มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน – ตอนที่ 4 หอดารา

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

        หลงเหยียนรู้ดี ถ้าระยะเวลาในการต่อสู้นานมากกว่านี้ เขาต้องพ่ายแพ้แน่ ในเมื่อหลงเอ้าอวีฝึกวิชามานานมากแล้ว แถมยังมีพลังขั้นที่สาม มีเพียงพลังปราณเท่านั้นที่หลงเหยียนจะยังพอสู้หลงเอ้าอวีได้

        “ในเมื่อเจ้ามีวิญญาณยุทธ์แล้ว ขนาดวิชาทะลวงฟ้าไม่อาจทำอะไรเจ้าได้ งั้นข้าก็คงต้องใช้วิชาการต่อสู้ที่ฝึกมาใหม่แล้วล่ะ”

        “หมัดลงทัณฑ์”

        หลงเอ้าอวีคำรามเสียงดัง ครั้งนี้เขาเป็นคนเริ่มโจมตีก่อน หมัดนั้นหลอมไปด้วยพลังปราณที่ทะลุทะลวง หลงเหยียนตาแดงก่ำ รวมจิต ส่งจิตวิญญาณผ่านพลังวิญญาณในการมองทุกกระบวนท่าของหลงเอ้าอวี แล้วหลบได้ทันเวลา

        ร่างกายหลงเหยียนพุ่งไปด้านหน้า แล้วหันกลับมามอง “ก็ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลยนี่ อยากล้มข้าหรือ ฝันไปเถอะ”

        เพิ่งพูดจบ พลังจากเท้าที่มหาศาลก็เหวี่ยงเข้ามาแล้ว ครั้งนี้ หลงเหยียนถูกถีบกระเด็น ร่างกระแทกกับพื้นอย่างแรง

        หลงเอ้าอวีปรี่เข้ามาด้วยความเร็ว ใช้เท้าเหยียบหน้าอกหลงเหยียนแรงๆ

        “เหอะ! คนไร้ค่าก็ยังไร้ค่าอยู่วันยังค่ำ พลังอันน้อยนิดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้ ฮ่าๆๆ” แล้วเขาก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง

        “ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไร” หลงเหยียนคำราม

        หลงเอ้าอวีตกใจ หันขวับกลับไปมอง “หลงอีจะมาได้อย่างไร?” ทว่าด้านหลังกลับไม่มีใคร เขาติดกับเสียแล้ว

        ระหว่างการต่อสู้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสมาธิ หลงเหลียนฉวยโอกาสที่หลงเอ้าอวีเผลอ กอดขาของหลงเอ้าอวีแน่น พลังปราณไหลไปทั่วนิ้วมือ ทันใดนั้น หลงเหยียนก็ยกขาของหลงเอ้าอวีขึ้น เขาล้มลงบนพื้น มิอาจควบคุมร่างกายได้

        ครั้งนี้ มีหรือที่หลงเหยียนจะปล่อยให้เขามีโอกาสตั้งตัว

        ขาทั้งสองข้างทับมือทั้งคู่ของหลงเอ้าอวี พริบตาเดียว หมัดทั้งสองข้างก็กระหน่ำฟาดลงบนหน้าหลงเอ้าอวี ทุกหมัดฟาดลงอย่างแรงและแม่นยำ

        หมัดของหลงเหยียนเร็วมาก ความเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น หลงเหยียนไม่แม้แต่จะเว้นช่องว่างให้หลงเอ้าอวีได้หายใจเลยด้วยซ้ำ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนถูกหยามมานานหลายปี หลงเหยียนคล้ายเป็นสิงโตที่กำลังคลั่ง แล้วปลดปล่อยใส่ตัวหลงเอ้าอวี

        ในที่สุดหลงเหยียนก็เหนื่อย เขาลุกขึ้น ใช้เท้าเหยียบหัวของหลงเอ้าอวีที่บวมจนเหมือนหัวหมูไม่มีผิด

        “หลงเอ้าอวี นี่คือจุดจบของการมีเรื่องกับข้า ตอนนี้เจ้ามีความสุขมากหรือไม่” หลังจากพูดจบ หลงเหยียนก็หัวเราะแล้วปัดมือ

        จะยอมจบเรื่องแค่นี้น่ะหรือ ไม่มีทาง ถ้าจบลงแค่นี้ เขาคงไม่ใช่หลงเหยียนแล้ว ในเมื่อมีเรื่องแล้ว งั้นก็เอาให้ถึงที่สุด

        ทันใดนั้น หลงเหยียนจับไปที่ตัวหลงเอ้าอวี พลังปราณมหาศาลถูกส่งออกไป นำร่างหลงเอ้าอวีลอยไปกระแทกต้นไม้ใหญ่

        “โครม!”

        ร่างกายของหลงเอ้าอวีกระแทกพื้นแรงๆ ตุบ… ร่วงลงพื้นด้วยสภาพอนาถ พ่นละอองเลือดออกมา เขาในตอนนี้สูญเสียเรี่ยวแรงในการต่อสู้แล้ว

        เขามองหลงเหยียนด้วยสายตาประหลาดใจ เต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง “เขา… หลงเหยียนมีพลังขั้นที่สอง แต่กลับล้มข้าได้งั้นหรือ”

        หลงเหยียนเดินเข้าไป กระชากผมหลงเอ้าอวี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ฮึๆ เป็นอย่างไรล่ะ เจ้าคงตกใจมากสินะ ข้าไม่ได้ไร้ประโยชน์เหมือนเช่นแต่ก่อนแล้ว”

        หลงเอ้าอวีกำลังตกใจมาก ถูกคนที่มีพลังต่ำกว่าล้ม เวลานี้เขาโมโหมาก ยิ่งไปกว่านั้น ในสมองผุดความคิดไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้วด้วยซ้ำ

        “หลงเหยียน ข้าขอสาบานเลยว่าต้องฆ่าเจ้าให้ได้ เจ้ากล้าทำร้ายข้า ถ้าท่านพ่อรู้เข้า ไม่ใช่แค่เจ้า แม้แต่พ่อของเจ้าเองก็ต้องซวยไปด้วย”

        หลงเหยียนลุกขึ้นยืนตรง แล้วถ่มน้ำลายใส่ตัวเขา

        “แค่พลังที่เจ้ามีน่ะหรือจะฆ่าข้าได้ พลังขั้นที่สาม สุดท้ายแล้วก็อยู่ใต้แทบเท้าบิดาอยู่ดี ขอร้องข้าสิ แค่เจ้าขอร้อง ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป”

        “ฝันไปเถอะ ในที่สุดเจ้าก็แสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาจนได้ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นแม่เจ้ามันสำส่อน พ่อเจ้าจะได้ตำแหน่งผู้นำแห่งตระกูลได้อย่างไร”

        “หุบปากเดี๋ยวนี้ เจ้าด่าข้าได้ แต่ห้ามลามปามพ่อแม่ข้า” สาเหตุการตายของมารดาเขาในตอนนั้นยังไม่ชัดเจน หากจะข่มขู่ตนก็ย่อมได้ แต่จะพูดลามปามแบบนี้ไม่ได้ หลงเหยียนเดินไปข้างหน้า ชกกลางปากหลงเอ้าอวีแรงๆ

        หลงเหยียนจับคางและหัวเขาแน่น

        “ข้าจะฉีกปากเจ้าซะ!”

        ในที่สุดหลงเอ้าอวีก็กลัวแล้ว ฟันหลายซี่กระเด็นออกจากปาก ความเจ็บปวดนั้นยากจะบรรยาย แววตาหลงเอ้าอวีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เวลานี้ เขาเสียใจแล้วที่พูดเช่นนั้นออกไป

        ข้าๆ … คล้ายเขาอยากวิงวอนร้องขอชีวิต แต่หลงเหยียนไม่ยอมปล่อยให้เขามีโอกาสพูด

        ทันใดนั้น หลงเหยียนก็เห็นบางอย่างใต้ต้นหลิวที่โค้งย้อยลงมา

        ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลง บิดาของเขา และหลงจ้านกำลังเดินมาทางนี้

        “ไม่นะ มาในเวลานี้ทำไมกัน?”

        หลงเหยียนแสดงสีหน้าหวาดผวา หลงเอ้าอวีถูกตนทำร้ายสาหัสขนาดนี้ ถ้าหลงจ้านรู้เข้า ต้องไม่มีทางปล่อยตนไปแน่ ตอนนี้เขาถอยไม่ได้แล้ว หลงเหยียนยิ้ม คิดแผนการได้แล้ว

        หลงเหยียนแกล้งล้มลงบนพื้น ใช้ร่างกายถูเลือดของหลงเอ้าอวีที่เปื้อนพื้น แล้วตะโกนแหกปากเสียงดัง

        “โอ๊ย เจ็บจะตายแล้ว โอ๊ย…” เขาใช้มือทั้งสองข้างกดหน้าอกตัวเอง แล้วกลิ้งลงบนพื้น

        หลงจ้านเป็นคนแรกที่เห็น เมื่อเห็นหลงเหยียน สิ่งแรกที่ทำก็คือยิ้ม แล้วก็พบว่าหลงเอ้าอวีซึ่งเป็นบุตรชายตนนอนอยู่ไม่ไกล

        “ลูกชายข้า!”

        เขาพุ่งเข้าไปทันที พลังแผ่กระจายไปทั่ว

        “หลงเหยียน เจ้าเป็นคนทำร้ายอวีเอ๋อหรือ!” ไม่รอให้หลงเหยียนอธิบาย หลงจ้านก็ยกเท้าลอยออกไป หวังถีบหลงเหยียน

        แม้กระทั่งหลงเหยียนที่นอนอยู่บนพื้นยังรับรู้ได้ถึงพลังที่มหาศาลกำลังกระจายเข้ามาใกล้ พลังนั้นรุนแรงจนกระทั่งห้วงอากาศยังบิดเบือน

        หากถูกฝ่าเท้านั้นเตะจริงๆ หลงเหยียนต้องเจ็บหนักแน่ ในเมื่อนั่นเป็นพลังจากผู้แข็งแกร่งขั้นที่แปดเชียวนะ

        หลงเหยียนหลับตาลง กัดฟันแน่น ไฟโทสะปะทุทันที เขาไม่รอคำอธิบายจากตน ไม่แบ่งแยกผิดชอบชั่วดีเลย ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะไม่เห็นตนอยู่ในสายตา เขาทนการถูกหยามมามากพอแล้ว

        “ข้าจะหลบไม่ได้ เพราะถ้าข้าหลบ มันแสดงให้เห็นแล้วว่าข้าไม่ได้บาดเจ็บ เมื่อความจริงปรากฏ แม้แต่ท่านพ่อก็คงช่วยแก้ตัวไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้หลงเอ้าอวีก็พูดไม่ได้อยู่แล้ว ฮึๆ”

        หลงเหยียนรออยู่ครู่หนึ่ง แต่แรงจากฝ่าเท้าก็มาไม่ถึงตัวสักที

        ตุบ… เท้าของหลงจ้านถูกใครบางคนขวางไว้ หยุดอยู่กลางอากาศ ห่างจากตนเพียงนิดเดียวเท่านั้น แม้แต่ลมจากขาของหลงจ้านก็ทำให้ใจเขาสั่น

        หลงอีเป็นผู้นำตระกูล แน่นอนว่าต้องมีสิทธิ์ปกป้องบุตรชายของตนอยู่แล้ว

        “หยุดเดี๋ยวนี้” หลงอีสะบัดเท้าของหลงจ้านออกไป แล้วมองหลงเหยียนอย่างเป็นห่วงเป็นใย

        “เหยียนเอ๋อ เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไร เพราะอะไรถึงไม่บอกข้าที่เป็นพ่อเลยสักคำ ทำให้ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก” หลงอีรู้ดี ต้องเป็นเพราะหลงเหยียนกลับมาในตระกูล และถูกคนอื่นขัดขวางไว้ จากนั้นจึงเกิดการลงมือกันขึ้น แต่เขารู้ดี พละกำลังที่หลงเอ้าอวีมี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะถูกหลงเหยียนทำร้าย

        “ข้า ข้าเจ็บมากเลยท่านพ่อ” หลงเหยียนไม่ได้ตอบกลับ ลูกตาแพรวพราวกำลังหมุน ทิ้งตัวกลิ้งลงบนพื้น ท่าทางดูเหมือนเจ็บปวดมาก

        ทว่าในใจกลับหัวเราะอย่างเย็นเยือก “หลงจ้าน เจ้าคงนึกไม่ถึงสินะ ดูสิวันนี้เจ้าจะทำอะไรข้าได้”

        บนตัวหลงเหยียนเปื้อนไปด้วยเลือด เกรงว่าคงบาดเจ็บไม่น้อย

        “ไอ้หนุ่ม ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนเจ้ากำลังแสร้งทำมากกว่า”

        “แสร้งกับผีน่ะสิ ถ้าอย่างงั้นเจ้าก็ลองทำให้ข้าดูบ้างสิ พวกเจ้าสองพ่อลูกรังแกข้า ข้าขอสาบานว่าต้องเอาคืนให้ได้ ข้ากับลูกเจ้าเจ็บหนักเหมือนกัน แต่เจ้ากลับต้องการทำร้ายข้าต่อหน้าท่านพ่อโดยไม่ถามต้นสายปลายเหตุเลยแม้แต่คำเดียว”

        “หลงจ้าน ข้าเคยมองเจ้าเป็นลุงสอง หลังจากนี้ ถ้าข้ามีโอกาสและแข็งแกร่งมากกว่าเจ้า ข้าต้องเอาคืนให้สาสมแน่ พวกเจ้าไม่ได้ทำร้ายข้าแค่วันสองวัน ข้าจำเรื่องทั้งหมดไว้แล้ว”

        หลงจ้านระเบิดโมโห เขารู้ดี เพราะมีผู้อาวุโสแห่งตระกูลและหลงอีอยู่ หลงเหยียนถึงบังอาจพูดเช่นนี้

        “ยังกล้าแก้ตัวอีกหรือ” หลงจ้านยื่นมือใหญ่เข้ามาคว้า ครั้งนี้ คนที่ขัดขวางกลับเป็นหลงกงฉู่ ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลง

        ทันใดนั้น รังสีที่น่าเกรงขามก็ปกคลุมไปทั่ว ผู้อาวุโสพูดด้วยเสียงที่น่าเกรงขาม “ถ้ายังไม่หยุด ข้าจะจับพวกเจ้าทุกคนไปขังให้หมด” ขณะที่พูดนั้น สายตาที่ดุดันก็มองไปยังหลงเหยียน

        เขารู้ดีว่าพละกำลังของหลงเหยียนก้าวกระโดดขึ้นมาถึงขั้นที่สอง แต่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะล้มหลงเอ้าอวีที่มีพละกำลังขั้นที่สาม นอกจากเขาเป็นอัจฉริยะ

        หลงจ้านก้มหน้าลง มองหลงเหยียนด้วยสายตาเกลียดแค้น เก็บความโกรธเคืองไว้ แต่พูดอะไรไม่ได้ ไม่นานหลงอีก็เรียกเด็กในตระกูลมายกตัวหลงเอ้าอวีออกไป

        “เหยียนเอ๋อ เจ้าไปรักษาบาดแผลก่อนเถอะ พวกเรายังมีเรื่องต้องปรึกษากัน”

        เมื่อมองแผ่นหลังของพวกเขาที่เดินจากไป หลงเหยียนจดจำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้หมดแล้ว

        “หลงจ้าน เรื่องในวันนี้ ข้าจะจำเอาไว้ก่อน วันหลัง ถ้าเจ้าตกมาอยู่ในกำมือข้าเมื่อไร ถึงวันนั้น ข้าทำให้เจ้าจบไม่สวยแน่”

        พละกำลังเท่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพละกำลัง ไม่ว่าวิญญาณมังกรที่อยู่ในร่างกายจะส่งผลกระทบอะไรต่อเขา แต่หลงเหยียนก็สัญญากับตัวเองว่าต้องแกร่งให้มากกว่านี้ ต่อให้อาจทำให้วิญญาณมังกรฟื้นคืนชีพ แต่หลงเหยียนก็ยังเลือกที่จะทำแบบนี้อยู่ดี

        หลังผ่านการต่อสู้ เขาพบว่าพลังปราณของตัวเองเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลย ดูเหมือนการต่อสู้ก็เป็นหนึ่งในวิธีสร้างความมั่นคงของพลังปราณ อีกไม่นานร่างกายเขาจะทะลุข้ามขั้นที่สอง เช่นนั้นก็สามารถเริ่มฝึกเข้าขั้นที่สามได้แล้ว

        หลังจากบิดาจากไปแล้ว หลงเหยียนก็ปลีกตัวออกจากเด็กในตระกูล แล้วเดินตรงไปที่หอดาราด้วยตัวเอง

        หอดาราคือสถานที่เก็บตำราวิชาทั้งหมดของตระกูลหลง ที่แห่งนี้ถูกเฝ้าโดยยอดฝีมือในตระกูลไม่เว้นวัน นับว่าเป็นที่ต้องห้ามในตระกูลก็ว่าได้ เมื่อไรที่เส้นพลังในกายอยู่ในขั้นที่สองถึงมีสิทธิ์เข้าไปเลือกอ่านตำราฝึกวิชาในนั้นได้

        เดินผ่านเส้นทางที่ปูไปด้วยหิน หลงเหยียนเดินมาถึงที่แห่งนี้ด้วยความชำนาญ เมื่อก่อนเขาทำได้แค่มองห่างๆ ในที่สุดวันนี้เขาก็มีสิทธิ์ยืนอยู่ตรงนี้ แววตาเต็มไปด้วยความลุ่มหลง

        เมื่อไม่มีวิชาการต่อสู้ก็ไม่ต่างไปจากสุนัขตัวหนึ่ง ที่ตนเอาชนะหลงเอ้าอวีได้ในครั้งนี้ เป็นเพราะใช้ลูกเล่น เขาไม่กล้ารับประกันว่าหากครั้งหน้าต้องเผชิญหน้ากับหลงเอ้าอวีอีกครั้ง ตนยังสามารถล้มเขาได้อีกหรือไม่

        เวลานี้ ลุงใหญ่ซึ่งมีนามว่าหลงห้าวกำลังฝึกอยู่ด้านในอย่างเงียบๆ หลงเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วผลักประตูเข้าไปเบาๆ

        บนชั้นสอง พลังแห่งดารากระจายไปทั่ว หลงเหยียนรู้ว่าด้านบนนั้นเป็นที่ของผู้ฝึกพลังถึงระดับสูงเท่านั้น ชั้นที่หนึ่งจึงเป็นมุมสำหรับหลงเหยียน ถ้าไม่ระวัง ขึ้นไปฝึกทักษะชั้นสูง คงต้องถูกพลังปราณดูดกลืนแน่ นี่เป็นเรื่องที่หลงเหยียนก็เข้าใจดี

        ในระยะเวลาสามวัน ศิษย์แห่งตระกูลหลงมีโอกาสเข้ามาในนี้หนึ่งครั้ง อีกทั้งยังไม่มีสิทธิ์นำวิชาออกจากหอดารา มิเช่นนั้นอาจถูกจับขังคุก ข่าวที่แพร่กระจายภายนอกร้ายแรงยิ่งกว่า หากกล้าฝ่าฝืนกฎตระกูลหลง ผู้นั้นต้องถูกตัดเส้นพลังที่แขนและขา ไม่อาจฝึกวิชาได้ตลอดชีวิต

        หลงเหยียนโตขนาดนี้แล้ว แต่ก็เคยเจอลุงใหญ่แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น เล่ากันว่าลุงใหญ่มีพละกำลังขั้นที่เก้า เป็นรองแค่ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหลงเท่านั้น

        “แสดงได้เหมือนไม่น้อยเลยนะ! ไหนๆ ข้าก็มาแล้ว เขาคงไม่ออกมาเจอข้าหรอก” หลงเหยียนหัวเราะอย่างเกเร

        ฝีเท้าพุ่งเข้าไป ทันใดนั้น ตรงหน้าหลงเหยียนก็เต็มไปด้วยความสับสน

        ชั้นวางหนังสือสูงใหญ่กว่าสิบชั้น ทั้งหน้าและหลังมีตำรานับพันเล่ม ทั้งหมดถูกวางเอาไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ ตำราระดับแรกเริ่มถึงระดับสูงถูกวางเอาไว้อย่างเปิดเผย

        หลงเหยียนเริ่มค้นหาจากแถวแรก เพียงไม่นานหลงเหยียนก็พบตำราเล่มหนึ่ง มันถูกวางอยู่บนชั้นที่สาม ปกเล่มนี้ไม่เปื้อนฝุ่นเลย คิดว่าต้องถูกคนหยิบออกมาอ่านบ่อยๆ แน่

        “《หมัดทะลวงฟ้า》 นี่มันเป็นวิชาที่ไอ้หลงเอ้าอวีใช้ต่อกรกับข้าไม่ใช่หรือ? เป็นวิชาระดับแรกเริ่ม” ไม่นานหลงเหยียนก็พลิกชั้นวางตำรา พบว่าขณะที่ตนกำลังเปิดตำรานั้น คล้ายตัวหนังสือกำลังกระโดดโลดเต้น คล้ายเป็นมนุษย์ตัวเล็ก พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหว แสดงกระบวนท่าบนตำรา

        เพียงระยะเวลาสิบกว่าวินาที หลงเหยียนก็บรรลุทุกกระบวนท่าในตำราแล้ว

        “บ้าไปแล้ว นี่ข้าจำได้หมดแล้ว? วิชาการต่อสู้ระดับแรกง่ายขนาดนี้เลยหรือ?” หลงเหยียนหลับตาลง กระบวนวิชาปรากฏในสมองของหลงเหยียน

        นั่นคือประสาทการรับรู้และปฏิกิริยาที่ถูกส่งมาจากจิตวิญญาณ คล้ายมันมีพลังแทรกซึมไปทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นภาคทฤษฎีหรือภาคปฏิบัติ สำหรับหลงเหยียนแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก

        หลงเหยียนค้นตำราที่อยู่ด้านหลังต่อ แล้วพบว่าตำราส่วนใหญ่ในนี้ฝึกฝนง่ายมาก กระบวนท่ามากมายถูกนำไปใช้ซ้ำกัน เมื่อฝึกดูแล้ว เขาก็พบว่าวิชาหมัดทะลวงฟ้าใช้คล่องมือมากกว่า

        ——————–

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

มหาพิภพ เทพมังกรสยบราชัน

Status: Ongoing
ในช่วงเวลาคับขันของชีวิตมักทำให้ได้พบกับสมบัติล้ำค่าที่ซ่อนไว้อยู่เสมอ ในชีวิตของ ‘หลงเยียน’ ผู้ไร้พลังวิญญาณก็เช่นกัน การพลัดตกลงเหวลึกทำให้เขาค้นพบกับซากอสูรมังกรสิ้นชีพ โดยพลังจากชิ้นส่วนวิญญาณมังกรเพียงเสี้ยวเดียวก็สามารถทำให้เขามีพลังวิญญาณยุทธขึ้นมาได้ มันจึงเป็นที่มาของการก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการพิสูจน์ตัวตนโดยมีตำแหน่งจอมยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานเป็นเดิมพัน! เขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการรวบรวมลูกแก้วแห่งมังกรหกลูกที่กระจายอยู่บนโลกอันกว้างใหญ่ หากเขาสามารถรวบรวบพลังวิญญาณมังกรทั้งหมดไว้ได้ หนทางสู่การเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนจักรพรรดิมังกรก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท