เพื่อก้าวข้ามขึ้นไปถึงพลังระดับชีพมังกรขั้นที่ห้า หลงเหยียนหาสถานที่ปลอดภัยที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อฝึกควบคุมพลังวิญญาณ ผสานวิญญาณมังกรที่เพิ่งดูดเข้ามาเมื่อครู่ให้สมบูรณ์ และเขาก็ใช้เวลาทั้งหมดสามวัน
เวลาผ่านไปทั้งหมดแปดวันด้วยกัน แต่หลงเหยียนก็ยังไม่สามารถทะลุขึ้นไปถึงขั้นที่ห้า ในใจเริ่มรู้สึกร้อนรน
ถึงแม้หลงเหยียนเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังในกายที่มีมหาศาล คล้ายจะทะลุผ่านขั้นที่สี่แล้ว แต่ตอนนี้ยังเหลือเส้นบางๆ กั้นอยู่ ทำให้ระดับพลังไม่อาจก้าวหน้า
เหลือเวลาอีกสองวัน หลงหลิงยังคงอ่อนแอเช่นเคย คล้ายพร้อมจากไปทุกเมื่อ ตอนนี้นางเริ่มควบคุมจิตได้ยากขึ้นแล้ว มีหลายครั้งที่จิตแทบหลุดออกจากร่าง
หลงหลิงต้องดูหลงเหยียนฝึกถึงขั้นที่ห้าสำเร็จให้ได้ เช่นนั้นนางถึงจะวางใจ
“ข้านึกวิธีที่ดีได้แล้ว เจ้าต้องฝึกสำเร็จแน่นอน เป็นอย่างไร อยากลองดูไหมเล่า”
หลงหลิงพูดขึ้น
“วิธีอะไร?” หลงเหยียนตาเป็นประกาย รังสีแห่งความโลภมีมากจนปิดไม่มิด
“อ้อ เรื่องนี้น่ะหรือ… คือให้พวกเรากลับไปอีกครั้ง หวังว่าจะหาอนาคอนดาตัวนั้นเจอ ตอนนี้มันถูกข้าทำร้ายบาดเจ็บ ด้วยพละกำลังของเจ้าในตอนนี้ เสียแรงหน่อย ไม่แน่อาจจัดการมันได้”
หลงหลิงพูดจบ เขาก็ส่ายหน้าทันที “ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเราจะกลับไปอีกไม่ได้ อีกนิดมันก็ฆ่าเราได้แล้ว ยังจะกล้ากลับไปอีกหรือ ตีให้ตายข้าก็ไม่มีทางกลับไปหรอก”
“ทำไมจะไม่ได้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้เจ้ามีพลังชีพมังกรขั้นที่ห้านะ อยากเลื่อนระดับพลังในเวลาสองวัน ต่อให้ในตัวเจ้าจะมีวิญญาณมังกรอีกส่วนเข้ามาประสานก็ทำไม่สำเร็จหรอก”
“เพราะอะไรถึงทำไม่ได้ ข้าไม่เชื่อหรอก” หลงเหยียนเริ่มใช้พลังปราณทั้งหมดที่มี ส่งไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย จากนั้นก็ส่งทั้งหมดไปโจมตีเส้นพลังขั้นที่ห้า แต่เมื่อทดลองกี่ครั้งต่อกี่หนก็ต้องพบกับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลงหลิงยิ้มเจื่อน “หรือเจ้าที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์จะไม่รู้กฎของการเลื่อนระดับพลังเลยหรือ เจ้าทะลุขึ้นมาถึงขั้นที่สี่แล้ว ที่ยังข้ามรอยต่อนี้ไปไม่ได้ เพราะต้องอาศัยพลังนอกมาช่วยให้ความต้องการเจ้าสำเร็จ อนาคอนดานั่นเป็นเหมือนรอยต่อพลังที่เจ้าต้องการ มิเช่นนั้น ทุกคนก็คงฝึกวิชาสำเร็จในเวลาอันสั้นหมดแล้ว”
“ยังมีอีกหนึ่งวิธี เจ้ายังจำพยัคฆ์เขาเดียวที่อนาคอนดาฆ่าตายได้ไหม? เขาที่อยู่บนหน้าผากมันสามารถช่วยให้เจ้าไม่ถูกล้มในตระกูล เขานั่นแกร่งไม่แพ้ยอดฝีมือขั้นที่แปดเชียวล่ะ ถ้าเจ้าได้เขาเดียวนั่น เอามันผสานให้เข้ากับพลังหยางที่มี อาศัยความแข็งแรงของมันมาช่วยในการต่อสู้ ร่างกายเจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้น ต้องได้ผลแน่”
“จริงหรือ? งั้นเพราะอะไรเจ้าถึงไม่บอกข้าตั้งแต่แรกเล่า” หลงเหยียนประกายความดีใจ เอื้อมมือไปกอดหลงหลิง จิตเทพที่อ่อนแอแทบถูกเหวี่ยงออกจากร่าง
นางในตอนนี้ทนแรงกระแทกไม่ได้แม้เพียงนิดเดียว คล้ายพร้อมหลุดออกจากร่างทุกเมื่อ ในเมื่อตัดสินใจแล้ว พวกเขาทั้งสองก็ไม่รอช้า รีบออกเดินทางทันที
จิตเทพที่อ่อนแอส่งจิตออกไปสัมผัสรอบๆ ได้น้อยลง ทว่าครั้งนี้มีหลงเหยียนอยู่ เขาสามารถส่งจิตออกไปตรวจสอบไกลหนึ่งลี้ ภายในรัศมีห้าร้อยเมตร เขารู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังวิญญาณ
ยกเสี่ยวหลิงขึ้นอุ้มอย่างระมัดระวัง ก่อนที่ทั้งคู่จะออกเดินทางอีกครั้ง
หลงเหยียนนึกในใจ ‘ถึงแม้เสี่ยวหลิงจะปากร้ายไปสักหน่อย แต่กลับมีจิตใจเมตตา ข้าขอสาบานว่าจะไม่ปล่อยให้นางเป็นผู้เผชิญอันตรายแทนข้าอีกแล้ว’
เพื่องานประลองยุทธ์ในตระกูล เพื่อสัจจะที่เคยลั่นไว้ว่าจะล้มหลงอวี่ซีให้ได้
“วันนี้ข้าต้องหาพยัคฆ์เขาเดียวให้เจอ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ตัวเอง ทำให้ทุกคนในตระกูลเห็นว่าข้า หลงเหยียน ไม่ได้ไร้ความสามารถ ข้าไม่ใช่คนที่ใครอยากรังแกก็ทำได้ ไม่เพียงแค่นั้น ข้ายังต้องการหยามหน้าหลงจ้านด้วย และที่สำคัญคือการช่วยกอบกู้หน้าให้ท่านพ่อ”
พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้หลงเหยียนเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขามั่นใจว่าตนจะล้มพยัคฆ์เขาเดียวสำเร็จ ไม่นานหลงเหยียนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทะลุเข้ามา
“โฮก!” เสียงดังมาจากทางขวา ห่างจากพวกเขาประมาณสองร้อยเมตร ปีศาจอสูรขนาดใหญ่กำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขา
“เสี่ยวหลิง เจ้านอนพักที่นี่ก่อนเถิด ข้าว่าเจ้าเดรัจฉานนั่นต้องพบกลิ่นอายของเราแล้วแน่”
เขาค่อยๆ วางหลงหลิงลง ก่อนที่หลงเหยียนจะเดินไปตรงหน้า กลิ่นอายที่รุนแรงเข้าใกล้มากขึ้นทุกที วินาทีนั้น พุ่มหญ้าถูกลมพัดแหวกออก พยัคฆ์เขาเดียวที่มีร่างกายสีแดงเดินออกมาตรงหน้าหลงเหยียน
กลิ่นอายที่รุนแรงคล้ายอยากกลืนกินทุกสิ่งเริ่มซัดไปรอบข้าง หลงเหยียนรับรู้ได้ว่าพลังวิญญาณจำนวนเล็กปริมาณมากหนีไปแล้ว
เหมือนพยัคฆ์เขาเดียวตัวนี้ดุร้ายมากกว่าตัวที่เจอก่อนหน้า
หลงหลิงตกใจทันที “หลงเหยียน ระวังตัวด้วย มันเป็นปีศาจระดับห้า การโจมตีดุร้ายมากกว่าตัวที่เจอครั้งก่อน”
หลงเหยียนหันกลับมายิ้ม “นี่เจ้ากำลังเป็นห่วงข้าหรือ? วางใจเถอะ ข้าสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณของเจ้าเดรัจฉานตัวนี้แล้ว นั่นแสดงว่าข้ามีพละกำลังเหนือมันมาก สำหรับเดรัจฉานชั้นต่ำเช่นนี้ ข้ามีโอกาสชนะถมเถ”
ขณะที่พูดหลงเหยียนก็จ้องไปที่พยัคฆ์เขาเดียว ใบหน้าประกายรอยยิ้มที่มั่นใจ
“โฮก!” มันคือความโมโหจากการถูกประเมินค่าต่ำไป พยัคฆ์เขาเดียวส่งเสียงคำรามเป็นการขู่ แล้วร่างใหญ่ก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว
กายสุริยะขั้นสูงสำเร็จแล้ว รวมกับชีพมังกรขั้นที่สี่ มันมากเพียงพอที่จะสู้กับเดรัจฉานระดับนี้
พลังปราณรวบรวมที่มือของหลงเหยียน ขณะที่พยัคฆ์เขาเดียวกระโจมเข้ามา หลงเหยียนก็กระหน่ำชกออกไปแล้ว
“หมัดลงทัณฑ์”
หมัดฟาดลงบนหัวพยัคฆ์เขาเดียว ตูม! มันถอยหลังไปสามเมตร ขณะเดียวกัน พลังสะท้อนกลับมา กระแทกหลงเหยียนไถลไปสองเมตร
“หัวของเจ้าหมอนี่แข็งขนาดนี้เชียว?”
ในด้านความเร็ว หลงเหยียนอยู่ในระดับเดียวกันกับพยัคฆ์เขาเดียว หากเป็นหลงอวี่ซีที่มีพลังระดับขั้นที่หก อาจล้มปีศาจอสูรตัวนี้ได้เป็นแน่
หลงเหยียนจำได้แม่น หลงอวี่ซีบีบคอเป็นการข่มขู่เขา ตอนนั้นตนอ่อนแอมากเกินไป ไม่มีแม้แต่กำลังที่จะตอบโต้
“มาวันนี้ ข้าต้องทำให้เจ้าคุกเข่าร้องขอโอกาสจากข้าให้ได้”
หลงเหยียนโดนความเกลียดแค้นครอบงำ กำลังวิ่งกระโดดด้วยความเร็ว พยัคฆ์เขาเดียวก็พุ่งมาข้างหน้าเช่นกัน เท้าหลังออกแรงส่งด้วยความเร็ว ร่างทะยานเข้าสู่ห้วงอากาศ หลงเหยียนรวบรวมพลังปราณไว้ที่หมัด สุดท้าย หมัดลงทัณฑ์ฟาดลงบนหน้าผากของมัน กระหน่ำชกอย่างต่อเนื่อง โครม… ร่างของพยัคฆ์เขาเดียวร่วงลงพื้น
หลงหลิงที่อยู่ไกลออกไปเซล้มลงพื้น หลงเหยียนตะโกนเรียกเสียงดังด้วยความห่วงใย
“เสี่ยวหลิง เจ้าอย่าเพิ่งหลับ ข้าจะเอาชนะเจ้าเดรัจฉานนี่ให้เจ้าเห็น เจ้าดูไว้นะว่าข้าแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด”
หลงหลิงพยักหน้า มองหลงเหยียน พลางส่งยิ้มเล็กๆ นางพยายามยกนิ้วโป้งออกมาชูให้เขา เมื่อเห็นเช่นนั้น หลงเหยียนก็อดปวดใจไม่ได้
“นางอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” พวกเขาอยู่ร่วมกันเพียงแปดวันเท่านั้น แต่หลงเหยียนพบว่าตนเองกลับอยากอยู่ติดนางตลอดเวลา
พยัคฆ์เขาเดียวกระแทกลงบนพื้น มันพลิกตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้เขาเดียวที่แข็งแกร่งพุ่งเข้ามาแทงหลงเหยียน
หลงเหยียนเร่งความเร็ว มือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งจับเขามันไว้
“โฮก โฮก” ทำให้พยัคฆ์เขาเดียวเกิดความโมโห อยากสะบัดตัวให้หลุดจากหลงเหยียน
พยัคฆ์เขาเดียวลอยหมุนกลางอากาศ ตีลังกาหลายตลบ รังสีที่ดุดันของหลงเหยียนกระจายไปทั่ว พลังปราณระเบิด
“เจ้านึกว่าข้ากลัวเจ้าจริงหรือ ความน่ากลัวของข้าเหนือความคาดหมายของเจ้าด้วยซ้ำ”
“อ๊าก!” หลงเหยียนยืนบนพื้น มือจับเขาเดียวของมัน จากนั้นก็ชูพยัคฆ์เขาเดียวที่มีร่างใหญ่สามเมตรขึ้น
เลือดที่ร้อนระอุพลุ่งพล่านไปทั่วตัว พลังหยางที่มาจากกายทำให้ฝ่ามือแข็งแกร่ง พยัคฆ์เขาเดียวเกิดความกลัวฉายในแววตา
“ตูม!” หลงเหยียนกระแทกมันลงบนพื้นอย่างแรง ฝุ่นลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ
ปล่อยไปแบบนี้น่ะหรือ ไม่หรอก ในเมื่อหลงเหยียนมีโอกาส แล้วมีหรือที่จะปล่อยไป
“ตูมๆๆ!” พื้นดังสนั่นหลายครั้งติดต่อกัน พยัคฆ์เขาเดียวถูกหลงเหยียนกระแทกอย่างรุนแรง สภาพของมันในตอนนี้น่าอนาถยิ่งนัก
“ตูม” ร่างขนาดใหญ่กลิ้งออกไปประมาณสิบกว่าเมตร กระแทกกับก้อนหินขนาดใหญ่
หลงเหยียนเป็นเหมือนพายุหมุนที่ว่องไว พุ่งเข้าไปข้างกายมันอย่างรวดเร็ว เวลานี้ พยัคฆ์เขาเดียวมองหลงเหยียนด้วยสายตาหวาดผวา
แขนและขาของมันอ่อนแรง ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีก
“หารู้ไม่ว่าเดรัจฉานอย่างเจ้าจะรู้จักกลัวเช่นกัน ข้าก็แค่อยากยืมเขาเจ้ามาใช้ก็เท่านั้น”
——————-