนี้

แต่เดิมทีนั้นตระกูลเรลโนตจะครองตำแหน่งพิเศษที่เรียกว่า ‘มาร์ควิสประจำวัง’ โดยทั่วไปแล้วตระกูลที่มีบรรดาศักดิ์ขุนนางเช่นมาร์ควิสหรือเคานต์นั้นจะปกครองควบคุมอาณาเขตที่ดินของตนเอง คอยเก็บรวบรวมภาษี และจ่ายต่อส่วนหนึ่งเข้าประเทศ ซึ่งในจักรวรรดิเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น มันเป็นการปกครองในรูปแบบของระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีจักรพรรดิอยู่เหนือขุนนางนั่นเอง

ทว่าตำแหน่งของแอนตันซึ่งเรียกว่ามาร์ควิสประจำวังนั้น แตกต่างไปจากขุนนางเหล่านั้นอย่างมาก

แต่เดิมทีตำแหน่งของรัฐมนตรีนั้น มันยังเป็นตำแหน่งที่ชื่อว่า ‘เคาตน์ประจำวัง’ อีกด้วย ปกติแล้วขุนนางที่มีตำแหน่งนี้จะทำหน้าที่เป็นเลขาธิการของรัฐ โดยจะมีอยู่ประมาณสิบคนแบ่งออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ และทำหน้าที่สนับสนุนจักรพรรดิเป็นหลัก พวกเขาจะไม่มีอาณาเขตที่ดินในปกครองเป็นของตนเอง แต่จะได้รับการจ่ายเงินค่าแรงจำนวนหนึ่งจากคลังของประเทศแทน

และมาร์ควิสประจำวังนั้น ก็คือตำแหน่งของผู้ที่คอยกำกับดูแลเคาตน์ประจำวังอีกทอดหนึ่ง

โดยพื้นฐานแล้วตำแหน่งรัฐมนตรีจะมีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ได้ หน้าที่หลักของมาร์ควิสประจำวังก็คือการตรวจสอบหาการคอรัปชันหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ มอบบทลงโทษให้กับผู้ที่กระทำความผิดนั้น รวมทั้งแต่งตั้งรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่ หรือหากจะสรุปให้เข้าใจง่ายที่สุดก็คงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ตรวจการที่คอยตรวจสอบทุกฝ่ายในราชสำนักนั่นเอง

 

ดังนั้นแอนตันจึงเป็นตัวตนที่อยู่สูงสุดเหนือบรรดาเคานต์ประจำวังทั้งหมด

ด้วยตำแหน่งนี้เหล่าเคานต์ประจำวังซึ่งอยู่ในราชสำนักไม่สามารถแข็งข้อกับแอนตันได้เด็ดขาด

หากเขาต้องการที่จะทำ แอนตันก็ย่อมสามารถทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งต่อการคอรัปชันหรือใช้อำนาจในทางที่ผิด และหาเงินเข้ากระเป๋าตนเองได้อย่างมากมายมหาศาลเป็นแน่ เขามีอำนาจอิทธิพลมากเพียงพอที่จะทำเช่นนั้น และแอนตันในฐานะผู้ตรวจการก็ยังมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธคำสั่งของจักรพรรดิได้อีกด้วย

ทว่า ชายที่ชื่อว่าแอนตัน เรลโนตนั้น

หรือพูดให้ชัดเจนขึ้นอีกก็คือ ตระกูลเรลโนต ซึ่งครองตำแหน่งมาร์ควิสประจำวังนั้น

 

มีแต่พวกเอาจริงเอาจังจนเข้าขั้นผิดปกติกันทั้งสิ้น

 

แต่เดิมทีแล้วมาร์ควิสประจำวังซึ่งเป็นผู้ตรวจการนั้นจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองในทางปฏิบัติ

หากมองจากมุมของพวกเขาแล้ว พวกเขาควรจะอยู่ในจุดที่สามารถเฝ้าสังเกตการบริหารบ้านเมืองจากมุมมองภายนอก เพื่อที่เมื่อใดตรวจพบความไม่ถูกต้องก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้ทันที

ทว่าด้วยนิสัยซื่อตรงของแอนตันเอง รวมทั้งความสามารถในการบริหารที่เป็นเลิศ ทำให้ดีลจักรพรรดิองค์ก่อนรู้สึกเสียดายฝีมือ

ดังนั้นดีลจึงรับสั่งเป็นกรณีพิเศษ ให้แอนตันมีตำแหน่งเป็นทั้งมาร์ควิสประจำวังและมหาเสนาบดีจนได้ หรือต้องบอกว่ามัดมือชกให้เป็นจนได้

