ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 138.1 ซิสค่อนผู้อยู่แนวหน้า 3 (ตอนพิเศษฉบับรวมเล่ม 3)

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

 

“สำหรับแม่ทัพแล้ว น้องสาวคือตัวตนเช่นไรหรือคะ?”

 

“ความงดงามสูงสุดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานมาให้ ตัวตนที่ควรปกป้องยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด หากคำว่าความรักมันมีรูปร่างจับต้องได้ ก็คงจะมีรูปร่างเป็นน้องสาวนี่แหละ”

 

“ค่ะ ข้าเข้าใจได้แค่ว่าแม่ทัพอาการหนักจริง ๆ ค่ะ”

 

ณ ป้อมปราการที่แนวหน้าการรบกับหนึ่งในพันธมิตรสามอาณาจักร ราชอาณาจักรเอสตี

ที่ห้องทำงานภายในป้อมปราการนั้น ริกฮาร์ดได้โดนยิงคำถามเช่นนั้นเข้าใส่โดยผู้บังคับบัญชากองอัศวินหมาป่าเงิน สเตซี โบลต์ซึ่งวันนี้ก็เอางานเอกสารมาให้ทำอีกเช่นเคย แล้วเขาก็ตอบกลับไปเกี่ยวกับน้องสาวอย่างไม่มีลังเล

และเสตซีที่ได้ฟังเรื่องที่แม้จะรู้อยู่แล้วก็ยังอดไม่ได้ที่เอือมระอา สมกับที่ใครต่อใครเรียกว่า ‘ไอ้คนบ้าน้องสาว’ ริกฮาร์ดนั้นไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากน้องสาวเลย

อย่างน้อยที่สุด ขนาดมีโอกาสได้ร่วมฝึกกับกองอัศวินหมาป่าเงินที่ชื่อว่าเป็นกองอัศวินหญิง หรืออย่างตอนนี้ที่อยู่กันสองต่อสองในห้องทำงานที่ปิดมิดชิดกับสเตซีก็ยังไม่สนใจแม้แต่น้อย นอกจากน้องสาวแล้วก็ไม่มีผู้ใดทำให้จิตใจเขาหวั่นไหวได้

 

“อะไรเล่า ลองให้ข้าได้พูดเรื่องน้องสาวดูสิ ได้ใช้เวลาถึงเช้าแน่”

 

“อย่าพูดแบบนั้นออกมาด้วยตัวเองสิคะ”

 

“เรื่องจริงนี่”

 

‘เฮ้อ’ สเตซีถอนหายใจเล็ก ๆ

ตอนนี้ไม่ได้มีการรบพุ่งกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่แค่มีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยเท่านั้น เวลาที่ริกฮาร์ดฝากเวรกลางคืนให้กับรองผู้บังคับบัญชาของเขาเอง บางครั้งเขาก็เคยมาดื่มสุราด้วยกันกับสเตซี

ขนาดในเวลาแบบนั้น หัวข้อการสนทนาก็ยังมีแต่เรื่องน้องสาวทุกที ด้วยเหตุนั้นสเตซีจึงกลายเป็นผู้ที่รู้เรื่องน้องสาวของริกฮาร์ดโดยละเอียดไปแล้วทั้งที่ยังไม่เคยพบหน้ากันเลยสักครั้ง

 

“แต่ก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยนะคะ”

 

“หืม?”

 

“ทำไมแม่ทัพถึงได้รักน้องสาวมากขนาดนั้นล่ะคะ?”

 

“พี่ชายที่ไม่รักน้องสาวน่ะไม่มีอยู่ในโลกนี้หรอก และน้องสาวที่ไม่รักพี่ชายก็ไม่มีอยู่ในโลกนี้เช่นกัน”

 

“……เป็นทฤษฎีที่สุดโต่งมากทีเดียวเลยนะคะ”

 

ได้ฟังคำของริกฮาร์ด สเตซีก็เอียงศีรษะอย่างฉงนใจ

พี่ชายน้องสาวที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีมันก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในโลก ต่อให้เป็นพี่น้องที่เกิดมาในบ้านเดียวกัน แต่หากนิสัยเข้ากันไม่ได้แล้วจะไม่ถูกกันมันก็เป็นเรื่องธรรมดา

ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ริกฮาร์ดกลับประกาศออกมาเหมือนว่าพี่ชายกับน้องสาวผูกโยงกันด้วยสายโซ่ที่ไม่มีวันตัดขาด ชวนให้เธอรู้สึกสงสัยไม่น้อย

แต่เอาเถอะ กับคนที่หัวสมองแปดในสิบส่วนเต็มไปด้วยน้องสาวอย่างริกฮาร์ดเนี่ย พูดอะไรไปมากกว่านี้ก็คงไม่มีประโยชน์กระมัง

 

“แล้วเรื่องนั้นมันทำไมรึ?”

 

“เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่คิดว่าวันนี้แม่ทัพก็เป็นแม่ทัพคนเดิมเลยน้า”

 

“พูดอะไรของเจ้าน่ะ”

 

ริกฮาร์ดเงยขึ้นมามองด้วยสีหน้าราวกับไม่เข้าใจจริง ๆ แต่ภาพที่เขามองเห็นก็มีแค่ใบหน้าเอือมระอาของสเตซีเท่านั้น

กับคนบ้าน้องสาวที่เหมือนกับถูกสลักไว้ในวิญญาณมาแต่กำเนิดนั้น พูดเรื่องน้องสาวด้วยไปมากกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์

‘ริกฮาร์ดเนี่ยพิลึกคนจริง ๆ นะ’ สเตซีคิดพลางตั้งท่าจะทำงานชิ้นต่อไป

 

“ท่านแม่ทัพ!! ขออนุญาตครับท่านแม่ทัพ!!”

 

เงาคนร่างเล็กวิ่งโครมครามเข้ามาในห้องทำงาน

ซึ่งปรากฎว่าก็คือพลทหารของกองอัศวินวิหคดำที่ยังดูหนุ่ม และริกฮาร์ดเองต่อให้เป็นแม่ทัพก็ใช่ว่าจะรู้จักทหารดีทุกคน เขาจึงขมวดคิ้ว

 

“มีอะไรงั้นรึ?”

 

“อัศวินขั้นสาม อาร์โนลด์ เวลซ์ ขออนุญาตเข้าไปครับ!”

 

“……ก็เข้ามาแล้วไม่ใช่รึ”

 

“เราพบควันไฟลอยขึ้นมาทางทิศเหนือ! เกรงว่าจะเป็นหน่วยลาดตระเวณของข้าศึกครับท่าน!”

 

“—!!”

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของพลทหาร—ของอาร์โนลด์ ริกฮาร์ดจึงลุกขึ้นยืน

หากเป็นทัพจากทางทิศเหนือ ก็ย่อมเป็นทัพของราชอาณาจักรเอสตี เกรงว่าน่าจะเป็นหน่วยทหารม้าขนาดเล็กที่มาเพื่อดูลาดเลาของทางฝั่งนี้กระมัง ดูเหมือนว่าคนที่รู้สึกเบื่อหน่ายสภาวะทรงตัวเช่นนี้จะไม่ใช่ฝ่ายเราแค่ฝ่ายเดียว

เพราะป้อมปราการของฝั่งข้าศึกนั้นถูกปกป้องไว้โดยแม่ทัพดีนเซล คาลปาคซึ่งเลื่องชื่อในด้านการตั้งรับ จึงยากที่จะบุกทะลวงม้วนเดียวจบได้ แต่ฝ่ายเราเองก็มีกำลังทหารเหนือกว่าและกำลังมองหาโอกาสที่จะบุกอย่างสุดกำลังอยู่ ดูเหมือนทางนั้นเองก็อยากลงมือทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะกลายเป็นแบบนั้นสินะ

 

“รวบรวมทหารที่ยังเคลื่อนไหวได้มา! ข้าจะออกนำทัพเอง! อย่าให้พวกมันกลับไปได้แม้แต่คนเดียว!”

 

“ครับ!!”

 

“สเตซี ฝากที่นี่ด้วย ข้าจะไปลุยเสียหน่อย”

 

ริกฮาร์ดมองส่งอาร์โนลด์ที่ถอนตัวออกจากห้องไป ก่อนจะหันมาบอกกับสเตซีดังนั้น

สเตซีก็ยกมือโบกให้หยอย ๆ เหมือนกับเป็นการแสดงว่ารับทราบแล้วโดยที่ไม่พูดอะไร อันที่จริงมันไม่ใช่ท่าทีที่สมควรจะแสดงกับผู้บังคับบัญชา ทว่าในเมื่อสังกัดคนละกองอัศวินกัน และเขากับสเตซีก็คุ้นเคยกันดี ริกฮาร์ดก็ไม่จำเป็นต้องเข้มงวดอะไรขนาดนั้น

จากนั้นริกฮาร์ดก็สวมใส่อาวุธและชุดเกราะซึ่งวางไว้ที่มุมหนึ่งในห้องทำงานของตนเอง

 

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ เฮเลนา”

 

เขาสวมชุดเกราะใหญ่สีดำเป็นประกายที่คู่ควรกับชื่อ “ขุนศึกวิหคดำ”

 

“วันนี้ก็ฝากด้วยนะ อัลเบรา”

 

หยิบธนูคันใหญ่สายตึงที่ใช้สำแดงศิลปะการยิงธนูซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งผืนในทวีปนี้

 

“นายม้า! ไปพาลิลิธออกมาซะ! ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

 

และตะโกนบอกกับทหารดูแลคอกม้าที่อยู่นอกหน้าต่างว่าให้เตรียมม้าแสนรักที่จะทะยานไปพร้อมกันในสนามรบ

เมื่อเห็นริกฮาร์ดทำเช่นนั้น สเตซีก็ได้แต่มองอย่างเย็นชา

 

“……ทำไมมันเป็นชื่อน้องสาวหมดเลยคะ”

 

เธอมองส่งอำลาริกฮาร์ดที่วันนี้ก็คงอาละวาดพลางคำรามชื่อน้องสาวไปด้วยอย่างไม่มีความตึงเครียดสักนิดเหมือนเช่นเคย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“……ฟู่ว”

 

“ขอบคุณที่ทำงานหนักค่ะแม่ทัพ เป็นอย่างไรบ้างคะ?”

 

“ทหารที่โดนจับได้มันฆ่าตัวตายไปเลยน่ะสิ ดูเหมือนว่าต่อให้ตายก็ไม่ยอมส่งให้ข้อมูลให้ทางนี้สินะ”

 

หลังจากตะวันคล้อยไปได้สักพัก ริกฮาร์ดก็กลับมา

กองอัศวินวิหคดำก็ไม่ได้มีแต่ชื่อ กล่าวกันว่าพวกเขาเป็นกองอัศวินที่คล่องตัวไปไวมาไวเหมือนกับนก ซึ่งดูเหมือนกองอัศวินวิหคดำนั้นก็ได้แสดงฝีมือที่แท้จริงให้เห็นและจัดการกับหน่วยลาดตระเวณของข้าศึกได้อย่างรวดเร็วทีเดียว

‘ฟู่ว’ ริกฮาร์ดถอดเกราะออก วางธนู แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ แน่นอนว่าเขาไม่ลืมเช็ดเลือดของศัตรูที่ติดบนเกราะออกก่อน หากเป็นเกราะผ้าก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่เกราะเหล็กมันสามารถเช็ดออกได้ทันทีอยู่แล้ว ยิ่งเป็นแม่ทัพก็ยิ่งต้องหมั่นขัดถูเกราะของตนเสมอ มิเช่นนั้นจะดูไม่น่าเกรงขาม

 

“เอาเถอะ ได้อาละวาดหลังจากไม่ได้ทำมานานก็พอใจแล้วล่ะ”

 

“……ทั้งบ้าน้องสาวแล้วก็บ้าสงครามจริง ๆ นะคะ”

 

“พูดว่าอะไรเกี่ยวกับน้องสาวรึ?”

 

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร แล้ววันนี้จะเอายังไงต่อคะ?”

 

ทั้งที่เธอแค่พึมพำเสียงเบาแท้ ๆ ก็ยังได้ยินอยู่อีก

ขอแค่มีคำว่าน้องสาว หูของริกฮาร์ดก็กลายเป็นหูผีขึ้นมาได้ทันที

 

“เฮ้อ……วันนี้ไม่มีอารมณ์จะทำงานแล้วล่ะ”

 

“งั้นวันนี้เราก็พอแค่นี้แล้วกันค่ะ”

 

“……จู่ ๆ เป็นอะไรไปน่ะ?”

 

“ข้าเองก็อยากพักสักหน่อยเหมือนกันน่ะคะ”

 

‘หุ ๆ’ สเตซียิ้ม

ช่วงนี้ทำแต่งานเอกสาร ใจจริงเธอก็อยากจะพักสักหน่อยเหมือนกัน

และในเมื่อที่นี่คือแนวหน้าการรบ สิ่งที่เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจที่สุดก็หนีไม่พ้นสุรา การที่สเตซีร่วมวงดื่มสุรากับริกฮาร์ดเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกตาอะไร

 

“ดูเหมือนส่วนกลางจะส่งสุราดี ๆ มาให้ด้วยนะคะ”

 

“โอ้ งั้นรึ งั้นก็ดื่มด้วยกันหน่อยเป็นไร”

 

“ค่ะ จะให้ทำอะไรมาแกล้มไหมคะ?”

