ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 107

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

ยามเช้า

วันนี้ไม่ได้มีอะไรผิดแผกไปเป็นพิเศษ ก่อนอื่นเฮเลนาก็เสิร์ฟชาให้แก่ฟาร์มาสที่ตื่นนอนขึ้นมา แล้วก็ออกไปยืนส่งเหมือนเช่นทุกครั้ง ส่วนไอ้เรื่องที่จุมพิตแกล้งกันนั่นก็……ก็เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ แต่จะผ่านไปกี่ครั้งเธอก็ยังไม่ชินสักที

ที่สำคัญ คือเขาได้บอกว่าเพราะมีนัดจะออกไปขี่ม้าท่องเที่ยวกันตั้งแต่พรุ่งนี้เช้า คืนนี้ก็เลยไม่สามารถมาหาได้ ดูเหมือนว่าฟาร์มาสเองก็คงมีงานที่ต้องสะสางในแบบของเขาเองเหมือนกันกระมัง

และแล้วเมื่ออเลกเซียมากล่าวทักทายพร้อมกับนำอาหารมื้อเช้ามาด้วย วันหนึ่งวันที่เหมือนเคยของเฮเลนาก็ได้เริ่มขึ้น

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านเฮเลนา”

 

“อรุณสวัสดิ์ อเลกเซีย”

 

เฮเลนากินอาหารมื้อเช้าอันเย็นชืดเหมือนทุกที จากนั้นก็เริ่มออกกำลังกายเบา ๆ

และเธอก็ได้เอาความสงสัยเมื่อคืนวานมาลองถามอเลกเซียดูทันที

 

“อเลกเซีย”

 

“ค่ะ”

 

“ที่จริงแล้วนะ พรุ่งนี้ตั้งแต่เช้า……ข้าโดนท่านฟาร์มาสชวนให้ไปขี่ม้าท่องเที่ยวกันน่ะ”

 

“รับทราบแล้วค่ะ เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าขอจะพักผ่อนรอจนกว่าท่านจะกลับมาก็แล้วกันค่ะ”

 

“ไม่สิ……อ่า คือว่านะ”

 

แม้จะมีเกรเดียที่คอยรับบทผู้ติดตามไปด้วย แต่การขี่ม้าท่องเที่ยวนี่โดยเนื้อแท้แล้วมันก็เหมือนกับเธอไปกันสองคนกับฟาร์มาสนั่นแหละ

และการไปเที่ยวกันสองคนชายหญิง เท่าที่เฮเลนารู้มันก็คือการออกเดตนั่นเอง

น่าเสียดายยิ่งนัก แต่ว่าเฮเลนานั้นตั้งแต่เกิดมายี่สิบแปดปี ไม่เคยออกไปเที่ยวไหนกันสองคนกับบุรุษมาก่อนเลย แม้แต่ตอนที่ไปดื่มสุรากับวิกเตอร์ ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีใครสักคนในกองอัศวินพยัคฆ์แดงอยู่ด้วยเสมอ และแม้เธอจะเป็นสตรีเพียงคนเดียวท่ามกลางเหล่าบุรุษ แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ทุกคนสนุกสนานเฮฮากันได้โดยไม่มีแบ่งแยกชายหญิงซะมากกว่า

หรือก็คือ เฮเลนาไม่มีประสบการณ์ในทางนั้นเลยแม้แต่น้อย

 

“คือ……พอขี่ม้าไปถึงปลายทางแล้ว ข้าควรจะทำอะไรดีน่ะ?”

 

“หมายความว่าอย่างไรหรือคะ?”

 

“ก็ดูเหมือนตามแผนเราจะได้ไปที่ทุ่งดอกไม้ในป่าพาทาจ แล้วก็ไปเพลิดเพลินชมทิวทัศน์จากชั้นที่ห้าของภูเขาเทโอร็อกกันน่ะ แต่ข้าก็ไม่รู้เลยว่าอย่างเช่นในทุ่งดอกไม้เนี่ยมันควรจะทำอะไรกันบ้าง”

 

ตั้งแต่เริ่มเธอก็ไม่รู้แล้วว่าในทุ่งดอกไม้มันจะให้ไปเพลิดเพลินกับอะไร

ความสนใจที่เธอมีให้กับพืชพรรณ นอกจากจะคิดว่ามันกินได้หรือกินไม่ได้แล้วก็ไม่มีความคิดอื่นใดอีก

ทว่าเมื่อได้ฟังคำของเฮเลนาเช่นนั้น อเลกเซียก็ถอนหายใจคำโตพลางก้มหน้าอย่างสลด

 

“อ่า……จริงด้วยสินะคะ ท่านเฮเลนาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”

 

“หือ?”

 

“ไม่มีอะไรค่ะ นั่นสินะคะ วิธีเพลิดเพลินกับทุ่งดอกไม้น่ะหรือ……”

 

‘อืม’ อเลกเซียกอดอกอย่างใช้ความคิด

จากนั้นก็มองจ้องเฮเลนาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างตั้งใจ

 

“……ลองทำมงกุฏดอกไม้ดูเป็นอย่างไรคะ?”

 

“คิดว่ามันจะเหมาะกับข้ารึ?”

 

“ถ้าอยากแต่งกายให้มันเหมาะกับพฤติกรรมเช่นนั้น ข้าก็เลือกมาให้ได้ค่ะ”

 

“หยุดเลยนะ”

 

พูดถึงไอ้ชุดแต่งกายน่ารักน่าเอ็นดูที่ให้ใส่เมื่อคราวก่อนอยู่แหง

ขืนให้อเลกเซียเลือกชุดให้ก็ไม่รู้ว่าเกรเดียจะมีปฏิกิริยายังไงอีกบ้าง อีกอย่างเฮเลนาก็ไม่อยากโดนแกล้งเล่นให้อับอายอีกแล้ว ดังนั้นจึงปัดตกข้อเสนอ

‘น่าเสียดายค่ะ’ อเลกเซียบึนปาก

 

“ข้าว่าท่านไม่น่าต้องกังวลอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ”

 

“……งั้นรึ?”

 

“ฝ่าบาทน่ะโปรดปรานในตัวของท่านเฮเลนา หากท่านเฮเลนาทำอะไรที่ไม่เหมาะกับตัวเองไปฝ่าบาทก็คงไม่ยินดีหรอกค่ะ ข้าว่าแค่ทำตัวเหมือนปกติก็พอแล้วนะคะ”

 

“ฮืม……”

 

ที่อเลกเซียว่ามามันก็จริง

ขืนไปทำอะไรที่ไม่เข้ากับตัวเองแล้วโดนมองว่าพิลึกคนขึ้นมาก็คงไม่ดี ทำตัวเป็นเฮเลนาตามปกติไปดีกว่า

เมื่อคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

“อืม นั่นสินะ”

 

“ทว่า อย่าไปทำอะไรอย่างเช่นวิดพื้นกลางทุ่งดอกไม้นะคะ”

 

“ต่อให้เป็นข้าก็ไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า”

 

เฮเลนายักไหล่ให้กับคำพูดของอเลกเซีย

จะอย่างไรมันก็เป็นการไปเที่ยวกันสองคนกับฟาร์มาส และเธอก็ไม่คิดจะไปวิดพื้นในสถานที่เที่ยวหรอก มันเป็นการไปเที่ยวเช้ากลับเย็น ดังนั้นเธอก็แค่ต้องฝึกฝนตนเองตอนเช้ามืดกับหลังจากตอนเย็นไปก็พอแล้ว

อันที่จริง ถ้าเธอทำให้การขี่ม้ามันเป็นตัวชูโรงก็น่าจะดี ในวังหลังคงไม่มีโอกาสอื่นที่จะได้ฝึกขี่ม้าอีกแล้วกระมัง เธอควรจะฝึกเป็นหนึ่งเดียวกับม้าแล้วก็ขี่มันอย่างสนุกสนานให้เต็มที่ดีกว่า

‘อืม ๆ’ เธอพยักหน้าอย่างพอใจ

 

“ลองแข่งกับฝ่าบาทดูว่าใครจะควบม้าได้เร็วกว่ากันดีกว่า”

 

“ก็น่าจะดีนะคะ อย่างไรม้าของฝ่าบาทก็คงเป็นม้าฝีเท้าเยี่ยมแน่ ๆ”

 

“อ้อ แล้วก็……ช่วยเตรียมถุงกระสอบใหญ่ ๆ เอาไว้ให้หน่อยได้ไหม?”

 

“……ถุงกระสอบ หรือคะ?”

 

“อื้อ”

 

อเลกเซียเอียงศีรษะอย่างฉงน

ก็จริงอยู่ว่าเวลาชายหญิงออกไปเที่ยวกัน มันไม่น่าจะมีอะไรที่จำเป็นต้องใช้ถุงกระสอบใหญ่ ๆ อยู่ในหัวข้อสนทนาได้เลย

แต่เธอจำเป็นต้องใช้นี่นา

 

“มีเรื่องอยากจะถามอีกเรื่องด้วยน่ะ”

 

“คะ?”

 

“สำหรับมื้อกลางวันควรจะทำยังไงดีรึ?”

 

“คิดว่าน่าจะมีการทำเป็นอาหารกล่องแล้วก็พกไปด้วยนะคะ”

 

“หืม……”

 

ถ้าเป็นอาหารกล่อง ก็คงจะเย็นชืดหมดแล้วสินะ

ขนาดเฮเลนายังได้กินแต่อาหารที่ผ่านการทดสอบพิษจนเย็นชืดทุกมื้อ ดังนั้นสำหรับฟาร์มาสคงหนักยิ่งกว่านี้อีกแน่

บางครั้งการเสิร์ฟอาหารอุ่น ๆ ให้เขาบ้างก็น่าจะไม่เลวกระมัง

 

“……ถ้าเป็นข้าทำอาหารด้วยมือตนเองมันจะมีปัญหาไหม?”

 

“เรื่องนั้น……”

 

“กับโลกภายนอกแล้วข้ามีสถานะเสมือนเป็นชายาเอกอยู่ บุคคลเช่นนั้นย่อมไม่มีวันประสงค์ร้ายต่อฝ่าบาทอยู่แล้ว หากข้าเตรียมวัตถุดิบด้วยตนเองแล้วก็ปรุงมันต่อหน้าฝ่าบาทเลย ก็คงไม่มีความจำเป็นต้องทดสอบพิษใช่ไหมล่ะ”

 

“ขออภัยด้วยนะคะ ท่านเฮเลนา”

 

อเลกเซียกล่าวพลางส่ายหน้า

แม้เฮเลนาคิดว่าการอ้างทฤษฎีเช่นนี้น่าจะสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่สามารถโน้มน้าวอเลกเซียได้

มันมีตรงไหนที่ใช้ไม่ได้กันนะ

 

“นั่นเป็นไปไม่ได้ค่ะ”

 

“ทำไมล่ะ? ยังไม่เชื่อในฝีมือทำอาหารของข้าอีกงั้นรึ?”

 

“ไม่ใช่เหตุผลแบบนั้นหรอกค่ะ ท่านเฮเลนากล่าวว่าจะเตรียมวัตถุดิบและปรุงมันต่อหน้า……แต่ว่าจะเตรียมวัตถุดิบแบบไหนหรือคะ?”

 

“ก็ไหว้วานมาริเอลหรือใครก็ได้นี่”

 

“เช่นนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ท่านมาริเอลจะวางยาพิษในวัตถุดิบนั้นอยู่ค่ะ หรือมิฉะนั้นก็อาจมีการลอบใส่ยาพิษเข้าไปในวัตถุดิบระหว่างที่ขนส่งมาก็ได้ ตราบใดที่ความเป็นไปได้นั้นยังไม่ใช่ศูนย์ ก็ไม่สามารถให้ฝ่าบาทรับประทานได้หรอกค่ะ”

 

“……เอ๋—”

 

ทำไมมันจำเป็นต้องสืบสาวกลับไปกันขนาดนั้นด้วยอ่ะ

ยังไงมาริเอลก็ไม่มีทางเอาพิษใส่ลงไปอยู่แล้ว และหากเป็นก่อนหน้านั้นก็คงไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่านี่จะเป็นวัตถุดิบที่จักรพรรดิจะรับประทาน แต่ก็ยังมองหาความเป็นไปได้กันถึงขั้นนั้นอีกเนี่ยนะ

แปลว่า หากเฮเลนาไม่ได้เป็นคนแปรรูปสัตว์ที่ยังเป็น ๆ รวมทั้งเด็ดผักป่าสด ๆ ด้วยตนเองแล้วนำมาเสิร์ฟ ก็คือเป็นไปไม่ได้สินะ

 

“……ฮืม”

 

“หากท่านเฮเลนาเป็นคนแปรรูปจัดเตรียมวัตถุดิบเองทั้งหมดก็จะเป็นอีกเรื่องนะคะ แต่ว่า……”

 

“หืม—……แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ”

 

“……หมายความว่าอย่างไรคะ?”

 

สรุปสั้น ๆ ก็คือห้ามใช้ของที่เอามาจากที่อื่นแค่นั้นเอง เพราะงั้นก็เลยมีความจำเป็นต้องจัดหามันจากสถานที่จริง

และหากมองจากมุมของเฮเลนาผู้เคยอยู่ในกองทัพมาก่อน การจัดหาอาหารในท้องถิ่นเวลาที่ไปออกรบแบบกองโจรมันเป็นเรื่องที่เธอคุ้นชินอยู่แล้ว ในป่านั้นมีวัตถุดิบอยู่อย่างเหลือเฟือ เฮเลนาก็แค่ต้องจัดหาทุกอย่างมาด้วยตัวเองเท่านั้นเอง

แม้จะไม่รู้ถึงขั้นว่ามันจะมีวัตถุดิบอะไรบ้าง ก็เลยไม่สามารถรับประกันเรื่องรสชาติได้ก็เถอะ

แต่ถ้ามีพวกหมูป่าหรือกวางก็คงสามารถทำหม้อไฟที่ถูกปากฟาร์มาสได้กระมัง

 

“อาจต้องใช้คันธนูกับลูกธนูด้วยแฮะ”

 

“……คะ?”

 

“พวกสัตว์ป่าพอเข้าไปใกล้มันก็จะหนี ถ้าจะล่ามันทางนี้เองก็ต้องมีวิธีจู่โจมระยะไกล แม้จะไม่ถึงขนาดท่านพี่แต่ข้าก็มั่นใจในฝีมือยิงธนูของตัวเองพอสมควรนะ”

 

“เอ่อ”

 

“ส่วนผัก ถ้าต้องใช้ของที่มีขึ้นตามธรรมชาติด้วยล่ะก็……เห็ดมันดูยากว่าอันไหนมีพิษไม่มีพิษ งั้นก็คงต้องเป็นพวกผักภูเขาทั่วไปล่ะนะ เครื่องปรุงรสเองก็คงพกไปได้แค่เกลือด้วย……”

 

“คือว่า ท่านเฮเลนาคะ……”

 

พอหันไป ก็เห็นอเลกเซียก็กำลังทำหน้าเหนื่อยใจพลางกุมขมับอยู่

นี่เธอพูดอะไรที่มันแปลกไปหรือไงกันนะ

 

“เป็นอะไรไป อเลกเซีย”

 

“ท่านเฮเลนา……นี่จะไปขี่ม้าท่องเที่ยวกับฝ่าบาทแน่นะคะ?”

 

“อือ ก็บอกแล้วไม่ใช่รึ”

 

“เท่าที่ข้าฟัง จะคิดยังไงนั่นมันก็ไปเซอร์ไววัลกลางป่าเขาชัด ๆ เลย จะไปสนามรบที่ไหนหรือคะ”

 

“……”

 

ก็อาจจะจริงว่าปกติแล้วชายหญิงออกไปเที่ยวคงไม่มีใครเขาล่าสัตว์ป่ากัน

ถ้างั้นแล้วจะให้ทำยังไงถึงจะดีเล่า

 

“……เอ่อ แต่ว่าก็นี่ไงตัวข้าเหมือนตามปกติน่ะ”

 

ก็อเลกเซียบอกเองนี่นา ว่าทำตัวเป็นเฮเลนาเหมือนตามปกติก็ได้

ทว่าเมื่อได้ฟังคำของเฮเลนา อเลกเซียก็ส่ายหน้า

 

“ข้าคิดผิดไปซะแล้วค่ะ”

 

“เอ๊ะ”

 

“ท่านเฮเลนาคะ ต่อหน้าฝ่าบาทได้โปรดช่วยทำตัวสงบเสงี่ยมด้วยเถอะค่ะ”

 

“เอ๊ะ”

 

“ช่วยทำตัวสงบเสงี่ยมด้วยเถอะค่ะ เข้าใจไหมคะ?”

 

“………………ค่ะ”

 

เมื่อเจอกับคำพูดซึ่งเหมือนมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นของอเลกเซีย

เฮเลนาจึงทำได้แค่พยักหน้ารับคำอย่างว่าง่ายเท่านั้นเอง

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท