หลงเหยียนสามารถบรรลุวิชาหมัดทะลวงฟ้าได้ในเวลาอันสั้น ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เข้า ต้องคิดว่าเขาเป็นหนุ่มอัจฉริยะด้านวรยุทธ์แน่นอน เมื่อก่อนเขาเคยฟังท่านพ่ออ่านตำราฝึกวิชาง่ายๆ หลายเล่ม แต่กลับฟังไม่เข้าหัวเลยสักนิด มาวันนี้ ทุกอย่างต้องเป็นเพราะวิญญาณมังกรที่แข็งแกร่งนั่นแน่
หากรวบรวมวิญญาณมังกรจนสมบูรณ์ เช่นนั้น ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะกลายเป็นผู้ที่เก่งกาจถึงขั้นไหน
ไม่นานหลงเหยียนก็พุ่งไปทางชั้นวางตำราระดับกลาง มองเพียงแวบเดียวก็เจอตำรา《หมัดลงทัณฑ์》แล้ว
“หมัดลงทัณฑ์ที่หลงเอ้าอวีใช้ทรงพลังมาก ถ้าข้าเป็นคนใช้หมัดนี้บ้าง ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร เขาอยู่ขั้นที่สาม ฝึกวิชาต่อสู้ระดับกลาง ข้าอยู่ขั้นที่สอง ถือเป็นการฝึกที่สูงเกินตัวแล้ว”
หลงเหยียนกลับไม่รู้เลยว่าหลงเอ้าอวีใช้เวลาฝึกหมัดลงทัณฑ์นานถึงหนึ่งปีเต็ม
ในตำราบันทึกว่า ‘กระบวนท่าวิชานี้มีต้นกำเนิดมาจากธรรมชาติ ผสานความอ่อนโยนและหนักแน่น จากประสงค์นำสู่ปราณ ปราณเวียนไปยังร่างกาย ทุกสัดส่วนถูกควบคุมด้วยร่างกาย ไร้ตัวตนและวิญญาณ อาศัยเพียงจิตขับเคลื่อนเท่านั้น เมื่อผสานพลังปราณ ผลลัพธ์จะน่ากลัวยิ่งขึ้น’
“ดูเหมือนคนส่วนใหญ่ล้วนฝึกวิชานี้กันทั้งนั้น มันอยู่ในระดับกลาง ถือว่าเป็นวิชาหมัดที่น่าสนใจ ถ้าข้าฝึกกระบวนท่านี้สำเร็จ เกรงว่าหลงเอ้าอวีคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไป…”
ไม่นาน หลงเหยียนก็เปิดตำรา ครั้งนี้เขาใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป ทุกกระบวนท่าในตำราถูกหลงเหยียนจำขึ้นใจ ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในหอดารา หลงเหยียนคงแทบแสดงพลังออกมาได้แล้วด้วยซ้ำ
เสียงเข้มดังมาจากชั้นสองของหอดารา
“เด็กหนุ่ม เจ้าบ้าไปแล้วหรือ มีพลังอยู่ขั้นที่สอง แต่อยากฝึกวิชาหมัดลงทัณฑ์…”
หลงเหยียนเงยหน้ามองไปทางหลงห้าว “หลานคารวะท่านลุง!” หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกจากหอดารา โดยไม่หันหลังกลับไปมองอีก เพราะเขาไม่อยากฟังคำไร้สาระ หากรู้ว่าเขาใช้เวลาฝึกเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้นก็สามารถฝึกวิชาหมัดลงทัณฑ์ได้แล้ว เกรงว่าเขาต้องตกใจมากแน่
ผ่านไปสองวัน หลงเหยียนฝึกฝนอยู่ในศาลากลางน้ำใต้แสงจันทร์ ด้านหน้าคือทะเลสาบที่กว้างใหญ่ ริมทะเลสาบคือต้นหลิว เล่ากันว่า เมื่อตกดึกภูตผีจะออกอาละวาด ต่อให้เป็นช่วงกลางวันก็ไม่มีใครกล้าผ่านที่นี่เพียงลำพัง ทำให้ที่นี่เงียบสงบมาก
หลงเหยียนคำรามขึ้นฟ้า “อ๊าก… ในที่สุดข้าก็ฝึกสำเร็จ” คล้ายเขากำลังคำรามบอกกับวิญญาณเทพที่อยู่บนท้องนภา
พริบตาเดียว หลงเหยียนก็กำหมัดแน่น พลังปราณระเบิดจากกาย บนหมัดมีพลังที่หนักแน่นระเบิดออกมา ตัวเขาเองจมอยู่กับการฝึกฝน ชกหมัดออกไปตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง หมัดลงทัณฑ์ หมัดที่พุ่งออกมานั้นหลอมไปด้วยความอ่อนโอน ทว่ากลับมีความหนักแน่น ระยะเวลาการในลงมือเร็วมาก แถมยังทรงพลังมากด้วย
ฟิ้ว… ร่างหลงเหยียนพุ่งเข้าไปกระแทกต้นหลิวต้นหนึ่ง ชกออกไปแรงๆ พลังระเบิดจากหมัดทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่สะเทือนและแตกหัก หมัดของเขาเสมือนเสือที่หลุดออกจากป่า เป็นพลังที่ทรงพลังมาก
“โครม!”
ต้นไม้ระเบิด หลงเหยียนใช้มือบีบครึ่งต้นที่เหลือ เหวี่ยงออกไปปักอยู่กลางทะเลสาบ ทำให้เกิดระลอกน้ำกระจายออกไป ร่างกะพริบ หลงเหยียนกระโดดไปยืนอยู่บนยอดต้นไม้อย่างมั่นคง หมัดของเขาส่งพลังปราณออกมามหาศาล ทำให้จู่ๆ ผิวน้ำเกิดระลอกคลื่นที่รุนแรง น้ำทะยานขึ้นฟ้า
หมัดลงทัณฑ์นี้สามารถปลดปล่อยระเบิดพลังออกมาได้ทั้งหมด แววตาหลงเหยียนเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “พละกำลังชีพมังกรที่สองยังแสดงศักยภาพได้มากขนาดนี้ ถ้าตอนนี้ข้าเจอหลงเอ้าอวี เกรงว่าแค่หมัดเดียวก็ชกเขากระเด็นแล้ว”
“แหะๆ! ข้าใช้เวลาแค่สองวันเท่านั้น แต่ก็ใช้หมัดลงทัณฑ์ได้แล้ว ถ้าใครรู้เข้า พวกเขาต้องนึกว่าข้าบ้าไปแล้วแน่ๆ …”
มองเรือนร่างสมบูรณ์แบบที่สะท้อนบนผิวน้ำ หลงเหยียนหัวเราะอย่างได้ใจ “ท่านพ่อตาโตหน้าคม แต่ข้ากลับไม่เหมือนเขาเลยสักนิด มีผิวพรรณเปล่งปลั่งเหมือนผู้หญิง คิดว่านี่ก็คงเป็นเหตุผลที่คนในตระกูลไม่ชอบขี้หน้าข้ากระมัง แต่ตอนนี้ข้ามีวิญญาณยุทธ์แล้ว ความรู้สึกแบบนี้มันสะใจจริงๆ”
“ท่านแม่ สรุปแล้วท่านจากข้าไปด้วยเหตุใด เมื่อไรที่มีโอกาส ข้าต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลงเหยียนก็ส่งแรงไปที่ปลายเท้า ถีบตัวลอยกลับเข้าฝั่ง
หลงเหยียนที่กำลังผยองอารมณ์ดีมาก หน้าตาดูมีชีวิตชีวา ทางด้านนิสัยก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน
“ข้าไม่ได้ออกไปเดินเล่นนานมากแล้ว ออกไปเดินเสียหน่อยคงดี” ไม่นานเขาก็หายไปจากศาลากลางน้ำ บนถนนในเมืองมังกร สองข้างทางเต็มไปด้วยของกินและของใช้ ผู้คนเดินพลุกพล่าน แลดูครึกครื้นมาก
หลงเหยียนเดินผ่านกลางผู้คน เวลานี้ หลงเหยียนรู้สึกว่าลูกตาตัวเองมีน้อยเกินไป เพราะตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน หญิงสาวส่วนใหญ่สวมเสื้อคลุม ร่างกายสูงผอม ผ้าคลุมเรือนร่างไว้เพียงบางส่วน ทำให้ดึงดูดสายตาของชายเป็นจำนวนมาก
หลงเหยียนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา จับใบหน้าตัวเองแล้วเอ่ย “หน้าแบบนี้ สำหรับผู้หญิงแล้วมันอาจเป็นแบบที่พวกนางชอบก็ได้ คิดว่าอีกหน่อยข้าต้องมีผู้หญิงเยอะแน่”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลงเหยียนพบว่ารอบตัวมีหญิงสาวมากมาย พวกนางกำลังส่งสายตามาให้ตนจริงด้วย! หลงเหยียนอมยิ้มเล็กน้อย ขณะที่เดินผ่านโรงสุราชิงเฟิง จู่ๆ ก็มีเสียงขอความช่วยเหลือดังมาจากชั้นสอง…
หลงเหยียนเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่มีเสียงดังขึ้น เสียงกรีดร้องนั้นยิ่งฟังก็ยิ่งผวา หลงเหยียนขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่คิดนาน ออกแรงส่งตัวที่เท้า อาศัยเสาบ้านในการกระโดดขึ้นไปเกาะ
หลงเหยียนใช้นิ้วมือเจาะรูที่หน้าต่าง มองเข้าไปข้างใน อุณหภูมิในร่างกายก็พุ่งขึ้นสูงทันที “เชื่อฟังหน่อย! มีเรื่องสนุกดูแล้ว”
“ปล่อยข้านะ! ข้าขอร้องล่ะ ท่านจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ ฮือๆ”
หญิงสาวหดตัวด้วยสีหน้าหวาดผวาในมุมห้อง ผมที่ยุ่งเหยิงของนางร่วงลงมาปิดใบหน้าที่งดงาม ท่าทางของนางในเวลานี้ดูหวาดผวามาก ทำให้เห็นแล้วรู้สึกสงสาร
น้ำตาแห่งความเสียใจไหลหลั่ง หยดน้ำใสไหลผ่านใบหน้าขาวๆ นางใช้มือกอดเข่าไว้ทั้งสองข้าง ท่าทางที่อ่อนแอของนางทำให้เห็นแล้วปวดใจ
“ขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไปเถอะ!”
หญิงสาวถูกคนอื่นรังแก ร่างสั่นเทาอย่างรุนแรง ชายผู้นั้นคล้ายอยากกลืนกินนางไปทั้งตัว
หลงเหยียนรู้สึกสงสาร แล้วสบถออกมา “สมควรตาย!”
ภายในห้อง ผู้ชายหัวเราะอย่างผยอง “เจ้างามเช่นนี้ ข้าโหยหาเจ้ามานานแล้ว ฮ่าๆๆ น้องฉี ข้าชอบเจ้านะ ข้าขอสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าเสียใจ” ขณะที่พูด ชายก็เดินเข้าใกล้หญิงสาว
หลงเหยียนถอนหายใจ แล้วส่ายหน้า “นางงดงามจริงๆ นั่นแหละ แต่ข้าจะเมินเฉยแบบนี้ได้หรือ” เขาไม่อาจทนต่อไปได้ ถีบหน้าต่างแล้วตีลังกากลิ้งเข้าไป
มองเห็นชายท่าทางดุร้ายกำลังรังแกหญิงสาว ใบหน้าหลงเหยียนเปลี่ยนเป็นสีขาว ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นความโมโห…
“หยุนฉี? เพราะอะไรถึงเป็นเจ้า” ขณะที่พูดหลงเหยียนก็มองชายคนนั้น แล้วกำหมัดแน่น
“เซียวปิงหลาน? นี่เจ้า เจ้าสารเลว กลางวันแสกๆ เจ้ายังกล้าบังอาจเช่นนี้ รีบปล่อยตัวน้องสาวข้าเดี๋ยวนี้”
ชายที่ถูกเรียกว่าเซียวปิงหลานหันขวับกลับมา หลังจากเห็นชัดเจนแล้ว ดูเหมือนเขาโล่งอกไปมาก เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นหลงเหยียนอยู่ในสายตา
เซียวปิงหลานลุกขึ้นอย่างผยอง ความมึนเมาจางหายไปบ้างแล้ว
“เหอะ! ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นไอ้คนไร้ประโยชน์แห่งตระกูลหลงนี่เอง เจ้ากล้ามายุ่งเรื่องข้าด้วยหรือ?”
หลงเหยียนกลอกตาไปมา แล้วพูดในใจ ‘ได้ยินมาว่าเจ้าหมอนี่ข้ามไปถึงชีพมังกรขั้นที่สี่แล้ว เกรงว่าตอนนี้ข้าคงมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา’
เขาหมุนลูกตากลับมา จากนั้นก็หัวเราะ “แหะๆๆ หลาน พี่หลาน ความจริงข้าหลงทางเข้ามาในนี้เฉยๆ เมื่อครู่ข้ายังมองไม่ชัดว่าพี่คือใคร ถ้ารู้ว่าเป็นท่าน ข้ารับประกันเลยว่าจะเฝ้ามองข้างนอกเงียบๆ”
เมื่อเห็นว่าหลงเหยียนกลัวตนขนาดนั้น เขาจึงหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ
“งั้นไม่รีบไสหัวไปอีก มาทำข้าเสียเรื่องหมด”
เซียวปิงหลานพูดขณะที่สายตาดูมึนเมา แล้วสายตาก็เลื่อนกลับไปบนตัวของหลงหยุนฉีอีกครั้ง
หลงเหยียนอยู่ด้านหลังเขา ไม่ได้หนีออกไปแต่อย่างใด กัดฟันกรอด ความดุร้ายในใจเริ่มถูกปล่อยออกมา ไฟโทสะประกายผ่านแววตา คล้ายเป็นสิงโตที่ระเบิดโมโหแล้วเช่นนั้น
หมัดเริ่มรวบรวมพลัง พลังปราณทั้งหมดถูกรวมไว้ที่ฝ่ามือ แล้วระเบิดออกไปอย่างกะทันหัน
“หมัดลงทัณฑ์”
หมัดถูกส่งออกไปทันที ตูม กระแทกแผ่นหลังของเซียวปิงหลานที่ไม่ทันตั้งตัว
ตุบ… ร่างเซียวปิงหลานกระเด็นลอยออกไป กระแทกกับเสาบ้าน จากนั้นก็มีเสียงร้องโอดครวญ ดูเหมือนเขาก็เจ็บไม่น้อย
“ยังไม่รีบไปอีก”
หลงเหยียนคำรามเสียงดัง จากนั้นก็พุ่งเข้าไปจับแขนของหลงหยุนฉีกระโดดลอยลงไปจากชั้นสอง เวลานี้เขาไม่มีเวลาสนใจใครทั้งนั้น พวกเขาทั้งสองพุ่งออกไปด้วยความเร็ว หลังจากวิ่งไปไกลมาก สุดท้ายก็หยุดลง
“เมื่อครู่อันตรายมากเลยนะ” หลงเหยียนหายใจหอบ ที่นี่ห่างจากโรงสุรามาไกลโข แถมยังเป็นที่ไกลหูไกลตาคนด้วย พวกเขาสองคนหอบหายใจถี่ หลงเหยียนกอดหลงหยุนฉีเอาไว้
“หยุนฉี เจ้าไม่ต้องร้อง วางใจเถอะ ยังมีพี่ชายอย่างข้าช่วยอยู่ ไม่เป็นไรนะ” หลังจากพูดจบ หลงเหยียนก็ถอดเสื้อของตัวเองออกมาคลุมไหล่หยุนฉี
หลงหยุนฉีเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาที่เปล่งประกาย คิ้วที่โค้งได้รูป ขนตางอนยาว นางกำลังสั่นเล็กน้อยภายใต้ผิวพรรณที่ขาวกระจ่าง แก้มแดงระเรื่อ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลงเหยียนในตอนนี้ คล้ายนางรู้สึกทำตัวไม่ถูก เพราะนางเป็นบุตรสาวของหลงจ้าน บิดาและพี่ชายนางรังแกหลงเหยียนเป็นประจำ ทว่าเขากลับเป็นคนช่วยตน
ทันใดนั้น หลงเหยียนกลับมองและชะงักไป
‘ผู้หญิงคนนี้รูปร่างงดงาม น่าเสียดายที่นางเป็นลูกสาวของลุงสอง ข้าก็เปรียบเหมือนพี่ชาย แบบนี้น่าลำบากใจจริงๆ’ หลงเหยียนคิดในใจ
“แคกๆๆ น้องหยุน เจ้าไม่ต้องกลัวแล้ว คือว่า… เพราะเหตุใดเจ้าถึงได้ถูกไอ้สารเลวนั่นทำร้ายกัน?” หลงเหยียนแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
นิ้วมือที่เรียวงามของหลงหยุนฉียกขึ้นมาปิดปาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “เซียวปิงหลานชอบข้ามาตลอด ท่านพ่อหลอกให้ข้าไปหาพี่ชาย แต่กลับมาเจอเขาที่โรงสุรา ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงทำแบบนั้น อาจเป็นเพราะเขาดื่มสุราเข้าไปเล็กน้อย แล้ว… ฮือๆๆ …”
หลายวันก่อน หลงเอ้าอวีถูกตนทำร้ายบาดเจ็บ เป็นไปไม่ได้ที่จะไปดื่มสุรา หรือว่าหลงจ้านตั้งใจให้เป็นแบบนี้? เป็นพ่อที่สารเลวมาก เพื่อสานสัมพันธ์กับตระกูลเซียว แม้แต่ลูกสาวตัวเองก็ไม่ยอมปล่อยไปงั้นหรือ ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของหลงจ้านนะ
เมื่อหลงเหยียนนึกถึงตรงนี้ เขาก็โบกมือ “จะเป็นเหตุผลอะไรก็ตามไม่ต้องสนใจหรอก ไม่ต้องร้อง วางใจเถอะ อีกหน่อยพี่จะปกป้องเจ้าเอง ถ้ามีโอกาส อีกหน่อยข้าจะแก้แค้นให้เจ้าแน่”
หลงเหยียนกอดน้องสาวแน่นกว่าเดิม เมื่อนึกถึงไอ้สารเลวเซียวปิงหลาน เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลงหยุนฉีก็ถาม “พี่เหยียน ตอนนี้ท่านมีวิญญาณยุทธ์แล้วหรือ เมื่อครู่ข้าเห็นท่านใช้หมัดลงทัณฑ์”
“ใช่แล้ว ข้าอยู่ในชีพมังกรขั้นที่สอง”
แววตาของหลงหยุนฉีเปล่งประกาย ขนตายาวๆ งอขึ้น “เซียวปิงหลานเป็นผู้มีพรสวรรค์ในตระกูลเซียวเชียวนะ เขามีพละกำลังขั้นที่สี่แล้ว ส่วนพ่อของเขา เซียวกงเป้าเป็นยอดฝีมือขั้นที่เก้าแรกเริ่ม ท่านจะเอาอะไรมาแก้แค้นแทนข้า?”
หลงหยุนฉียกริมฝีปากเล็กๆ ขึ้น ร่างเล็กของนางซบเข้ากลางอกของหลงเหยียนอย่างอดไม่ได้ จู่ๆ วันนี้นางก็รู้สึกว่าอ้อมกอดของหลงเหยียนอบอุ่นขึ้นมาทันใด
นางงอแงและลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปเสียแล้ว หญิงสาวก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น ทว่าคำถามของนางกลับทำให้หลงเหยียนไม่รู้จะตอบอย่างไร
“อ้อ… แหะๆๆ คำถามนี้เหรอ!” หลงเหยียนยีหัวตัวเอง
“พี่เหยียน ความจริงแล้ว ข้าก็ใช้หมัดลงทัณฑ์ที่ท่านใช้เมื่อครู่เป็นเหมือนกัน ในเมื่อข้าอยู่ในขั้นชีพมังกรที่สามแล้ว แต่หมัดลงทัณฑ์ของท่านยังขาดอะไรบางอย่าง หมัดลงทัณฑ์มั่นคงแต่ผ่อนคลาย ลงมือคล้ายสายลม เช่นนั้นจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวไม่ทัน โดยเฉพาะตอนที่ท่านโจมตี ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย เกรงว่าพวกเราสองคนคงหนีไม่รอดแน่”
“อ้อ งั้นเจ้าก็ลองอธิบายให้ข้าฟังทีสิ” หลงเหยียนใช้มือตบไหล่นางเบาๆ คล้ายเป็นการปลอบประโลม
——————–