 

“อันนั้นก็ดีนะ ไอ้ที่เจ้าทำมาเมื่อคราวก่อนน่ะ มันฝรั่งกับเนื้อต้ม”

 

“อันนั้นมันทำยากพอสมควรเลยนะคะ……เอาเถอะ ได้ค่ะ ข้าจะไปเตรียมตัวหน่อย แม่ทัพก็เก็บกวาดงานไปก่อนนะคะ ข้าจะไปทำมาระหว่างนั้น”

 

แม้จะบ่นเช่นนั้นแต่สเตซีก็ไม่ปฏิเสธและมุ่งหน้าไปยังห้องครัว

อันที่จริงแล้วต้องไปกินอาหารเย็นที่โรงอาหารตามเวลาที่กำหนดไว้ แต่เพื่ออุดช่องโหว่ตอนที่ริกฮาร์ดไม่อยู่สเตซีจึงต้องทำงานโดยไม่ได้หยุดพักเลย และตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้องครัวก็คงดับไฟแล้วก็กำลังเก็บกวาดห้องครัวกันอยู่แล้ว

ในจังหวะนั้น สเตซีจึงไปบอกกล่าวสักสองสามคำและขอยืมใช้ครัว

เธอเริ่มต้นทำของต้มเพื่อให้ตัวเองกับริกฮาร์ดรับประทาน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ก็อย่างที่บอกอ่า ทำไมถึงได้แต่งงานไปซะง้านล่าว อัลเบรา……”

 

และ

หลังจากแลกกันรินสุราอย่างรื่นเริง กินของต้มเป็นกับแกล้มจนผ่านไปหลายจอก ริกฮาร์ดก็ค่อย ๆ พังทลายไป

 

‘ฮึก ๆ’ เขาสะอื้นไห้ทั้งน้ำตา ทว่าก็ยังซดสุราไม่หยุด เป็นสภาพที่ชวนงงอย่างยิ่ง แต่สำหรับสเตซีที่เคยดื่มด้วยกันมาหลายครั้ง มันเป็นภาพที่เธอเห็นทุกทีจนชินตาไปแล้ว

 

“ไอ้บ้าโดเรล……สักวันข้าจาฆ่ามันให้ด้าย……”

 

“ค่ะค่ะ ถ้าทำจริงแม่ทัพจะโดนจับเอานะคะ”

 

“แม้แต่ลิลิธก้อด้วย……!”

 

“ได้โปรดอย่าให้ถึงขนาดไปหาเรื่องทะเลาะกับการ์แลนด์เลยค่ะ นั่นเป็นประเทศพันธมิตรนะคะ”

 

มีสภาพน่าอดสูของริกฮาร์ดที่ร้องไห้กระซิกกระซิกเป็นกับแกล้ม สเตซีเองก็ค่อยดื่มสุราไปเรื่อย ๆ เช่นกัน

มันไม่ใช่ว่าสเตซีคอแข็งหรืออะไร แต่ริกฮาร์ดนั้นเรียกได้ว่าคออ่อนเกินไปต่างหาก เท่าที่ได้ยินมา เฮเลนาน้องสาวคนโตซึ่งเป็นอดีตรองผู้ยังคับบัญชาของกองอัศวินพยัคฆ์แดง พอเหล้าเข้าปากก็จะเริ่มร้องไห้เหมือนกัน ดูเหมือนจะมีนิสัยเสียเวลาดื่มเหล้ากันทั้งพี่ทั้งน้อง

จากนั้นเสียงบ่นงึมงำของริกฮาร์ดที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเสียงนอนกรนไป

ลองดื่มสุราเข้าไปซะขนาดนี้ เขาก็คงไม่ตื่นขึ้นมาจนถึงเช้า

 

“งืม……เฮเลนา……”

 

“……”

 

เมื่อเห็นริกฮาร์ดดังนั้น สเตซีก็นำผ้าห่มซึ่งมักจะมีติดห้องทำงานไว้หนึ่งผืนเสมอ เอามาคลุมไหล่ของเขาเอาไว้ หากในห้องทำงานนี้มีเตียงก็คงดี แต่หากมีอยู่ก็กลายเป็นว่าคงได้ค้างคืนทำงานกันหามรุ่งหามค่ำแหง ก็เลยไม่ได้มีการนำมาวางเอาไว้

‘เฮ้อ’ สเตซีถอนหายใจเบา ๆ

 

“……ถ้าหากข้าเป็นน้องสาวของท่าน ท่านจะรักบ้างไหมนะคะ”

 

สเตซีอยากจะบอกกับริกฮาร์ดที่ขนาดนอนหลับก็ยังละเมอเป็นชื่อน้องสาวเสียจริง ๆ

ว่าคนที่ไม่ว่าจะริกฮาร์ดพูดเรื่องน้องสาวมากแค่ไหนก็ยังยอมนั่งฟัง ยอมร่วมวงดื่มเหล้าด้วยกันได้อย่างสเตซีเนี่ย ย่อมไม่มีทางที่จะไม่คิดอะไรกับเขาอยู่แล้ว

 

“เรานี่ก็ดันไปชอบคนที่มันยุ่งยากเข้าซะได้นะ”

 

‘หุ ๆ’ สเตซียิ้ม

และจุมพิตอย่างแผ่วเบาที่แก้มของริกฮาร์ดซึ่งกำลังนอนหลับส่งเสียงกรนอย่างสงบสุข

 

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท