หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวหลงหลิงก็หันกลับมา ทำให้หลงเหยียนสะดุ้ง แกรก… ใต้เท้าที่ยืนอยู่เป็นโครงกระดูกร่างหนึ่ง
นางยื่นมือมาชี้หลงเหยียน “ข้าขอเตือน อีกหน่อย เจ้าห้ามวางตัวแบบนี้กับข้าอีก ช่างไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ข้ามีชีวิตนานถึง… นานจนข้าเองก็ลืม ยังไงเสีย ข้าก็มีชีวิตมานานมากแล้ว… อีกหน่อยเจ้าก็ห้ามเรียกข้าว่าไป๋รั่วอีแล้ว ข้ามีนามว่าหลงหลิง”
“จะเรียกข้าว่าหลงหลิงหรือพี่หลงก็ได้”
หลงเหยียนผงะไป ‘อะไรนะ หรือสิ่งที่ข้าเดาเป็นเรื่องจริง ในร่างแม่นางผู้นี้ถูกภูตผีวิญญาณเข้ามาแทนที่แล้ว?’
ไป๋รั่วอีตายไปแล้ว หลงเหยียนยืนอยู่ข้างนาง ไม่นานก็สลัดตัวออกจากแขนนาง มองไปด้วยสายตาคาดไม่ถึง
“นี่… เจ้าไม่ได้กำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม เจ้าเป็นแค่วิญญาณที่เข้ามาสิงร่างนี้?” เมื่อนึกถึงเรื่องที่เมื่อคืนพวกเขาสองคนคุยกันอย่างสนิทสนม เขาก็รู้สึกหนาวสันหลัง เหงื่อท่วมตัว
“คนใจเสาะ นี่เป็นเพียงจิตเทพของข้าเท่านั้น ลงมาสถิตร่างของหญิงผู้นี้ ควบคุมร่างกายนาง เจ้าเข้าใจหรือไม่ หญิงคนก่อนหน้านี้ตายไปแล้ว ส่วนต้นกำเนิดร่างกายนางกับจิตเทพข้าต่างกันลิบ อาศัยร่างกายคนอื่น ข้าจึงใช้พลังได้ในขั้นที่สามเท่านั้น ถ้าสู้สุดตัว มากสุดพลังก็อยู่แค่ขั้นที่เก้า”
“จิตเทพงั้นหรือ?” หลงเหยียนตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ตำนานเล่ากันว่า การหลอมรวมจิตนั้นเป็นทักษะของผู้ที่มีพลังระดับชีพสวรรค์เท่านั้น ไม่อยากคิดเลยว่าพลังระดับนั้นจะน่ากลัวมากเพียงใด
หลงหลิงเดินหน้าเข้าไปจับหลงเหยียนที่กำลังชะงักไป “จิตออกจากร่างต่างกับวิญญาณออกจากร่าง ร่างกายข้าและวิญญาณถูกผนึกเอาไว้ ข้าก็แค่ส่งจิตออกมาเท่านั้น เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่”
หลงเหยียนส่ายหน้าแล้วนึกในใจ ‘มีวิญญาณมังกรอยู่ในร่างข้า ข้ายังต้องกลัวนางด้วยหรือ? แต่ในเมื่อนางรู้เยอะขนาดนั้น เพราะอะไรถึงไม่ลองถามดูล่ะว่าวิญญาณมังกรข้าอยู่ที่ไหน? คิดว่านางคงไม่ทำร้ายข้าหรอก’
‘หากเรียกนางว่าหลงหลิงคงดูเสียมารยาทเกินไป เกิดนางไม่พอใจขึ้นมา ชีวิตข้าก็อยู่ในกำมือนาง แต่ถ้าเรียกพี่หลงก็ดูเหมือนตัวเองจะด้อยเกินไป หรือข้าจะลองเรียกชื่อเล่นนางแบบคนทั่วไปมักทำกัน’
“เสี่ยวหลิง ในเมื่อจิตเจ้าแกร่งเช่นนี้ คาดว่าเจ้าก็น่าจะรู้ว่าในตัวข้ามีวิญญาณมังกร เจ้าว่าสุดท้ายข้าจะถูกมันกลืนกินหรือไม่!”
หลงหลิงส่ายหน้า “สุดท้ายเจ้าก็พูดความในใจออกมาจนได้ เท่าที่ข้ารู้มา วิญญาณมังกรตัวนั้นร่างระเบิดสลาย พูดอีกอย่าง มันเป็นวิญญาณมังกรที่ตายไปแล้ว” หลังพูดจบแววตานางก็ประกายความเสียใจ
ตอนนั้นบิดาของหลงหลิงรั้นจะให้นางแต่งกับมังกรตัวนี้ จะว่าไป นางยังไม่เคยเจอเขามาก่อน ทว่าก็ตายเสียแล้ว และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หลงหลิงออกตามหาไปทั่วแดนศักดิ์สิทธิ์ สุดท้าย จิตที่แข็งแกร่งของนางก็พบกลิ่นอายมังกรเสี้ยวหนึ่งในเมืองมังกรเล็กๆ แห่งนี้
หลงเหยียนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขานึกในใจ ‘ดูท่าแม่นางหลงหลิงจะไม่ได้โกหก’ ทันใดนั้น หลงเหยียนก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที เขามักไม่วางใจ กลัวจะถูกวิญญาณมังกรกลืนร่าง
ในเมื่อจิตเทพนางแกร่งเพียงนี้ อยู่กับนางความตายของข้าคงไม่ง่าย หลงเหยียนยื่นมือไปกอดคอหลงหลิงอย่างอารมณ์ดี “เจ้าน่าจะบอกข้าตั้งแต่แรก มิน่าเล่า เจ้าไม่สนใจหรือกลัวศพพวกนั้นเลย ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้ข้าอยากทำอะไรก็ได้แล้วใช่ไหม ถ้ามีสัตว์อสูรมาอีก เจ้าอยากพุ่งเข้าไปสู้ ข้าก็หนีได้เลยแล้วกัน”
“คนที่อยู่กับข้ามาโดยตลอดก็คือเจ้า เจ้าสามารถใช้พลังได้ถึงขั้นที่เก้า งั้นข้ายังต้องกลัวอะไรอีก เราเดินไปทั่วเทือกเขาหยุนหลัวอย่างผ่าเผยเลยยังได้”
หลงหลิงดึงหูเขาทันที “เจ้านี่มันหน้าไม่อายอย่างที่ข้าคิดไว้ ไม่ว่าอย่างไรแม่นางคนนี้ก็เคยมอบคัมภีร์กายสุริยะให้เจ้า ให้เจ้ามีโอกาสกู้หน้าในตระกูลแล้วครั้งหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ ข้าจะบอกให้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จิตข้าจะออกจากร่างนี้ไม่ได้ ถ้าใช้พลังขั้นที่เก้า จิตข้าจะอ่อนแอลง เจ้าเข้าใจไหม ถึงตอนนั้นข้าคงต้องกลับไปหล่อเลี้ยงจิตที่ร่างจริงเท่านั้น”
หลงเหยียนหัวเราะแห้งๆ “ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย เมื่อครู่ข้าแค่หยอกเจ้าเล่น ข้าแค่ยังรับความจริงทันทีไม่ได้”
พวกเขาสองคนพูดหยอกล้อ ออกเดินทางอีกครั้ง ระหว่างทางหลงเหยียนฆ่าสัตว์ป่าที่รับมือได้ง่ายไปหลายตัว ในนั้นรวมไปถึงหมาป่าและเสือ
ใช้พลังปราณดูดพลังวิญญาณพวกมันเข้าไปในร่าง เปลี่ยนให้กลายเป็นวิญญาณยุทธ์ของตน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่พลังวิญญาณ
นี่เป็นเพราะวิญญาณมังกรในกายหลงเหยียนสามารถดูดพลังวิญญาณจากสัตว์อื่นได้
ทันใดนั้น หลงหลิงจับมือหลงเหยียนเอาไว้ ยกนิ้วชี้ขึ้นมาวางที่ปาก
“ชู่… เหมือนข้างหน้าจะมีอันตราย พวกเราขยับตัวเบาหน่อย” หลงเหยียนพยักหน้า เขารู้สึกดีใจมาก เมื่อมีนางอยู่ หลงเหยียนยังต้องกลัวอะไรอีก อันตรายมิอาจทำอะไรพวกเขาได้แล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ในใจก็ปลื้มปีติ คาดการณ์ตามความเร็วในการเดินทางแล้ว ตอนนี้พวกเขาเดินทางใกล้ถึงจุดที่ลึกที่สุดของเทือกเขาแล้ว คาดว่าอีกไม่นาน พวกเขาก็จะพบสมบัติอันล้ำค่า
ภูเขาที่สูงตระหง่าน ข้ามผ่านเหวลึก เวลาเดินอย่างช้าๆ ผ่านไปสามวันกลับไม่พบอะไรเลย บางทีหนึ่งวันพวกเขาหนีเอาชีวิตรอดหลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น หลงเหยียนยังเจออสูรร้ายที่แทบคร่าชีวิตเขาได้
ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ป่า หลายครั้งที่พวกเขาต้องหนีอันตราย ทว่ากลับหาหญ้าเซียนหรือสมุนไพรวิเศษไม่เจอเลย ยาที่เตรียมมาก็เกือบหมดแล้ว ยาหนึ่งเม็ดทำให้สามารถอดข้าวได้สามวัน เวลาผ่านไปแล้วสิบวัน ส่วนตัวเขาก็เหลือเวลาแค่สิบวันเท่านั้น ทำให้หลงเหยียนเริ่มรู้สึกใจร้อน
ไม่มีการสนันบสนุนจากตระกูล ไม่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ค่อยหนุน โอกาสที่ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงก็มีน้อย อาศัยเพียงกายสุริยะ ดูดซึมพลังหยางจากแสงอาทิตย์ แปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณที่รวมตัวกันกลายเป็นพละกำลังกาย เวลาผ่านไปแล้วอีกหนึ่งวัน ครั้งนี้หลงเหยียนหมดหนทางแล้วจริงๆ
“เสี่ยวหลิง หรือว่าพวกเราหลงทิศ? เจ้ารู้สาเหตุไหม? เหตุใดพวกเราถึงหาหญ้าวิเศษไม่เจอ”
“เจ้าโง่เอ๊ย พวกเราเดินหนีสัตว์ป่าดุร้าย แน่นอนว่าต้องไม่เจอหญ้าวิเศษอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ที่ที่มีสัตว์ป่าถึงมีหญ้าวิเศษ เป็นถึงคนฝึกยุทธ์ แม้แต่ข้อนี้เจ้ายังไม่รู้ สัตว์อสูรเหล่านั้นรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นของดี มีหรือที่พวกมันจะไม่อยู่เฝ้า”
“กึก!”
หลงเหยียนชะงักไป ยืนอึ้งอยู่กับที่ จากนั้นก็เริ่มปล่อยไฟโทสะใส่ตัวหลงหลิง
“เพราะอะไรเจ้าไม่บอกข้าแต่แรก หลอกให้ข้าเดินเข้ามาอย่างยากลำบาก ข้าต้องเสียแรงไปตั้งเท่าไร”
หลงหลิงกลอกตา “คนอย่างเจ้าช่างไม่รู้จักบุญคุณคนเอาเสียเลย หลายวันมานี้ เจ้าก็ไม่เคยถามข้าเลยสักครั้ง มัวแต่หนีเอาชีวิตรอดอย่างเดียว ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าอยากทำอะไร?”
หลงเหยียนกำหมัดแน่น ฟันขบกันกรอด หญิงคนนี้ช่างมีจิตใจที่โหดเหี้ยม ปั่นหัวคนอื่นไม่พอ ซ้ำยังชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดให้ดูเหมือนตัวเองมีเหตุผลอีก
‘จิตใจโหดเหี้ยม จิตใจโหดเหี้ยมจริงๆ’
แม้หลงเหยียนจะโมโห แต่ก็พูดด้วยเสียงสุภาพ “พี่หลิง งั้น… งั้นเจ้าลองช่วยข้าหาวิธีหน่อยสิ ข้าชักเริ่มร้อนใจเสียแล้ว เวลาข้ามีจำกัด”
เห็นท่าทางที่น่าสงสารของหลงเหยียน หลงหลิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “จำไว้เล่า อีกหน่อยต้องแสดงกิริยาแบบนี้กับข้าเท่านั้น”
“ข้าเคยบอกแล้ว ต่อไปเจ้าต้องรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้าง” หลงหลิงพูดจบก็เดินนำทางไปก่อน ทันใดนั้น หลงหลิงรู้สึกเหมือนด้านหน้ามีกลิ่นหอมโชยมา มันคือกลิ่นของหญ้าวิเศษ
เมื่อได้กลิ่น หลงเหยียนก็ปลื้มปีติ เปลี่ยนอารมณ์ไปจากตอนแรก
“เราหาเจอเร็วขนาดนี้เลย?” เมื่อหลงหลิงชี้ไปด้านหน้า หลงเหยียนก็พบหญ้าวิเศษที่มีลักษณะคล้ายหงอนไก่ กลิ่นหอมที่เย้ายวนใจลอยออกมาจากตรงนั้น ทันทีที่เห็น แววตาหลงเหยียนประกายแพรวพราว
——————–