แม้จะเป็นการแต่งตั้งที่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าตัวสุด ๆ แต่มันก็เป็นเพราะดีลเชื่อใจแอนตันมากถึงขนาดนั้น แล้วก็ไม่เชื่อใจขุนนางอื่น ๆ มากถึงขนาดนั้นเช่นกัน

 

“……ฟู่ว”

 

แอนตันอ่านเอกสารรายงานที่ได้รับมอบมาแบบผ่านตา พลางถอนลมหายใจเฮือกใหญ่

ดูเหมือนว่าในสถานการณ์ปัจจุบันจะไม่มีกระทรวงไหนที่กระทำความผิดจนเห็นได้ชัดเป็นพิเศษ แอนตันที่ตอนกลางวันทำงานเป็นมหาเสนาบดีแล้วพอตะวันคล้อยก็มาทำงานของผู้ตรวจการนั้น ใช้ชีวิตแต่ละวันวุ่นวายหัวปั่นไปกับงาน

เขาคอยสร้างขวัญกำลังใจให้ตนเองว่า ‘ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างรากฐานอันมั่นคงของจักรวรรดิในวันพรุ่งนี้’ ทว่าก็ยังต้องเอามือขยี้ตา เพราะไม่อาจเอาชนะสังขารที่เริ่มแก่ตัวลงได้

 

พักหลังมานี้รู้สึกว่ายุ่งทุกวันจริง ๆ

ถึงขนาดที่ทำเอาเขานึกสงสัยว่านับตั้งแต่ที่ฟาร์มาสจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว ครั้งสุดท้ายที่เขาได้พักผ่อนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมันคือเมื่อไหร่กันหนอ

แล้วที่ยุ่งมันก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่างานของมหาเสนาบดีหรืองานของผู้ตรวจการด้วย

แต่เป็นเพราะการต่อสู้ในฉากหลังกับบรรดาคนที่คิดจะใช้ประโยชน์จากจักรพรรดิที่ยังเยาว์วัยต่างหาก

มหาอำมาตย์—อับราฮัม โนลด์ลุนด์

ชายที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นสู่ตำแหน่งใหม่ที่ชื่อว่ามหาอำมาตย์ หลังจากฟาร์มาสขึ้นครองบัลลังก์

เขาไม่มีความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิแม้แต่น้อย หมายปองเพียงแต่จะใช้ประโยชน์จากฟาร์มาสเพื่อเติมเต็มกระเป๋าเงินของตนเองเท่านั้น ทั้งที่เรื่องนั้นมันชัดเจนเห็น ๆ กันอยู่ทุกคน แต่กลับไม่มีผู้ใดเลยที่สามารถหยุดยั้งเขาได้

นั่นก็เพราะเขามีตำแหน่งอันสูงสุดเทียบเท่ากับแอนตันผู้เป็นมหาเสนาบดีนั่นเอง

 

“แต่ว่า……”

 

ฟาร์มาสนั้น เป็นเหมือนจักรพรรดิผู้โง่เขลาตามตำราไม่ผิดเพี้ยน

เป็นที่โจษจันกันทั่วไปว่าเขาไม่ยอมรับฟังคำติเตียนของข้าราชบริพาร ให้คุณค่าแต่กับกังฉินที่คอยป้อนคำหวาน ไม่มีความสนใจในการบริหารบ้านเมือง ไม่เข้าร่วมการประชุม แล้วก็เอาแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ อย่างเฉื่อยชา ซึ่งการที่เขาไม่ชอบแอนตันที่คอยแต่จะตำหนิพฤติกรรม แล้วก็ให้คุณค่ากับโนลด์ลุนด์ผู้ยอมรับทุกการกระทำของเขา นั้นก็เป็นหลักฐานชิ้นใหญ่แล้ว

โนลด์ลุนด์สามารถทำตามอำเภอใจในราชสำนัก เสียจนอดนึกไม่ได้ว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปประเทศชาติก็คงถึงคราวล่มสลาย—

 

ทว่า

แอนตันกำลังรู้สึกว่ามีบางอย่างขัดแย้งไม่กลมกลืน

 

“……แปลก”

 

ปกติแล้ว ประเทศมีจักรพรรดิผู้โง่เขลาแบบนั้นอยู่บนจุดสูงสุด จนเหล่ากังฉินสามารถฉกฉวยได้ตามอำเภอใจเช่นนี้ ย่อมไม่อาจคงอยู่ได้นาน

ประเทศที่ไม่รับฟังเสียงก่นด่าเจ็บแค้นของประชาชน แล้วเอาแต่จดจ่อหาความสุขใส่ตัว ไม่มีทางดำเนินต่อไปได้นานอยู่แล้ว

ทว่า

หลังจากฟาร์มาสจักรพรรดิโง่เขลาผู้นั้นได้ขึ้นครองบัลลังก์ จนตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งปี

 

มันกลับไม่มีเสียงแห่งความเจ็บแค้นของประชาชนมาถึงหูของแอนตันเลย

 

จนถึงปัจจุบันนี้ประเทศก็ยังไม่มีปัญหาอะไร วันนี้ถนนใหญ่สายหลักในนครหลวงก็ยังครึกครื้นเช่นเคย

แม้จะกำลังดำเนินศึกกับสามประเทศคือจักรวรรดิอัลเมดา พันธมิตรสามอาณาจักร และราชอาณาจักรริฟาลอยู่ แต่แนวป้องกันของประเทศก็ยังไม่มีจุดใดที่ถูกทำลายลงได้

สถานการณ์เช่นนี้ เรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็ยังได้เลยด้วยซ้ำ

 

“นี่มันยังไงกันแน่นะ……”

 

และที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด พักหลังมานี้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจในราชสำนักกำลังเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่

แต่เดิมทีโนลด์ลุนด์คงจะลงมือวางแผนอะไรต่อมิอะไรไปมากทีเดียว ทันทีกับที่ฟาร์มาสขึ้นครองบัลลังก์ ขุนนางที่ทำงานในราชสำนักแปดส่วนก็ได้ไปสวามิภักดิ์กับเขา โนลด์ลุนด์ได้สร้างฐานอำนาจเอาไว้อย่างแข็งแกร่ง เสียจนอดไม่ได้ที่จะคิดว่าในวังนี้คงจะไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาได้อีกแล้ว—

ทั้งที่เป็นเช่นนั้น แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันอำนาจของโนลด์ลุนด์กับแอนตันก็ได้กลับมาสูสีกัน

ตราบใดที่แอนตันยังมีสิทธิ์มีเสียงอยู่ แผนหาเงินเข้ากระเป๋าตนเองของโนลด์ลุนด์ก็ไม่มีทางผ่านไปได้ แต่ในทางกลับกัน แม้แอนตันจะพยายามทำให้โนลด์ลุนด์ต้องหลุดจากตำแหน่ง แต่ตราบใดที่โนลด์ลุนด์ยังมีอำนาจอยู่ความพยายามนั้นก็ไม่อาจสำเร็จได้

สมดุลอันละเอียดอ่อนเช่นนั้น กำลังถูกรักษาเอาไว้

 

โดยมีสาเหตุที่สำคัญที่สุดก็คือ—เฮเลนา ลูกสาวของแอนตันนั่นเอง

 

“นี่ข้ากำลังเข้าใจอะไรผิดไปอยู่รึเปล่า……?”

 

งานพิธีไว้อาลัยครบรอบหนึ่งปีของจักรพรรดิองค์ก่อนดีลกับงานราตรีกระชับมิตรที่จัดขึ้นเมื่อวันก่อน

คนที่มาปรากฏตัวในฐานะผู้เป็นเสมือนชายาเอกในงานนั้น ก็คือเฮเลนา

 

แรกเริ่มเดิมทีที่แอนตันส่งเฮเลนาเข้าวังหลังไปก็ไม่ใช่ว่ามีแผนการอะไร

ความสัมพันธ์ทางอำนาจในวังหลังนั้นสามารถส่งผลกับราชสำนักเบื้องหน้าได้ไม่น้อย ดังนั้นเพื่อเป็นตัวช่วยในการยับยั้งการทำตามอำเภอใจของโนลด์ลุนด์ แอนตันจึงส่งเฮเลนาเข้าไปยังวังหลัง อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายของมหาอำมาตย์ขยายใหญ่มากไปกว่านี้ เขาตั้งใจไว้แค่นั้นเอง

ทว่าเฮเลนากลับก้าวข้ามความคาดหมายของแอนตันไปไกล กลายเป็นพระสนมเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากฟาร์มาส

 

เรื่องนี้มันคือความบังเอิญจริง ๆ น่ะหรือ

ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นความแปลกประหลาดเต็มไปหมด

ทั้งที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่สมัยของจักรพรรดิองค์ใหม่ แต่ก็ “บังเอิญ” ไม่เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงใด ๆ

ทั้งที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ผิดปกติอย่างการรบศึกสามด้าน แต่ก็ “บังเอิญ” ไม่เกิดปัญหาใด ๆ ในการป้องกันประเทศ

ทั้งที่กังฉินกำลังยักยอกทรัพย์สินอยู่ในราชสำนัก แต่ก็ “บังเอิญ” ไม่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองที่ใหญ่โต

เพราะฟาร์มาสรักใคร่โปรดปรานเฮเลนา จึง “บังเอิญ” ทำให้อำนาจในราชสำนักรักษาสมดุลเอาไว้ได้พอดี

ทั้งที่โนลด์ลุนด์ผลักดันแต่ญัตติที่มีไว้เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง แต่ก็ “บังเอิญ” ไม่เกิดผลกระทบอะไรแก่ประชาชนเลย

 

ลองมันมาทับซ้อนกันซะขนาดนี้ แค่คำว่าบังเอิญคงใช้อธิบายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

 

คิดว่าเฮเลนาอาจจะรู้อะไรบ้างเลยลองถามดู แต่ก็กลับถูกปฏิเสธอย่างแข็งขัน

ทว่าในทางกลับกัน ท่าทีแบบนั้นของเฮเลนาก็ได้ทำให้แอนตันมั่นใจแล้ว

 

เฮเลนานั้นหัวไม่ดี

มันไม่เชิงว่าเธอโง่ แต่พอเป็นเรื่องยากเมื่อไหร่เธอจะหยุดใช้ความคิดทันที ซึ่งนิสัยนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะเฮเลนา แต่ทั้งริกฮาร์ดลูกชายคนโต อัลเบราลูกสาวคนรอง และลิลิธลูกสาวคนที่สาม ก็เป็นเหมือนกันหมด

เกรงว่าต้นเหตุของความเลวร้ายนี้มันจะมาจากเรย์ลาภรรยาของแอนตันนั่นเอง

 

เฮเลนาคนนั้นได้ปฏิเสธคำถามของแอนตันที่ถามถึงความคิดอ่านของจักรพรรดิ

หากเธอไม่รู้ ก็คงจะตอบมาง่าย ๆ แล้วว่าไม่รู้

ทว่าการที่เธอเลือกที่จะหุบปาก ก็แปลว่ามันเป็นสถานการณ์ที่เฮเลนาอธิบายได้ยาก

นิสัยเสียที่ปฏิเสธการใช้ความคิดมันช่วยบอกให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเธอกำลังตกอยู่ใน “สถานการณ์ที่ต้องใช้ความคิด” นั่นเอง

 

“เฮ้อ……”

 

เขาไม่เข้าใจความคิดของฟาร์มาสเลย แอนตันก็เคยนึกว่าฟาร์มาสอาจตั้งใจแสร้งทำเป็นจักรพรรดิโง่เขลาอยู่ แต่การทำแบบนั้นมันมีประโยชน์อะไรกัน หากแค่แสร้งเป็นจักรพรรดิโง่เขลาอย่างเดียว อย่างเลวร้ายที่สุดมันก็ได้แค่สร้างความวุ่นวายทางการเมืองแล้วก็จบแต่เพียงเท่านั้น

ทว่า หากความคิดของแอนตันถูกต้องล่ะก็

บุรุษที่ชื่อว่าฟาร์มาสนั้น

 

ต้องเข้าใจถึงความสัมพันธ์เชิงอำนาจทั้งหมดในราชสำนักเป็นอย่างดี และกำลังดำเนินการโดยที่ไม่ให้เกิดผลเสียต่อประชาชนหรือผลกระทบต่อการป้องกันประเทศ—

 

ใครมันจะไปสามารถทำอะไรแบบนั้นได้กัน

แม้แต่คนที่ทำงานในราชสำนักมายาวนานอย่างแอนตันก็ยังเห็นว่าความสัมพันธ์เชิงอำนาจในราชสำนักนั้นเป็นเหมือนรังของมารร้าย แม้เขาจะดำเนินการต่าง ๆ เพื่อยับยั้งการใช้อำนาจตามอำเภอใจของโนลด์ลุนด์อยู่ แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมความสัมพันธ์เชิงอำนาจจากจุดยืนภายนอกเช่นนั้นได้

หากมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้น—คนคนนั้นจะต้องเป็นอัจฉริยะขนาดไหนกันนะ

 

“……ข้าเองก็อยากเลิกใช้ความคิดบ้างจังแฮะ”

 

เรย์ลาภรรยาของแอนตันเองก็เป็นสตรีที่มักจะเลิกใช้ความคิดในทันทีเหมือนกัน

แอนตันก็เคยท้วงติงอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็โดนบอกมาว่า “เรื่องยาก ๆ น่ะเอาไว้ขออัดมันสักเปรี้ยงก่อนแล้วค่อยคิด เพราะงั้นรอเดี๋ยวนะ” ซะงั้นเลยด้วยซ้ำ

ตอนที่แอนตันต้องไปตรวจสอบโรงคณิกาด้วยเรื่องงานนั้นก็เลวร้ายมากทีเดียว

แม้จะอธิบายเหตุผลต่าง ๆ นานาว่าด้วยหน้าที่ในฐานะผู้ตรวจการจึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องไป และขอให้เธอเข้าใจหน่อย ทว่าสุดท้ายเรื่องมันก็มาลงเอยที่ “ยังไงก็ช่าง ขออัดสักเปรี้ยงก่อนแล้วกัน” จนได้อยู่ดี

เมื่อนึกถึงบรรดาลูก ๆ ที่เหมือนเรย์ลาคนนั้นมากทีเดียว แอนตันก็เผลอยิ้มออกมาเบา ๆ

 

“ไม่ได้การ ๆ”

 

แอนตันดึงความคิดที่เริ่มจะเถลไถลนอกเรื่องให้กลับมาทางเดิม

ยังมีงานค้างคาอีกมาก หากมัวแต่เหม่อลอยคงได้ทำไปจนถึงกลางดึกเป็นแน่

เขาเกาศีรษะ จากนั้นก็มองเห็นเส้นผมของตนที่หลุดติดมือมาพลางถอนหายใจ

พักหลังมานี้มีเรื่องให้เหนื่อยใจเยอะแยะมากมาย ดังนั้นเส้นผมจึงหลุดร่วงมากขึ้นอย่างรู้สึกได้

แม้จะซื้อเครื่องหอมที่ช่วยบำรุงเส้นผมมาแต่ก็ไม่รู้สึกว่ามันได้ผลเลยสักนิด

สาเหตุที่เขาต้องเครียดเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นเพราะ

 

“…….มีลูกตั้งสี่คน แต่ทำไมไม่มีใครที่จะรับช่วงต่องานของข้าได้บ้างเลยนะ”

 

แอนตันกำลังคิดอย่างจริงจังว่าเขาควรจะรับบุตรบุญธรรมดีไหม

ลูกชายคนโตเป็นพวกบ้าการรบ ลูกสาวคนโตเป็นพวกบ้าฝึกฝน ลูกสาวคนรองเป็นพวกบ้าดาบ ส่วนลูกสาวคนที่สามก็บ้าหมัดมวย

 

ริกฮาร์ดลูกชายคนโตแทบไม่เคยกลับบ้าน พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็น “ขุนศึกวิหคดำ” หนึ่งในแปดยอดขุนศึกผู้อยู่จนจุดสูงสุดของยุทธในจักรวรรดิกันเกรฟไปซะแล้ว

ลูกสาวคนโตเฮเลนาแม้จะยี่สิบแปดแล้วก็ยังไม่ได้แต่งงาน แต่พอเอาเข้าวังหลังก็ดันได้รับความรักใคร่โปรดปรานของจักรพรรดิอย่างน่าฉงนซะงั้น

ลูกสาวคนรองอัลเบราก็เป็นภรรยาของบุตรชายผู้สืบทอดตระกูลเคานต์อาโรที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการป้องกันประเทศทางทิศตะวันออกของจักรวรรดิกันเกรฟ

ลูกสาวคนที่สามลิลิธก็เป็นภรรยาของเจ้าชายองค์ที่สองแห่งราชอาณาจักรการ์แลนด์ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของจักรวรรดิกันเกรฟ

 

ไม่มีคนไหนเลยที่จะมาเป็นผู้สืบทอดของแอนตันได้

 

“……เฮ้อ”

 

แอนตันถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางมองดูเส้นผมที่หลุดร่วงของตนเอง

เขาตั้งมั่นในใจว่าอันดับแรกจะลองไปขอซื้อยาปลูกผมยี่ห้ออื่นจากพ่อค้าขาประจำดู ก่อนที่จะหันกลับไปเผชิญกับงานอีกครั้ง

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท